ด้วยจิตคารวะ
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
23 ธันวาคม 2024, 04:16:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ด้วยจิตคารวะ  (อ่าน 162079 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 43 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
24 มิถุนายน 2009, 02:15:PM
สายใย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 600
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,700


ช่างเขาเฮอะ


เว็บไซต์
« ตอบ #60 เมื่อ: 24 มิถุนายน 2009, 02:15:PM »
ชุมชนชุมชน

ความหลังที่แม่ปิง

ฝังใจกับภาพพิมพ์ที่ริมเขื่อน
รอยยิ้มเยือนทักทายในความเหงา
แสงแดดส่องจัดจ้าทาบฟ้าเทา
ระบายเงาเลื่อมลายบนสายน้ำ

แม่ปิงกว้างยาวไกลออกไปมาก
เก็บใจฝากมานานจนหวานฉ่ำ
กลับมาเยือนทุกครั้งฝังใจจำ
ถึงกลิ่นร่ำดอกรักที่หักลง

ยังคงเงียบ ยังคงเหงา ในเงาบ่าย
มันท้าทาย มันเย้ย ครั้งเคยหลง
หัวใจที่เคยคิดจะทรนง
ไม่มั่นคงได้สักทีเหมือนที่คิด

แม่ปิงยังขลังมนต์เหมือนคนเก่า
มาก็เหงาให้ภาพฝันมันสะกิด
ความหลังที่รุนแรงมันแผลงฤทธิ์
รอยแผลพิษมันนานจนป่านนี้

อยู่ที่ไหนไปที่ไหนก็ใจหาย
มันวาบวายหวนคะนึงถึงที่นี่
แล้วก็เก็บความหม่นไหม้ไว้ทุกที
ประสาคนเจ็บที่ไม่มีใจ

มาดูกลีบรักเกลื่อนริมเขื่อนแก้ว
จวบจนแนวแดดอ่อนสะท้อนไหว
ดอกรักคว้างปลิวว่อน,ใบซ้อนใบ
จมดิ่งในความหมองของแม่ปิง

แพรวพรรณ  อุดมธนะธีระ
ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หากสิทธิ์ของสายใย ไม่สงวน...(ครับ)
26 กรกฎาคม 2009, 10:49:AM
สายใย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 600
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,700


ช่างเขาเฮอะ


เว็บไซต์
« ตอบ #61 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2009, 10:49:AM »
ชุมชนชุมชน

         ร่วมกลอนรัก      (เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์)     

หัวใจรักเจ้าเอยช่างเอ่ยเอื้อน                       แว่วแว่วเหมือนมาตามมาถามข่าว
มีน้ำอย่างหยาดแก้วกลบแววดาว๑              เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง๒

อารมณ์รักมักให้เห็นเป็นกวี                        ถ้อยคำรักคือวลีที่เริงรุ่ง
ถึงไม่จำแต่ไม่ลืมยังปลื้มปรุง                       หอมแห่งทุ่งดอกไม้รักรายรอง

อ้อมกอดพี่จะสงวนไม่ด่วนเสนอ                อ้อมตักเธอจงถนอมก่อน ยอมสนอง
ทั้งคมคำคมความให้ตามตรอง                     กระเทือนห้องหัวใจกันหลายชั้น

ดอกรักบานในใจใครทั้งโลก                     แต่ดอกโศกบานอยู่ในหัวใจฉัน
คนเคยรักเคยร้างเคยห่างกัน                      ยังหวั่นหวั่นหวามหวามอยู่รำไร

โอ้นกเขาเจ้าขันกระชั้นแจ้ว                     เราโตแล้วหาตักอุ่นหนุนไม่ได้๕
ถ้าไม่ไปหาเขาเราเสียใจ                        แต่ถ้าไปหาเขาเราเสียตัว๖

ทั้งเสียวสะแสบไส้กระไรเลย                       อุแม่เอ๋ยเอาหัวใจออกไขทั่ว
กล้าก็กล้าใจหนอกลัวก็กลัว                       เหมือนมายั่วมาย้ำมานำชัก
ขณะที่ปากมีไว้เพื่อให้พูด                       เธอก็ใช้ลิ้นการฑูตพูดเสียหนัก
ส่วนหัวใจมีไว้เพื่อให้รัก                         เธอไม่ยักใช้มัน...ฉันเสียดาย๗


เหมือนระย้าผกาแก้วแววระยับ                 กระทั่งกับภูผาน่าใจหาย๘
คือดวงแก้วแห่งรักมักวับวาย                      มีแต่จะตกกระจายไม่วายเว้น

หนึ่งจะมีรักใหม่อย่าให้รู้                        สองจะอยู่กับใครอย่าให้เห็น
ให้ฉันเถิดขอร้องสองประเด็น                  แล้วจะเป็นผู้แพ้ที่แท้จริง๙

สารพันสารพัดจะสัตย์ซื่อ                          ความรักคือความทุกข์ถูกทุกสิ่ง
ประเดี๋ยวสุขสมหมายก็พรายพริ้ง                 ประเดี๋ยวยิ่งปวดร้าวก็เศร้าทรุด

ถ้ารักใครไม่ได้ก็ไม่รัก                           แต่กุจักชักดาบเข้าฉาบฉุด
ดั่งโคถึกคึกคะนองลำพองรุด                   ใครจะยื้อใครจะยุดจะฉุดใจ๑๐


เมื่อรักกันไม่ได้ก็ไม่รัก                          ไม่เห็นจักเกรงการสถานไหน
ไม่รักกุกุก็จักไม่รักใคร                           เอ๊ะ  น้ำตากุไหลทำไมฤๅ๑๑


ข้อยฉวยช้อนกลอนรักมาถักร้อย                  เป็นสายสร้อยดอกไม้สร้อยลายสือ
มอบไว้เป็นของขวัญมั่นกับมือ                     เสมอสื่อสารรู้...ใจสู่ใจ

                              .........................................
๑  ตุลย์เทพ     สุวรรณจินดา                      ๒  อังคาร     กัลยาณพงศ์     
๓  สวัสดิ์     ธงศรีเจริญ                           ๔  เฉลิมศักดิ์     ศิลาพร
๕ นิภา     บางยี่ขัน                                 ๖  กรรณิการ์     เฮงรัศมี
๗  รังษี     บางยี่ขัน                                 ๘  อุชเชนี
๙  สนธิกาญจน์     กาญจนาสน์                 ๑๐  ขรรค์ชัย     บุญปาน
๑๑  สุจิตต์     วงษ์เทศ                           

