เรื่องเล่า...ออนไลน์ พ่อกะแม่
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
25 พฤศจิกายน 2024, 07:03:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องเล่า...ออนไลน์ พ่อกะแม่  (อ่าน 6128 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
19 มกราคม 2010, 09:34:PM
อ้อนจันทร์
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 29
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 116



« เมื่อ: 19 มกราคม 2010, 09:34:PM »
ชุมชนชุมชน

รวบรวมมาจากหลายที่
ขออภัยทีที่จำไม่ได้
จากไหนบ้างก็ไม่รู้ ..รู้แต่มาจากโลกออนไลน์
จากฟอร์เวิร์ดฯ เวปไซด์มากมาย อ่านได้ไม่เบื่อเลย

*************************************


พ่อกะแม่



สองสามวันก่อน...แม่ป่วย ผู้หญิงใจแข็งคนนั้น
 
ยืนกรานว่าจะไม่ไปโรงพยาบาลโดยเด็ดขาด

เธอกินยาจีน พักผ่อนอยู่บ้าน เสียงบ่นของแม่...หายไป

กลับมีเสียงของใครอีกคนขึ้นมาแทน...เสียงของพ่อ

พ่อที่ปกติแล้วลูกๆทุกคนลงมติว่า...ดุ และ เงียบขรึม

วันนี้พ่อกลายเป็นผู้ชายขี้บ่นไปซะแล้ว...



พ่อบ่นทั้งวันและทุกวัน

เรื่องที่บ่นก็มีอยู่เรื่องเดียว...บ่นแม่

พ่อบ่นว่า แม่ไม่ยอมไปหาหมอ

แต่...คนขี้บ่นนี่แหละ ที่ไปปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยา

ซื้อหายาอมแก้เจ็บคอ ยาแก้ไข้ที่แม่ใช้ประจำมาวางไว้ให้ข้างเตียง



พ่อ...ที่ปกติชอบออกไปหากับข้าวแปลกๆข้างนอกกินเป็นกิจวัตร

บ่นว่าเบื่อกินข้าวที่บ้าน แต่...พ่อก็สั่งฉันไปซื้อกับข้าวที่ร้านโปรดของแม่มากินที่บ้าน

เพียงเพราะไม่อยากให้แม่อยู่บ้านคนเดียว

แม่แตะกับข้าวได้คำเดียว...เอาใจพ่อ

ทั้งๆที่ฉันก็ว่ากับข้าวอร่อยดี แต่...พ่อกลับว่า

วันนี้เชฟฝีมือตก ทำไม่อร่อย...เลยไม่ถูกปากแม่



แล้ววันนี้...แม่อาการดีขึ้น ลุกขึ้นมาเดินเหินได้นิดหน่อย

บ่น...อยากกินแครกเกอร์กับโกโก้ร้อน

แต่...ของแห้งที่บ้านหมด รวมทั้งแครกเกอร์ยี่ห้อโปรดด้วย
 
พ่อ...ผู้ชายที่แสดงออกตลอดเวลา...ว่าเกลียดการเดินซูเปอร์มาเก็ต

บอกลูกๆว่าน้ำส้มของพ่อหมด ไปซื้อกันเถอะ

พวกเราอมยิ้ม




ผู้ชายปากแข็ง...จะบอกว่าไปซื้อของให้แม่ก็ไม่ได้ ต้องอ้างยังโน้นยังงี้

แต่...แค่ย่างเท้าเข้าห้างสรรพสินค้า

คนจะซื้อน้ำส้มเดินหา...แครกเกอร์ เฮ้อ...

พ่อ...มีโรคประจำตัว...โรคหัวใจ พ่อต้องเดินช้าๆ

เพราะว่าไม่อยากให้หัวใจทำงานหนักเกินไป

แต่ในซุปเปอร์มาเก็ตวันนี้ พ่อเดิน...เข้าช่องโน้น ออกช่องนี้ เพราะแม่กินได้แต่ข้าวต้ม



ข้าวต้มซองชนิดมีกับพร้อมปรุงถูกพ่อกวาดมาทุกชนิด

เครื่องข้าวต้ม...ทั้งผักดอง ผักกระป๋อง

พ่อหยิบทุกขวดทุกกระป๋องมาอ่าน...หายี่ห้อที่แม่ชอบ

ความจริงจะสั่งฉันไปหาซื้อน่าจะง่ายกว่านะ แต่พ่อก็เลือกที่จะทำเอง
 
เพราะพ่อเลือกของเหล่านั้น...ด้วยความรัก




ณ วินาทีนั้น ฉันอิจฉา...อิจฉาผู้หญิงที่นอนป่วยอยู่ที่บ้าน

อิจฉาแม่ตัวเอง เพราะพ่อที่ลูกๆคุ้นเคย คือผู้ชายที่ไม่เคยแคร์ใคร...

กับลูกๆ...เรารู้...พ่อรัก เพราะพ่อแสดงออกกับเราเสมอ

หากกับแม่...พวกเราเพิ่งรู้...พ่อห่วงแม่มากมาย

คงเพราะปกติเราเห็นแต่แม่ที่คอยดูแลพ่อ

โรคประจำตัวพ่อเยอะแยะนี่นา


แม่...ซึ่งเป็นผู้หญิงที่แข็งแรง อึด...ในสายตาพวกเรา

ยามเมื่อได้รับการดูแลจากพ่อ ดูเหมือนจะซึ้งไม่ต่างจากเรา

คนซึ่งร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอดยี่สิบห้าปี

ดูแลกันและกันยามป่วยไข้ คงไม่มีอะไรน่าชื่นใจไปกว่านี้แล้วมั้ง



ฉันหันมามองรอบตัว ...

สักวันข้างหน้า...ยามเมื่อชีวิตได้ผ่านวันเวลา

ทั้งความสุข ความทุกข์ ความโศก

จะมีใครสักคนมั้ย...ที่ยืนข้างๆฉัน ดูแล...ยามที่ฉันป่วยไข้

จะมีใครสักคนมั้ย...ที่จำได้ กับแค่แครกเกอร์ยี่ห้อโปรดของฉัน

จะมีใครสักคนมั้ย...ที่ยอมเดินฝ่าฝูงคนพลุกพล่านที่ตัวเองแสนเกลียด

เพียงเพื่อเครื่องกระป๋อง... ที่อยากจะเลือกสรรแต่สิ่งดีๆเพื่อคนอันเป็นที่รัก

จะมีใครสักคนมั้ย...ที่ส่งยาอมแก้เจ็บคอให้ฉัน

พร้อมกับบอกว่า
‘คราวก่อนเจ็บคอ กินแล้วหาย นี่ยังเหลือ เอาไปกินสิ’

ทั้งๆที่ยาอมหลอดนั้น มันยังไม่ได้แกะ!!! ...........    



***********************************
ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความรู้สึกดีๆ ที่เรียกว่า....
19 มกราคม 2010, 09:51:PM
อ้อนจันทร์
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 29
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 116



« ตอบ #1 เมื่อ: 19 มกราคม 2010, 09:51:PM »
ชุมชนชุมชน

*************ความรักทำให้โลกหมุน**************

คนที่กล้าหาญเท่านั้นที่จะรู้ว่า "ความรัก" คืออะไร

คนกล้าหาญที่พร้อมจะเผชิญกับความผิดหวังความรักไม่ใช่ความสำเร็จในความรัก
จึงไม่ต้องการนิยามหรือเงื่อนไขใดๆ
ความรู้สึกที่อยู่ในใจต่างหากที่จะเป็นสิ่งกำหนดว่าจะต้องผ่านอะไรไปให้ได้เพื่อที่จะได้รัก

ความรักจะเป็นแรงผลัก
ให้สร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับโลก

ความรักจะสอนให้รู้จักความอดทนและเสียสละ

จะสอนให้รู้ซึ้งกับการมีชีวิตอย่างมีค่ายิ่งกว่าบทเรียนใดๆ

ความรักจะบอกว่า
การอยู่เพี่อรักใครสักคนนั้น...

เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่

ที่สามารถทำให้ตัวตนของคนผงาดขึ้น
ทัดเทียมกับทุกคนบนโลกใบนี้

ความรักเป็นเรียวแรงของชีวิตและทำให้โลกหมุน
เป็นตัวสำคัญที่ทำให้ หัวใจเคลื่อนไหว
มีแรงผลักดันปัญหาออกไปได้

ความรักที่แท้จริง...
จะบริสุทธิ์ ไม่คาดหวังไม่ถือสา
ความสุขจะเป็นละอองไอปลิวไปในอากาศ
เหมือนสายลมอ่อนที่มองไม่เห็นแต่ก็เย็นสบาย

รักเถอะ...กล้าที่จะรัก
เพราะรักนั้นจะเต็มคุณค่า...
สำหรับคนพร้อมจะเจอกับทุกๆอย่างเท่านั้น
หากไม่กล้าสูญเสีย...ก็ไม่มีวันได้รู้จักการครอบครอง

เพราะบางที...
ความรักก็อาจไม่ได้เป็นเรื่องของคนสองคน
เมื่อหัวใจคนอื่นบังคับไม่ได้...

ก็ไม่จำเป็นต้องบังคับหัวใจตัวเอง
สักนาทีที่ได้รักใครสักคนอย่างแท้จริงนั้น
ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะบอกเล่าให้กันฟังได

แม้ที่สุดแล้ว...จะไม่ได้อะไรตอบแทน...
แต่อย่างน้อยวันคืนที่เล็กน้อยเหล่านั้น...
ก็จะสร้างความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ตลอดไป

ที่มา : ดอกมะลิ
เจ้าของบทความ : ลูกปัด: Yaimai
ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความรู้สึกดีๆ ที่เรียกว่า....
19 มกราคม 2010, 10:02:PM
อ้อนจันทร์
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 29
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 116



« ตอบ #2 เมื่อ: 19 มกราคม 2010, 10:02:PM »
ชุมชนชุมชน

*** ยิ่ ง ห่ า ง ยิ่ ง ห่ ว ง ใ ย ยิ่ง ไ ก ล ยิ่ง คิ ด ถึ ง ***



 
ค ว า ม คิ ด ถึ ง

เปลี่ยนคนกระด้างคนนึงให้อ่อนไหว


ค ว า ม ห่ า ง ไ ก ล

สอนให้เขียนคำว่า " ห่ ว ง ใ ย " ได้สวยงาม



เมื่อการรอคอยเริ่มต้น...

ความเหงาจะมีเหตุผลให้ทุกคำถาม

เศร้า...แต่สุขทุกโมงยาม

ค ว า ม คิ ด ถึ ง เพิ่มขึ้นตามเข็มนาฬิกา


รูปถ่ายจะมากค่า..

ตัวหนังสือที่ส่งมาที่ฟ้าฝั่งนี้

เสียงตามสายว่าสบายดี

เ พิ่ ม ค ว า ม อ บ อุ่ น ใ ห้ ทุ ก พื้ น ที่ ใ น หั ว ใ จ



ความลึกซึ้ง

เปลี่ยน ค น เ ข้ ม แ ข็ ง คนนึงให้ร้องไห้


หล่นหนึ่งคำสัญญาข้ามฟ้าไกล

" ว่า ยิ่ ง ห่ า ง ยิ่ ง ห่ ว ง ใ ย ยิ่ง ไ ก ล ยิ่ง คิ ด ถึ ง
"


ที่มา:หนังสือยิ่งห่างยิ่งห่วงใย ยิ่งไกลยิ่งคิดถึง
ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความรู้สึกดีๆ ที่เรียกว่า....
20 มกราคม 2010, 06:39:PM
อ้อนจันทร์
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 29
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 116



« ตอบ #3 เมื่อ: 20 มกราคม 2010, 06:39:PM »
ชุมชนชุมชน

ข้างๆของความรัก



 มีเพื่อนต่างเพศอยู่คู่หนึ่ง เป็นเพื่อนที่รักกันมาก ที่โรงเรียน

ฝ่ายชายจะเดินไปส่งฝ่ายหญิงที่บ้านเสมอทุกวัน

เวลาผ่านไป จนทั้งสองอยู่ มหาวิทยาลัย
ฝ่ายหญิงเริ่มไปแอบชอบผู้ชายคนนึง และถามฝ่ายชายว่า

"นี่ เธอว่า เค้าเหมาะกับเราไหม"
"เค้าก้อหล่อดีนะ นิสัยดีด้วย "
"หรอ อืม อยากให้เค้ามาอยู่ข้างๆเราจังเลยเนอะ"

ต่อมาหญิงสาวก็ได้เป็นแฟนกับผู้ชายคนนั้นจิงๆ
วันนึงหญิงสาวบอกกับเพื่อนสนิทของตนว่า

"นี่ เธอไม่ต้องมาส่งเราทุกวันแล้วแหละ ตอนนี้เค้าจะมาส่งเราแล้ว
เราไม่อยากให้เค้าเข้าใจผิด"
"อืม" ฝ่ายชายตอบรับ และไม่ไปส่งหญิงสาวอีก

ต่อมาหญิงสาวทะเลาะกับแฟนของตน จึงมาปรึกษาเพื่อนชายว่า
"เธอ เด๋วนี้เขาไม่ค่อยสนใจเราเลยแหละ เธอว่า เราจะทำอย่างไรดีหล่ะ"
"ก้อ เธอยังรักเค้าอยู่หรือป่าวหล่ะ" ฝ่ายชายตอบ
"รักสิ รักมากด้วย"
"ถ้าอย่างนั้น ก็มอบความรักให้เขาต่อไปสิ ก้อเธอรักเค้านี่น่า"
"อืมม"

หญิงสาวทำตามคำแนะนำของฝ่ายชาย

หลังจากนั้น วันหนึ่ง ระหว่างที่เพื่อนชายหนุ่มเดินกลับบ้าน
เค้าเห็นหญิงสาวนั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง

"เธอ เป็นอะไรหน่ะ ให้เราช่วยไหม"
"เค้าไม่รักเราเลยหล่ะ เขาเปลี่ยนไป เด๋วนี้เขาไม่เคยมาส่งเราที่บ้านเลย"
"แล้วเราจะช่วยอะไรเธอได้บ้างหล่ะ"
"ช่วยอยู่กับเราซักพักได้ไหม"หญิงสาวร้องขอ

ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันโดยไม่พูดอะไรเลย
ในที่สุดหญิงสาวก็เอ่ยขึ้น

