กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้ by บ้านกลอนไทย klonthaiclub.com
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
30 ตุลาคม 2024, 10:44:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว:
 
  หน้าแรก ภาพตกแต่งเว็บ ค้นหา ติดต่อเรา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 4 5 ... 10
 1 
 เมื่อ: 1 ชั่วโมงที่แล้ว 
เริ่มโดย ไผ่เดียวดาย - กระทู้ล่าสุด โดย masapaer
อาจเพราะเรามิใช่ในรักเขา
จึงเป็นได้เพียงเงาเขาไม่ปลื้ม
แม้เศษรักควักไปไร้คนยืม
รักดูดดื่มมิใช่ในเรื่องเรา

จึงยอมรับชะตาว่าด้วยรัก
เป็นเรื่องหนักหัวใจให้สุดเหงา
อกหักก็รับไว้ใจเเทาเทา
แบกความเศร้าเพราะรักจึงหนักทรวง


มะสะแป
 ลาตายดีกว่าตู

 2 
 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2024, 02:24:PM 
เริ่มโดย อาทิทาส - กระทู้ล่าสุด โดย อาทิทาส
ขอบคุณครับคุณ masapaer 

ตามอ่านผลงานท่านแล้ว ข้าไม่น้อยนะครับ ข้าใหญ่เชียวครับ  ชอบใจๆ อายจัง

 3 
 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 09:20:PM 
เริ่มโดย อาทิทาส - กระทู้ล่าสุด โดย masapaer
 ยิ้มหน้าใส  ข้าน้อยไร้สามารถ รอคนเก่ง ๆ มาหน่อยค่า  เคารพรัก

 4 
 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 09:05:PM 
เริ่มโดย แป้งน้ำ - กระทู้ล่าสุด โดย masapaer
เหงาก็มาต่อกลอนตอนว่างว่าง
กลับมาเริ่มปูทางถากถางใหม่
ยังมีคนคนหนึ่งซึ่งห่วงใย
คิดถึงไหมมะสะแปแค่กลับมา

คิดถึงป๋าเป็นห่วงทุกช่วงเหตุ
บ้านเมืองมีอาเพศเหตุผวา
อยากถามข่าวสบายไหมในทุกครา
แต่ห่างตาว่าไปก็ไกลกัน

แม้นไม่ว่างสักวันละหนึ่งบท
พึงจรดฝากใจไม่เปลี่ยนผัน
เพียงเห็นความเคลื่อนไหวในทุกวัน
รู้ว่าใครใครนั้นสบายดี

ฝากไปแล้วบทกลอนร่อนอากาศ
ด้วยหมายมาดว่าส่งตรงถึงที่
อยากให้รู้คิดถึงยังพึงมี
ณ ที่นี้ที่เก่าเราต่อกลอน

มะสะแป

 ส่งจูบจ้ะ

 5 
 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 07:04:PM 
เริ่มโดย อาทิทาส - กระทู้ล่าสุด โดย อาทิทาส
บทละครเรื่องเอสเธอร์นี้ ยังหาสมบูรณ์ไม่ และยังไม่ได้จับเพลงหน้าพาทย์ประกอบครับ ท่านใดสามารถแนะนำ ยินดีรับฟังคำของท่านครับ ขอบคุณครับ

๏มาจะกล่าวบทไป                        ถึงราชธานีไอศวรรย์
มีนามตามอัตถ์ว่าซูซรร                   โจษจันบันลือชื่อบุรี
ครอบครองผองเมืองใหญ่น้อย           ร้อยยี่สิบเจ็ดกรุงศรี
อะหัศวะโรศธิบดี                          ผ่านราชธานีพรรณราย
กว้างใหญ่ไพศาลประมาณยาก           ยิ่งมากกว่าเมืองทั้งหลาย
จนปัญญาจะหาขวาซ้าย                  ที่ปลายกรุงเกษตรเขตแดน ฯ

๏เมื่อนั้น                                    กรุงกษัตริย์ทรงทรัพย์นับแสน
เห็นว่าศัตรูกลัวแกลน                     ทุกแคว้นมาถวายบรรณาการ
มีใจโสมนัสอัตรา                          ได้ครองนคราไพศาล
เห็นควรที่จักมีงาน                         สำเริงสำราญพิมานชัย
ซึ่งได้ยศศักดิ์หนักหนา                    เสวกาทั่วทั้งเมืองใหญ่
ควรสำเริงสำราญบานใจ                   ในมณเฑียรรัตน์รจนา ฯ

จึงให้เรียกราชเสนี                         เสนามนตรีทุกหน้า
เบี้ยหวัดสมบัตินานา                       แต่ก่อนมาชุบชูตามบูราณ
กาเลเวลานี้สาผล                          ประชาชนชายหญิงสุขศานติ์
จะเลี้ยงอำมาตย์ข้าราชการ                ในพระพลาญปราสาทปรางปรา ฯ

๏บัดนั้น                                     ทั่วพระโรงเคียมคัลหรรษา
ฟังสาสนเจ้าจอมพารา                     วันทาท้าวแล้วจรจรัล ฯ

๏วังเอยวังเวียง                             งามเยี่ยงอย่างช่างรังสรร
ผาเผือกเลือกแล้วทุกอัน                   ตั้งบรรณปราสาทโสภา
เศลาอ่อนอันพรรณตระการ                เป็นกำราลแทนผืนพัตถา
ลายเลื่อมล่อแสงแยงตา                   นักบาเรียนรู้ประดิษฐ์ไว้
พิสูตรส่านก่านกั้นพรรณพิพิธ              หิรัญบาศตรึงติดเสาไศล
ที่โถงโรงรีราไชย                           ไว้โต๊ะม้ามาศสะอาดตา ฯ

  หรือ   ลายม่านนั้นเป็นลายอะไร จะผูกความตามจิตคิดว่าดี
๏ปักเป็นโอลิมโปเขาหลวง                 กลางดวงดารการาศี
รูปกษัตริย์เทพาเทพี                        ตามที่ลดหลั่นเป็นชั้นเชิง
ปักเป็นไฮยะซินแกนิมีด                     ตามรีตเฮเลนเล่นเถลิง
เทพบรรทมเทพบันเทิง                     สำเริงเล่นเลี้ยวเกี้ยวพา
อะพอโลทรงรถปรากฏกาย                 เฉิดฉายมาในเวหา
กับด้วยภคินีลูนาร์                           โคจรเป็นทิวาราตรี
ปักเป็นเฮอร์คิวลิสฤทธิ์ไกร                 ได้เป็นเทพดาในราศี
เดิมเป็นนรชาติทั้งอินทรีย์                  ภายหลังได้มีบำเหน็จนัก
ปักเป็นรูปบาปารีศ                           อะโฟรดีตกัลยามาดัก
สบเหมาะก็เข้าถามทัก                      ว่ารักนางใดในสามรา
ปักเป็นรูปบานาร์ซิสซัส                     สุนทรสันทัดนักหนา
นางพรายไพรพบสบตา                     ก่อเกิดตัณหาราคี
ปักเป็นอุราโนไกอา                         รูปซุสเฮรามเหสี
ปักรูปไททันบรรดามี                        ปักอาระเตมีพรานไพร
รำพันความตามใจใช่ตามอัตถ์              จึงกระจัดกระจายไปได้
จะกล่าวความตามอัตถ์ชัดใจ               จะได้ตรงตามความตำรา ฯ




