การเมืองเสื้อเหลืองเสื้อแดงกับชัยชนะที่เลวร้าย
ชัยชนะที่ได้มาจาการทำสงครามนั้น พวกเขาคงจะคิดว่าเป็นชัยชนะที่สวยงามและน่าภาคภูมิใจแล้วหรือ ชัยชนะที่ได้มาจากการที่ทำร้ายกัน ทำให้ผู้คนบนโลกเดียวกันต้องมาจบชีวิตลงจำนวนมากเพียงแค่ ความต้องการเป็นหนึ่งของใครบางคนเท่านั้น อำนาจที่ได้มานั้นมันคุ้มค่าแล้วหรือกับสิ่งที่ต้องสูญเสียไป ชัยชนะที่โหดร้ายกับความพ่ายแพ้ที่ยับเยิน ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆโดยไม่ต้องสูญเสียหรอก ถ้าดูจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว พวกท่านคิดว่ามันคุ้มค่าหรือไม่ กับการที่ต้องเสียจำนวนคนไปถึง 40 ถึง70 ล้านคน เพียงเพราะต้องการอำนาจ ต้องการความเป็นใหญ่ เพียงเท่านั้น
จากในภาพยนตร์ก็ได้สอดแทรกให้เห็นถึงการสูญเสียของจำนวนคนไปมากมายในการทำสงคราม เหล่าทหารทุกคนไม่มีใครที่อยากจะเอาชีวิตไปทิ้งในสมรภูมิรบนั้นเลยถ้าไม่ใช่เพราะความจำเป็น ไม่ใช่เพราะการถูกบังคับ หรือมีอำนาจอะไรบางอย่างที่ครอบงำเขาอยู่ จะเห็นได้จากตอนหนึ่งที่ว่า ฮิลเลอร์ ได้พาผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง 7 คน เสี่ยงชีวิตเพื่อไปช่วย ไรอัน และที่พวกเขาต้องมาตายมันคุ้มค่าแล้วหรือ กับการที่ต้องแลกชีวิตหลายชีวิตเพียงเพื่อแค่ชีวิตเดียว พวกเขาภูมิใจแล้วหรือกับชัยชนะที่ต้องแลกมาด้วยชีวิตแบบนี้
ในประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อเหลืองเสื้อแดง ก็เป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ให้กับประเทศอยู่ในขณะนี้ เกิดการก่อการร้าย การจลาจล เผาบ้านเผาเมือง วันดีคืนดีก็ทะเลาะกันเอง โต้เถียงกันในสภา ต่างฝ่ายก็ต่างที่จะเอาชนะซึ่งกันและกัน โดยไม่คิดถึงผลเสียที่จะตามมา พวกเขาเคยคิดหรือไม่ว่าการที่พวกเขาชนะนั้น พวกเขาได้อะไรตอบแทนกลับมาบ้าง เมื่อมองย้อนกลับไป มองถึงกับการสูญเสียความเลวร้าย ความโหดร้ายที่เกิดขึ้นว่าคุ้มหรือไม่ และยังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่ต้องมารับผลกรรมของการกระทำที่พวกเขาได้ก่อขึ้น ซึ่งตัวผมก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้พวกเขาทำได้ถึงเพียงนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะอำนาจนำที่แฝงอยู่ครอบงำจิตใจและการกระทำของพวกเขา แล้วพวกเขาคิดว่ามันคุ้มค่ากันแล้วหรือ
ดังนั้นหากประชาชนประเทศไทยเรา ทุกคนยอมรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนหรือฝ่ายไหนก็ตาม เสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง ถ้าทุกคนมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รู้จักความสามัคคี ไม่สร้างปัญหาและก่อความวุ่นวายให้แก่กัน ลบความเป็นอื่น ความเป็นเขา เป็นเราออกไป สร้างความรักและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และช่วยกันขับเคลื่อนและพัฒนาสังคมไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพและมีความภาคภูมิใจในชาติของตัวเราเอง………
สรุป
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่น่าสนใจมากเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว มีเนื้อหาที่สอดแทรกความรู้ ความเสียสละ ความสามัคคี และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไว้ในเนื้อหาของเรื่องอีกด้วย ซึ่งภาพยนตร์เรื่อองนี้ก็จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 การนำเสนอของภาพยนตร์ก็จะเป็นการเล่าเรื่องโดยความทรงจำของ พลเอก เจมส์ ไรอัน ที่รอดจากสมรภูมิสงครามในครั้งนั้น อีกทั้งในภาพยนตร์เรื่องนี้ยังให้แนวคิด ปรัชญาในการใช้ชีวิตและข้อคิดที่สำคัญในหลายๆแง่มุมอีกด้วย
สำหรับผู้ที่ไม่ได้ชมก็จะไม่เข้าใจถึงการสูญเสียและการณ์เสียสละที่เกิดขึ้นกับการทำหน้าที่เพื่อรับใช้ชาติ ถึงแม้ว่าชีวิตจะต้องจบลงก็ตาม เมื่อผมได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ผมก็ตั้งข้อสงสัยไปต่างๆนาๆมากมายที่เกิดขึ้นมาในสมองว่าพวกเขาจะต่อสู้กันทำไม ทำไมไม่ตกลงกันด้วยสันติวิธีละ กับความเสียหายที่เกิดขึ้น ผู้คนที่ต้องเสียชีวิตเป็น 40-70 ล้านคน มันไม่ได้ช่วยทำให้สงครามจบลงเลยเหรอ ผู้ที่เป็นพ่อเป็นแม่จะรู้สึกยังไงที่ต้องมาสูญเสียลูกไปในระหว่างสงคราม และทำไมต้องยอมเสี่ยงชีวิตคนส่วนมากเพื่อช่วยคนๆเดียวด้วย คำถามเหล่านี้เป็นปัญหาที่ค้างคาใจตั้งแต่เริ่มดูภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่แล้วปมปัญหาที่ค้างคาใจก็ค่อยๆคลี่คลายลงทีละข้อเราอาจจะหาคำตอบได้ว่าการที่พวกเขาเหล่านั้นต้องไปออกศึกสงครามก็เพราะหน้าที่ หน้าที่ ที่เขาต้องรับผิดชอบ หน้าที่ ที่เขาต้องกระทำ การเป็นรั้วของชาติต้องยอมที่จะสละชีวิตส่วนตนเพื่อส่วนรวม ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ผมมีความภาคภูมิใจในตัวของ ร้อยเอก จอห์น มิลเลอร์ ที่ยอมสละชีวิตของตนเพื่อให้กับหน้าที่ ที่เขาได้รับมอบหมายมาอย่างสมบูรณ์แบบ
คำพูดของ มิลเลอร์ ที่ทำให้ ไรอัน ต้องจดจำไปตลอดชีวิตแม้กระทั่งตัวของผมก็ด้วยเช่นกัน ก็คือคำพูดที่ มิลเลอร์บอกกับ ไรอัน ก่อนตาย ว่า
“จงใช้ชีวิตให้คุ้มค่า”
คำพูดนี้มันจึงทำให้ผมหันกลับมามองตัวเอง ว่าทุกวันนี้เราใช้ชีวิตในแต่ละวันได้คุ้มค่าหรือยังกับวันเวลาที่ผ่านเลยไป เราได้ทำอะไรให้กับแผ่นดิน ประเทศ ที่เราเหยียบย่ำและอาศัยอยู่นี้หรือเปล่า ฉะนั้น ถ้าเราคิดจำทำอะไรก็ต้องรีบทำเสียก่อน ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำเลย……