ก วี เ ดี ย ว ด า ย
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 พฤศจิกายน 2024, 02:40:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: 1 [2] 3
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ก วี เ ดี ย ว ด า ย  (อ่าน 90577 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 10 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
09 กุมภาพันธ์ 2010, 07:52:PM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #20 เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2010, 07:52:PM »
ชุมชนชุมชน

โคราฆะปุระเสมา


ริมฝั่งลำตะคอง
ตระการรุ่งเรือง
โคราฆะปุระกับเมืองเสมา
ทว่ากาลเวลาได้กัดกร่อน
ลักพาความรุ่งเรือง
ตกหล่นแต่เพียง
เศษก้อนของความเสื่อมโทรม
ในแผ่นดินพระมหากษัตริย์
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
แผ่สยายเขตขอบพัทธสีมา
กอบเศษดินเศษหินขึ้นสู่ท้องฟ้า
แล้วเปล่งวาจา
"นครราชสีมา จงกำเนิด "
หลอมเมืองทั้งสองเป็นหนึ่ง
เคลื่อนคน
นับหมื่นพันเท้าที่ก้าวย่ำ
สู่ชัยภูมิแห่งหนปัจจุบัน
ทุ่งหญ้า ต้นไม้ และหุบเขา
ต่างเรียกขานนามว่า
"โคราช "
ขอบจรด
พุทธสถานอันศักดิ์สิทธิ์
ทิวาราตรี
ดวงดาว
จดบันทึกชั่วกาลนาน
บนทางช้างเผือก
ก้อนหินทุกก้อน
ถูกเรียงซ้อนด้วยความศรัทธา
พระเจ้าสุริยวรมันที่หนึ่ง
อาณาจักรขอมโบราณ
ถวายแด่พระพุทธองค์
ปราสาทหินพิมาย


ฟ้าร้องดังคำราม
อสุนีบาตฟาดลงมา
ประหนึ่งบ่งสัญญาณ
บัดนี้
ผู้มีบุญได้ถือกำเนิด
สตรีนางหนึ่ง
ในร่างปุถุชน
โลกยากจะลืมเลือน
หัวใจดวงน้อย
ได้มอบไว้เป็นข้า
แด่แผ่นดิน
ปรารถนาปลดโซ่ตรวน
ดวงใจทุกดวงที่ถูกคุมขัง
ไร้แสงแห่งดวงตะวัน
ไร้เสียงหมู่นกร้องประสาน
ไร้เสียงหยดน้ำค้าง
ยามกระทบผิวดิน
อริรุกราน
กวาดต้อนผู้คน
พวกเจ้าคือเชลย
ครุ่นคิดทุกวันค่ำเช้า
จวบกระทั่งถึงทุ่งสัมฤทธิ์
ที่เมืองพิมาย
มีด ขวาน พร้า ด้ามไม้
ไพร่พลชาวบ้านพรั่งพร้อม
ห่ำหั่นกับกองทัพอันเกรียงไกร
ด้วยหัวใจที่น่ากราบ
แทบฝ่าเท้า
อริพ่ายยับ
กับร่างที่ไร้วิญญาณ
พลีกายถวายแผ่นดิน
นางสาว "บุญเหลือ "
ดุจดั่งบุตรหลานแท้ๆของท่าน
ผู้ร่วมรินหลั่ง
กอบกู้
ทุกผู้ทุกนามจักต้องโจษจัน
สตรีนางนั้นชื่อ" โม "
ภรรยาปลัด
พระยาสุริยเดชวิเศษฤทธิ์ทศทิศวิชัย
ผู้ป้องเมืองหากไปราชการ
เลือดล้างหลั่งรับใช้
ล้นเกล้ารัชกาลที่สาม
ฐานันดรศักดิ์ของท่าน
"ท้าวสุรนารี "


ดวงตะวันกระพริบตาอยู่เบื้องหลัง
เทือกเขาดงพญาเย็น
เช้าแล้ว
ผืนป่าอันกว้างไพร
ไร้ซึ่งขอบฝั่ง
กาลหนึ่งขาน
เทือกเขาดงพญาไฟ
ยากลำบากหนทาง
มากด้วยเดรัจฉาน
หมายเหยื่ออันโอชะ
หลากน้ำฤดู
กรรโชกสรรพสิ่งสาบสูญ
บัดดล
คืออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
คือมรดกแห่งมวลมนุษยชาติ
สิงสาราสัตว์ที่ยากพบ
น้ำตกสูงเสียดแทงท้องฟ้า
หุบเขางดงามสุดพรรณนา
ละอองฝน
เปียกปอน
ละอองความสุขล้นทะลัก
พืชเมืองหนาว
และไวน์องุ่น
หากพลบค่ำย่ำสนธยา
บนเนินเขา
ห้อมล้อมไปด้วยหมู่ดาว
เอื้อมมือสัมผัสอย่างแผ่วเบา
จักจั่นขับเสียง
ลมราตรีสัญจร
กลิ่นรัญจวนมากมวลบุปผา
แววตาอันอ่อนโยนของผืนป่า
น้ำตาปีติหลั่งเถิด !
หากปรารถนานั่งมองท้องฟ้าอย่างเดียวดาย
หมู่ดาวกำลังตก
อธิษฐานซิ !
จักเป็นจริง


แนวทิวเทือกเดียวกัน
เดินข้ามเพียงเนินเขา
คือวังน้ำเขียว
คราหนึ่งคือปักธงชัย
สรวงสวรรค์เพียงเอื้อม
ทะเลหมอกที่ปกหนา
ประหนึ่งนั่งจิบน้ำชา
กับหมู่เทวดาและเหล่าทวยเทพ


ฟังซิ !
เสียงหวูดรถไฟ
ที่บรรทุกความรักมาจนเต็ม
เดินทางมาจากดินแดนอันไร้สรรพนาม
เทียบชานชลา ณ สถานีชายป่า
เขื่อนลำตะคอง
เพื่อชื่นชม
แสงสีทองผ่องอำไพ
ส่องประกายระยิบพรายในยามเช้า
บนระลอกคลื่น
อีกไม่นาน
รถไฟขบวนนี้
คงเดินทางจากไป
บนเส้นทางสายสีรุ้ง
เพื่อส่งมอบความรัก
แด่ผู้ที่กำลังชะเง้อรอ
และมองหา


ศาสนิกชน
สืบทอดเส้นทางแห่งธรรม
เสมาธรรมจักรและวัฏสงสาร
ทุกอณู
ฝั่งรากหยั่งลึก
ก้นบึ้งจิตวิญญาณ
ศรัทธา
หลั่งรินดั่งสายน้ำ
ทั่วทุกสารทิศ
จึงมาบรรจบ
หลวงพ่อโตองค์ใหญ่
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี )
ในอำเภอสีคิ้ว
มาลัยดวงใจ
ร้อยรวมเข้าด้วยกัน
น้อมถวายแด่ท่าน
บนแท่นบูชา
สาธุ !


นับย้อนหลายร้อยล้านปี
กว่าจะถึงวันนี้
ต้นไม้โบราณขนาดยักษ์
นอนขดหลับอยู่ใต้พื้นพิภพ
อย่างเงียบเชียบ
กาลเวลากลับพ่ายแพ้
ในสงครามแห่งการเสื่อมสลาย
ต้นไม้ได้กลับกลาย
แปลงร่างเป็นหินผาผู้กล้าแกร่ง
น่าอัศจรรย์แด่ผู้พบเห็น
พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน
บ้านโกรกเดือนห้า
ตำบลสุรนารี
อำเภอเมือง


แหงนหน้าขยับแขน
แล้วเหินทะยานสู่ท้องฟ้า
ฝูงนกจะเป็นผู้นำพา
ข้ามไปอีกฝั่ง
ครบุรี เสิงสาง หนองบุญมาก
ละลานตากับต้นมันสำปะหลัง
เขียวขจีแรกรุ่น
ดุจดั่งดรุณีผลิบาน
ยามใดเมื่อสายลมพัดผ่าน
ใบระบัดอ่อนๆฟ้อนรำ
ออดอ้อนด้วยสายตา
อย่ามองนาน
แก้มเริ่มแดงระเรื่อ
หญิงสาวแรกแย้ม
ขวยเขิน


เดินตามรอยเท้าของหนอนตัวหนึ่ง
ตลอดทางใบหม่อนถูกกัดกร่อนจนแหว่งวิ่น
สายฝนเวียนวน
สายลมเดินผ่าน
โมงยามขยับตาม
รอยเท้าอันตรธาน
กลับพบพาน
ฝูงผีเสื้อที่บินเหนือทุ่งหญ้า
กับเศษไหมและเส้นใยที่ร่วงหล่น
เราถักทอเศษไหม
เราถักทอเส้นใยที่ร่วงหล่น
เราถักทอจากภูมิปัญญา
เราถักทอด้วยชีวิตปู่ย่า
เราถักทอจวบจนปัจจุบัน
เราถักทอจวบจนอนาคตกาล
เราถักทอจวบจนชีวิตลูกหลาน
เราถักทอจวบจนนิจนิรันดร์
เราถักทอผ้าไหมจากปักธงชัย

๑๐
หลังคามุงจากที่ผุพัง
แสงลอดทอดออกเป็นลำ
ม่งสู่พื้นเบื้องล่าง
ท่ามกลางเม็ดกรวดและผืนทราย
ทอประกายส่องสว่างวับๆ
แจกันดินเผาถูกจัดเรียง
ห่างออกไป
เตาเผาขนาดใหญ่
ภายในปราศจากสรรพสิ่ง
กองฟืนถูกวางเรียง
รถอีแต๋นจอดแน่นิ่ง
นกกาเหว่าอยู่บนต้นไม้
เม็ดเหงื่อขนาดใหญ่ผุดพราย
ไหลลงท่วมกายและปลายนิ้ว
ชายหนึ่งกับร่างที่เลอะเปื้อน
เส้นเลือดปูดโปน
เท้าถีบปั่นจนแท่นขยับหมุน
จินตนาการก่อกำเนิดรูปร่าง
จากก้อนดิน
เสียงน้ำที่กำลังไหล
เสียงหัวใจที่กำลังสั่น
ดินจากลำน้ำมูล
หลอมรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน
คือจิตวิญญาณ
แห่งหมู่บ้านด่านเกวียน