จากคุณ : ศาลาไทย (salathai)  - [ 10 มิ.ย. 46 08:15:12 ]
จากเว็บไซท์ : http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/W2311960/W2311960.html

 

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หากสิทธิ์ของสายใย ไม่สงวน...(ครับ)
20 สิงหาคม 2009, 01:56:PM
สายใย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 600
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,700


ช่างเขาเฮอะ


เว็บไซต์
« ตอบ #62 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2009, 01:56:PM »
ชุมชนชุมชน

ลำนำจาก....."มะลิป่า"

คืนพระจันทร์เต็มดวงบนห้วงหาว
มะลิขาวบานไสวใกล้บ้านป่า
ซึ่งกำลังชูช่อลออตา
แข่งกับกลิ่นดอกหญ้านานาพันธุ์

บนเนินดินผืนน้อยมีรอยแต้ม
หญ้าปรกแซมเบาบางกีดขวางกั้น
เมื่อราหูเข้าข่มอมพระจันทร์
มะลิขาวดอกนั้นเริ่มสั่นเทา

ยางจากกิ่งรินไหลเมื่อใกล้สาง
แว่วเสียงครางระงมแรงลมเป่า
แมลงหวี่แห่งสังคมผมดอกเลา
กำลังเฝ้าดื่มดอมหลอมดวงไฟ

กับหยาดฝนบางบางระหว่างถ้ำ
เริ่มชุ่มฉ่ำแผ่นพื้นการลื่นไหล
ในความหนาวเกี่ยวกระชับอย่างจับใจ
ความเคลื่อนไหวลึกซึ้งส่งถึงกัน

สว่างโรจน์โชติช่วงในห้วงนึก
วัดความลึกเคลื่อนไหวดวงใจสั่น
ปรารถนาเดินเรียบและเฉียบพลัน
ไฟสวรรค์แผดเผาในเตาทิพย์

อย่างอ่อนโยนคุกคามตามสภาพ
และเอิบอาบรสลิ้นกินดื่มจิบ
อัตราเร่งแห่งหัวใจไหวระยิบ
ล่องลอยลิบเลือนลางอย่างซาบซึ้ง


เกือบจะถึงจุดหมายอยู่หลายครั้ง
การหยุดยั้งรอไว้การไปถึง
โดยพร้อมเพรียงกับเวลาอันตราตรึง
ในที่ซึ่งเป้าหมายสุดสายธาร

แล้วบทเพลงจากสวรรค์ก็พลันจบ
สุขสงบเงียบงันจุดบรรสาน
การรอคอยดวงไฟในดวงมาน
ช่างเนิ่นนานที่สุด คนจุดไฟ.......

มะลิขาวดอกหนึ่งซึ่งไร้กลิ่น
เริ่มโบยบินจากก้านสู่บ้านใหม่
การเดินทางต่างถิ่นแผ่นดินไกล
สู่กลิ่นไออาภาและอาภรณ์


เงาลางลางสถานที่อันลี้ลับ
ความย่อยยับโหดเหี้ยมถูกเสี้ยมสอน
เป็นมะลิร้อยมาลัยดับไฟร้อน
ในสังคมสำส่อนอย่างเสรี

ด้วยราคาแพงมากจากบ้านป่า
ค่อยลดลงด้วยราคาค่อนข้างถี่
กลีบเริ่มด้านก้านเริ่มดำคร่ำราตรี
อยู่ที่นี่หรือที่ไหนไม่สำคัญ

มะลิยังเดินทางไปข้างหน้า
ในอัตราร้อนแรงแฝงรอยฝัน
ยิ้มสดใสโหยหาใต้ตาวัน
เพื่ออะไร...เพื่อใครกัน...วันยาวนาน...........


การเดินทางช่วงสุดท้ายในสายหมอก
ทุกระลอกลมหายใจวาบไหวหวาน
คลับคล้ายเป็นภาพฝันเมื่อวันวาน
มองเห็นบ้านแต่ไกลในสายตา

กลีบดอกนิ่มริมทางบางระยับ
ยิ้มต้อนรับการเยือนเพื่อนร่วมป่า
"....เอ็งทุกข์สุขอย่างไรไปใหนมา
ไม่เห็นหน้านึกหวั่นอันตราย...."

"ข้าเดินทางไปที่โน่นโพ้นขอบฟ้า
ไร้ต้นไม้ใบหญ้าข้าเหนื่อยหน่าย
ป่าคอนกรีตสับสนคนมากมาย
ข้าถูกขายเป็นสินค้าในป่าคน"


"เอ็งช่างเก่งช่างกล้าสารพัด
อยู่ป่าชัฏรับรองไม่หมองหม่น
ฟังเขาว่าคนที่นั่น (ปัญญาชน)
พวกข้าบ่นถึงเอ็งไม่เว้นวัน"

".......ข้ากลับมาวันนี้สู่ที่พัก
ด้วยความรักแผ่นดินถิ่นสุขสันต์
ความหลังข้าหากมีบ้าง ช่างหัวมัน
ข้าจะเป็น (ดวงจันทร์) แต่วันนี้......."

นิรินธน์  ศรีรักษา
ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หากสิทธิ์ของสายใย ไม่สงวน...(ครับ)
23 กันยายน 2009, 06:01:PM
สายใย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 600
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,700


ช่างเขาเฮอะ


เว็บไซต์
« ตอบ #63 เมื่อ: 23 กันยายน 2009, 06:01:PM »
ชุมชนชุมชน


"เพลงชาติ"

ของ นภาลัย  (ฤกษ์ชนะ)สุวรรณธาดา
ใน ดอกไม้ใกล้หมอน

ธงชาติไทยไกวกวัดสะบัดพลิ้ว
แลริ้วริ้วสลับงามเป็นสามสี
ผ้าผืนน้อยบางเบาเพียงเท่านี้
แต่เป็นที่รวมชีวิตและจิตใจ

ชนรุ่นเยาว์ยืนเรียบระเบียบแถว
ดวงตาแน่วนิ่งตรงธงไสว
"ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย"
ฟังคราวใดเลือดซ่านพล่านทั้งทรวง

ผืนแผ่นดินถิ่นนี้ที่พำนัก
เราแสนรักและแสนจะแหนหวง
แผ่นดินไทยไทยต้องครองทั้งปวง
ชีพไม่ล่วงใครอย่าล้ำมาย่ำยี

เธอร้องเพลงชาติไทยมั่นใจเหลือ
พลีชีพเพื่อชาติที่รักทรงศักดิ์ศรี
เพลงกระหึ่มก้องฟ้าก้องธาตรี
แม้ไพรีได้ฟังยังถอนใจ

แต่สิ่งหนึ่งซึ่งไทยร้าวใจเหลือ
คือเลือดเนื้อเป็นหนอนคอยบ่อนไส้
บ้างหากินบนน้ำตาประชาไทย
บ้างฝักใฝ่ลัทธิชั่วน่ากลัวเกรง

ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง
แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง
จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง!
         ...............