"เราควรจะทำอย่างไรดี เธอจะช่วยเราได้ไหม ว่าเราควรจะทำอย่างไรดี"
"เธอยังรักเขาอยู่หรือป่าวหล่ะ"
"รักสิ เรารักเค้ามากเลย"
"ถ้าอย่างนั้นก้อรักเค้าต่อไปสิ"
"แต่เค้าไม่รักเราเลยนี่น่า" หญิงสาวร้องไห้โฮ
"แต่เธอก็รักเขาไม่ใช่หรอ"
และชายหนุ่มก็ส่งหญิงสาวที่บ้านอย่างที่เคยทำมาแต่ก่อน
"ถ้าเมื่อไหร่ที่เธออยากให้เรามาส่งเธอที่บ้าน อย่าลืมเรียกเรานะ"
"อืม" และหญิงสาวก็เดินขึ้นบ้านไป

ต่อมาวันหนึ่งชายหนุ่มได้รับโทรศัพท์จากหญิงสาว

"เราไม่ไหวแล้ว ช่วยมารับเราที"

เสียงของหญิงสาวดูช่างอ่อนล้า และหมดกำลัง
เธอกำลังร้องไห้อย่างฟูมฟายอยู่
ชายหนุ่มไปหาเธอและไปรับเธอมาส่งบ้าน
เธอยังคงถามชายหนุ่มนั้นเมื่อที่เคยถามมา

"เราจะทำอย่างไรต่อไปดี"
"เธอเลิกรักเค้าแล้วหรอ"
"ป่าว เรายังรักเค้ามาก เรายังรักเขาอยู่"
"งั้นก็เหมือนที่เราเคยพูดไว้ รักเขาต่อไป
เพราะมันไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะรักเธอไหม แต่ถ้าเธอยังรักเขา
เธอก็คงทำได้แค่รักเขาให้มากขึ้น ให้เขารู้ว่าเธอรักเขา"

วันที่เธอเรียนจบ เพื่อนชายหนุ่มของเธอมาแสดงความยินดีกับเธอ
เธอแปลกใจมากที่เพื่อนชายหนุ่มของเธอยังเรียนไม่จบ เธอถามเขาว่าทำไม
ชายหนุ่มตอบว่า เขาขี้เกียจไปหน่อย
ทำให้เขาต้องเรียนซ้ำวิชาหนึ่งจึงยังเรียนไม่จบ
หญิงสาวแปลกใจ เพราะตลอดมา ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนขยัน

ต่อมาแฟนหญิงสาวได้แต่งงานกับหญิงสาว
เนื่องด้วยเห็นถึงความรักที่หญิงสาวมีให้มากมาย
หญิงสาวได้ชวนเพื่อนของตนมางานแต่งของเธอ
"เราไม่ว่างจริงๆ
เราติดธุระหน่ะขอโทษนะ"เพื่อนชายตอบเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
หญิงสาวโกรธและเสียใจที่ชายหนุ่มไม่มางานแต่งจึงวางหูใส่
แต่หญิงสาวก็ต้องประหลาดใจเมื่อวันที่เธอแต่งงาน
ชายหนุ่มได้มาก่อนที่งานแต่งจะจบ

"ยินดีด้วยนะ เรามาแล้วนะ"

หญิงสาวดีใจมากที่เพื่อนของเธอมา ถึงจะเพียงชั่วเวลาสั้นๆ

ต่อมาหญิงสาวก็มีความสุขกับชีวิตแต่งงานจนไม่ได้ติดต่อกับชายหน ุ่ม
จนวันหนึ่งหญิงสาวได้ทะเลาะกับสามีของตน
หญิงสาวไม่รู้จะไปปรึกษาใคร จึงนึกถึงชายหนุ่มขึ้นมา
แต่แม้ว่าหญิงสาวจะโทรไปเท่าไหร่
ก็ไม่สามารถติดต่อกับชายหนุ่มคนนั้นได้เลย

เขาจึงโทรหาเพื่อนของชายหนุ่มคนนั้น
เพื่อนของชายหนุ่มเล่าว่า ชายหนุ่มเป็นโรคร้าย เขาไม่สามารถไปไหนได้
ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาร่วมหลายเดือน
หญิงสาวตกใจมากถามว่าเป็นอะไร
เพื่อนชายหนุ่มบอกว่า อาการกำเริ่มเพราะวันที่ชายหนุ่มต้องมาผ่าตัด
ชายหนุ่มดันหายตัวไป
และเพื่อนชายยังบอกอีกว่า

"เป็นนิสัยเสียของมันหน่ะ มันชอบหายตัวไปไหนก็ไม่รู้ในช่วงเวลาสำคัญๆ
คราวที่แล้วสอบไล่ ก็หายตัวไปจากห้องสอบ"

หญิงสาวตกใจมาก เลยขอที่อยู่ของโรงพยาบาลที่ชายหนุ่มรักษาตัว

หญิงสาวไปเยี่ยมชายหนุ่มที่โรงพยาบาล เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็ต้องตกใจ
ชายหนุ่มที่เคยดูแข็งแรง กับผอมซูบ ไม่มีแรง
เมื่อชายหนุ่มเห็นเธอก็ดีใจทักทายเธอเป็นการใหญ่

"เป็นอย่างไรมั้ง ไม่เจอกันตั้งนาน"

หญิงสาวนิ่งเงียบซักพักน้ำตาหญิงสาวก็ออกมา

"อ้าวร้องไห้ทำไมหล่ะ เธอหน่ะ ไปทะเลาะกับแฟนมาอีกแล้วหรอ
จะให้เราช่วยอะไรไหม แต่เราก็คงจะแนะนำเหมือนเดิมหน่ะ"

หญิงสาวเข้าไปหาชายหนุ่มแล้วบอกกับชายหนุ่มว่า

"วันที่เธอมารับเราเป็นวันสอบไล่ใช่ไหม"
ชายหนุ่มทำหน้าตกใจและไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้นกลับนิ่งเงียบไป
หญิงสาวจึงพูดต่อ

"และวันที่เธอต้องผ่าตัดใหญ่ เธอกลับมางานแต่งงานของฉันใช่ไหม"
ชายหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว กลับนิ่งเงียบกว่าเดิม
หญิงสาวเข้าไปกอดชายหนุ่มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่น

"ตลอดเวลา เรารักแต่คนอื่น มองแต่คนอื่น
เรากลับไม่รู้เลยว่าเธอรักเรามากแค่ไหน
เรารู้สึกเสียใจจริงๆที่ไม่ได้รักเธอมากกว่านี้"

ชายหนุ่มยิ้มขึ้นแล้วบอกกับหญิงสาวด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า

"เราบอกแล้วไง ถ้าเรารักใครซักคน เราก็ต้องรักเขาให้มากๆ
ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะรักเราหรือไม่หน่ะ
มันสำคัญแค่เพียงว่าเรายังรักเธออยู่หรือเปล่า แค่เราสามารถช่วยเธอได้
นั่นก็เป็นความสุขของเราแล้ว"

หญิงสาวรู้สึกเสียใจมาก นั่งร้องไห้โห่อยู่ที่ตักของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มจึงพูดขึ้นว่า
"ถ้าเราหายเมื่อไหร่ เราจะไปส่งเธอที่บ้านอีกนะ"




ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความรู้สึกดีๆ ที่เรียกว่า....
20 มกราคม 2010, 06:54:PM
อ้อนจันทร์
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 29
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 116