๑๑
ตำรับสืบครั้นบรรพกาล
ตั้งไฟอ่อนๆด้วยโอบกอดที่อบอุ่น
เส้นหมี่จากท้องทุ่งชูรวงท่วมปฐพี
เต็มรอยยิ้มผีเสื้อละเมอฝัน
เหยาะความหอมหวานจากน้ำผึ้ง
ที่อาบแสงจันทร์
ใส่ความหวัง
ซอยแสงสีรุ้งแห่งสุริยัน
โรยหน้าด้วยความผูกพัน
ถั่วงอกเจริญงอกงาม
หัวใจได้กลิ้งหล่นลงไปในกระทะ
ตั้งนานแล้ว
ผัดหมี่กระโทก
อำเภอโชคชัย
เพียงแตะด้วยริมฝีปาก
เจ้าก็จะลุ่มหลง
จมปลักอยู่กับความงดงาม
ที่แสนอร่อย

๑๒
หันหน้ามุ่งทางทิศเหนือ
ห้อยย้อยระย้าระโยงยาง
สามร้อยปีกว่า
จากยอดสุดดิ่งสู่พื้นพสุธา
แผ่ขยายกว้างไกลนับแสนตารางฟุต
แสงแดดแลบเลียผิวกาย
ความร้อนรุมโทรมโหมทำร้าย
หลับเถิด ! ท่ามเงาไทร
ท่านจะห่อคลุมกาย
ไทรงามคือนามของท่าน
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
ในสมเด็จพระปิยมหาราช
ทรงพระราชทานนาม
ริมฝั่งลำน้ำมูลไหลผ่าน
เมืองพิมาย

๑๓
ห่างเพียงกระพริบตา
หยดน้ำตา
เลือดสักกี่หยด
ล้มทับสักกี่ศพ
บนพื้นดินที่แตกระแหงแล้งน้ำ
แสงแดด
ถิ่นทุรกันดารอันกว้างใหญ่
บัวใหญ่ โนนไทย ประทาย
ชุมพวง พระทองคำ ห้วยแถลง
สายฝนหลงฤดู
ฝนหลวง
แอ่งน้ำชลประทาน
วิถีพึ่งตน
ทุ่งทองที่โอบล้อม
รวงเหลืองชูค่อมแล้วน้อมต่ำ
ดุจโค้งเคียว
ด้วยพระบารมีของพระองค์
แผ่ไพศาลล้น
เหนือเกล้า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช

๑๔
ลัดเลาะริมคูคลอง
อีกสระน้ำ
ในเขตเมืองเก่า
สระแก้ว
สระแมว
สระขวัญ
และสระบัว
เวียนชมประตูเมือง
ประตูผี
คือประตูไชยณรงค์
คือหนทางผ่านสู่สรวงสวรรค์
แด่ผู้วายชนม์
ประตูพลแสน
และประตูพลล้าน
ห่างแค่ชำเลือง
เรือสำเภาโบราณตั้งตระหง่าน
คือรูปทรงอุโบสถอันวิจิตร
วัดศาลาลอย
เล่าว่า
คุณย่าโมและพระยาปลัด
ล่องเรือมาตามลำน้ำ
หากสร้างแพเป็นรูปศาลา
แล้วปล่อยให้ลอยละล่อง
เมื่อหยุด ณ แห่งหนใด
จะสร้างวัดไว้ ณ แห่งหนนั้น
เจดีย์บรรจุอัฐิของท่าน
คุณหญิงโม
ประดิษฐานภายในวัดแห่งนี้เมื่อแรกเริ่ม
วันนี้
อัฐิของท่าน
บรรจุใต้ฐานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี
ในปัจจุบัน

๑๕
ดวงอาทิตย์กำลังหลับตา
หกโมงเย็นบริเวณสวนรัก
อากาศเริ่มหนาว
สปอร์ตไลท์ถูกสาดส่อง
ต้นสาธรสูงใหญ่
เปรียบร่มเงาแด่สรรพสิ่ง
ฝูงนกบินกลับรัง
ร้องร่ำโหยหา
จนเต็มฟากฟ้าและเต็มต้น
หญิงสาว
ผัดหน้าจนขาว
แต่งแต้มด้วยชุดวาบหวิว
ยืนยิ้มอยู่ริมทางเท้า
หมอดูข้างสวน
คร่ำเคร่งกับการพยากรณ์
แด่ผู้ที่กำลังพลัดหลง
รูปปั้นแสดงถึงวีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์
น้ำพุพวยพุ่ง
เอื้องกุหลาบเหลืองโคราช
สนามเด็กเล่น
เนรมิตกลางสวน
เด็กๆพากันปีนป่าย
เสียงหัวเราะ
คลุกความสุข
เคล้าจินตนาการ
ไร้เดียงสา
พ่อแม่กระซิบซาบ
กับสายตาที่ห่วงหา
ฝูงลิงทโมน
บนม้านั่งหินอ่อนถัดไป
แมวสีสวาดกำลังหลับใหล
มัสยิดหนึ่งเดียวอยู่ห่างออกไป