๏ ปางนั้น                                    สมเด็จนางมิ่งมเหสี
ทรงนามตามอัตถ์ว่าวัศธี                   ไม่มีอัชฌาอาลัย
แก่พระวรราชโองการ                       สามีภูบาลเป็นใหญ่
แข็งขืนฝืนน้ำพระหทัย                     นิ่งไว้ไม่ฟังคำบัญชา ฯ

๏ฝ่ายข้างขันทีนักเทศ                      ระวังเขตข้างในมิได้ว่า
ตามแต่นารีราชา                            ออกมาถึงพระโรงรูจี ฯ

๏เมื่อนั้น                                     สมเด็จกรุงกษัตริย์รัศมี
คำนึงนึกนารถนารี                          นักเทศขันทีออกมาพลัน
ไม่เห็นนางนารถนารี                       ผู้มีศุภลักษณ์เฉิดฉัน
แต่ชาวชายฝ่ายในเกี่ยงกัน                ท้าวเห็นสำคัญก็แจ้งใจ
กริ้วโกรธแก่พระมเหสี                      ดุษณีนิ่งนั่งหม่นไหม้
ดูเสนีมนตรีระอาใจ                         ใครจักอายเก้อเสมอกู
จึงตริตามระบิระเบียบบรรพ์                กระทู้บรรเทาทุกข์ที่อดสู
เรียกสิบมนตรีเกรียวกรู                     มาสู่พระที่นั่งบัลลังก์รัตน์ ฯ

๏มาถึง                                      ท้าวจึงแจ้งความตามอัตถ์
จะมีฎีกาใดชมัดชัด                         บำบัดความอายอาตมา ฯ

๏บัดนั้น                                      ทศมนตรีที่ปรึกษา
ฟังความตามกษัตริย์ตรัสตรา               จินตนาในข้อคดีมี
แล้วบันทูลตามบูรพ์บุราณสอน             ว่าดูกรกรุงกษัตริย์รัศมี
สมควรห้ามปรามนารี                       อันนางวัศธีเป็นอาทิ
ควรตั้งพระกฤษฎีกา                        มีโทษอาญานีติ
กัญญาทั่วทั้งธานีนิ                         จะได้ไม่เริ่มริเรื่องรำคาญ
ผิหยุดดุษณีฉะนี้นั้น                         นารีทุกอันจะห้าวหาญ
เพราะเห็นแลลือทุราจาร                   มเหสีภูบาลเป็นการดี
จะด่าแช่งแข็งขืนฝืนผัว                    ถือตัวว่ามีฤทธิ์สิทธิศรี
จะเดือดร้อนระคายฝ่ายสามี               ทั่วทั้งบูรีซูซรร ฯ

๏เมื่อนั้น                                    กรุงกษัตริย์ผู้ผ่านไอศวรรย์
ฟังทำนูลมนตรีตริอรรถ์                    เห็นตามความนั้นทุกประการ
ตั้งกฤษฎีกาออกประกาศ                  ทุกภาษในไผทไพศาล
ให้หน่อนารีมีสันดาน                       สุนทรอ่อนหวานเชื่อฟัง
แก่ผัวผู้มีคุณมาก                           ร่วมยากร่วมทุกข์ร่วมสุขัง
ผัวมีอำนาจกำลัง                           ยังคุณโทษแก่ภรรยา ฯ

ในสาสน                                    บอกบทอ้างการมิจฉา
อันสมเด็จศรีชายา                         มิได้มีอัชฌาอาลัย
ให้ถอดจากที่ศรีกษัตริย์                    อายัดพัตถุพัตถาให้
ให้เสียพนักงานตนไป                      จำไว้ในตรุใต้ดิน ฯ

ไพร่ฟ้าข้าไทพลเมือง                      รู้เรื่องกรุงกษัตริย์หมดสิ้น
ข่าวเข็ญกัญญานารินทร์                    เสียศิลปฏิบัติภัสดา
ฝ่ายฝูงภรรยานารี                           จงรักภักดีเป็นนักหนา
ยำเยงเกรงผัวเป็นอัตรา                     ตามบทบัญชาภูบาล ฯ

 6 
 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 04:06:PM 
เริ่มโดย kapheetam - กระทู้ล่าสุด โดย kapheetam
เหตุไฉน  ไยลอบมา  ท่าน้ำเล่า
ไร้คนเฝ้า  ข้างเคียง  เสี่ยงเพียงไหน
หากภูวนาถ  ทราบข่าว  บ่าวหลังลาย
ปากซักไซ้  มือไพล่จับ  หัตถ์เทวี



บัดนั้น..ข้าธิดา  หน้าซีด  รีบถอยผละ
เปล่งคุณพระ  ผงะกาย  คล้ายเห็นผี
ให้ตระหนก  ตกใจมอง  จ้องเทวี
เจ็ดนารี  ทันทีเห็น  เผ่นคนละทาง

โลดเตลิด  เปิดเปิง  กระเจิงวิ่ง
เนื้อความจริง  สิ่งใด  ไม่ใคร่ถาม
โกยหน้าตั้ง  ไปตั้งหลัก  ตามหลักการ
อย่าผลีผลาม  หาญกล้า  รอท่าที

จนกระทั่ง  กำนัลใหญ่  เริ่มคลายหวาด
เห็นประหลาด  หากพิจารณา  มารศรี
ไยกนิษฐ์  ดูผิดแผก  แปลกท่าที
จึงทาสี  พี่สาว  ก้าวกลับคืน

ถึงกลั้นใจ  ไม่พรั่น  มือพลันจับ
องค์นงลักษณ์  พักตร์นิ่งด้าน  ไม่ต้านขืน
นางข้ามอง  ร้องเฮ่อ  เก้อเขินยืน
เปลี่ยนหน้ารื่น  คืนคลาย  หายตกใจ

ฝ่ายเจ็ดนาง  หนีห่างกลัว  ใจรัวจ้อง
ให้ขับข้อง  แอบย่องดู  ทนอยู่ไม่ไหว
พากันเดิน  เข้ามา  สีหน้าอาย
แสร้งเฉไฉ  ใจกระดาก  เอ่ยปากพลัน

ที่น้องทิ้ง   วิ่งปร๋อ  ไม่รอพี่
ใช่ไม่มี  ไมตรี  ลี้หลบหัน
หรือหวาดกลัว  เอาตัวรอด  ลอบหนีกัน
แท้จริงนั้น  หวังรายล้อม  คุ้มครองภัย

แล้วตัดบท  กลบเกลื่อน  เอื้อนถามว่า
ไยพี่ยา  ผวาตระหนก  อกใจหาย
ไฉนจึง  ตะลึงหวาด  ขยาดใด
โปรดจงไข  ให้ฟัง  กันสักครา

พี่ใหญ่ฟัง  คำน้อง  อ้อมค้อมเอ่ย
กระไรเลย  ภิเปรยไป  ให้ขายหน้า
เห็นรูปปั้น  สำคัญเป็น  พระธิดา
เขลานักหนา  ตาสองข้าง  นี่ช่างกระไร

หากจ้องนาง  งามนี้  ให้ดีนั้น
เรืองผิวพรรณ  วรรณกระจ่าง  สว่างใส
แต่กระด้าง  ดูกร้านแข็ง  แกร่งเกินไป
ไม่ละไม  ละมุน  ไม่นุ่มคลำ

เปรียบเทวี  ศรีสะอาง  สะคราญโฉม
ยังห่างองค์  นงราม  งามเฉิดฉัน
ทั่วสรรพางค์  อร่ามวาว  ราวพระจันทร์
ดุจสวรรค์  บันดาล  สรรค์สร้างมา

พอสิ้นคำ  กำนัลเผย  เฉลยไข
พุ่มไม้ไกว  ไหวสั่น  ชวนหวั่นผวา
เสียงสวบสาบ  บาทสาว  ก้าวเข้ามา
แปดนางข้า  หน้าซีดพลัน  กอดกันกลม

 7 
 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 04:05:PM 
เริ่มโดย kapheetam - กระทู้ล่าสุด โดย kapheetam
ให้ไปตาม  ควานหา  เสนาใหญ่
รีบเร็วไว  ขืนช้าได้  หวายลงหลัง
บอกเทวี  มีเรื่องมอบ  ให้ลอบทำ
รับคำสั่ง  เร่งพลัน  จรัลมา

เหล่าบังอร  นอนงีบ  รีบผลุนผลัน
พัลวัล  ฟังดำรัส  ตรัสเรียกหา
ตื่นรีบลุก  ฉุกละหุก  ปลุกเพื่อนยา
เร่งกันหา  เสนาไป  ในทันที

จนประสบ  พบอำมาตย์  เอ่ยปากเล่า
บอกรีบเข้า  เฝ้าพักตร์  มเหสี
มีบัญชา  ตรัสเรียกหา  มหามนตรี
อย่ารอรี  จรลี  ในบัดดล

ถึงตำหนัก  อัครชายา  บัญชาตรัส
ให้รีบจัด  ขบวนพลัน  อันเหมาะสม
นำรูปหลอม  ล้อมม่านมิด  ปิดผู้คน
ท่องถนน  ชุมชนแหล่ง  ทุกแห่งไป

ถึงเมืองใด  ให้ยกนง  องค์รูปหล่อ
ขึ้นตั้งวอ  รอสิ้นวัน  กันสงสัย
พลบวางนาง  ทางลงท่า  ชลาลัย
แล้วหลบใน  ไม้พุ่ม  ซุ่มเฝ้าฟัง

หากใครเอ่ย  ภิเปรยเปรียบ  เทียบรูปหล่อ
ไม่ลออ  พอเทียมนาง  งามเฉิดฉัน
แห่งแว่นแคว้น  แดนใด  ให้ท่านพลัน
ออกซุ่มถาม  ความผู้นั้น  ในทันใด

ถึงหลักแหล่ง  แห่งหน  ตำบลอยู่
นางโฉมตรู  ผู้พักตร์เพริศ  งามเฉิดฉาย
เป็นลูกเต้า  เผ่าประยูร  ตระกูลใด
องค์จอมไท้  ใคร่เชิญไป  เข้าในวัง

เป็นสะใภ้  ราชา  โอกกากราช
ให้ทายาท  สืบชาติไท  ไอศวรรย์
พร้อมแจ้งหมาย  กำหนดงาน  ประมาณวัน
จักยกขัน  หมากมาขอ  ลออนาง

ตรัสจบคำ  เจ้านางพลัน  เห็นอำมาตย์
หน้าประหลาด  ปากอ้า  ตาเบิกค้าง
ด้วยสับสน  งุนงงหนัก  ดำรัสความ
หันรีขวาง  พลางสะดุด  ผุดผ่องอนงค์

จึงตระหนก  หกคะมำ  ถลันกราบ
โฉมพิลาส  ผุดผาดเด่น  เช่นนางหงส์
รูปหล่อนาง  ตั้งเยื้องห่าง  ตั่งบรรทม
ท้าวสนม  พระองค์ใด  ไม่คุ้นเคย

องค์ชายา  ทอดตาขัน  ท่านอำมาต์
ลนลานกราบ  มาศถี  ที่นิ่งเฉย
เห็นรูปหล่อ  ลออนัก  ทึกทักเลย
จึงทรงเผย  เฉลยไป  ในทันใด

หลังรับทราบ  อมาตฟัง  ยังขัดข้อง
แท้รูปทอง  หลอมขึ้นมา  พาสงสัย
จึงคลานเข่า  เข้าไปจับ  หัตถ์ทรามวัย
พอรู้ให้  ตกใจ  ไหวผละพลัน

เอ่ยสำเนียง  เสียงสั่น  อัศจรรย์ยิ่ง
ช่างเหมือนจริง  สิ้นสรรพางค์  นางสวรรค์
นารีใด  ไหนจักเปรียบ  จักเทียบทัน
คงหนีหัน  ไม่จังหน้า  ลาหลบไป

ช่างล้ำเลิศ  ประเสริฐล้น  องค์รัชทายาท
แสนเก่งกาจ  มากเหลือ  น่าเลื่อมใส
เหล่าพสก  หมดแคว้น  แดนไผท
ต่างเทิดให้  เป็นมิ่งใน  ดวงใจประชา

แล้วหันมา  ทูลชายา  อย่าพรั่นจิต
เกล้าอุทิศ  ชีวิตตน  ท่องค้นหา
แม้ไม่พบ  ประสบนาง  ตามบัญชา
จักไม่หวนพารา  กุสาวดี

จบคำมั่น  ท่านเสนา  ทูลลากลับ
เร่งรีบจัด  สัมภาระคน  ออกค้นถี
ทรัพย์เสบียง  เตรียมไว้เหลือ  เผื่อนานปี
เสร็จสรรพดี  จรลี  ราตรีกาล



ถึงชุมชน  นิคมคาม  คาราวานพัก
โพล้เพล้จัด  ประดับอนงค์  คนแบกหาม
นั่งแคร่ทอง  มองผาดไป  วิไลงาม
วางแคร่ข้าง  ทางลงท่า  ชลาลัย

แล้วหลบพุ่ม  ไม้บัง  ฟังคำอ้าง
คำวิจารณ์  นางรูปหล่อ ลออใส
หากยินว่า  งามน้อยกว่า  นารีใด 
สูงเพียงไหน  ต่ำเพียงใด  ไม่เลือกวรรณ

ก็จักพลัน  ถลันออก  สอบปากถาม
นามหญิงงาม  ตระการเนตร  ปานเสกสรร
ถิ่นพำนัก  สำนักใด  อยู่ไหนกัน
ประยูรวรรณ  พันธุ์พงศ์ วงศ์วานใด

แต่จนแล้ว  จนเล่า  เพียงเฝ้าซุ่ม
ไม่เคยพุ่ง  ออกมา  พาสงสัย
ฤาพิภพ  หมดนาง  งามอำไพ
ถึงจึงได้  ไม่กรายใกล้  ให้แปลกจริง

