แล้วบัว ณ กลางบึงจึงหวั่นไหว
เมื่อภมรบินใกล้จะเข้าหา
มาเวียนวนว่อนสู่หมู่ผกา
จึงรู้ว่างดงามยามต้องกัน
มาเทียวส่งหอมหวนให้ชวนหลง
ถึงหลับไหลก็คงเก็บไปฝัน
ว่าภมรอ้อนออดตลอดวัน
แล้วบัวนั้นจักรอดอ้อมกอดฤา
อ้อมกอดแห่งรักหอมที่ล้อมร่าย
ทุกวนเวียนเช้าสายได้ส่งสื่อ
แห่งวลีสีหวานนั้นผ่านมือ
จึงเผลอหมายยึดถือไว้ครอบครอง..(ดวงไฟ)
๐ หากร่ายเวทแปลงร่างดุจอย่างผึ้ง
บินเคล้าคลึงบัวบานปานสนอง
ที่ชูดอกเด่นบึงซึ่งชวนมอง
หลากแมลงล้วนจ้องปองบัวงาม
๐ ยิ่งกลีบบานไหวยั่วคล้ายรัวกวัก
สื่อทายทักโอบอ้อมหอมแห่งท่าม
กระจายกลิ่นเกสรอ่อนอ่อนลาม
นำกลิ่นหวามโปรยปรายสู่สายลม
๐ บัวไสวมีฤทธิ์น่าพิศนัก
กี่นานจักได้เห็นเด่นเกินข่ม
แม้ใบบังนับร้อยหนามพร้อยคม
ผึ้งก็จมหลงฤทธิ์ลืมพิษภัย..(ระนาดเอก)
ช่างอ่อนสวยนวยนาดจนหยาดเยิ้ม
แห่งแรกเริ่มฤทธิ์หวานให้ผ่านไหว
ภมรตอมบินร่อนจึงหย่อนใจ
ว่าได้แล้วหรือไรในความปวง
ความปวงแห่งหอมหวนที่อวลฉม
น่าภิรมย์หวานซึ้งเจ้าผึ้งหลวง
อย่าให้สิ่งที่เห็นนั้นเป็นลวง
จะลุล่วงแห่งซึ่งอันผึ้ง-บัว
จะใกล้กันตราบนานไม่ผ่านหาย
ทุกวนเวียนเช้า-สาย-บ่ายสลัว
กี่ผองฤทธิ์พิษภัยก็ไม่กลัว
จะเป็นบัวเหนือตมเพื่อดมดอม
เพื่อให้เจ้าภมรได้ว่อนผ่าน
แล้วเคียงกันเนิ่นนานอย่างหวานหอม
กี่แยกจากพรากไกลก็ไม่ยอม
แล้วจักพร้อมเสกสรรทุกบรรดา
บรรดาแห่งสุขล้นที่ปรนเปรอ
จะเสนอจนใครใฝ่อิจฉา
ปู-ปลาว่ายเวียนผ่านแต่นานมา
ยังร้องว่างามนักรักของเรา..(ดวงไฟ)
๐ เจ้าบัวเด่นดอกนี้วจีเพราะ
รูปก็เหมาะดอกเย้ยเผยไม่เฉา
ก้านก็อ่อนหนามนิดสะกิดเกลา
ข่วนแค่เย้าระคายให้ชวนพิศ
๐ เหล่าบัวบึงสร่างพร่างบึงใหญ่
เจียระไนเข้าเปรียบเทียบไม่ติด
บัวเจ้าเอ๋ยราศีที่ชวนชิด
เหมือนมีจิตละม้ายคล้ายใจคน
๐ กลัวเจ้าล่อภมรอ่อนยอมใจ
แล้วผลักไสสลัดพลัดหมองหม่น
ให้อายเหล่าปูปลาล้ากมล
จารึกผลผึ้งช้ำน้ำคำบัว
๐ ยามพบเหล่าผึ้งหนุ่มก็ชุ่มชื่น
ประดุจยื่นสายใยมอบใส่หัว
ให้ผึ้งหลวงทะนงหลงระรัว
เคล้าเนียนัวชมปลื้มจนลืมรัง