๑๖
เสียงแหวกอากาศของรถแห่
ดังแว่วมาแต่ไกล
เสียงเด็กร้องไห้
เล็ดลอดออกมาจากร้านเกม
คนเดินผ่านไปมา
หน้าลานคุณย่า
หลายคนคล้องพระ
ศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อคูณ
นักพรตชรา
ผู้ล่วงรู้สัจธรรม
อาม่ายังคงนั่งอยู่หน้าศาลเจ้า
สามล้อยังคงถีบผ่านศาลเจ้า
มอเตอร์ไซค์รับจ้างจอดเรียง
รถสองแถวขนคนมุ่งสู่จุดหมาย
รถแท็กซี่วิ่งผ่าน
หมูแผ่นหมูหยอง
ตั้งแผงอยู่บริเวณทางเท้า
เครื่องเงินจากชนชาวเขา
ขนมจีนประโดก
ผ้าไหมปักธงชัย

๑๗
ธูปควันลอยอบอวล
เปลวเทียนกำลังลุกช่วง
พวงมาลัยดอกดาวเรือง
สีเหลืองอร่าม
สักการะ
รูปปั้นประติมากรรมคุณย่า
ผู้คนพลุกพล่าน
กราบไหว้อธิษฐานขอพร
แววตา
ฉาบด้วยความอิ่มอุ่น
อิ่มบุญ
แสงไฟจากกล้องถ่ายรูป
ประกายวาววับ
ความจริงแปรเปลี่ยน
เป็นความทรงจำ
ว่าครั้งหนึ่ง...

๑๘
ฝูงปลา
ดีดไหวอยู่กลางสระ
โฉบเฉี่ยวระเรี่ยพื้นผิว

๑๙
จูงมือผู้ที่คาดหวัง
สู่ซุ้มประตูโบราณ
ซุ้มประตูชุมพล
ถูกสร้างแต่ครั้นกำเนิดเมือง
ต่างถิ่นที่เดินลอดผ่าน
ตำนานเล่าขาน
รุ่งเช้าเจ้าจะกลับมาเยือนอีกหน
กับหัวใจที่หล่นหาย
อย่างไร้ร่องรอย

๒๐
อีกสี่ห้าก้าว
ก็ล่วงเท้าเข้าสู่งาน
เทศกาลดนตรี
หน้าศาลากลาง
เสียงกระเซ้าของนักร้องสาว
ปลายนิ้วเริงระบำ
บนเส้นสาย
ผู้ชมกรีดร้อง
ท่วงทำนองสามช่า
ลูกเอื้อนกระดกและลูกคอ
ของเพลงลูกทุ่ง
แทรกสำเนียงอีสาน
และสำเนียงด้ามขวาน
เด็กๆเล่นไล่จับอยู่หน้าเวที
บีบอย-กลุ่มใหญ่
กระโดดโลดเต้น
โชว์เพลงและสเต๊ปเท้า
เสียงปรบมือที่ดังกึกก้อง
แสดงออกถึงความชื่นชม
เสียงแซกโซโฟนสะกดตรึง
ละเมียด
สุนทรียแห่งดนตรีแจ๊ส
เวทีเพลงพื้นบ้าน
คนแก่นุ่งโจงกระเบน
เคี้ยวหมาก
จับกลุ่มนั่งอยู่หน้าเวที
เรียกขานว่าเพลงโคราช
ขับร้องด้วยภาษาโคราช
ร่ายรำด้วยท่วงท่า
ไร้เสียงดนตรีอื่นใด
ไร้เครื่องดนตรีชนิดไหน
หนึ่งเดียวในสยาม
ขับกล่อม
สายไหมหยอดเหรียญ
ปลาหมึกย่าง
ขนมถังแตก
ขนมเบื้องญวน
คนรุมซื้อ
ขนมหม้อแกง
แตงไทยใส่น้ำแข็ง
ลูกโป่งสวรรค์
เด็กๆร้องครวญคร่ำ
ร่ำไห้

๒๑
คืนค่ำ...
ลอยเรือท่ามกอดแห่งขุนเขา
ในอ่างเก็บน้ำ
ที่ลำพระเพลิง
ริ้วคลื่นสะบัดไกว
ลมรำลึกฝากความคิดถึง
ฝูงปลากระซิบบอก
สารภาพ
ตะเกียงหนึ่งหรี่แสง
จักรวาลปลอมประโลม
หมู่ดาวที่กำลังหนาวสั่นข้าแลเห็น
จนรุ่งสาง
แสงแดดในยามเช้า
โลมเลียหัวใจของข้าจนตื่น
หลับฝัน
...

สกินเฮด
20/06/52
20.07
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
17 กุมภาพันธ์ 2010, 01:49:PM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #21 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2010, 01:49:PM »
ชุมชนชุมชน



ค่อนสายบนถนนหนทางแห่งเมืองราชสีมา

ปกคลุมกลิ่นหมอกลมหนาวเหยียดยาวอบอวล

เด็กน้อยหญิงสาวชายชรากับเสื้อผ้าเฉดสีตัวหนาหนาวอุ่น

แววตาเป็นประกายทุกครั้งยามมองเรือนร่างถิ่นเกิด

สายลมมิเคยหอมหวลความหนาวลากยาวจรดดินแดนท้องสมุทรมรสุม

เกลื่ยวคลื่นหาดทรายชาวเลปราศจากผ้าห่มผืนใดเปล่าเปลือย

เสื้อเก่ากางเกงขาดถูกยัดลงกระเป๋าสองข้างขนาบขวา

เทือกเขาสันกาลาคิริกับอ้อมกอดของท่านยามนิทรา

หยาดน้ำค้างหยดฝนกลิ่นทะเลเกล็ดเค็ม

นกกระจอกโบยบินออกจากรังพาดผ่านเทือกเขาแห่งดงพญา

จักนำพาซุกปีกแห่งท่านคือฝันอันนิจนิรันดร์
...