ท่องธราดล  เที่ยวค้นอร  ค่อนผืนหล้า
ผ่านนครา  พาราหลาก  มากแม่หญิง
ไม่ปะนาง  งามหยาดฟ้า  มาสู่ดิน
ไม่สูญสิ้น  ความหวัง  ฟันฝ่าไป



จนมาถึง  นครงาม  นามสาคละ
เจ้ามัททะ  กษัตรา  ประชาเลื่อมใส
ไม่เหี้ยมหาญ  ชำนาญทัพ  สักเท่าใด
แต่มีใจ  รักชาติ  มากคุณธรรม

ภูบดี  มีธิดา  สง่าแสน
เฉิดแฉล่ม  แจ่มงาม  ปานเสกสรร
ถึงแปดนาง  สะคราญโฉม  เด่นโนมพรรณ
เลื่องลือลั่น   สนั่นไกล  ไปทั่วแดน

ยิ่งเทวี  ศรีสุดา  ธิดาใหญ่
งามไฉไล  กว่าหญิงใด  ไท้หวงแหน
ผิวผุดผ่อง  ส่องประกาย  เลื่อมพรายแกม
วาววับแสง  ยามค่ำ  ช่างอัศจรรย์

เหลืองอร่าม  วามนวล  ชวนให้พิศ
ห้องมืดมิด  ยังสว่าง  กระจ่างสีสัน
เมื่อนางอยู่  ภายใน  สดใสพลัน
ดุจสวรรค์  บันดาล  งามเหนือใคร

ประภาวดี  ศรีนงราม  นามไพเราะ
ตั้งได้เหมาะ  เสนาะฟัง  คำความหมาย
หญิงผิวงาม  ตระการเด่น  เปล่งประกาย
พักตร์เฉิดฉาย  ชายใดจ้อง  ดั่งต้องมนต์

องค์เทวี  มีทาสี  สตรีค่อม
เป็นต้นห้อง  คล่องวาจา  พาเคลิ้มหลง
ชื่อขุชชา  ข้ารับใช้  ใกล้พระองค์
อีกอนงค์  แปดนาง  ข้างกายา

ทุกสายัณห์  ตะวันหลบ  หมดแสงสี
แปดนารี  มีภาระ  ต้องจัดหา
น้ำอาบสรง  องค์เทวี  ศรีสุดา
ได้เวลา  พากันจร  คอนครุไป

ผ่านเวรยาม  ทวารวัง  พลันเริงร่า
ต่างพูดจา  พาที  สีหน้าใส
บ้างเอ่ยหลอก  หยอกเย้า กระเซ้าไป
บ้างสนใจ  ใคร่รู้  ดูผู้คน

จนใกล้ท่า  ชลาลัย  ไม่ไกลห่าง
มีนงคราญ  งามนวล  ชวนลุ่มหลง
นั่งตะคุ่ม  ข้างพุ่มไม้  คล้ายอนงค์
ริมถนน  บนแคร่ทอง  มองแปลกใจ

นางรับใช้  ผู้ใคร่รู้  หันดูเห็น
ให้ตื่นเต้น  เพ่งจ้อง  ต้องสงสัย
ฤาพระธิดา  ลอบมา  ชลาลัย
ช่างกระไร  ไหนทรงตอบ  บอกสรงวัง

จึงหันขวับ  กลับมา  พี่ยาใหญ่
กล่าวถ้อยไป  ดูซิใคร  ไยหุนหัน
แอบหนีออก  นอกเวียง  เพียงลำพัง
ซ้ำยังนั่ง  ประชันกล้า  ท้าตาชน

ขณะกล่าว  เล่าความ  มือพลางชี้
ยังเทวี  ที่ริมทาง  ข้างถนน
เหล่ากำนัล  หันไปมอง  ตาพองยล
เห็นระหง  นงลักษณ์  คลับคล้ายคลับคลา

สำคัญว่า  ประภาวดี  นารีรัตน์
ไยดื้อนัก  แอบปะคน  ซนนักหนา
ซ้ำเผยพักตร์  ประจักษ์กัน  ทั้งพารา
ไม่ไว้หน้า  พระบิดา  กล้าเกินองค์

จึงเหล่านาง  กำนัล  พลันเยื้องย่าง
ตรงหานาง  งามตา  พาใหลหลง
พอเข้าใกล้  พี่ยาใหญ่  เอ่ยทักองค์
ไหนบอกสรง  ในห้องหับ  กลับเปลี่ยนใจ

 8 
 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 04:00:PM 
เริ่มโดย kapheetam - กระทู้ล่าสุด โดย kapheetam
พอคล้อยหลัง  ช่างทอง  องค์จอมสัตว์
ทรงปลีกผละ  ตำหนักพลัน  เร่งสรรหา
วัสดุ  อุปกรณ์  หลอมทองมา
หล่ออัมพา  พะงางาม  อร่ามยล

คิ้วขนง  วงพักตร์  ประทับจิต
ดั่งเนรมิต  พิศตระการ  งามสวยสม
ราวอัปสร  จรฟ้า  ให้หล้ายล
ทั่วสกล  อนงค์ใด  ไม่แม้นเทียม

ร่างลออ  อรชร  กรอ้อนแอ้น
เฉิดแฉล้ม  ผุดผาด  บาทจดเศียร
ดั่งสตรี  มีวิญญาณ  ยามมองเมียง
หากเปล่งเสียง  สำเนียงได้  ไม่แปลกใจ

หลังสำเร็จ  เสร็จงาน  การหลอมหล่อ
นวลลออ  รูปนาง  งามสดใส
กุสราช  ราชโอรส  ให้สบใจ
นำผ้าผ่อน  ท่อนสไบ  ใส่อนงค์

แล้วยกรูปหล่อนาง  วางรถเข็น
ตั้งงามเด่น  เห็นสง่า  น่าใหลหลง
พานวลน้อง  ไปซ่อนยัง  ห้องบรรทม
รอดูผล  ช่างทอง  หลอมออกมา



หนึ่งเดือนผัน  ช่างทอง  จึงหลอมเสร็จ
หลังขัดเก็บ  เช็ดรอย  ค่อยมาหา
ยกรูปปั้น  ขึ้นตั้งเด่น  เข็นรถมา
ฉีกยิ้มร่า  หน้าบาน  ปานจานเชิง

ไส้รถไป  ไม่วายมอง  ลำพองจิต
ครุ่นดำริ  พิศนาง  พานฮึกเหิม
ฝีมือเรา  ใครเล่ากล้า  ท้าเผชิญ
คงเคอะเขิน  เมินหน้า  ไม่กล้ายล

ถึงตำหนัก  ไม่พักหอบ  บอกทหาร
รีบรายงาน  รูปหล่อนาง  ตามประสงค์
ได้แล้วเสร็จ  สำเร็จงาม  ตามจำนง
ขอเสด็จ  ในกรม  ทรงพิจารณา

นายทวาร  ฟังความ  รายงานเฝ้า
กราบทูลเกล้า  เล่าถวาย  ในเนื้อหา
บอกช่างทอง  หลอมนวลนาง  กาญจนา
ได้แล้วเสร็จ  ขอเสด็จมา  ทอดตาชม