« ตอบ #4 เมื่อ: 20 มกราคม 2010, 06:54:PM »
ชุมชนชุมชน

7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก



คุณครู ให้นักเรียนส่ง list รายการว่า
อะไรที่ทุกคนคิดว่า
คือสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในปัจจุบันนี้
ถึงแม้จะไม่มีคำตอบที่เป็นเอกฉันท์
แต่ก็สามารถสรุปได้ดังนี้


1. ปิรามิดแห่งอียิปต์
2. ทัชมาฮาล
3. แกรนแคนย่อน
4. คลองปานามา
5. ตึกเอ็มไพร์สเตท
6. โบสถ์ (มหาวิหาร)เซ็นต์ปีเตอร์
7. กำแพงเมืองจีน


ขณะที่กำลังรวบรวม vote อยู่
คุณครูก็สังเกตเห็นนักเรียนคนหนึ่ง
ยังตอบไม่เสร็จสักที
คุณครู จึงถามว่ามีปัญหาอะไร หรือเปล่า
กับรายชื่อที่ให้ทำ
เด็กนักเรียนหญิงคนนั้นตอบว่า



เด็กหญิง : "มีนิดหน่อยค่ะ หนูตัดสินใจไม่ถูก
เพราะมีมากมายเหลือเกิน"
คุณครู : " เหรอจ๊ะ งั้นหนูลองบอกพวกเราหน่อยสิ
ว่าหนูรวบรวมอะไรได้บ้างเผื่อพวกเราจะช่วยได้"
เด็กหญิง : " หนูคิดว่า สิ่งมหัศจรรย์ 7 อย่าง ของโลก
คือ.....



1. การมองเห็น
2. การได้ยิน
3. การสัมผัส
4. การรู้รส
5. การรู้สึก
6. การหัวเราะ
7. และ.....รัก"



ทั่วทั้งห้องเงียบสงัด
ขนาดว่าสามารถได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตกสัมผัสพื้น


สิ่งมหัศจรรย์ที่สุด ที่เรามองข้ามไปนั้น
คือสิ่งที่เรียบง่ายและธรรมดามาก
และเพื่อเป็นการเตือนความทรงจำแบบสุภาพ
จึงอาจกล่าวได้ว่า

"สิ่งสำคัญที่สุด ในชีวิตของคนเรานั้น
ไม่สามารถสร้างขึ้นด้วยมือและซื้อได้โดยมนุษย์ "



 

******************
ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความรู้สึกดีๆ ที่เรียกว่า....
27 มกราคม 2010, 12:51:AM
อ้อนจันทร์
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 29
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 116



« ตอบ #5 เมื่อ: 27 มกราคม 2010, 12:51:AM »
ชุมชนชุมชน



หนูสอนให้พ่อรู้ว่า



หนูสอนให้พ่อรู้ว่า... ถ้าหนูก้มเอาหน้าผากแตะพื้น แปลว่าช้อนเมื้อกี้เป็นช้อนสุดท้าย แล้วหนูจะไม่หม่ำอีกเด็ดขาด ไม่ว่าพ่อจะมาไม้ไหนก็ตาม

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า... ตอนนี้พจนานุกรมหนูมี 3 คำ มี้อาว แปลว่า ไม่เอา ... มะ แปลว่า แม่ ... จิ แปลว่า ฉี่

                          (ซึ่งบางครั้งพ่อก็ต้องเดาเอาว่า จะฉี่ หรือ ฉี่ไปแล้ว จงไปตามเช็ดด้วย)

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า... เย็นวันที่พ่อกลับเร็วนั้นมีความหมายกับหนูแค่ไหน

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า... หนูกินไม่เลือกเหมือนพ่อนั่นแหละ

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า... อย่ารัดจุกหนูกลางหัว เพราะเวลาหนูคันหัวหนูจะเกาจนมันหลุด ให้รัดค่อนมาทางหน้าผาก

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า... ถ้าหนูมาเกาะขาแล้วชี้ไปที่ไหน แปลว่า สิ่งนั้นมันทำให้หนูเจ็บหรือไม่ชอบใจ (ซึ่งบางทีหนูก็เกาะขาแม่แล้วชี้มาที่พ่อ)

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า... ถ้าหนูยังไม่หลับ อย่าหวังว่าใครในบ้านจะได้หลับ (อย่างเป็นสุข)

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า... การจัดบ้านให้เป็นระเบียบนั้นเป็นการเสียเวลาและพลังงานโดยเปล่าประโยชน์

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า... เมื่อหนูตื่นมากลางดึก ถ้าพ่อตบก้นหนูเบาๆ แล้วหนูยังไม่หลับ แปลว่าหนูหิวน้ำ จงเอาขวดน้ำมาใส่ปากหนูซะดีๆ

                           ไม่งั้นพ่อไม่ได้หลับต่อแน่ๆ

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า... ราคาของผ้าอ้อมสำเร็จรูปไม่มีความสัมพันธ์ต่อจำนวนครั้งที่หนูจะตื่นมากลางดึก

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า... อย่าลืมปล่อยหนูเล่นน้ำนานเกิน 10 นาที เพราะหนูจะเป็นหวัด แล้วคนที่เดือดร้อนก็พ่อนั้นแหละ

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า... ถ้าหนูนอนไม่หลับให้เอามือหนูมาแปะไว้ที่หน้าพ่อแล้วหนูจะหลับได้ง่ายขึ้น (แต่ตอนตื่นมักจะกลายเป็นเท้าหนูเวียนมาอยู่บนหน้า

                           พ่อแทนอยู่ร่ำไป)

หนูสอนให้พ่อรู้ว่า... แล้ววันหนึ่งที่ ความรักของพ่อ ถูกมองว่าน้อยกว่าความรักผู้ชายอีกคนหนึ่ง

                           คำพร่ำเตือนสอนสั่งของพ่อ เสียงดังน้อยกว่าคำออดอ้อนของผู้ชายคนนั้น

                           ความห่วงใยของพ่อ... มีค่าน้อยกว่าที่จะปฏิเสธคำขอผู้ชายคนนั้น

                          อ้อมกอดของพ่อ... ดูเหมือนจะอบอุ่นน้อยไปกว่าอ้อมกอดของผู้ชายคนนั้น

                          พ่อหวังแค่เพียงว่า... ผู้ชายคนนั้นจะรักและทนุถนอมหนูได้เพียงครึ่งที่พ่อรักหนู

                          ณ. วันนี้หนูรู้ว่า... ความรักที่พ่อมีให้ยิ่งใหญ่มากมายเพียงใด...


บันทึกการเข้า

ความรู้สึกดีๆ ที่เรียกว่า....
27 มกราคม 2010, 01:03:AM
อ้อนจันทร์
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 29
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 116



« ตอบ #6 เมื่อ: 27 มกราคม 2010, 01:03:AM »
ชุมชนชุมชน

 

คุณกอดแม่น่ะ เมื่อไหร่?



