23 สิงหาคม 2009, 01:07:AM |
|
|
07 กันยายน 2009, 06:14:PM |
|
|
10 กันยายน 2009, 05:16:PM |
|
|
10 กันยายน 2009, 08:16:PM |
เมษายน
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 10 กันยายน 2009, 08:16:PM » |
ชุมชน
|
ชอบมากครับท่าน ไม่สนใจทำของ
กองทัพชาวบ้าน อาทมาตหรือครับ เรื่องนี้ก็ดีนะครับ ชาวบ้าน400คน ยันกองทัพพม่า นำโดยขุนรองปลัดชู
|
อาจเสียใจ ที่เธอ ไม่คิดรัก คงเศร้านัก คงขมขื่น ดุจยาขม นักกวี ไร้รัก ไร้อารมณ์ ย่อมไม่สม เขียนวลี บันเทิงใจ
|
|
|
10 กันยายน 2009, 10:05:PM |
สายใย
กิตติมศักดิ์
คะแนนกลอนของผู้นี้ 600
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 2,700
ช่างเขาเฮอะ
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 10 กันยายน 2009, 10:05:PM » |
ชุมชน
|
"บางระจัน?" (ตอน ๑ ซุ่มกองโจร)
๐
๐ ควานดินโคลนหาได้พอกไล้ร่าง ทะมึนอย่างกลืนรับกับตมเหลว แนบส่วนกายสู่พื้นผืนดินเลว ไหวแค่เปลวลมอุ่นกรุ่นกลอกตา
๐ เงียบงันอย่างยินใบไม้กระดิก มือกำจิกจ้องมุมพุ่มไม้หน้า รอเหยื่อล่วงตระเวนเช่นเคยมา มัจจุราชรอท่าคร่าวิญญาณ
๐ เหล่ากองโจรอาสาเข่นข้าศึก ซุ่มจนดึกจับเสียงสำเนียงผ่าน วาวคบไฟไหวชูรู้ชำนาญ ฤาทหารอริไทยใคร่โจมตี
๐ ยึดเอาชัยภูมิกุมได้เปรียบ เอาคนน้อยใจเฉียบเหยียบขยี้ ดาบขวานพร้าธนูที่กูมี กับใจที่หล่อหลอมกล้ายอมตาย
๐ ล้วงหยิบลูกธนูเตรียมสู่เป้า หนังใต้ตาเขย่าเหยื่อเข้าข่าย รอสัญญาณระยะกะสุดท้าย พร้อมตะกายนรกผงกรับ
๐ โหมธนูปูทางอย่างพิฆาต ลุกกระโจนพรวดพราดเดือดดาลสับ ตะลุมบอนทุกหน้าแววตาวับ ฟันทุกฉับทุกร่างอย่างไม่ไว้
๐ ชุลมุนดั่งส่งยมทูต มาเก็บซากเลือดกระฉูดกุดด้วยไพร่ วีรกรรมขจรนามสยามไทย จึงยิ่งใหญ่อมตะบางระจัน?"
(ตอน ๒ อ้ายอินขอปืนใหญ่)
๐ เส้นเลือดวิ่งตามเอ็นขับเน้นกล้าม ตาเต้นตามแรงง้างอย่างสุดไหล่ หวังศรเดียวถึงฆาตเป้าขาดใจ ตรึงมันไว้ตรงนั้นให้มันตาย
๐ อ้ายอินปล่อยสายธนูจู่ด้วยแค้น แหวกลู่แล่นปลิดพม่าที่ตาหมาย บอบช้ำใจกับหวังพังทลาย ขอปืนฝ่ายกรุงศรีฯที่สิ้นใย
๐ ชวนอ้ายเมืองเร่งร้อนจรกลับค่าย คลอน้ำตาผู้ชายคล้ายเริ่มไหล บางระจันรอหวังจากวังใน กับปืนใหญ่ซึ่งกูผู้แบกรับ
๐ หลวงมันลืมพวกกูผู้รักชาติ น้อยใจปาดน้ำตาซึ่งบ่าขับ เป็นห่วงเพื่อนญาติมิตรจิตแค้นคับ วนอยู่กับอีสาหน้าเมียรัก
๐ เปิบเคี้ยวกลืนข้าวเม็ดไม่เล็ดลื่น ข่มตาหลับใจตื่นฟื้นเป็นหลัก เร่งฝีเท้าแม้ค่ำไม่จำพัก มันกระอักเกินใจหลับไม่ลง
๐ ถึงปืนใหญ่ไม่ได้อ้ายอินนี้ มือกูมีธนูกูจะบ่ง เสี้ยนอริแผ่นดินให้ดิ้นพง ยืนทะนงไม่ห่างบางระจัน?"