เมื่อนั้น  มหาสัตว์  สดับความ
คำรายงาน  ตามยามไป  ใจสุขสม
พ้นทวาร  เห็นนางทอง  หลอมชอบกล
ไม่งามสม  อารมณ์ฝัน  พลันขัดใจ

คิ้วไม่สม  วงพักตร์  ดูลักลั่น
ซ้ำไรฟัน  ยังเขยิบ  ไม่เฉิดฉาย
กรไม่ช้อย  ถันย้อยยาน  หูกางไป
ดูอย่างไร  ไม่ฝังจิต  ติดตราตรึง

จึงหันพักตร์  ตรัสพลัน  ยังช่างโอ่
อวดคุยโต  โวสามารถ  ปราศใครถึง
เท่าออเจ้า  ตลอดด้าว  ดาวดึงส์
จงลุกขึ้น  อย่าตึงตัง  ฟังคำเรา

ขอท่านจง  ตรงใน  ที่ไสยาสน์
บรรทมอาสน์  ขนาบคู่  อยู่ข้างเสา
ประทับตั้ง  นั่งลออ  รูปหล่อเรา
เข็นแม่เจ้า  เยาวพา  มาบัดดล

ช่างทองฟัง  ถลันไว  เข้าในห้อง
เห็นนางทอง  ยองใย  ให้ฉงน
งามอะคร้าว  ราวกับเสก  ด้วยเวทมนต์
ให้สับสน  ลนลาน  คลานออกมา

หน้าตาซีด  รีบบังคม  ทรงงดผิด
โปรดอย่าติ  เกล้าพิศพักตร์  พระสุนิสา
เนื่องไม่ทราบ  พิลาสท้าว  เยาวพา
อยู่ห้องใน  ที่ไสยา  พากล้ำกราย

มหาสัตว์  สดับความ  พลางแย้มโอษฐ์
ไม่เคืองโกรธ  โทษช่าง  นั่งเหงื่อไหล
บอกสตรี  ที่ท่านพบ  พานตกใจ
คือรูปหล่อ  อรไท  หาใช่คน

เราทดลอง  หลอมหล่อ  ไม่พออวด
หรือประกวด  เทียบชั้น  ยังมิสม
ขอท่านนำ  นางมา  ทอดตาชม
ว่างามสม  อนงค์ท่าน  นั้นอย่างไร

ช่างโอ่ฟัง  ให้เก้กัง  ยืนนั่งลุก
เหงื่อซึมผุด  สุดลำบาก  ยากไฉน
เข้าห้องนาง  ตามลำพัง  พลาดพลั้งไป
คงเหลือไหล่  แต่ไร้หัว  ใจรัวพลัน

จึงไห้หวน  ครวญคร่ำ  ร่ำพิลาป
น้ำตาอาบ  ก้มกราบลง  ทรงผ่อนผัน
เกล้ากลัวพลั้ง  นั่งคุก  อุกฉกรรจ์
ด้วยต้องนาง  งามพลัน  ชีพบรรลัย

องค์ดนัย  ในภูบาล  รำคาญพร่ำ
จึงสั่งพลัน  เร่งรีบนำ  นางโฉมฉาย
สุวรรณน้อง  รูปหลอมถี  ที่ห้องใน
มาเร็วไว  ขืนร่ำไร  ได้ตายจริง

ช่างได้ยิน  สิ้นโศกา  ตาเหลือกแจ้น
พุ่งตัวแล่น  ยังแท่นทรง  องค์โฉมฉิน
ถึงนางทอง  มองพธู  ดูเหมือนจริง
ตัดเกรงกริ่ง  สิ้นพลัน  มือคลำนาง

พอสัมผัส  จับกุม  สะดุ้งโหยง
กรโผอน  นงนาฏ  ไม่วาบหวาม
ผิวเย็นแกร่ง  แข็งดั่งหิน  สิ้นวิญญาณ
หมดกลัวลาน  เบิกบานใจ  ไสรถมา

ถึงเบื้องพักตร์  จัดเรียง  เคียงรถเข็น
หนึ่งสวยเด่น  เห็นอร่าม  งามนักหนา
หนึ่งหมองศรี  ดูไม่มี  ชีวิตชีวา
สิ้นกังขา  มหาสัตว์  จึงตรัสไป



เมื่อนั้น  กุสติณราช  มากความคิด
ทรงตรองตริ  ดำริการ  นางโฉมฉาย
ใช้ต่อรอง  มารดร  ยอมถอดใจ
เลิกเร่งรัด  บังคับใจ  ให้แต่งงาน

จึงสั่งพลัน  ยังทหาร  นำคานแคร่
ยกนางแห่  ผ้าแพรกั้น  กันคนถาม
ส่งตำหนัก  พระชนนี  มีข้อความ
ฝากทหาร  ประทานแด่  พระแม่เมือง

หากธาษตรี  มีนาง  งดงามเท่า
รูปหล่อเจ้า  อรไท  หรือคล้ายเหมือน
เราจักยอม  อ่อนน้อม  พร้อมครองเรือน
ผิบ่เหมือน  เดือนปีลับ  ไม่กลับใจ



เมื่อนั้น…พระมาตุรงค์  ชนนี  เทวีเจ้า
ฟังความเล่า  เนตรวาวคม  ชมโฉมฉาย
จิตประหวั่น  พรั่นคร้าม  สะท้านใจ
โอ้กระไร  ไยรูปปั้น  ช่างเหมือนคน

พักตร์งามตรึง  ซึ้งอุรา  พาจับจิต
ดั่งนฤมิต  ฤทธิ์เทวัญ  บันดาลสม
ปทุมสอง  งอนสล้าง  ฐานกว้างกลม
บั้นพระองค์  พระชงฆ์เพรียว  เรียวบาดใจ

สะโอดสะอง  ระหงเห็น  เด่นสง่า
ใครพบพา  อุราสั่น  ต่างหวั่นไหว
สรรพางค์  สะอางหมด  งามจดใจ
นารีไหน  ใครจักเปรียบ  จักทียบทัน

หรือลูกรัก  ฟูมฟักเลี้ยง  เพียรปกป้อง
ไม่คิดข้อง  ติดกาม  ความสุขสันต์
ไม่คิดมี  ทายาท  สืบชาติพันธุ์
ไม่มุ่งหวัง  บัลลังก์ราชย์  ยากเข้าใจ

จึงสรรค์สร้าง  นางนิมิต  ประดิษฐ์ขึ้น
ช่างสวยซึ้ง  ตรึงตา  กว่าหญิงไหน
หวังให้แม่  แพ้จน  หนทางไป
คิดตัดใจ  ไม่ขุ่นหมอง  ยอมเลิกรา

ไม่มีวัน  นั้นดอก  บอกลูกได้
แม่ไม่พ่าย  หน่ายท้อ  พ่อดอกหนา
จักต้องมี  สตรีเลิศ  ลักขณา
งามสวยกว่า  นารีเจ้า  จงเฝ้ารอ



หลังสดับ  ดำรัสความ  พานแม่เจ้า
ย่างวนก้าว  เร่าร้อนใจ  ในห้องหอ
เดินพลางคิด  พิศรูปปั้น  ช่างลออ
หญิงใดหนอ  จักพอเปรียบ  งามเทียบทัน