สกินเฮด
23/11/52

โบยบินสู่นิรันดร์
ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
19 กุมภาพันธ์ 2010, 08:51:AM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #22 เมื่อ: 19 กุมภาพันธ์ 2010, 08:51:AM »
ชุมชนชุมชน



พระจันทร์บดบังตัวฉันจนมืดมิด
ผิดแผกขืนขวางสรรพสิ่งตามทางวิถี
ไร้เงาทอดตัวยาวบนพรมสีขาวของโลก
มิเคยหลาบจำกลับฝั่งร่างลงบนถ้อยคำอันเคว้งคว้างเลื่อนลอย
เสียงสวรรค์เบื้องบนเพียงกล่อม
เสียงนกร้องดังกู่ก้องเสียดภูผา
หรือว่ามันเป็นเสียงแห่งความหวาดกลัวหวาดผวา
ต้องอีกสักกี่ครั้ง
ต้องอีกสักกี่วัน
กับการค้นหาความหวังที่ตกหล่นบนความเลือนราง
ทั้งๆปุถุชนเดรัจฉานเหยียบย่ำจมอสุภอันโสมมคือฉันบอบช้ำ...

สกินเฮด
16/2/53
Dive With Me
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
20 กุมภาพันธ์ 2010, 01:01:AM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #23 เมื่อ: 20 กุมภาพันธ์ 2010, 01:01:AM »
ชุมชนชุมชน



ดอกไม้ตกหล่นจากมือของฉัน
มันแห้งเหี่ยวซีดเซียวปราศจากความฝัน
เลือดหยดรดหลั่งหลังมือท่วมเท้า
แสงแดดจากดาวดวงนั้นสำทับส่องสะท้านทับร่างของฉันจนเปื่อย
เสียงสวดภาวนาด้วยภาษาสันสกฤต
หวังดับความฟุ้งซ่านจากภายใน
เพียงลมพัดไหวหัวใจก็โยกขยับ
มันไม่อาจตอบรับแม้นกระทั่งวจนะแห่งพระพุทธองค์
เปลี่ยนแปลงคือนิรันดร
อาจเป็นเพียงถ้อยคำสัจธรรมทว่าคราบความทรมานยังคงเปรอะเปื้อน
...
สกินเฮด
19/2/53
Valentine's Day

Flowers drop from my hands.
Haggard haggard dream without them.
Shed blood after drop reduce flood foot cell.
Sunlight from the star is nearly as loudly reiterate my lap draft and rot.
Complaint with the Sanskrit prayer.
Hope to be distracted by internal fighting.
Just wind it possible heart rock moved.
It may not be accepted even though Word of the Buddha.
Change is eternal.
You may be the only word the truth that suffering continues stains stained.

ขอบคุณ...คุณเคียงดินนะครับ สำหรับคำแปลภาคภาษาอังกฤษ

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
24 กุมภาพันธ์ 2010, 02:07:PM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #24 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2010, 02:07:PM »
ชุมชนชุมชน



เสียงน้ำแตกแผดซ่านสั่นสะเทือนท้านสรวงสวรรค์มหาสมุทร
ดำดิ่งเพียงกายหากจิตวิญญาณยังคงลอยเคว้ง
ทะเลสีดำหยาดละอองหยดน้ำท่วมร่างชายนิรนามกับความบอบช้ำ
คว้าหาความหมายแห่งรักแท้ไร้สรรพสิ่งใดๆตอบสนอง
สิ่งที่วาดหวังหากคือความเดียวดายท่ามท้องน้ำนามสมมุติ
ทับถมนับหมื่นพันกับถ้อยคำแห่งความโหยหา
ลมหายใจแห่งรัตติกาลเร้นหาย
นับแต่ปลายร่างจรดขอบภูผาท้องนภานัยน์ตาแดงก่ำ
...

สกินเฮด
24/2/53
sad
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
25 กุมภาพันธ์ 2010, 02:35:PM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #25 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2010, 02:35:PM »
ชุมชนชุมชน



เสียงกลองไร้สรรพนามฟาดกระหน่ำดังมาแต่หนไหน
หมายว่าท้องฟ้าสีดำทะมึนกำลังคืบคลานมาเยี่ยมเยือน
หยาดเหงื่อหยดหล่นดั่งสายน้ำนิจนิรันดรร่วงลงมาจากแดนสวรรค์
ผุดพรายล้นทะลักสุสานกลางป่าหิมพานต์เยี่ยงในตำนานร่ำลือ
คุ้ยเขี่ยราวสัตว์เดรัจฉานอดโซ
ควานคว้าหาอักษรนับล้านหากหลบซ่อนมิยอมเผยร่าง
เสียงเต้นสั่นระทึกก้องกังวานออกมาจากภายใน
หวังอักษรเพียงเดียวแม้นคลุกฝุ่นจนโทรมเปรอะเปื้อน
ปรารถนาวาดความงดงามดั่งจินตนาการแห่งฉันคือเธอ
...

