สุดปลายฟ้าหาใครฤาได้พบ
เพื่อช่วยลบจบเหงาเศร้าหมดสิ้น
ดูมืดมัวหัวใจไร้ชีวิน
เป็นอาจิณเช้าค่ำพร่ำรำพึง
หลับตาลงคราใดใจยะเยือก
ปริ่มตาเปลือกเปียกชื้นสะอื้นถึง
ไร้คนหวงห่วงหามาคำนึง
ไร้คนใดไหนซึ่งคิดถึงเรา
เพียงเดียวดายกายใจในสำนึก
ความรู้สึกเหว่ว้าพาหงอยเหงา
ความเงียบงันบันดาลผสานเงา
ความซึมเศร้าแทรกซ้อนซ่อนอาการ
เหมือนเป็นดั่งชีวิตมิตรความโศก
อาภัพโชคหมดสิทธิ์พิชิตหวาน
หนึ่งคนมีที่ไหนได้พบพาน
พบแต่ความร้าวรานแทบวางวาย
อยู่เพื่อรอรับสิทธิ์ลิขิตฟ้า
อยู่เพื่อรอเวลากำหนดหมาย
อยู่เพื่อรอปล่อยวางเรือนร่างกาย
อยู่เพื่อรอวันตายลาลับไป
แสนเดียวดายปลายฝันชีวันวาด
สิ้นนี้ชาติเดียวดายจะหายไหม
หากเกิดอีกหลีกเร้นเช่นดั่งใจ
เป็นคนใหม่ได้โชค..พ้นโศกคน.
"กานต์ฑิตา"
๓ สิงหาคม ๒๕๕๕
จะชาตินี้ ชาติไหน ไม่พ้นโศก
แถมวิโยค ทับซ้อน ก่อนสับสน
ด้วยกงกรรม หมุนเวียน เปลี่ยนบัดดล
ให้วกวน สลับ สับรางที
สุดปลายฝัน วันหนึ่ง ซึ่งไร้รัก
เจ็บปวดนัก รักร้าว หนาวจริงนี่
ความว้าเหว่ เหหัก ปักฤดี
ที่เคยมี กลายกลับ เลือนลับลง
แม้ดายเดียว เพียงใด ได้สำนึก
ความรู้สึก ทดท้อ ขออย่าหลง
ให้จิตนิ่ง อิงเอื้อ เมื่อปลดปลง
ให้มั่นคง ราบรื่น ทุกคืนวัน
ขออยู่แบบ มีหวัง ตั้งตรงยิ่ง
อยู่อย่างหญิง ไม่แคร์ แม้โศกศัลย์
ขออยู่อย่าง ร่างนี้ มีผูกพัน
ขออยู่อย่าง ไม่หวั่น วันสิ้นลม