เดินหมุนเปลี่ยน  เวียนกลับ  หนักจิตแท้
ล่วงบ่ายแก่  แก้ไม่ตก  ใคร่หมดหวัง
จนย่ำพลบ  อาทิตย์ตก  อกระกำ
จึงทรุดนั่ง  ตั่งบรรทม  พักข่มตา

คราบัดนั้น  ยังมิทัน  หลังทาบฟูก
เจ้านางผุด  ฉุกใจ  ไขปัญหา
ให้ดีใจ  อ่อนไท้ผึง  ถึงทวารา
ตรัสเรียกข้า  บริบาล  นางกำนัล


 9 
 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 03:59:PM 
เริ่มโดย kapheetam - กระทู้ล่าสุด โดย kapheetam
เสร็จจากนาง  กำนัล  สั่งอำมาตย์
ให้ประกาศ  ราชโองการ  ตามถนน
ทุกแยกแพร่ง  ทุกหนแห่ง  แหล่งชุมชน
ขอปวงชน  จงคลายทุกข์  เป็นสุขกัน

บัดนี้องค์  เทวี  มีทายาท
ไว้สืบชาติ  เผ่าไท  มไหศวรรย์
สมมุ่งมาด  ราษฎร์บพิตร  ที่คิดกัน
จงสุขสันต์  บันเทิง  เริงสราญ

เร่งรีบจัด  ประดับแต่ง  แหล่งที่อยู่
ให้น่าดู   หดหู่คลาย  ในทุกสถาน
ร่วมเฉลิม  ฉลองสุข  สนุกสำราญ
ต่อเนื่องกาล  เจ็ดวันมี  จากนี้ไป

เหล่าทวยราษฎร์  ทราบความ  ตามประกาศ
สุขเอิบอาบ  ซาบซ่าน  ทุกข์จางหาย
เปล่งไชโย  โห่ร้อง  ดังก้องไกล
ต่างเบิกบาน  สำราญใจ  ในบัดดล

องค์จอมไท้  ฤทัยโปร่ง  โล่งเป็นสุข
ไม่ต้องผุด  ลุกนั่ง  ช่างสุขสม
หลับสนิท  จิตผ่องใส  ไร้กังวล
ยามบรรทม  กรนลั่น  สนั่นไป



คืนวันผ่าน  กาลเลื่อน  ไม่เคลื่อนกลับ
เกิดแล้วดับ  สลับวน  ไม่สงสัย
เมื่อมีสุข  ต้องมีทุกข์  คลุกเคล้าไป
หมุนอยู่ใน  ใจมนุษย์  ปุถุชน

จวบวันครบ  ทศมาส  ทายาทคลอด
เสียงลั่นลอด  ห้องดัง  ฟังฉงน
เปี่ยมกำลัง  พลังกล้า  น่าพิกล
เด็กมากล้น  พ้นจักเปรียบ  จักเทียบทัน

กุสราช  ราชกุมาร  นามเสนาะ
ฟังไพเราะ  เพราะชื่อ  สื่อสุขสันต์
แต่ขนง  วงพักตร์  ไม่รับกัน
ใบหน้านั้น  จึงไม่งาม  ดั่งนามองค์

หลังเชษฐา  พระพี่ยา  ท่ายืนได้
องค์อ่อนไท้  ได้คลอดบุตร  สุดงามสม
ดั่งเทวัญ  ชั้นฟ้า  มาอีกองค์
ตามประสงค์  องค์เทวะ  มัฆวา

กุมารรอง  น้องขวัญ  ชยัมบดี
เปี่ยมราศี  มีโอภาส  ยากจักหา
ชายใดเปรียบ  เทียบได้  ในพารา
แต่ปัญญา  นั้นกลับสั้น  ช่างกระไร

สองพี่น้อง  ปรองดองรัก  สมัครสมาน
ดูงดงาม  ยามยล  ไม่สงสัย
พี่รักน้อง  น้องรักพี่  มีตอบไป
องค์จอมไท้  ให้วางใจ  ไม่กังวล



จวบองค์ใหญ่  เจริญวัย  ได้สิบหก
ผ่านพิภพ  ตกลงใจ  ใคร่ประสงค์
ให้ปกครอง  ผองหล้า  ธราดล
หวังจักทรง  ปลงภาระ  พักสบาย

จึงรับสั่ง  ยังทหาร  ยืนยามเฝ้า
แจ้งแม่เจ้า  ท้าวอนงค์  องค์โฉมฉาย
ให้มาร่วม  ปรึกษา  หารือไว
เห็นอย่างไร  ในความคิด  ดำริองค์

พอเทวี  สีลวดี  นารีรัตน์
ถึงตำหนัก  ธ ตรัสแจ้ง  แจงประสงค์
บอกสละ  สมบัติให้  บุตรใหญ่ตน
พร้อมสนม  นงราม  ตามต้องการ

แถมนางฟ้อน  ยองใย วัยละอ่อน
ไว้ออดอ้อน  นอนหลับ  คอยขับขาน
แลรับใช้  ในทุกอย่าง  ตามต้องการ
เยี่ยงชายชาญ  สำราญรื่น  ชื่นฤทัย

ฤาลูกรัก  สมัครใคร  ในแผ่นหล้า
เหล่าธิดา  นารี  ธานีไหน
สูงขาวคล้ำ  ดำเหลือ  ชาติเชื้อใด
พี่จะไป  ขอมาให้  ได้เชยชม



องค์เทวี  ศรีสะอาง  นางกษัตริย์
เห็นพ้องสรรพ  ไม่ขัดใด  ให้เหมาะสม
ถึงตำหนัก  ตรัสนางใน  ไปบังคม
แจ้งประสงค์  องค์ขัตติยะ  กับบุตรชาย

มหาสัตว์  สดับความ  ตามดำรัส
ให้อึดอัด  หนักจิต  คิดมากหลาย
ทรงรู้องค์  ไม่ทรงงาม  อย่างน้องชาย
หญิงต่างหมาย  ชายคมสัน  กันทุกคน

เห็นทีเรา  ควรอยู่เหย้า  เฝ้าพ่อแม่
ยามท่านแก่  ยักแย่ยักยัน  ความจำหลง
คอยบำรุง  พยุงใจ  คลายทุกข์ทน
ให้ท่านพ้น  ลำบาก  จากสบาย

ส่งไทวะ  พระบิดา  มารดาแล้ว
หวังใจแผ้ว  ผ่องผุด  ทุกข์สลาย
ควรถือพรต  งดกรรม  นำอบาย
เข้าป่าใหญ่  ไปฝึกใจ  ให้ใฝ่ธรรม

หลังครวญคิด  พินิจจน  ปลงใจแน่
จึงตรัสแก่  ข้าแม่ไป   ในมุ่งหวัง
ขอพี่สาว  เข้าไปแจ้ง  แถลงคำ
สิ่งมุ่งมั่น  ภายใน  ฤทัยมี

บอกมารดา  บุตรหา  ปรารถนาสมบัติ
ขอพิงพัก  พำนักอยู่  ดูสองศรี
ตราบชีวัน  ท่านลับ  ดับชีวี
แล้วจักลี้  พงพีท่อง  ล่องพฤกษ์ไพร