บทกวีชุดนี้ประกวดที่ สถานีวิทยุแห่งหนึ่ง ใน พ.ศ. ๒๕๑๐ ได้รับรางวัลชนะเลิศ

ขอบคุณ http://writer.dek-d.com/pitchy_on/blog/?blog_id=10006489
 และ     http://chakkrishanamanivarna.spaces.live.com/blog/cns!91D2E77BAB7015!522.entry
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หากสิทธิ์ของสายใย ไม่สงวน...(ครับ)
26 กันยายน 2009, 04:35:PM
สายใย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 600
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,700


ช่างเขาเฮอะ


เว็บไซต์
« ตอบ #64 เมื่อ: 26 กันยายน 2009, 04:35:PM »
ชุมชนชุมชน

+ ลืมฉันทลักษณ์บ้างก็ได้

๏ ความดีมิได้มีแต่ในวัด
หรือจำกัดอยู่ในกรอบราชฐาน
ในหุบห้วยตรวยโตรกตรอกโซรกธาร
เป็นหนึ่งในย่อมย่านของความดี

๏ คนดีใช่จะมีแต่ผ้าเหลือง
หรือทรงเครื่องเรืองจำรัสรัศมี
ที่ร่องแร่งรุ่มร่ามตามพงพี
ก็มากมีธรรมครองอย่างทองคำ

๏ ของดีใช่จะมีแต่ในโบสถ์
หรือรุ่งโรจน์เรืองอยู่ราชูปถัมภ์
ใต้สมุทรสุดลึกอันดึกดำ
ในเถื่อนถ้ำของดีก็มีมูล

๏ คำดี,ดี มีในสมุดข่อย
มากน้อยก็ยังอยู่ไม่รู้สูญ
ทั้งคำคล้องจองกันอันจำรูญ
ทั้งคำพูดพร้อมพูนเป็นคำคน

๏ คำดี,ดี มีแสดงบนแท่งหิน
บ้างขาดวิ่นอ่านกลับกันสับสน
ก็เป็นคำงามงอนไม่ซ่อนกล
เป็นนิพนธ์คำ,คำ ก็งามดี

๏ ไม่มีกรอบกรองคำก็งามได้
อยู่แต่ใครจะไปถึงซึ่งได้ที่
เมื่อสำนึกลึกซึ้งถึงกวี
มีไม่มีฉันทลักษณ์ไม่รู้แล้ว ๚ะ๛
--------------
สุจิตต์ วงษ์เทศ
ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หากสิทธิ์ของสายใย ไม่สงวน...(ครับ)
02 ตุลาคม 2009, 01:38:PM
สายใย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 600
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,700


ช่างเขาเฮอะ


เว็บไซต์
« ตอบ #65 เมื่อ: 02 ตุลาคม 2009, 01:38:PM »
ชุมชนชุมชน

                         เพลงยาวพระยาตรัง
๐ ...........................................ขาวเหลืองเรืองศรีวอเชียรฉาย
แสนสวาทมิได้ขาดทิวาวาย...........เสน่ห์หมายวัชชิรัตน์อลงกรณ์
๐ แสงสว่างกระจ่างแจ่มจับเนตร....วันประเวศบนวิบูลยสิงขร
แม้นเรืองฤทธิ์เหมือนวิทยาธร........จะเขจรแหวกเมฆไปเมียงชม
๐ พื้นหัตถ์จะประชีสำลีรอง...........จะประคองช้อนชูมาสู่สม
แสนสงวนมิให้ต้องละอองลม........จะวางชมบนพื้นสุมาลี
๐ วัดถาเวียนวงจงประดับ..............มิให้อับอ่อนแสงมณีศรี
จะแนบไว้ในอุราทุกนาที...............อันราคีมิให้ปนระคนพาล
๐ นี้สุดยากที่จะบากอารมณ์ถวิล.....ทั้งเดินดินแล้วก็ขลาดไม่อาจหาญ
ตั้งแต่ทนเทวษช้ำระกำนาน............ก็นับวารวายชีพนิราทวา
๐ เพราะขนิษฐ์แลได้คิดภิรมย์รัก....เสน่ห์หนักในเพศแห่งเชษฐา
ไม่สมหมายก็ไม่วายจินตนา...........จะฝืนฝ่าฝากรักก็สุดใจ
๐ อนุชาเหมือนว่ายวนวาเรศ..........ลอยประเวศตามสายชลาไหล
จะบ่ายหน้าหาฝั่งก็ยังไกล.............จะพึ่งพักขอนไม้ไม่ทานตน
๐ อันสัดจองนาวาก็หายาก............จะเบือนบากพึ่งใครก็ขัดสน
แต่เวียนว่ายอยู่ในสายทะเลวน.......แสนทุพพลยอดยากลำบากกาย
๐ เห็นแต่พี่แลจะชูชีวิตน้อง...........ช่วยประคองขึ้นให้พ้นกระแสสาย
เมื่อการุญทำคุณไว้ไม่ตาย............จะบากบ่ายนำเสน่ห์สนองกัน
๐ ไม่ลืมคุณอุปการคุณวันหน้า........จะม้วยดินสิ้นฟ้าสุธาสวรรค์
เชิญสมานการโดยระบอบบรรพ์......วานอย่าฉันทาเคียดรังเกียจกวน
๐ เชิญสนองในคลองเสน่ห์มิตร......คำนึงคิดอยู่ในฤๅทัยสงวน
ถ้ารับรักแล้วอย่ารักให้เรรวน..........วานอย่าม้วนสวาทไว้ให้เนิ่นนาน
๐ เชิญร่วมอารมณ์ภิรมย์รัก.............ให้สมศักดิ์สมสวาทในมาศฐาน
อย่าแหนงรักเลยว่าจะพลันราน.......สดับสารแล้วอย่าคิดระแวงแคลง
๐ ประการใดในประเพณีสวาท.......ขอประสาทเสน่ห์ไว้ไม่ควรแถลง
หนึ่งเชษฐาถึงจักว่ารักแรง............จงให้แจ้งแต่รับไมตรีตรอง
๐ เอ็นดูเถิดที่ธุระทุรารัก................เห็นแก่พักตร์เถิดจงเยื้อนเสน่ห์สนอง
ดำริรักแล้วอย่าคิดให้ผิดคลอง.......ไมตรีประคองอย่าให้สูญสวาทเอย..ฯ