สกินเฮด
25/2/53
" From The Inside "

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
02 มีนาคม 2010, 08:15:AM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #26 เมื่อ: 02 มีนาคม 2010, 08:15:AM »
ชุมชนชุมชน



คืนค่ำแห่งนิทราด้วยถ้อยคำวาจาไร้ปรากฏ
สายลมหอบพาเสียงปืนดังมาจากฝั่งชะแล้
เขม่าควันเลือนรางหากความตายได้สิงสถิต
ความตะลึงงันคือภาพความจริงที่กำลังร่วงหล่น
หมอกหนาหยดน้ำตาระคนความโหยหาคับคั่งร่วมงานศพ
หากยังคงไร้ซึ่งความหมายในคำตอบที่เงียบสงบ
...

สกินเฮด
26/11/52
"เสียงปืนดังมาจากฝั่งชะแล้ "
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
02 มีนาคม 2010, 04:00:PM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #27 เมื่อ: 02 มีนาคม 2010, 04:00:PM »
ชุมชนชุมชน



คุดคู้อยู่บนชีวิต
นอนจมความทุกข์ร้อนจนง่อยเปลี้ยเสียขา
อนัตตาเดินผ่านร้องระงม
เพียงขยับเปลือกตาปีนข้ามขอบสูงเชิงผา
ท้องฟ้าครามท่ามเมฆาต่างเริงร่าเต้นระบำ
...

สกินเฮด
2/3/53
"เจ็บปวด"
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
04 มีนาคม 2010, 08:47:PM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #28 เมื่อ: 04 มีนาคม 2010, 08:47:PM »
ชุมชนชุมชน



ดาวเสาร์ทับลัคน์
ดาวมฤตยูเดินทางมารู้จัก
คือผู้กำหนดดวงชะตาตัวอักษรพลิกหล่นจากเส้นบรรทัด
วิบากกรรมมิเคยหยุดหย่อนซ้ำๆนับก้าวพึ่งผ่านเพียงหนึ่ง
ความบอบช้ำสลัดพรมผืนนั้นวางทาบดวงดาวมิจรดรอบแห่งวงโคจร
ความทุกข์แสนสาหัสวางเท้าเหยียบย่ำ
ถาโถมด้วยคลื่นลมทะเลผู้บ้าคลั่ง
ซัดพาความทะเยอะทะยานจนแหลกสลายซากเกลื่อน
เพ่งมองเพียงจิตวิญญาณบนเชิงตะกอนริมหาดเกรียมไหม้ด้วยไฟประลัยกัลป์อนันตกาล
...

สกินเฮด
2/3/53
Fire
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
08 มีนาคม 2010, 10:00:AM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #29 เมื่อ: 08 มีนาคม 2010, 10:00:AM »
ชุมชนชุมชน



แหงนหน้าสบถคำด่าแด่ท้องฟ้า
ถ่มถุยน้ำลายราดรดตัวตนจนเปียกฉ่ำ
นั่งจมความเศร้าอดีตกาลที่ผ่านมิลืม
เหตุใดหัวใจจึงอ่อนแอร่ำไห้
เหตุใดท้องฟ้าสีใสหากยังคงเป็นสีดำหรือฉันกำหนด
เกลือกกลิ้งอยู่แต่โคลนตม
มิยอมโผล่ผุดเหนือน้ำแหวกอากาศกลางมหานทีแห่งชีวิต
พร่ำบอกแด่สรรพสิ่งเมื่อตั้งคำถามฉันสบายดี
พร่ำบอกตัวตนเมื่อตั้งคำถามฉันมีความสุข
พร่ำบอกสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าฉันคือความว่าง
แม้นทุกอย่างก้าวล่วงผ่านมาอย่างเนิ่นนาน
...

สกินเฮด
4/3/53
I'm Fine
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
14 มีนาคม 2010, 07:57:AM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #30 เมื่อ: 14 มีนาคม 2010, 07:57:AM »
ชุมชนชุมชน



เสียงกรีดร้องเหล่าทวยเทพบนสรวงสวรรค์
นกฟีนิกซ์มิฟื้นคืนร่างจากเถ้าถ่าน
ท้องฟ้ามิกลับมาแจ่มใสขุนเขานั่งกอดเข่าคุดคู้
ท้องทะเลยอมจำนนต่อสายลมบนเกลียวคลื่น
เสียงที่เงียบสงบกำลังก่อร่าง
อสูรกายถูกขังในสันดานกำลังสะบัดโซ่ตรวน
บ้านเมืองมิเป็นดังที่หวังปวงชน
มันคือความปรารถนาของใครบางกลุ่มเยี่ยงเดรัจฉานขาดสามัญสำนึก
อำนาจถูกโอบกอดด้วยคนจำนวนเพียงน้อย
เฉดสีต่างๆมิเคยคิดผสานหลอมรวม
สึนามิรอบใหม่กำลังย่างกายเข้าถล่ม
กี่ครั้งสักกี่ครั้งกับความพังพินาศ
กี่ครั้งสักกี่ครั้งกับความฉิบหายกองพะเนิน
กี่สักกี่ครั้งกับถ้อยคำกล่าวอ้างทำเพื่อชาวบ้านและคนส่วนใหญ่
หากบนซากปรักหักพังเนื้อหนังเท้าเฒ่าทารกเดินย่ำซ้ำๆนัยน์ตาใสซื่อ
...