บวชโยคี  เป็นฤาษี  หนีวัฏฏะ
เพียรสละ  ตัดทอน  ถอนหลงใหล
ปลงปลิโพธ  โกรธเคือง  เครื่องทุกข์ใจ
จวบสลาย  ตายพนา  ป่าลำเนา

นางรับใช้  ได้ฟัง  พลันก้มกราบ
แทบสองบาท  ถอยจากไป  ใจอับเฉา
ฟังโอรส  ระทดใจ  ให้ซึมเซา
แจ้งแม่เจ้า  เล่าไข  ในเนื้อความ



บัดนั้น  สีลวดี  นารีรัตน์
ครั้นสดับ  ดำรัสบุตร  สุดสงสาร
ฟังกำนัล  รำพันกล่าว  เศร้าดวงมาน
แต่ไม่พาน  ตามใจ  ในลูกตน

จึงสองวัน  ผันผ่าน  สั่งถามใหม่
หวังจักได้  ยินคำ  ดังประสงค์
นางกำนัล  ยืนยันบอก  ตอบมั่นคง
ไม่ประสงค์  ทรงรับ  สมบัติไท

ถามกลับไป  กลับมา  สามคราครั้ง
หวังจักฟัง  คำตอบรับ  กลับให้ได้
มหาสัตว์  คิดตัดความ  ไม่บานปลาย
จึงอุบาย  อ่อนไท้  ให้อับจน

ทรงรับสั่ง  ยังทหาร  ยืนยามเฝ้า
ไปบอกกล่าว  เล่าความ  ตามประสงค์
แจ้งช่างทอง  ขนทองมา  หาพระองค์
อย่าได้สง  สัยถาม  ความใดใด



หลังสั่งการ  ไม่นานครัน  พลันแลเห็น
สองรถเข็น  เอียงแปล้  แอ้เอี๊ยดไส
ค่อยค่อยคืบ  กระดืบมา  ช้าเหลือใจ
ทองแท่งใหญ่  ไสวเรือง  เหลืองเต็มคัน

ถึงเบื้องพักตร์  พระโอรส  คนรถหยุด
ทิ้งตัวทรุด  ฟุบแข้ง  ไม่แข็งขัน
พะงาบหอบ  หมอบกราบ  ยากกล่าวคำ
ทูลงึมงัม  นำคำก้อน  พร้อมบัญชา

มหาสัตว์  ก้มพักตร์มอง  ช่างทองกล่าว
เนตรยิ้มพราว  วาวละไม  ไม่ถือสา
สี่นายช่าง  นั่งหอบดิน  สิ้นกริยา
ตรัสวาจา  ลำบากแล้ว  พ่อแก้วเอย

แล้วจึงมี  ดำรัส  กับเหล่าช่าง
บอกพวกท่าน  ตั้งใจฟัง  คำเฉลย
เราอยากได้  รูปหล่องาม  นางทรามเชย
ใกล้เขนย  ตั้งห้องนอน  มองบรรทม

ขอพวกท่าน  จงนำทอง  ไปหลอมหล่อ
นวลลออ  นงราม  งามสวยสม
ราวอัปสร  มองไม่เบื่อ  เมื่อได้ยล
ให้ดังสม  ใจเรา  จักเฝ้ารอ

หนึ่งรถเข็น  เต็มทอง  ของพวกท่าน
จงเร่งนำ  ทำตาม  อย่างเราขอ
ส่วนอีกคัน  ดันไปหลัง  ตำหนักพอ
เสร็จพวกพ่อ  กลับพำนัก  ที่พักไป

สี่ช่างทอง  น้อมรับ  ดำรัสสั่ง
หลังได้ฟัง  พลันแยก  แตกสองสาย
หนึ่งเข็ญกลับ  พำนัก  ที่พักไป
หนึ่งมุ่งใน  ทิศทาง  ตามบัญชา

                                       

 10 
 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 03:58:PM 
เริ่มโดย kapheetam - กระทู้ล่าสุด โดย kapheetam
เทพราชัน  ครั้นสดับ  พลันตรัสเอ่ย
โอ้ทรามเชย  กระไรเลย  ภิเปรยหมาง
ขอหนึ่งองค์  พี่ขัดสน  ฤาน้องนาง
ดูเหินห่าง  อย่างไร  ให้พิกล

เอาอย่างนี้  พี่ใจดี  มีสามารถ
แสนเก่งกาจ  มากเดชา  อย่าฉงน
จักประทาน  โอรสให้  เจ้าสององค์
น้องประสงค์  องค์ใดก่อน  วอนบอกมา

หนึ่งวงพักตร์  ดูขัดตา  ปัญญาเลิศ
ใจงามเพริศ  ประเสริฐนัก  ยากจักหา
อานุภาพ  มากล้ำ  เกินพรรณา
ทั่วผืนหล้า  หาใครเทียม  เทียบราชัน

สองงามสม  งามสรรพ  รูปลักษณ์เด่น
ใครได้เห็น  เปรียบเช่น  เทวาสวรรค์
ผิวผุดผาด  ปลาบตา  น่าอัศจรรย์
แต่เชาวน์นั้น  สั้นนัก  อับเหลือทน

ยุพยง  องค์เทวี  ศรีมหิ
ฟังอดิเทพบอก  ตอบประสงค์
บุตรประเสริฐ  เลิศปัญญา  กว่าน่าชม
ให้ราษฎณ์ไท้  ได้สม  ดั่งจินตนา

สุรบดี  ศรีสัค  สดับความ
ตอบนงราม  งามจิต  ขนิษฐา
เป็นตามนั้น  ดั่งคำ  กัลยา
แถมพิณผ้า  หญ้าทิพย์  ติดกายไป

แลสุดา  ล้ำค่า  ปาริฉัตร
โลกสดับ  บ่ปะเห็น  เป็นไฉน
อีกลูกจันทน์  พรรณอร่าม  งามจับใจ
กำนัลให้  อรไท  ไปด้วยกัน

จบดำรัส  มัฆวาน  บันดาลฤทธิ์
ให้กนิษฐ์  หลับสนิท  จิตเคลิ้มฝัน
แล้วอุ้มนาง  พลางเหาะฟ้า  ลงหล้าพลัน
วางงามขำ  ตั่งบรรทม  องค์ราชา

ก่อนคืนหาว  ท้าวสุรินทร์  ผินดวงพักตร์
มองนงลักษณ์  สงัดทุกข์  สุขนักหนา
ลูบนาภี  เทวี  ศรีสุดา
แล้วเหาะฟ้า  ลาลับ  กลับอัมพร



เพลานั้น  ณ สวรรค์  เบื้องชั้นหาว
มรุเจ้า  เผ่าพุทธะ พักตร์หม่นหมอง
พอโกสีย์  ลูบนาภี  ศรีบังอร
ให้รุ่มร้อน  ดวงจิต  จุติพลัน

พุ่งเวหาส  ปลาบแสง  แรงเจิดจ้า
สู่พารา  ธราดล  ลงเขตขัณฑ์
วังนริศ  สถิตย์แนบ  แทรกในครรภ์
องค์จอมขวัญ  กันยา  ชายาไท