           พระยาตรังคภูมาภิบาล(กวีในสมัย ร.๒)


ขอบคุณที่มา  : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&group=11
ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หากสิทธิ์ของสายใย ไม่สงวน...(ครับ)
05 ตุลาคม 2009, 10:42:AM
ไอ้จ่อย
LV4 นักเลงประจำหมู่บ้าน
****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 18
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 57



« ตอบ #66 เมื่อ: 05 ตุลาคม 2009, 10:42:AM »
ชุมชนชุมชน


แด่...กวีสิงห์ผู้ยิ่งใหญ่

ประพันธ์โดย  คุณสมบัติ  ตั้งก่อเกียรติ
สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย


บทกวีอ่านที่ไหนได้ทั้งนั้น
อย่าอ่านกันเปะปะข้างถนน
เห็นแล้วอายขายหน้าประชาชน
มันสุดทน ค่ำชำเรา เช้าชำรุด

พิศวง "วงกวีกระวาด" วิ่น
ชอบอ้างฟ้าหากินไม่สิ้นสุด
เสียศักดิ์ศรีที่เกิดมาเป็นมนุษย์
ข้าขอ "ทุด" สักคำให้หนำใจ

บทกวีชี้ทางข้างคนผิด
พันธมิตร "กวีสิงห์ผู้ยิ่งใหญ่"
พฤติกรรมสำแดงเปลี่ยนแปลงไป
ล้ม "ประชาธิปไตย" ได้ลงคอ

เกิดอะไรขึ้นหรือช่วยสื่อสาร
ไยรับใช้ "เผด็จการ" วานบอกต่อ
เหมือนอดอยากปากแห้งแกล้งสอพลอ
น้ำลายสอลื่นไหลจนใจลอย

กับเศษเงิน "เอ็น จี โอ" โอ้อนาถ
ทำกวีแห่งชาติเป็นทาสถ่อย
หักหาญใจ ไทยทั่วหล้า น้ำตาปรอย
กวีเล็ก กวีน้อย พลอยอาดูร

มีปัญญาน่าจะรู้อยู่เต็มอก
ขุมนรกตรงหน้าจะพาสูญ
แม้วันนี้มีทรัพย์นับพอกพูน
คือกองกูณฑ์ กิเลส ถมเศษคน


ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
07 ตุลาคม 2009, 04:34:PM
สายใย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 600
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,700


ช่างเขาเฮอะ


เว็บไซต์
« ตอบ #67 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2009, 04:34:PM »
ชุมชนชุมชน

แทนไมตรี

คืนจันทร์เพ็ญเด่นฟ้าโลมหล้ารื่น
เคยชมชื่นมโหรีที่แว่วหวาน
แต่นี้ไปไม่ปรากฏแม้รสกานท์
กล่อมดวงมานเหมือนเก่าน่าเศร้าใจ

คิดถึงคำช้ำอุรานิจจาเอ๋ย
ก่อนนี้เคยวาบวับชวนหลับไหล
ยิ่งพระพายชายพาสุมาลัย
กำซาบในนาสายิ่งอาวรณ์

ชื่นอะไรไม่เท่าคำมิตรฉ่ำชื่น
ทุกข์ใดอื่นไม่ทุกข์ดังความหลังหลอน
หวานใดเล่าเท่าหวานแห่งกานท์กลอน
จึงร้าวรอนยามเธอจากพลัดพรากไป

ขอกลอนดลมนตร์ผ่านละหานห้วย
พระพายช่วยพัดพลิ้วละลิ่วไหว
สกุลเกริ่นลำนำนี้ระรี่ไกล
สู่ห้องใจเธอแม้นแทนดนตรี

กระซิบสั่งกวีวากย์ฝังฝากจิต
ว่ามิ่งมิตรห่วงใยไม่แหนงหนี
หากไม่เลือนเพื่อนใจเคยไยดี
เธอจงมีจิตชื่นคิดคืนมา

สมประสงค์  สถาปิตานนท์   (สุภาพสตรี .... นักกลอน)
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หากสิทธิ์ของสายใย ไม่สงวน...(ครับ)
27 มกราคม 2010, 02:08:PM
สายใย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 600
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,700


ช่างเขาเฮอะ


เว็บไซต์
« ตอบ #68 เมื่อ: 27 มกราคม 2010, 02:08:PM »
ชุมชนชุมชน

แก้ว...

ขอเขียนกลอนถึงแก้วที่แวววับ
ก่อนแก้วลับดับรักอีกสักหน
เก็บหวงแหนแขวนไว้เหนือใจตน
แหวะกมลออกมาผ่าดูที

ความเหลื่อมล้ำค้ำกลางระหว่างรัก
จะละศักดิ์สมรสก็หมดศรี
ทนรอท่ายาจกเกือบหกปี
ป่านฉะนี้อาภัพน่าอับอาย

จะรักสัตย์ซื่อต่อก็เสียหน้า
จะร้างราเลิกรอก็เสียหาย
จะฝืนสาวเล่าหนอก็เสียดาย
กลืนหรือคายมันก็ฝืดพะอืดพะอม

เห็นใจแก้วเก้าสีที่สุดแล้ว
แก้วคู่แก้วโดยเฉพาะจึงเหมาะสม
หากลดเกียรติเกลือกกรวดอวดสังคม
แก้วจะจมกรวดจ้อยถอยราคา

ยอมคว้านใจจำฝืนคืนพันธะ
เสียสละแก้วขวัญแก้ปัญหา
ลืมเสียเถิดลืมอดีตกรีดน้ำตา
แก้วล้ำค่ายังพิสุทธิ์ประดุจดาว

ขอโทษใจใฝ่สูงอุ้มเท้าแก้ว
แก้วเหยียบแล้วขอให้ลือกันอื้อฉาว
เป็นประกาศนียบัตรขจัดคาว
ส่งแก้วสาวก้าวสู่สิ่งคู่ควร

สวัสดิ์    ธงศรีเจริญ


ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หากสิทธิ์ของสายใย ไม่สงวน...(ครับ)
04 กุมภาพันธ์ 2010, 04:11:PM
สายใย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 600
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,700


ช่างเขาเฮอะ


เว็บไซต์
« ตอบ #69 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2010, 04:11:PM »
ชุมชนชุมชน

ผลงานของ วิจิตร ปิ่นจินดา ใน นิราศกรุงเก่า ๒๕๑๑
ตอบคำที่มีผู้โจมตีคนเขียนกลอนรักว่า เป็นพวก ”เขียนกลอนหาผัวหาเมีย”