สกินเฮด
4/3/53
!!! CENCER !!!
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 มีนาคม 2010, 08:20:AM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #31 เมื่อ: 15 มีนาคม 2010, 08:20:AM »
ชุมชนชุมชน

กวีเดียวดาย...ร่ายถ้อย...เรียงร้อยพจน์
จึงปรากฏ...บทกวี...ที่สวยใส
ปล่อยความคิด...จิตตน...ให้ด้นไกล
ล่องลอยไป...ในห้วง...ของช่วงกาล

ร้อยสลัก...ถักคำ...นำมาเขียน
ช่างพากเพียร...เนียนนวล...ชวนให้อ่าน
ลีลางาม...ความรู้...ดูเชี่ยวชาญ
เป็นตำนาน...จารไว้....ในวงวรรณ

โอ... ตบมือให้


ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
19 มีนาคม 2010, 05:26:PM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #32 เมื่อ: 19 มีนาคม 2010, 05:26:PM »
ชุมชนชุมชน



เสียงร่ำไห้คร่ำครวญปานฟ้าถล่มแผ่นดินแยกแตกสลาย
สายธารน้ำตาเอ่อไหลท่วมจักรวาลจนสุดทางช้างเผือก
การเปลี่ยนแปลงคือนิรันดร์อันเที่ยงแท้
การเดินจากมิหันหลังมันคือความทรมานแสนสาหัส
เฝ้ารอความหวังทั้งๆที่ประตูตอกหมุดลงกลอน
ร้องไห้เถิด...ร้องไห้จนเลือดไหลออกจากกายเหือดแห้ง
ร้องไห้เถิด...ร้องไห้จนไม่เหลือใครแอบมอง
หากทุกอย่างที่แหลกสลายก็มิอาจกลับมาเป็นเช่นดังเดิม
...

สกินเฮด
4/3/53
Cry
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
20 มีนาคม 2010, 04:33:PM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #33 เมื่อ: 20 มีนาคม 2010, 04:33:PM »
ชุมชนชุมชน



ดวงตะวันวาดวงหน้าร่ำไห้หลบซ่อน
ยามสนธยากับการสนทนาพร่ำบ่นดังระงม
เสียงเห่าหอนของสุนัขป่าดังมาจากฝั่งตะวันออก
บนหนทางที่แสนขรุขระมือกุมกำพลัดหลุดพลัดหลง
ความผูกพันอย่างเนิ่นนานโอบรัดปกปิดดวงตาของฉันจนมืดสนิท
ระยะทางเริ่มถอยห่างเมื่อเธอเดินย่างตามฝัน
ถูกผิด ผิดถูก มิมีคำตอบ
สะกิดหัวใจตัวตนที่เปลี่ยวเหงาเพียงนั่งลำพังชันเข่าบนพื้นพรมแห่งความจริง
กระซิบกระซาบถามจันทร์นั่งเล่าความหลังอันงดงามระหว่างกันอบอุ่น
...

สกินเฮด
9/3/53
Star And Me
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
23 มีนาคม 2010, 09:11:AM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #34 เมื่อ: 23 มีนาคม 2010, 09:11:AM »
ชุมชนชุมชน



ดวงตาที่โศกเศร้ากับความเงียบเหงาเหม่อลอย
นอนเปลือยกายพันร่างด้วยความทรมานปักตรึง
ริมฝีปากเครือสั่นเมื่อการเดินทางมาถึงทางตันสิ้นสุด
เก็บงำทุกอย่างไว้ในซอกเหลือบเหม็นอับ
อมพะนำทุกครั้งกับคำถามซ้ำๆซากๆเจ็บปวด
เพียงพอหรือยังกับการกระทำชำเราความรู้สึกของฉันห้วงลึก
เพียงพอหรือยังกับการสำเร็จความใคร่บนกองเลือดหลั่งไหลออกจากหัวใจไม่ยอมหยุด
หรือความตายเท่านั้นคือแสงสว่างแห่งความหวังอันนิรันดรเที่ยงแท้
...