ถ้าให้จัดเรียงความสำคัญของ ’ผู้หญิง’

ในชีวิตเรามาสามอันดับแรก น่าเป็นดังนี้

อันดับที่หนึ่ง คือ “แม่”

อันดับที่สอง คือ “แม่”

อันดับที่สาม คือ “แม่”

ใช่ครับ ผมกำลังจะพูดถึง “แม่”

สิ่งที่เราทุกคนรู้กันดีอยู่แล้ว แต่ว่าอาจมีบ้างบางครั้งที่เราหลงลืมไป

จนขาดความใส่ใจกับบุคคลใกล้ตัวท่านนี้



จำได้มั๊ยครับ ครั้งสุดท้ายที่คุณกอดแม่น่ะเมื่อไหร่?

อย่าบอกนะว่าคุณอายุมากเกินไปแล้ว...เป็นไปไม่ได้

ไม่มีใครแก่เกินกว่าจะกอดแม่หรอก

ผมอยากอวดแม่ของผมครับ

แม่ผมเป็นคนบ้านนอก เชยๆ ผมชอบนั่งแอบมองแม่เวลาแกเผลอ

หล่อนอยากทำอะไร ผมก็ปล่อยให้แกทำ

ล่าสุดนี่เธอเหยาะน้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปในน้ำสุดท้ายของการอาบน้ำให้หมาด้วย

ด้วยเหตุผลของคนซื่อ คือเธอบอกว่า ทำตั้งหลายครั้งแล้ว

ก็ไม่เห็นหมามันบ่นอะไร


แม่ผมเรียนมาน้อย

เรียกว่าไม่ได้เรียนเลยก็เกือบจะว่าได้ เธอศึกษาทุกอย่างด้วยการจำ

เห็นเขาพูดเขาทำอะไรในโฆษณาก็พยายามเอามาใช้กับลูกชาย

ครั้งนึงผมน้ำเข้าหู เธออวดภูมิด้วยการบอกให้ผมใช้ไม้สำลีเช็ดหูของ

จอห์นสันไมโครบัส


ผู้หญิงคนเดียวกันนี้เองที่ลากครกกับสากกะเบือออกไปตำน้ำพริกมะม่วงนอกบ้าน

เพราะเห็นลูกชายกำลังนอนหลับอยู่ในบ้าน

ไม่ใช้ตำแค่นอกบ้านนะ แต่เธอออกไปตำนอกรั้วบ้านเลยทีเดียว



ผมกับแม่ ทุกวันนี้เราอาศัยอยู่ด้วยกันที่ต่างจังหวัด

ทุกครั้งที่ผมขับรถเข้ามาคุยงานในกรุงเทพฯ

เธอยังคงทำกับข้าวใส่กล่องมาให้ผมกินอยู่เสมอ

และเธอไม่เคยลืมที่จะเด็ดดอกจำปีหน้าบ้าน

มาใส่ในกล่องข้าวด้วยทุกครั้ง

ผมตื้นตัน แต่! แม่ครับ

ผมอยากจะบอกแม่ว่า...
ดอกจำปีมันไม่อร่อยเลยครับ

เมื่อไม่นานมานี้ครอบครัวของเราได้มีวาสนาไปออกรายการโทรทัศน์

รายการ “ เจาะใจ ”

ผมบอกแม่ว่า “นี่เธอ ชั้นจะพาเธอไปออกโทรทัศน์นะ

ดีใจมั๊ย”

แม่อิดออด แบ่งรับแบ่งสู้ “ไม่เอาดีกว่ามั๊งลูก

เดี๋ยวเขาถามอะไรแล้วแม่ตอบไม่ได้”

“แม่ครับ รายการเขาไม่ได้มีสิบหกคำถาม สามตัวช่วย

ถามใครก็ได้ ตอบได้สองครั้ง หรือว่าเปลี่ยนคำถาม ถึงแม่จะตอบผิด

เกมส์เขาก็ไม่ได้จบลงทันทีซะเมื่อไหร่ นะแม่นะ ไปด้วยกันเถอะนะ”

“ไม่เอาหรอก แม่ไม่ไปดีกว่า”

“เอาน่าแม่ ไปด้วยกันเถอะ”

“ไว้ถึงวันนัดก่อนแล้วกัน แม่จะให้คำตอบ”

แล้วคำตอบของแม่ก็คือ การตื่นไปทำผมตั้งแต่มืด

ร้อยวันพันปีเธอเคยเข้าร้านเสริมสวยกับเขาซะที่ไหน

แต่ผมก็รู้ดีว่าเธอไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง...เธอทำเพื่อชายไทยทั้งประเทศต่างหาก!!!!!!!!!!

เรื่องราวแม่มีมากมายไม่รู้จบ

เป็นนิทานให้เรานั่งมองได้ไม่รู้เบื่อ ถ้าเราจะหาเวลาว่างๆ

นั่งลอบมองดูเธอคนนั้นบ้างเท่านั้นเอง

ผมเชื่อว่า แม่ของพวกเราทุกคนมีมุมน่ารัก

ให้เราได้อมยิ้มอยู่เสมอ


เป็นเรื่องน่าแปลก

ที่เรามักจะรู้กันอยู่ในใจว่าเรารักผู้หญิงคนนี้

แต่ทว่าเรากลับนั่งกินข้าวกับเธอน้อยกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ

ซะอีก

เราถูกสอนมาให้รักแม่

แต่เรากลับซื้อของขวัญให้คนอื่นบ่อยกว่าซื้อให้แม่ของเราซะอีก

เดี๋ยวนี้ผมอายุมากขึ้น แม่ก็อายุมากกว่าเราอีกเท่าตัว

ผมยังคงนั่งแอบมองแม่อยู่ แม่ผมแก่ลงไปมาก

หล่อนจะมีเวลามาโพสต์ท่าให้เรานั่งแอบมองได้อีกสักกี่ปี

บนโลกกลมๆใบนี้



ผมมัวแต่วิ่งวนเร็วจี๋จนแทบจะชนหลังตัวเองอยู่ร่อมร่อ

ตลอดเวลาเราไขว่คว้าหาอะไรอยู่ก็ไม่รู้จนเกือบลืมผู้หญิงคนนี้

กว่าจะนึกขึ้นมาได้ เวลาก็ผ่านไปมากมาย

ถ้าบทความนี้ สะกิดให้ใครนึกถึงแม่ขึ้นมาได้มั่งล่ะก้อ

ขอร้องล่ะ อย่าทำได้แค่นั่งมองแม่

เพราะเกรงว่าเพียงแค่นั้นจะไม่ทันการณ์

เวลาไม่ได้มีเหลือเฟือ...เวลาไม่ได้มีอยู่จริง

สิ่งที่เรามี มันเป็นแค่นาฬิกา มันเป็นแค่ปฏิทิน

เวลาที่แท้จริงมันเป็นของวัฏจักรเขา


เพราะฉะนั้น เรามาเตรียมคำตอบกันเอาไว้ดีกว่า

เผื่อมีใครถามเราว่า ครั้งสุดท้ายที่กอดแม่น่ะ มันเมื่อไหร่

เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลามานั่งเอียงคอนึกกันอีกว่า


ครั้งสุดท้ายที่คุณกอดแม่น่ะเมื่อไหร่?