มีความคิดวิตถารสันดานเขลา
ชอบทำลายของเก่าให้เสื่อมศรี
เช่นกาพย์กลอนอ่อนหวานธารวจี
สุนทรีของหัวใจแต่ไรมา

กลับแสดงความเห็นให้เด่นโก้
ที่แท้โง่งมงายน่าขายหน้า
ว่าเป็นกลอนหาผัวเมียเสียวลา
ไร้คุณค่าควรสนองกันสองคน

ไม่ควรมาปรากฏให้อดสู
ควรอ่านอยู่น้องกับพี่พอมีผล
โอ้นี่หรือวาจาปัญญาชน
ว่าควรตนอ่านเพียงบนเตียงนอน

ความคิดต่ำทรามถ่อยถ้อยสถุล
บอกสกุลวงศาเพียงกาสร
ไม่เข้าใจในรสของบทกลอน
เที่ยวขอดค่อนปากกล้านึกว่าคม

ที่แท้ก็ความคิดติดคับแคบ
ปมด้อยแอบแฝงในใจขื่นขม
ตนเคยเรียนเขียนอยู่ไร้ผู้ชม
ไม่มีใครนิยมคารมตน

อันกลอนรักมักมิตรชอบขีดขียน
แต่ว่ายากจะพากเพียรให้เห็นผล
เพราะกลอนรักเขียนให้ซึ้งใจคน
ใช่ฝีมือ พลพล จะเขียนเป็น ฯ


ต่วย’ตูน ฉบับพ็อกเก็ตบุ๊ค  ธันวาคม ๒๕๓๓
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หากสิทธิ์ของสายใย ไม่สงวน...(ครับ)
24 มิถุนายน 2010, 04:42:PM
สายใย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 600
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,700


ช่างเขาเฮอะ


เว็บไซต์
« ตอบ #70 เมื่อ: 24 มิถุนายน 2010, 04:42:PM »
ชุมชนชุมชน

กลอนดี ๆ จากวาณิช จรุงกิจอนันต์


เราจะลาจากกันแล้ววันนี้
ทั้งทั้งที่หวาดผวาและว้าเหว่
ฉันคือเรืออิสระล่องทะเล
จะโล้เร่ร้างไกลฝั่งใจเธอ

เสียดายวันสงสารวัยความใกล้ชิด
ไกลกันนิดก็ปานว่าน้ำตาเอ่อ
ละไมยิ้มพิมพ์หัวใจละไมละเมอ
คงยิ้มเก้อแล้วละหนอต่อแต่นี้

โถ...รอยเท้าก้าวหรือถอยก็รอยเท้า
เมื่อเราก้าวกันใกล้ในทุกที่
จะเร้นรอยให้ฝันร้ายอีกหลายปี
เมื่อไม่มีรอยเท้ามาก้าวเคียง

เสียงหัวเราะเคยล้อต่อกระซิก
รินระริกดังน้ำรินก็สิ้นเสียง
เคยสำเหนียกลำนำถ้อยสำเนียง
จะเหลือเพียงลำนำในสำนึก

คืนที่เคยนั่งคู่กันดูดาว
จะนั่งเดียวเดี่ยวหนาวเมื่อคราวดึก
ตาสบตาบอกความหมายล้ำลึก
จะรู้สึกได้อย่างไรเมื่อไกลตา

หวั่นว่าห่วงเสน่หาลับลาหาย
มั่นใจหมายกลับมาเห็นเพ็ญดวงหน้า
นี่มิใช่คำมั่นแห่งสัญญา
แต่ทว่า เป็นคำฝากจากหัวใจ

รักแค่เพียงคำพูดพิสูจน์ยาก
แต่เมื่อจากคงพิสูจน์คำพูดได้
ใจของเราเราย่อมรู้อยู่ที่ใคร
กับคนใกล้หรือคนไกลใจคงรู้

ฉันมิใช่ขุนน้ำมีตำหนัก
เพียงมีแรงแห่งรักเป็นนักสู้
เธอคือคนที่จะเปิดประตู
ฉันไปสู่สนามชัยในชีวิต

ขอบคุณอย่างมากจากหัวใจ
ที่กล้าให้โอกาสซึ่งอาจผิด
เพราะอย่างน้อยชีวิตนี้ก็มีทิศ
หมายนิมิตสิ่งซึ่งฝันถึงมัน

ไม่ต้องคิดถึงวันที่ฉันกลับ
ไม่ต้องนับวันเวลารอท่าฉัน
ขอให้คิดถึงบ้างเพียงบางวัน
และสวดมนต์ให้กันเท่านั้นพอ

เก็บดอกไม้แห่งกมลไว้บนหิ้ง
อย่าทอดทิ้งให้เศร้าอับเฉาช่อ
ขอน้ำตาสักหนึ่งหยดรดไว้คลอ
และการรอจะช่วยให้ดอกไม้บาน

ฉันลาก่อน...เขียนกลอนลาว้าเหว่นัก
และกลอนรักคงจะไร้ยามไกลบ้าน
หลังการลาเริ่มการรอทรมาน
ฉันเกรงการกลับมาเก้อ เมื่อเธอลืม



หนังสือพิมพ์ มติชนรายสัปดาห์
คอลัมน์ วาณิช จรุงกิจอนันต์
วันที่ 08 เมษายน พ.ศ. 2545 ปีที่ 22 ฉบับที่ 1129
ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หากสิทธิ์ของสายใย ไม่สงวน...(ครับ)
23 กรกฎาคม 2010, 10:33:AM
สายใย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 600
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,700


ช่างเขาเฮอะ


เว็บไซต์
« ตอบ #71 เมื่อ: 23 กรกฎาคม 2010, 10:33:AM »
ชุมชนชุมชน

 
หัวใจที่ชาเย็น

เธอแย้มเยื้อนเย้ากมลจนไหวหวั่น
ทุกทุกวันซึ้งสนิทเกินปลิดหาย
จะกี่เดือนกี่ปีไม่มีคลาย
เหมือนกับสายเจ้าพระยาตราบตาปี

เราจากกันแต่ตัวหัวใจซึ้ง
ครุ่นคะนึงห่วงถวิลทุกถิ่นที่
นานเหมือนนับกัปกัลป์พันทวี
เมื่อเรามีโอกาสใกล้ใหม่อีกครั้ง

หวิวและหวามความสัมพันธ์วันเก่าเก่า
รุกรุมเร้าหัวใจให้ความหวัง
หวังให้หวังครั้งนี้อยู่จีรัง
เสมือนดังตั้งจิตเตือนติดตา