๐ พอเบื่อหน่ายคารมเคยชมชอบ
โยนช้ำบอบขยี้ยื่นทีหลัง
ให้รับทัณฑ์เศร้าซมล้มประดัง
สู่ภวังค์หลงเสน่ห์อเวจี
๐ คงสิ้นแรงอ่อนล้าสิ้นท่ากลับ
เป็นผึ้งอับโชคชะตาล่มราศี
คราวหลงบัวคำหวานซ่านฤดี
กลัวผึ้งนี้ติดหล่มพรมน้ำตา..(ระนาดเอก)
นึกน้อยใจยิ่งนักเหมือนหักหาญ
ใยระแวงต่อคำหวานที่น้องว่า
แต่ละคำน้องเอ่ยเผยออกมา
ใช่มีค่า เพียงล่องผ่าน ปานสายลม
สู้อุตส่าห์เก็บออมความหอมหวน
กี่แมลงร่อนทวนคำอวลฉม
ยังมิหวั่นไหวติงกับสิ่งชม
แต่หลงคำคารมของผึ้งบิน
จึงเผยใจในทีที่ปรากฏ
เปรียบคำหวานหยาดหยดรดแท่งหิน
แต่บัดนี้กร่อนกัดถนัดยิน
จึงไม่ชินหากขาดพลาดกันไป
ไม่มีผึ้ง คงแย่ แน่บัวเอ๋ย
ที่คุ้นเคยเทียวส่งความหลงใหล
หากวันหนึ่งแล้วเขามาเอาไป
บัวจะอยู่เยี่ยงใดกันหนอบัว
อันชาติชายกับสตรีเยี่ยงนี้หนอ
ละครั้งคราวหยอกล้อให้พอหัว
แล้วไหวหวั่นก็ลั่นก้องร้องระรัว
นึกหวาดกลัวขึ้นมากลางราตรี
กลัวความหวานลางเลือนเสมือนหาย
กลัวความหมายที่เคยเผยสักขี
เป็นเพียงแค่คำพร่ำฉ่ำชีวี
แล้วแต่นี้จักมิเหลือแม้เยื่อใย
สัญญาไหมผึ้งน้อยที่คอยร่อน
จะไม่คิดจากจรจนอ่อนไหว
ให้บัวบานต้องเฉาเหี่ยวสักเสี้ยวใจ
เป็นบัวแห้งกลางบึงใหญ่ยามไกลลา..(ดวงไฟ)
๐ เป็นผึ้งน้อยบินเร่งอย่างเคว้งคว้าง
วนเวียนร่างเหนื่อยช้ำตามยถา
บึงกว้างใหญ่แดดร้อนสะท้อนมา
ความหวังซาตามแรงแห่งกำลัง
๐ เจ้าบัวเด่นเห็นอยู่บานสู้ฝน
ท้าแสงจนกลีบเจ้าวาวเปล่งปลั่ง
เอนก้านล้อลมร่ายเฉิดฉายจัง
ชวนใครรั้งด้วยจิตเพื่อชิดชม
๐ ไม่มีบัวดอกนั้นจากวันนี้
บึงราศีเริ่มขาดมาตรติดหล่ม
เหลียวทางใดรอบทิศจิตระบม
ผึ้งถูกปมบัวงามตามหลอนใจ
๐ พายุโบกโยกจัดซัดแกล้งย้ำ
ภมรช้ำยิ่งอ่อนอาวรณ์ไหว
ท่ามวารีบัวหลากฝากแต่ใบ
มิเหลือใยทำผึ้ง..ถึงคร่ำครวญ..(ระนาดเอก)
ด้วยจากลาห่างหายเสียหลายนาน
ก็ยังคงเบ่งบานและหอมหวน
ใช่จะทิ้งผึ้งน้อยลอยเย้ายวน
อย่าเพิ่งด่วนพลัดพรากถึงจากลา
กลับมาเป็นปทุมทองเป็นของพี่
ในทุกท่วงนาทียังห่วงหา
แม้ไม่พบไม่ใกล้อยู่ไกลตา
รู้เถอะว่ายังคิดถึงเจ้าผึ้งบิน