บันทึกการเข้า

ความรู้สึกดีๆ ที่เรียกว่า....
27 มกราคม 2010, 01:13:AM
อ้อนจันทร์
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 29
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 116



« ตอบ #7 เมื่อ: 27 มกราคม 2010, 01:13:AM »
ชุมชนชุมชน

     


เมื่อฉันแก่ตัวลง



อยากจะมอบเรื่องนี้ให้กับผู้ที่ไม่ค่อยได้อยู่ใกล้ชิดผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ้าน



เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของลุกผู้ชายคนหนึ่ง
ที่ตระเวนทั้งเรียนทั้งทำงานไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ
แม้เขาจะเติบกล้าเก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ ความรู้เพิ่มมากขึ้น
โลกใบนี้เริ่มเล็กลง แต่พ่อแม่ที่อยู่บ้านเดิม(ในเมืองจีน)ก็เริ่มแก่ตัวลง

ลูกคนนี้ทำงานอยู่ต่างประเทศ
ไม่ค่อยได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ ได้แต่ติดต่อกันทางจดหมาย
โชคดีต่อมามีไอพีการ์ด เลยได้คุยสดกันบ้าง
ทุกครั้งแม่ก็จะคอยเตือนให้ระวังสุขภาพของตัวเอง
ตั้งใจทำงาน ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ไม่ต้องกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ
เพราะจะสิ้นเปลืองเงินทอง... ยิ่งพูดก็ยิ่งซ้ำๆซากๆ
เขารู้ดีว่าแม่เริ่มคิดถึงเขามาก



จนกระทั่งปีนี้
แม่อายุ 75 เขาจึงตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมแม่
โดยตั้งใจว่าจะอยู่สัก 1 เดือน จะไม่ทำอะไรเป็นพิเศษ
แต่ขอเป็นเพื่อนแม่เพียงอย่างเดียว

พอบอกข่าวนี้ให้แม่ทราบ
แม้จะมีเวลาอีกตั้ง 2 เดือนเศษ แม่ก็เริ่มเตรียมตัวในการต้อนรับการกลับมาเยี่ยมบ้านของลูก
แม่ดึงเอาสมุดบันทึกมาจดสิ่งที่ต้องตระเตรียม
แม่เตรียมรายการอาหารที่ลูกชอบ ดึงเอาผ้าห่มที่ลูกเคยชอบห่มมาปะชุนใหม่...
สำหรับคนอายุ 75 เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย



พอกลับถึงบ้าน
ตอนอยู่บนเครื่องบิน เคยตั้งใจว่าจะขอกอดแม่ให้ชื่นใจสักครั้ง
แต่พอมาเห็นแม่ แม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผอมแห้ง
หน้าตาเหี่ยวย่น ช่างไม่เหมือนแม่คนก่อนหน้านี้เลย...



แม่ใช้เวลาทั้งชั่วโมงเตรียมอาหารที่ลูกเคยชอบ
โดยที่หาทราบไม่ว่า เดี๋ยวนี้ลูกไม่ได้ชอบอาหารแบบนั้นแล้ว
และเพราะแม่ตาไม่ค่อยดี รสชาติอาหารจึงแย่มากๆ
บางจานก็เค็มจัด บางจานก็จืดสนิท ผ้าห่มที่แม่อุตส่าห์เตรียมให้
ทั้งหนาทั้งหยาบ ไม่สบายกายเลย แม่หารู้ไม่ว่า
เดี๋ยวนี้ลูกนอนห้องแอร์และใช้ผ้าห่มขนแกะแล้ว
แต่เขาก็ไม่บ่นอะไร เพราะเขาตั้งใจจะกลับมาเป็นเพื่อนแม่จริงๆ

สองสามวันแรก แม่ยุ่งอยู่กับเรื่องจิปาถะ
จนไม่มีเวลาพักผ่อน พอเริ่มได้พัก แม่ก็เริ่มพูดมาก
สอนโน่นสอนนี่ พูดแต่ปรัชญาเก่าๆ ซึ่งปรัชญาเหล่านั้น
10กว่าปีก่อนก็เคยพูดแล้ว พอลูกบอกให้ฟังว่า
ปรัชญาเหล่านั้นไม่ทันสมัยแล้ว แม่ก็เริ่มนิ่งเงียบและเศร้าซึม



“เหตุการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ
ผมพบว่าสุขภาพแม่แย่ลง โดยเฉพาะสายตา อาหารบางจานมีแมลงวันด้วย
บางทีอาหารหกบนเตา แม่ก็เก็บใส่จานตามเดิม
ครั้นผมพยายามชวนแม่ไปกินนอกบ้าน แม่ก็บอกอาหารข้างนอกไม่สะอาด
ของแปลกปลอมเยอะ เมื่อผมบอกแม่ว่าจะหาคนรับใช้มาช่วยแม่สักคน
แม่ก็โวยวายว่า แม่เองยังสามารถทำงานเลี้ยงดูเด็กให้ผู้อื่นได้เลย
ผมเลยพูดไม่ออก พอผมจะออกไปช้อปปิ้ง แม่ก็จะตามไปด้วย
ทำเอาวันนั้นทั้งวัน พวกเราไม่ได้ไปช้อปปิ้งเลย...”



“พอพวกเราเริ่มคุยกันในเรื่องทันสมัย
แม่ก็จะหาว่าพวกเราเพี้ยน ผมก็เริ่มบอกแม่อย่างไม่ค่อยเกรงใจว่า
แม่ นี่มันสมัยใหม่แล้ว แม่ต้องหัดมองโลกในแง่ใหม่ๆบ้าง...
ช่วงครึ่งเดือนหลังที่อยู่กับแม่ ผมเริ่มขัดแม่มากขึ้นเรื่อยๆ
และรู้สึกรำคาญเพิ่มมากขึ้น แต่เราไม่เคยทะเลาะกันนะ
พอผมขัดแม่ แม่ก็หยุดกึกลง ไม่พูดไม่จา
ในตามีแววเหม่อลอย – โลกซึมเศร้าแบบคนแก่ของแม่ชักหนักขึ้นเรื่อยๆ”



“ได้เวลาที่ผมจะต้องเดินทางกลับ
แม่ดึงกล่องกระดาษกล่องหนึ่งออกมา ในนั้นเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ที่แม่ตัดเก็บไว้ในช่วงที่ผมไปอยู่เมืองนอก
แม่เริ่มสนใจข่าวต่างประเทศเมื่อผมเดินทางไปนอก
ทุกครั้งที่มีข่าวตึงเครียดในประเทศนั้นๆ
แม่จะตัดข่าวเก็บไว้ ตั้งใจจะมอบให้ผมตอนที่ผมกลับมา
แม่พูดอยู่เสมอว่า อยู่นอกบ้านนอกเมือง
ต้องระวังตัวให้มากๆ ครั้งหนึ่งมีเรื่องคนญี่ปุ่นต่อต้านและข่มเหงคนจีน
มีการปะทะกันด้วย แม่เป็นห่วงมาก ถามเพื่อนบ้านว่าจะส่งข่าวไปเตือนผมที่ญี่ปุ่นได้อย่างไร
ตอนนั้นผมสอนอยู่ที่ญี่ปุ่น”



แม่ดึงเอาปึกกระดาษข่าวนั้นออกมาอย่างยากลำบาก
วางใส่ในมือผมเหมือนของวิเศษชิ้นหนึ่ง
มันหนักมาก ผมเริ่มรู้สึกลำบากใจ เพราะผมไม่อยากนำกลับไป
มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ผมรู้ว่าแม่เก็บมันด้วยความยากลำบาก
แม่สายตาไม่ค่อยดี ต้องใช้แว่นขยาย อ่านได้วันละ
2 หน้าก็เก่งแล้ว นี่ยังตัดเก็บได้ขนาดนี้
ทันใดนั้นมีข่าวแผ่นหนึ่งปลิวหลุดลงมา
แม่รีบเอื้อมไปหยิบ แต่แทนที่แม่จะเก็บเข้ากองเดิม
แม่กลับพับเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเอง



ผมรู้สึกเอะใจ
เลยถามว่า “แม่ นั่นกระดาษอะไร ขอผมดูหน่อยนะ”
แม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงล้วงออกมาวางบนข่าวปึกนั้น
แล้วหุนหันเข้าครัวไปทำกับข้าวทันที



ผมหยิบแผ่นข่าวนั้นขึ้นมาดู
มันเป็นบทความบทหนึ่ง ชื่อว่า “เมื่อฉันแก่ตัวลง”
ตัดจากหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม
2004 เป็นช่วงที่ผมเริ่มเถียงกับแม่ถี่มากขึ้นทุกที
บทความนั้นคัดมาจากนิตยสารฉบับหนึ่งของเม็กซิโก
ฉบับเดือนพฤศจิกายน ผมอ่านบทความนั้นรวดเดียวจบทันที
....




เมื่อฉันแก่ตัวลง
ไม่ใช่ฉันที่เคยเป็น ขอโปรดเข้าใจฉัน มีความอดทนต่อฉันเพิ่มขึ้นอีกสักนิด



ตอนฉันทำแกงหกใส่เสื้อตัวเอง
ตอนฉันลืมวิธีผูกเชือกรองเท้า ขอให้คิดถึงตอนแรกๆที่ฉันใช้มือสอนเธอทำทุกอย่าง




ตอนฉันเริ่มพร่ำบ่นแต่เรื่องเดิมๆที่เธอรู้สึกเบื่อ
ขอให้อดทนสักนิด อย่าเพิ่งขัดฉัน ตอนเธอยังเล็กๆ
ฉันยังเคยเล่านิทานซ้ำๆซากๆ จนเธอหลับเลย



ตอนฉันต้องการให้เธอช่วยอาบน้ำให้ อย่าตำหนิฉันเลยนะ
ยังจำตอนที่เธอยังเล็กๆ ฉันต้องทั้งออดทั้งปลอบเพื่อให้เธอยอมอาบน้ำได้ไหม




ตอนฉันงงกับวิทยาการใหม่ๆ
อย่าหัวเราะเยาะฉัน จำตอนที่ฉันเฝ้าอดทนตอบคำถาม
“ทำไม ทำไม”ทุกครั้งที่เธอถามได้ไหม



ตอนฉันเหนื่อยล้าจนเดินต่อไม่ไหว
ขอจงยื่นมือที่แข็งแรงของเธอออกมาช่วยพยุงฉัน
เหมือนตอนที่ฉันพยุงเธอให้หัดเดินในตอนที่เธอยังเล็กๆ



หากฉันเผอิญลืมหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่
ให้เวลาฉันคิดสักนิด ที่จริงสำหรับฉันแล้ว
กำลังพูดเรื่องอะไรไม่สำคัญหรอก ขอเพียงมีเธออยู่ฟังฉัน
ฉันก็พอใจแล้ว



ตอนเธอเห็นฉันแก่ตัวลง
ไม่ต้องเสียใจ ขอให้เข้าใจฉัน สนับสนุนฉัน
ให้เหมือนตอนที่ฉันสนับสนุนเธอตอนเธอเพิ่งเรียนรู้ใหม่ๆ




ตอนนั้นฉันนำพาเธอเข้าสู่เส้นทางชีวิต
ตอนนี้ขอให้เธอเป็นเพื่อนฉันเดินไปให้สุดเส้นทาง
ให้ความรักและอดทนต่อฉัน



ฉันจะยิ้มด้วยความขอบใจ
ในรอยยิ้มของฉันมีแต่ความรักอันหาที่สิ้นสุดมิได้ของฉันที่มีให้กับเธอ




ผมอ่านบทความนั้นรวดเดียวจบ
เกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ (ใจแข็งจริง
ไอ้หมอนี่) ตอนนั้น แม่เดินออกมา ผมแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอนแรกแม่คงอยากให้ผมได้อ่านบทความนี้หลังจากผมกลับไปแล้ว
จึงคะยั้นคะยอให้ผมนำข่าวปึกนั้นกลับไป
ตอนผมจัดกระเป๋าเดินทาง ผมต้องสละไม่เอาสูทกลับไป
1 ตัว จึงยัดเก็บปึกข่าวเหล่านั้นเข้าไปได้
รู้สึกแม่จะดีใจมาก เหมือนกับว่าหนังสือพิมพ์เหล่านั้นเป็นยันต์โชคลาภสำหรับผม
และเหมือนกับว่าการที่ผมยอมรับหนังสือพิมพ์เหล่านั้น
ผมได้กลับมาเป็นเด็กดีของแม่อีกครั้งหนึ่ง
แม่ตามมาส่งผมจนถึงรถแท็กซี่เลยที่เดียว



หนังสือพิมพ์ที่ผมนำกลับมาเหล่านั้น
ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์อะไรเลย แต่บทความ
“เมื่อฉันแก่ตัวลง” บทนั้น ผมได้ตัดเก็บไว้ในกรอบ
เอาไว้ข้างตัวฉันตลอดไป



บันทึกการเข้า

ความรู้สึกดีๆ ที่เรียกว่า....
27 มกราคม 2010, 01:24:AM
อ้อนจันทร์
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 29
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 116



« ตอบ #8 เมื่อ: 27 มกราคม 2010, 01:24:AM »
ชุมชนชุมชน

 

   
กาแฟ...ใส่เกลือ




เขาเจอเธอในงานเลี้ยงแห่งนึง
เธอดูโดดเด่นมากและมีคนมากมายรุมล้อมเธอ
ในขณะที่เขาดูเป็นผู้ชายธรรมดาคนนึง
ไม่มีใครใส่ใจเขาเลย

และหลังงานเลี้ยงเลิก
เขาได้มีโอกาสชวนเธอไปทานกาแฟต่อ
เธอประหลาดใจมาก
แต่ท่าทีที่สุภาพของเขา ทำให้เธอตอบตกลง



พวกเขานั่งในร้านกาแฟดีๆแห่งนึง
เขาดูประหม่าจนพูดอะไรไม่ออก
เธอรู้สึกอึดอัดมาก จนคิดในใจว่า
ได้โปรดให้ฉันกลับบ้านเหอะ

แต่ทันใดนั้น.....เขาถามบ๋อยว่า ขอเกลือป่นได้ไหม
อยากเอามาใส่ในกาแฟ
ทุกคนในร้านหันมาจ้องเขาด้วยความประหลาดใจ
เขาอายจนต้องก้มหน้า
แต่ก็ยังเติมเกลือลงในกาแฟ และก็ดื่มมันเสียด้วย



ทำให้เธอต้องถามเขาอย่างอดไม่ได้ว่า ทำไมชอบกาแฟรสชาติแบบนี้
เขาตอบว่า เมื่อเขายังเด็กบ้านเกิดเขาอยู่ริมทะเล
เขาเป็นลูกน้ำเค็มเล่นกับทะเลทุกวัน เคยชินกับรสเค็มของเกลือ
เหมือนกับรสชาติของกาแฟเค็ม
เพราะฉะนั้นเมื่อทุกครั้งที่เขาได้ลิ้มรสกาแฟเค็มๆเขาก็จะคิดถึงวัยเด็ก
คิดถึงบ้านเกิด เขาคิดถึงพ่อแม่ทียังอยู่ที่นั่น