(ตอน ๓ ราตรีสุดท้ายสู่ฝันร้ายบางระจัน)
๐ ดั่งหมอกควันจากเส้าเตานรก คืบคลานปกคลุมคล้ายความตายเคลื่อน กลืนช้าช้าแอบแฝงลำแสงเดือน กางปีกเหมือนพระกาฬโอบผ่านรัด
๐ เย็นยะเยียบเงียบร้างอย่างป่าช้า เสียงนกแสกแทรกมาคราสงัด ท่ามเงาหมอกราวมือสื่อกวักชัด สารพัดเจตภูตรุดสำแดง
๐ ร่องรอยล้าหิวโหยโชยเหนือค่าย ร่างศพก่ายศึกเย็นเห็นหลายแห่ง กับเสียงครางพิษแผลแผ่ร้าวแรง พิงกำแพงกุมพร้าท่าพร้อมรบ
๐ หัวใจชาวบางระจันล้วนขวัญหาย เมื่อตัวนายหลายคนป่นเป็นศพ สุกี้เข็นปืนใหญ่ใส่สมทบ หวังสยบกลบแผลแพ้เจ็ดครั้ง
๐ สิ้นแรงใจจากหลวงถ่วงจนล้า ปล่อยชะตาชาวบ้านปานสิ้นหวัง พม่าเสริมพลยุทธ์สุดกำลัง เกินไฟคลั่งลุกโรมโหมทำลาย
๐ แรมหนึ่งค่ำดึกนี้จันทร์สีหม่น ลมเยียบจนธงนิ่งอิงเสาค่าย วันพรุ่งนี้ประจัญขั้นสุดท้าย ทุ่มยอมตายทุกร่างสร้างตำนาน?" ........(ระนาดเอก)...................
(แทรก ความในใจ นายกองม้าแห่งบ้านคำหยาด......)
สงัดเงียบเฉียบใจนายกองม้า เป็นกองหน้าเจนจบเคยรบผ่าน ถึงวันนี้พี่น้องที่พร้องพาน ที่เหี้ยมหาญหดหายหัวใจร้าว
โอ้หัวอกขุนทหารบ้านคำหยาด เคยองอาจฟาดฟันสนั่นฉาว คงจะลือเลี่องเสียงเพียงเรื่องคาว มันรักสาวบางระจันยังหวั่นใจ
ถ้าขืนรบก็แพ้แน่ใจเหลือ เพราะศึกเหนือกำลังจักทานไหว พะวงหนักรักแสนแผ่นดินไทย แต่อีกใจรักเจ้าจึงเศร้านัก
[]
|
หากสิทธิ์ของสายใย ไม่สงวน...(ครับ)
|
|
|
11 กันยายน 2009, 03:50:AM |
|
|
15 กันยายน 2009, 05:26:PM |
เพรางาย
ผู้ดูแลบอร์ด
คะแนนกลอนของผู้นี้ 553
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 1,312
ทุกคำถามจะนำมาซึ่งคำตอบ
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 15 กันยายน 2009, 05:26:PM » |
ชุมชน
|
สัมผัสดินถิ่นนี้ที่รองเลือด แผ่นดินเดือดผ่าวแค้นแสนหม่นไหม้ กี่น้ำตาทาทาบอาบพงไพร กี่หัวใจแหลกยับดับวิญญาณ์
ไม่เหลือซากเกรียงไกรไร้ขอบค่าย ไม่เลือนหายกล่าวขานนานเสียกว่า ไม่รู้เลยจะเตือนใจไทยประชา ได้ไหมว่า "ที่ไทยแพ้...แท้เพราะใคร?"
|
คนที่กำลังไล่ตามความฝัน ท่ามกลางความผกผันของเวลา
|
|
|
|
|
|