บัดนั้นองค์  เทวี  นารีรัตน์
พลันตื่นหลับ  ประจักษ์องค์  ไม่สงสัย
ลุกขึ้นนั่ง  คลำนาภี  ปรีดิ์ปลื้มใจ
ได้ทายาท  สมใจ  ภูวดล

จึงเอนองค์  ลงนอน  พักตร์ผ่องแผ้ว
ทุกข์สิ้นแล้ว  แคล้วไกล  ใจสุขสม
แนบข้างไท้  ใกล้ชิด  นิทรารมณ์
นวลอนงค์  ทรงเหนื่อยหนัก  จึงหลับไป



จวบรุ่งเช้า  ท้าวบพิตร  ผลิกกายตื่น
พรวดทะลึ่ง  ทึ่งมอง  อรหลับใหล
ให้ประหลาด  วาบจิต  พิศทรามวัย
เหตุไฉน  ไยบังอร  นอนร่วมกัน

จึงตรัสเรียก  เพรียกขาน  ปลุกนางตื่น
ลืมตาฟื้น  เถิดน้องยา  แก้วตาฉัน
ตอบวจี  พี่สงสัย  อย่างไรกัน
ไฉนนั่น  กัลยา  มานอนเคียง

โฉมนารี  ศรีสุดา  ตาหลับใหล
สูดหายใจ  คลายอึดอัด  สดับเสียง
จอมกษัตริย์  ตรัสถาม  อยู่ข้างเตียง
ลืมตาเมียง  มองภูธร  ตื่นนอนพลัน

พอนเรนทร์  เห็นชายา  ลืมตาสบ
ให้สะทกสะท้อนใน  ใจผลิกผัน
เหมือนดีใจ  หมองไหม้ทุกข์  คลุกเคล้ากัน
พองามขำ  ลุกนั่งจ้อง  ต้องถอนใจ

ให้ลำบาก  ยากเอ่ย  ภิเปรยถาม
เรื่องติดตาม  พราหมณ์เฒ่า  เฝ้าสงสัย
ต้องตรอมตรม  ระทมยาก  มากเพียงใด
ภูวไนย  ใคร่ฟัง  คำกันยา

จึงเลียบเลียบ  เคียงเคียง  เลี่ยงเลี่ยงถาม
ต่อนงราม  งามจิต  ขนิษฐา
น้องมาถึง  เมื่อใด  นัยนา
ใครพามา  วานบอก  ตอบพี่ที

โฉมนงราม  ฟังความ  ภูบาลตรัส
จึงตอบกลับ  มัฆวา  พามานี่
เจ้าสวรรค์  ชั้นฟ้า  สุขาวดี
ทรงปราณี  อารีมาก  ยากพรรณนา

ท่านพาน้อง  ขึ้นอัมพร  นครหาว
พร่างแพรวพราว  วาววิมาน  งามหนักหนา
ดาวดึงส์  ช่างสวยซึ้ง  ตรึงอุรา
เกินจักหา  ใดเปรียบ  เทียบไกวัล

แล้วบันดาล  ประทานพร  น้องหนึ่งข้อ
ทรงให้ขอ  ต่อสุเรนทร์   เป็นดั่งหวัง
ซ้ำมอบดอก  ปาริฉัตร  บุษบัน
แถมกำนัล  ลูกจันทน์ผ้า  หญ้าแพรกพิณ



โอกากราช  ราชา  หน้าประหลาด
ฟังนงนาฏ  ยากเข้าใจ  ในโฉมฉิน
เห็นนางตาม  พราหมณ์ตกยาก  จากธานินทร์
ลับกายทิ้ง  สิ้นรอย  พลอยทุกข์ใจ

แต่พอกลับ  ตรัสวาจา   น่าเหลือเชื่อ
อัศจรรย์เหลือ  เมื่อฟัง  คำบอกไข
อ้างมหินทร์  ปิ่นเวหา  พาขึ้นไป
ยังสวรรค์  อำไพ  สุขใจจริง

จึงถามพลัน  กัญญา  อย่าอสัตย์
โปรดจงตรัส  ดำรัสเล่า  เจ้าโฉมฉิน
ถึงเรื่องผ่าน  พานพบ  ประสบจริง
ให้พี่สิ้น  สงสัย  คลายสงกา

องค์โฉมศรี  เทวี  นารีรัตน์
ฟังดำรัส  ตรัสย้ำ  อย่ากังขา
น้องเล่าแจ้ง  แถลงตาม  ความเป็นมา
ใช่มุสา  วาจาแสร้ง  แกล้งหลอกไท

ขอภูบาล  ทรงพิจารณ์  กาลก่อนล่วง
น้องเคยลวง  หลอกคำ  ทรงธรรมไหม
ที่เล่าขาน  ก็เล่าตาม  ความเป็นไป
ใช่หลอกไท้  เฉไฉกลบ  หมกมลทิน

นฤบาล  ฟังนาง  ยืนกรานแจ้ง
ยังระแวง  แคลงใจ  ในโฉมฉิน
ถึงดำรัส  ตรัสแน่นหนัก  ถ้อยอรรถจริง
แต่ยังกริ่ง  ยังสงสัย  ไม่วายวาง

จึงงามขำ  นำของขวัญ  กำนัลได้
สหัสนัยน์  ให้ก่อนกลับ  เป็นหลักฐาน
ขึ้นมาเผย  เฉลยแก้  แก่ภูบาล
ธ จึงผ่าน  ข้อสงสัย  ในอนงค์

พอหลุดพ้น  กังวลใจ  ให้สุขสันต์
จึงถามพลัน  ทันที  ที่ประสงค์
ถึงทายาท  สืบราชย์เล่า  เฝ้ากังวล
บรรลุสม  ดังใจ  ไหมงามงอน


เมื่อนั้น  สีลวดี  นารีรัตน์
พลันกระอัก  กระอ่วนใจ  ในอดิศร
ฟังดำรัส  ก้มพักตร์หลบ  ไม่สบมอง
หน้าแดงผ่อง  เรื่อยองใย  ให้ขวยอาย

แล้วค่อยเผย  เอ่ยคำ  งึมงำตรัส
พอจักจับ  ใจความ  นางขยาย
ว่าบรรลุ  จุดประสงค์  สมดั่งใจ
ขอฤาสาย  คลายทุกข์  เป็นสุขเทอญ

พระทรงชัย  ได้ฟัง  พลันลิงโลด
ลืมตัวโดด  โอบทรามวัย  ใจฮึกเหิม
หัวเราะร่า  ตาสุกใส  หาใดเกิน
รีบดำเนิน  เสด็จยัง  ทวารา

พ้นทวาร  ภูบาล  พานรับสั่ง
เหล่ากำนัล  เร่งพลัน  ช่วยกันหา
เครื่องบำรุง  พยุงครรภ์  ภรรยา
พร้อมหยูกยา  สารพัด  จัดมาไว

เผื่อน้องยา  ข้าเป็นลม  ได้ดมแก้
หรือยามแพ้  ท้องครรภ์  ทันแก้ไข
เพื่อชายา  ข้าเป็นสุข  ไม่ทุกข์ใด
คลอดชายชาติ  อาชาไนย  ให้ข้าชม


หน้า: [1] 2 3 4 5 ... 10

Email:   Policy
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!