สกินเฮด
9/3/53
Dead Poem
ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
27 มีนาคม 2010, 08:05:AM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #35 เมื่อ: 27 มีนาคม 2010, 08:05:AM »
ชุมชนชุมชน



ก้อนเมฆสีดำปกปิดทุกอย่างจนหวาดผวา
เสียงขู่ตะคอกของฝูงอีกาดังสนั่นมาแต่ท้องฟ้าที่กว้างไกล
ในห้องที่อับชื่น
เปลวไฟกำลังเผาไหม้ความหวังมลายกลับกลายเถ้าถ่าน
หากวิญญาณที่ถูกกักขังยังคงลอยล่อง
แม้นกระทั่งลมหายใจอันเบาแผ่ว
เนิ่นนานบนความเจ็บช้ำระทม
กาลเวลาล่วงผ่าน
ความรู้สึกมิเคยล่วงเลย
ขอหยุดทุกอย่างลงอย่างเงียบๆ
ขอหยุดทุกอย่างไม่ขอทำความเข้าใจ
ขอหยุดความเคลื่อนไหวไว้ลงบนกองเลือดของฉันที่กำลังหยดไหล
...
สกินเฮด
13/3/53
Stop
ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
03 เมษายน 2010, 11:48:AM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #36 เมื่อ: 03 เมษายน 2010, 11:48:AM »
ชุมชนชุมชน



ท่ามเงาจันทร์มิเคยเฉียดผ่าน
ผวากอดเพียงความว่างเปล่า
โมงยามฝั่งร่างในห้องที่รกรื้อ
เสียงซาตานสิงสถิตครางอืออึง
คือหัตถ์แห่งความตาย
ผู้แผ่สยายทับซากกองกระดูก
รอยเลือดแห้งกรังเป็นเส้นทาง
ความทรงจำอดีตกาลฝั่งรอยปวดร้าว
ถาโถมขืนขย่มคืนวันอันเปลี่ยวเหงา
หากจิตวิญญาณแห่งฉันคือผู้โหยหวน
...

สกินเฮด
21/3/53
NiGht Of EmPty
ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
05 เมษายน 2010, 06:54:PM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #37 เมื่อ: 05 เมษายน 2010, 06:54:PM »
ชุมชนชุมชน



เสียงเขย่ากรงดังออกมาจากภายใน
ของเหยื่อตัวสุดท้ายผู้พ่ายสารภาพ
แผลเป็นเมื่อครั้งอดีตกาลปูดโปน
ท่ามท้องฟ้าถูกทารุณกรรมรอยฟกช้ำบาดแผล
กลิ่นเหม็นเน่าซากศพทับถม
หยดเลือดหยดกระเด็นเปรอะคราบ
หลับตาหมายว่าหลีกหลบ
คมเขี้ยวกลับฝั่งร่างจมลึกอีกครั้งและอีกครั้ง
ฉีกกระชากเนื้อหนังหัวใจที่บอบช้ำ
ป้ายแขวนความหมายของคำว่ารักจับฝุ่น
หวังว่าความทรมานคือผู้ปลดปล่อย
ความเจ็บปวดคือหนทางแห่งการดับทุกข์
หรือแสงตะวันกำลังเจิดจ้า
ภายใต้หน้ากากแห่งพญามัจจุราชที่ไม่อาจหลุดพ้น
...

สกินเฮด
22/3/53
VicTim
ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
09 เมษายน 2010, 09:19:PM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #38 เมื่อ: 09 เมษายน 2010, 09:19:PM »
ชุมชนชุมชน



กะโหลกหนาด้วยอัตตา
จิตวิญญาณถูกประมูลราคาต่ำสุด
คำสอนพระศาสดาจึงพร่าเลือน
หวังเพียงการผสมพันธุ์อย่างเมามัน
แวดล้อมกักขฬะและการฆาตกรรมอำพรางซ่อนเงื่อน
แม้นหนทางเมือก-ลื่นอีกยาวไกล
ด้วยเล่ห์เหลี่ยมอกุศลนโยบาย
เพียงเดียวอสุจิจัญไรจึงกลายเป็นผู้กำชัยในการศึก
สรวงสวรรค์สะเทือนสะท้านทั่วรังไข่
มดลูกแอบสะอื้นร่ำไห้
ความวุ่นวายก่อตัวถือกำเนิด
...

สกินเฮด
22/3/53
Sperm
ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
10 เมษายน 2010, 06:13:PM
skinhead
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #39 เมื่อ: 10 เมษายน 2010, 06:13:PM »
ชุมชนชุมชน



อรุณรุ่งฉีกขาด
เสียงหวีดร้องของสายลม
ทิวสนลู่เอนโยกไหว
วิญญาณร่อนเร่ล่องลอย
เหนือหลุมศพโบราณในป่าช้ารกร้าง
บทกวีฝุ่นจับถูกรื้อพลิกอ่าน
เพื่อตอกย้ำภาพความทรงจำอันแสนเจ็บปวด
มาเถิด...ผู้ผิดหวัง
เดินทางมาทบทวนความหลัง
มาเถิด...ผู้บอบช้ำ
คมมีดสนิมเขรอะจะกรีดบาด
มาเถิด...ผู้พ่ายแพ้
แม้นนาฬิกาจะฆ่าตัวตายไร้ถ้อยคำอื่นใดให้รำลึก
มาเถิด...!!!
มารักษาบาดแผลด้วยเข็มปลายแหลมทิ่มแทง
จนเลือดหยดไหลบทกวีบทสุดท้ายหลั่งชโลม
...

สกินเฮด
25/3/53
CeMeTeRy

ปล.งานเขียนชิ้นนี้เขียนขึ้นเพื่ออ่านเปิด " เทศกาลบทกวีกรีดร้องในป่าช้า " By...สกินเฮด

CoMing Soon !!!
ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s