ท่านเทวดา
ท่านก็ว่าเกินไปให้ใจเสีย
ใช่ดูถูกดูทึ้งถึงน้องเมีย
จึงฮึดฮัดปัดเปีย ปึงปังปาน
ถ้ากลอนเทพก็สมท่าราคานี้
เศษดีๆมีใครไหนบอกผ่าน
ปกติต่อกันแต่วันวาน
ใส่กระบุงมาบานข้าวจานเดียว ฯ
ท่านณัชชา
ใจท่านดั่งมหานภาเขียว
สงสารรอยร้อยกิ่วบนนิ้วเรียว
กว่าจะเคี่ยวคำปลูกเป็นผูกพจน์
จะรับฟรีฟรีไปเหมือนใจคับ
หลู่แสงศัพท์สดใสให้สลด
ลองลงไว้ไหนศรีกวีรส
ไหนสิ้นสดหมดสวยไหนรวยคำ ฯ
ท่านสายใย
ยังไม่ไปไหนต่อยังรอขำ
อยากเห็นเศษเลศเลิศเปิดลำนำ
เท่าค่าคำล้ำคมสมคำครู
เศษกลอนรักหักมุกจนจุกอก
กลอนตลกตกสลดกลอนหดหู่
ถึงขาดวิ่นแหว่งมากก็อยากดู
เป็นความรู้คู่รักอักษรณรงค์ ฯ
ท่านดาวระดา
หรือลูกค้าหาทดไปจดต๋ง
แต้มรัมมี่ที่ใช้อยู่ในวง
อย่าลืมตรงเตาไฟหิ้งในครัว
หาไม่เจอเผลอขายเสียดายแย่
กลอนก่อนแก้แท้คมใช่ถมถัว
ใช่แกล้งทับสัพยอกรีบออกตัว
ใครก็กลัวกลอนกร้าวดาวระดา ฯ
ท่านตุลาทิตย์
นั่นแหละติดตามไขว่อยากให้หา
ยิ่งครึ่งครึ่งกลางกลางเขียนค้างคา
ยิ่งมีค่าหาได้อยากใคร่ชม
จะสามคืนมะรืนผันถึงวันพระ
เศษกลอนศิษย์วิดวะอักขระผสม
ก็คงคำนำควรคำนวณคม
เป็นเศษสมลูกช้างจากข้างดอย ฯ
ท่านทีน่า
ไม่มีเกณฑ์เกินกล้ามาท้าถอย
จะกลอนใดไม่ต้องคิดประดิษฐ์คอย
ขอคำร้อยรอยต่อยังพอมี
เอาอย่างนี้ดีไม้จ๊ะเรื่องละอ่อน
จะยกให้ไปก่อนกันกลอนหนี
ถึงไม่หล่อไม่หรูแต่ดูดี
แต่เมาเร่อ เมารี่ขี้เหร่เลย ฯ
ท่านบ้านริมโขง
กลอนเก่าเก่าโก่งโก่ง ก็โยงเฉย
โลละสิบอุดหนุนคนคุ้นเคย
จะปล่อยเลยเร่ไปก็ไม่ควร
ท่านนพ
ใช่จะลบหลู่รีดอดีตหวน
และไม่อาจปาดแก้วลงมากวน
ไม่อาจทวนทื่อท่าใส่อาจารย์
เพียงถ้าที่มีกลอนถูกนอนนิ่ง
ก็เสียสิ่งสวยสีกวีหวาน
อยากหยิบจับนับผนึกจารึกนาน
ถึงเศษกานท์ก็แก้วของแวววับ ฯ
ท่านมิวสิค
บนบุคลิกสิกข์สถิตทิศประดับ
ก็พอรู้หริรินอภิญญ์พยับ
ไหนเหลือชานผ่านกระชับ ให้ใครชิด
ครั้นจะใฝ่นอนฟังภวังค์กล่อม
ในวงอ้อมกอดรั้งก็ยังติด
มองตาหน่อยได้ไหมในใจคิด
ก่อนจะปิดปากแย้มบนแก้มยิ้ม ฯ
ท่านตะวันฉาย
แสนเสียดายสายเกษมเคยเอมอิ่ม
ไม่มีกลอนอ่อนไหวให้ใครชิม
มีแต่ใจริมริมจะขาดรอน
ถ้าเศษใจไม่แหลกแตกไปนัก
กอบกอบให้ได้หลัก ซักกึ่งก้อน
ก็อยากเก็บแนบกำแทนคำกลอน
จะเทียวเติมรักต้อน ให้ใจเต็ม ฯ
พรายม่าน
สันทราย
๐๖.๐๘.๕๔