คิดว่ารักจักอยู่เคียงคู่รัก
คิดว่าหลักคงไม่คลอนรอนคุณค่า
คิดว่าแกร่งเกินแผนแผ่นศิลา
และคิดว่ามั่นคงจำนงนัย

แต่ชีพกร้านกร้าวฉกรรจ์ทุกวันนี้
ไม่เหมือนที่จิตฉันเคยหวั่นไหว
กลับคล้ายลมพลิ้วเฉยผ่านเลยไป
ในหัวใจชาเย็นเหมือนเช่นเดิม

สุรีย์ พันเจริญ (ลาวแพน)
 


ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หากสิทธิ์ของสายใย ไม่สงวน...(ครับ)
23 กรกฎาคม 2010, 10:54:AM
สายใย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 600
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,700


ช่างเขาเฮอะ


เว็บไซต์
« ตอบ #72 เมื่อ: 23 กรกฎาคม 2010, 10:54:AM »
ชุมชนชุมชน


ฉันเสียใจ

อยากสอยดาวพราวพร้อยเป็นสร้อยศอ
อยากจะทอใยแขเป็นแพรสี
แต่เป็นเพียงภาพสร้างอย่างกวี
จึงสุดที่เสกสรรค์กำนัลเธอ

อยากจะร้อยสร้อยทองเป็นของขวัญ
อยากกำนัลแพรสีที่ขายเกร่อ
แต่เป็นคนจนยากกว่าหลากเกลอ
เกินบำเรอขวัญได้สมใจรัก

อยากประดิษฐ์คิดร้อยสายสร้อยเศร้า
สาวใยเหงาใยหงอยมาร้อยถัก
เป็นรูปพจน์บทกลอนสุนทรลักษณ์
เธอคงจักขำเยาะเพราะค่าไร้

มีเพียงรักสีมุกด์คราวขุกเข็ญ
พอร้อยเป็นสร้อยศอคล้องคอให้
พร้อมกับความหวังดีที่เปี่ยมใจ
ทอแทนไหมแพรห่มกันลมลวง

คนดี
รู้ไหมที่ฉันเร้นความเป็นห่วง
ซึ่งเคยเลวเหลวไหลเกินใครปวง
เหมือนไม่ห่วงเธอนั้น...ฉันเสียใจ


ถาวร  บุญปวัตน์
ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หากสิทธิ์ของสายใย ไม่สงวน...(ครับ)
31 กรกฎาคม 2010, 02:39:PM
♥▬รู้ว่ารัก▬♥
LV5 ศิลปินเอกแห่งตำบล
*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 9
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 94



« ตอบ #73 เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2010, 02:39:PM »
ชุมชนชุมชน

ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง
มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา
โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา
ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย
ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเร็จ
สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย
ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย
ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป
ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืนฯ

กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "เพลงยาวถวายโอวาท
ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

●█〓██▄▄▄▄▄▄▄▄
▄▅██████▅▄▃▂
█████████████████
◥⊙▲⊙▲⊙▲⊙▲⊙▲⊙◤
ช่วยโหวตหน่อยนะครับอยากจะได้ขึ้นคาสคะเเนนมี2ครับตอนนี้
31 กรกฎาคม 2010, 02:41:PM
♥▬รู้ว่ารัก▬♥
LV5 ศิลปินเอกแห่งตำบล
*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 9
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 94



« ตอบ #74 เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2010, 02:41:PM »
ชุมชนชุมชน

๏ ถึงเกาะเกิดเกิดเกาะขึ้นกลางน้ำ เหมือนเกิดกรรมเกิดราชการหลวง
จึงเกิดโศกขัดขวางขึ้นกลางทรวง จะตักตวงไว้ก็เติบกว่าเกาะดิน
รำพึงพายตามสายกระแสเชี่ยว ยิ่งแสนเปลี่ยวเปล่าในฤทัยถวิล
สักครู่หนึ่งก็มาถึงบางเกาะอิน กระแสสินธุ์สายชลเป็นวนวัง
อันเท็จจริงสิ่งนี้ไม่รู้แน่ ได้ยินแต่ยุบลแต่หนหลัง
ว่าที่เกาะบางอออินเป็นถิ่นวัง กษัตริย์ครั้งครองศรีอยุธยา
พาสนมออกมาชมคณานก ก็เรื้อรกรั้งร้างเป็นทางป่า
อันคำแจ้งกับเราแกล้งสังเกตตา ก็เห็นน่าที่จะแน่กระแสความ
แต่เดี๋ยวนี้มีไม้ก็ตายโกร๋น ทั้งเกิดโจรจระเข้ให้คนขาม
โอ้ฉะนี้แก้วพี่เจ้ามาตาม จะวอนถามย่านน้ำพี่ร่ำไปฯ
   
๏ ถึงเกาะพระที่ระยะสำเภาล่ม เภตราจมอยู่ในแควกระแสไหล
ถึงเกาะเรียนโอ้เรียมยิ่งเกรียมใจ ที่เพื่อนไปเขาก็โจษกันกลางเรือ
ว่าคุ้งหน้าท่าเสือข้ามกระแส พี่แลแลหาเสือไม่เห็นเสือ
ถ้ามีจริงก็จะวิ่งลงจากเรือ อุทิศเนื้อให้เป็นภักษ์พยัคฆา
ไม่เคยตายเขาบ่ายนาวาล่อง เข้าในคลองตะเคียนให้โหยหา
ระยะย่านบ้านช่องในคลองมา ล้วนภาษาพวกแขกตะนีอึง
ดูหน้าตาก็ไม่น่าจะชมชื่น พี่แข็งขืนอารมณ์ทำก้มขึง
ที่เพื่อนเราร้องหยอกมันออกอึง จนเรือถึงปากช่องคลองตะเคียนฯ
   
๏ เห็นวัดวาอารามตามตลิ่ง ออกแจ้งจริงเหลือจะจำในคำเขียน
พระเจดีย์ดูกลาดดาษเดียร การเปรียญโบสถ์กุฏิ์ชำรุดพัง
ถึงวัดธารมาใหม่ใจระย่อ ของพระหน่อสุริย์วงศ์พระวังหลัง
อุตส่าห์ทรงศรัทธามาประทัง อารามรั้งหรือมางามอร่ามทอง
สังเวชวัดธารมาที่อาศัย ถึงสร้างใหม่ชื่อยังธาระมาหมอง
เหมือนทุกข์พี่ถึงจะมีจินดาครอง มงกุฎทองสร้อยสะอิ้งมาใส่กาย
อันตัวงามยามนี้ก็ตรอมอก แสนวิตกมาตามแควกระแสสาย
ถึงคลองสระปทุมานาวาราย น่าใจหายเห็นศรีอยุธยา
ทั้งวังหลวงวังหลังก็รั้งรก เห็นนกหกซ้อแซ้บนพฤกษา
ดูปราสาทราชวังเป็นรังกา ดังป่าช้าพงชัฏสงัดคนฯ
   