เขาเล่าไปก็น้ำตาไหลอาบแก้ม
เธอรู้สึกสงสารเขาจับใจ
นั่นเป็นความในใจลึกๆของเขา
ผู้ชายคนไหนที่กล้าบอกว่าเขาคิดถึงบ้าน
แสดงว่าเขาต้องรักครอบครัวอย่างมาก
และมีความรับผิดชอบต่อครอบครัว
ดังนั้นเธอก็เริ่มประทับใจในตัวเขา เริ่มชวนเขาคุย
เล่าถึงบ้านเกิดของเธอบ้าง ชีวิตในวัยเด็ก ครอบครัวของเธอ
เธอกับเขาคุยกันถูกคอมากขึ้นเรื่อยๆ


และจากการเริ่มต้นที่ดี ทำให้เขากับเธอคืบหน้าความสัมพันธ์ต่อไป
จนในที่สุด เธอก็ค้นพบว่า เขาคือผู้ชายแบบที่เธอต้องการอย่างแท้จริง
เขาใจกว้าง อ่อนโยน อบอุ่น และดูแลเป็นอย่างดี เขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ
แต่เธอเกือบจะมองข้ามเขาไป!
ต้องขอบคุณกาแฟแก้วนั้น



และชีวิตรักที่สวยงามเช่นนี้ ก็เหมือนดังเรื่องทั่วไป
เมื่อเธอตกลงใจแต่งงานกับเขา และก็มีความสุขมาโดยตลอด....
โดยทุกๆครั้งที่เธอชงกาแฟให้กับเขา
เธอต้องใส่เกลือลงไปในกาแฟให้ทุกครั้งไป
เธอรู้ว่านี่เป็นกาแฟที่เขาชอบมากที่สุด


หลังจากนั้นอีกสี่สิบปีเขาก็จากเธอไป
ทิ้งจดหมายไว้ให้เธอฉบับนึงข้างในมีใจความว่า



ที่รัก อภัยให้ผมด้วย
ที่ต้องโกหกคุณชั่วชีวิต
มีเรื่องเดียวเท่านั้นที่ผมโกหกคุณ เรื่องกาแฟเค็มนั่น
จำวันแรกที่เรามีนัดกันได้ไหม
ผมประหม่ามากในตอนนั้น


จริงๆแล้วผมต้องการน้ำตาล แต่ผมพูดผิดเป็นขอเกลือ
ซึ่งมันยากที่จะกลับคำในตอนนั้น ผมจึงต้องปล่อยมันไป
ซึ่งผมไม่คิดว่า นั่นจะทำให้เราได้เริ่มต้นการพูดคุยกัน
ผมพยายามที่จะสารภาพกับคุณหลายต่อหลายครั้ง
แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะสารภาพออกไป



ทำให้ผมสัญญากับตัวเองว่า จะไม่โกหกอะไรคุณอีกแม้แต่ครั้งเดียว
ตอนนี้ผมจากไปแล้ว ผมไม่ต้องหวาดกลัวอะไรอีก
ดังนั้นจึงเล่าความจริงในจดหมายฉบับนี้
แท้จริงแล้วผมไม่ได้ชอบทานกาแฟรสเค็มเลยแม้แต่น้อย
มันรสชาติค่อนข้างแย่ทีเดียว



แต่ว่าผมทานมันตลอดทั้งชีวิตตั้งแต่ได้รู้จักคุณ
ผมไม่เคยนึกเสียใจในสิ่งที่ทำเพื่อคุณเลย
การได้พบคุณเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดชีวิตของผม
ถ้าผมได้มีโอกาสมีชีวิตอีกครั้ง ผมก็ยังอยากจะได้พบคุณ
และมีคุณเป็นภรรยาผมอีกครั้งเช่นกัน
แม้ว่าผมจะต้องดื่มกาแฟรสเค็มอีกตลอดชีวิตก็ตาม!


น้ำตาของเธอหยดใส่กระดาษจดหมายจนเปียกชุ่ม
และหลังจากนั้น หากมีใครถามเธอ
กาแฟรสเติมเกลือรสชาติเป็นเช่นไร


เธอก็จะตอบเสมอว่า "มันหวาน"



บันทึกการเข้า

ความรู้สึกดีๆ ที่เรียกว่า....
12 กุมภาพันธ์ 2010, 01:53:AM
อ้อนจันทร์
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 29
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 116



« ตอบ #9 เมื่อ: 12 กุมภาพันธ์ 2010, 01:53:AM »
ชุมชนชุมชน

แค่อยากจะเล่า...

วันนี้...ได้รับรู้ถึงความเศร้า


ที่ผ่านตัวอักษร ผ่านดีสเพลย์เนมของใครบางคน


ซึ่งก็ไปตรงกับความรู้สึกของคนอีกคน ในไฮไฟร์


"งมงาย" งมงายใช่ไหม ที่จะรักใครสักคน


งมงาย ใช่ไหม ที่จะเฝ้ารอเค้า ทั้งที่ลึกๆ


ก็รู้ว่า ไม่มีประโยชน์...


ทำไม ทำไม เขารักเราไม่มากพอ ที่จะอยู่กับเรา


คำถาม ที่มีแต่ทำให้เจ็บปวด


วนเวียน ซ้ำซาก ในหัวใจ ที่กำลังร้องไห้


น่าเสียดาย แทนคนพวกนั้น ที่ไม่รู้ว่าได้อะไรไป


อิจฉา เพราะไม่เคยซักครั้ง ที่ได้อะไรอย่างนั้น


ที่สุด ก็หวังเพียงว่า พวกเธอจะผ่านไปได้...


เพราะฉันคงไม่อาจปลอบใจ นอกจาก


ร้องไห้ไปกับพวกเธอ


ร้องไห้ ให้กับความรักของพวกเธอ


ร้องไห้ ให้กับคนที่ไม่เห็นค่าพวกนั้น


สุดท้าย ร้องไห้ ให้กับตัวฉันเอง ที่ว่างเปล่า..




"สุขสันต์วันวาเลนไทน์จ้ะ"







อ้อนจันทร์/จันทร์เจ้าขา   12/02/10
*********************************


น้ำตาไหล ไหล.. ไหลหลั่งริน
กร่อนหิน ไม่กร่อนใจ เธอบ้างหรือ
ฉันซุกซบ หลบหน้า บนฝ่ามือ
นี่นะหรือ รักกัน นิรันดร์ไป

จากไปไหน รักเรา แต่เก่าก่อน
ถึงอ้อนวอน ตอนนี้ ไม่มีให้
มีเพียงฉัน ยื้อยุด ฉุดหัวใจ
เฝ้าวอนไหว้ หวังเก้อ เธอคืนมา

น้ำตาไหล ไหล..ไหลหลั่งริน
คงจะสิ้น ความหมาย หายคุณค่า
หากยังคอย คอยเธอ เสมอมา
แม้ใครเขา จะหาว่า บ้างมงาย....


บันทึกการเข้า

ความรู้สึกดีๆ ที่เรียกว่า....
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s