๏ อนิจจาธานินสิ้นกษัตริย์ เหงาสงัดเงียบไปดังไพรสณฑ์
แม้กรุงยังพรั่งพร้อมประชาชน จะสับสนแซ่เสียงทั้งเวียงวัง
มโหรีปี่กลองจะก้องกึก จะโครมครึกเซ็งแซ่ด้วยแตรสังข์
ดูพาราน่าคิดอนิจจัง ยังได้ฟังแต่เสียงสกุณา
ทั้งสองฝั่งแฝกแขมแอร่มรก ชะตาตกสูญสิ้นพระชันษา
แต่ปู่ย่ายายเราท่านเล่ามา เมื่อแรกศรีอยุธยายังเจริญ
กษัตริย์สืบสุริย์วงศ์ดำรงโลก ระงับโศกสุขสุดจะสรรเสริญ
เราเห็นยับยังแต่รอยก็พลอยเพลิน เสียดายเกิดมาเมื่อเกินน่าน้อยใจ
กำแพงรอบขอบคูก็ดูลึก ไม่น่าศึกอ้ายพม่าจะมาได้
ยังให้มันข้ามเข้าเอาเวียงชัย โอ้อย่างไรเหมือนบุรีไม่มีชาย
หรือธานินสิ้นเกณฑ์จึงเกิดยุค ไพรีรุกรบได้ดังใจหมาย
เหมือนทุกวันแล้วไม่คัณนาตาย ให้ใจหายหวั่นหวั่นถึงจันทร์ดวงฯ
   
๏ พี่ดูใจค่ายนอกออกหนักแน่น ดังเขตแคว้นคูขอบนครหลวง
ไม่เห็นจริงใจนางในกลางทรวง ชายทะลวงเข้ามาบ้างจะอย่างไร
ขอเทเวศร์เขตสวรรค์ชั้นดุสิต ดลใจมิตรอย่าให้เหมือนกับกรุงใหญ่
ให้เหมือนกรุงเราทุกวันไม่พรั่นใคร นั่นแลใจเห็นจะครองกับน้องนานฯ
   
๏ สุริยนเย็นสนธยาย่ำ ประทับลำเรือเรียงเคียงขนาน
เขาเรียกวัดแม่นางปลื้มลืมรำคาญ ใครขนานชื่อหนอได้ต่อมา
ช่างแปลงโศกให้เราปลื้มพอลืมรัก จะรู้จักคุณจริงไม่แกล้งว่า
พลพายนายไพร่บรรดามา หุงข้าวหาฟืนใส่ก่อไฟฮือ
พี่ตันอกตกยากจากสถาน เห็นอาหารหวนทอดใจใหญ่หือ
ค่อยขืนเคี้ยวข้าวคำสักกำมือ พอกลืนครือคอแค้นดังขวากคม
จะเจือน้ำซ้ำแสบในทรวงเสียว มีเค็มเปรี้ยวกล้ำกลืนก็ขื่นขม
กินประทับแต่พอรับกับโรคลม ครั้นค่ำพรมน้ำค้างอยู่พร่างพราย
ก็แรมรอนนอนวัดแม่นางปลื้ม พี่ไม่ลืมอาลัยให้ใจหาย
ทั้งไพร่นายนอนกลาดบนหาดทราย พงศ์นารายณ์นรินทร์วงศ์ที่ทรงญาณ
บรรทมเรือพระที่นั่งบังวิสูตร เขารวบรูดรอบดีทั้งสี่ด้าน
ครั้นรุ่งเช้าราวโมงหนึ่งนานนาน จัดแจงม่านให้เคลื่อนนาวาคลาฯ
   
๏ เข้าลำคลองหัวรอตอระดะ ดูเกะกะรอร้างทางพม่า
เห็นรอหักเหมือนหนึ่งรักพี่รอรา แต่รอท่ารั้งทุกข์มาตามทาง
พอเลี้ยวแหลมถึงท่าศาลาเกวียน ตลิ่งเตียนแลโล่งดังคนถาง
พี่ตั้งตาหาเกวียนสองข้างทาง หมายจะจ้างบรรทุกไปท่าเรือ
แต่ทุกข์รักก็เห็นหนักถนัดอก ถึงสักหกเจ็ดเกวียนก็เจียนเหลือ
แต่โศกรักมาจนหนักในลำเรือ เฝ้าเติมเจือไปทุกคุ้งรำคาญครันฯ
   
๏ ถึงบ่อโพงถ้ามีโพงจะผาสุก จะโพงทุกข์เสียให้สิ้นที่โศกศัลย์
นี่แลแลก็เห็นแต่ตลิ่งชัน ถึงปากจั่นตละเตือนให้ตรอมใจ
โอ้นามน้องหรือมาพ้องกับชื่อบ้าน ลืมรำคาญแล้วมานึกรำลึกได้
ถึงบางระกำโอ้กรรมระยำใจ เคราะห์กระไรจึงมาร้ายไม่วายเลย
ระกำกายมาถึงท้ายระกำบ้าน ระกำย่านนี่ก็ยาวนะอกเอ๋ย
โอ้คนผู้เขาช่างอยู่อย่างไรเลย หรืออยู่เคยความระกำทุกค่ำคืนฯ
   
๏ ถึงคุ้งแคว้นแดนพระนครหลวง ยิ่งโศกทรวงเสียใจให้สะอื้น
โอ้อกเอ๋ยยังจะไปอีกหลายคืน กว่าจะชื่นแทบช้ำระกำกาย
ถึงแม่ลาเมื่อเรามาก็ลาแม่ แม่จะแลแลหาไม่เห็นหาย
จะถามข่าวเช้าเย็นไม่เว้นวาย แต่เจ้าสายสุดใจมิได้มา
ถึงอรัญญิกยามแดดแผดพยับ เสโทซับซาบโทรมทั้งนาสา
ถึงตะเคียนด้วนด่วนรีบนาวามา ถึงศาลาลอยแลลิงโลดใจ
เงื้อมตลิ่งงิ้วงามตระหง่านยอด ระกะกอดเกะกะกิ่งไสว
พยุยวบกิ่งเยือกเขยื้อนใบ ถึงวังตะไลเห็นบ้านละลานแล
ถึงบ้านขวางที่ทางนาวาจอด เรือตลอดแลหลามตามกระแส
ถึงท่าเรือเรือยัดกันอัดแอ ดูจอแจจอดริมตลิ่งชุม
ที่หน้าท่ารารับประทับหยุด อุตลุดขนของขึ้นกองสุม
เสบียงใครใครนั่งระวังคุม พร้อมชุมนุมแน่นหน้าศาลารีฯ
   
๏ ฝ่ายพระหน่อสุริย์วงศ์ทรงสิกขา ขึ้นศาลาโสรจสรงวารีศรี
ข้างพวกเราเฮฮาลงวารี แต่โดยดีใจตนด้วยพ้นพาย
อุระเรียมเกรียมตรมอารมณ์ร้อน ระอาอ่านอกใจมิใคร่หาย
แลตลิ่งวิงหน้านัยน์ตาพราย หัวไหล่ตายตึงยอกตลอดตัว
ได้พึ่งเพื่อนเหมือนญาติเมื่อยามเข็ญ เขานวดเคล้นให้บ้างก็ยังชั่ว
พระอาทิตย์มืดมิดเข้าเมฆมัว ฟ้าสลัวแดดดับพยับไพร
กองคเชนทร์เกณฑ์ช้างยี่สิบเชือก มาจัดเลือกกองหมอขึ้นคอไส
ที่เดินดีขี่กูบไม่แกว่งไกว วิสูตรใส่สองข้างเป็นช้างทรง
แล้วผ่อนเกณฑ์กองช้างไว้กลางทุ่ง เวลารุ่งจะเสด็จขึ้นไพรระหง
ที่สี่เวรเกณฑ์กันไว้ล้อมวง พระจอมพงศ์อิศยมบรรทมพลันฯ
 
 

 สุนทรภู่

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

●█〓██▄▄▄▄▄▄▄▄
▄▅██████▅▄▃▂
█████████████████
◥⊙▲⊙▲⊙▲⊙▲⊙▲⊙◤
ช่วยโหวตหน่อยนะครับอยากจะได้ขึ้นคาสคะเเนนมี2ครับตอนนี้
31 กรกฎาคม 2010, 02:59:PM
ปาระ
Special Class LV4
นักกลอนรอบรู้กวี

****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 104
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 552



« ตอบ #75 เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2010, 02:59:PM »
ชุมชนชุมชน

ภัยร้ายของนักเรียน

เป็นนักเรียน เพียรศึกษา อย่าริรัก
ถูกศรปัก เรียนไม่ได้ ดั่งใจหมาย
สมาธิจะ หักเหี้ยน เตียนมลาย
ถึงเรียนได้ ก็ไม่ดี เพราะผีกวน

แต่เตือนกัน สักเท่าไร ก็ไม่เชื่อ
มันแรงเหลือ รักร้าย หลายกระสวน
หลอกพ่อแม่ มากมาย หลายกระบวน
หน้าขาวนวล ใจหยาบดำ ซ้ำละลาย

การเล่าเรียน เบื่อหน่าย คล้ายจะบ้า
ใช้เงินอย่าง เทน้ำเทท่า น่าใจหาย
ไม่เท่าไร ใจกระด้าง สิ้นยางอาย
หญิงหรือชาย เรียนไม่ดี สิ่งนี้เอง

มีสัจจะ ทมะ และขันตี
กตัญญู กตเวที อย่าโฉงเฉง
รักพ่อแม่ พวกพ้อง ต้องยำเกรง
เรียนให้เก่ง ให้ยิ้มแปล้ แก่ทุกคน ฯ
 
ท่านพุทธทาส

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

24 มีนาคม 2011, 09:25:AM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #76 เมื่อ: 24 มีนาคม 2011, 09:25:AM »
ชุมชนชุมชน


                          นิ้วมือ

                     นิ้วเอ๋ยนิ้วมือ
                     ห้านิ้วถือสิ่งใดได้ถนัด
                     ลองพินิจคิดดูก็รู้ชัด
                     ธรรมช่าติช่างจัดได้แยบคาย
                     หัวแม่มือชี้กลางนางนิ้วก้อย
                     ใหญ่และน้อยเรียงดีมีมุ่งหมาย
                     หากเท่ากันคงมิงามยามกรีดกราย
                     หมู่คณะก็คล้ายนิ้วมือเอย

                       ชอบใจๆ   อาจารย์ฐะปะนีย์  นาครทรรพ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตติกาล

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
24 มีนาคม 2011, 10:52:AM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #77 เมื่อ: 24 มีนาคม 2011, 10:52:AM »
ชุมชนชุมชน

                      สร้างสมัย
                       
                        หนึ่งเป็นสอง สองเป็นสาม สามเป็นสี่
                         สามัคคี คือพลัง สร้างสมัย
                          มือกระหวัด มัดหวาย แกร่งกายใจ
                           ผลักผาได้ ด้วยแรง แห่งผองเรา

                            ใจต่อใจ เข้าใจ ในใจกัน
                             เป็นใจหนึ่ง เท่านั้น บรรลุเป้า
                              ถ้าต่างใจ ต่างตัว ต่างมัวเมา
                               ถึงร้อยเท่า พันเท่า ก็เปล่าดาย

                                ไม่เห็นทิศ เห็นทาง ให้วางเท้า
                                 ก็เดินเปล่า เปื่อยไป ไร้ความหมาย
                                  มีธงชัย หมายมั่น ในบั้นปลาย
                                   ไม่ร่วมทาง ย่างกราย อย่าหมายคว้า

                                      ต้องยอมรับ ยอมรู้ ดูห่าฝน
                                       แต่อย่ายอม จำนน กับฝนห่า
                                        บางครั้งอาจ ต้องถอย คอยฝนซา
                                         แต่บางครั้ง ต้องกล้า ฝ่าฝนซัด   


       
                    สำนวนของ...กวีซีไรต์ ปี 2523  เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
                           

                           สาวกะปูอ่านแล้ว ก้ามแกร่งขึ้น..แกร่งขึ้น   ชอบใจๆ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตติกาล

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
24 มีนาคม 2011, 03:36:PM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #78 เมื่อ: 24 มีนาคม 2011, 03:36:PM »
ชุมชนชุมชน

     ชำระใจให้สะอาดปราศมลทิน

              ความคิดอยู่ในอากาศ
           ความพยาบาทอยู่ในหุบเหว
           ความรักอยู่ในเพลิงเปลว
           ความล้มเหลวอยู่ในวังวน

               ความสุขอยู่ในท้ิองฟ้า
           ความเมตตาอยู่ในสายฝน
           ความหลังอยู่ในสายชล
           ความทุกข์ทนอยู่ในหนทาง 

              ความงามอยู่ในสายลม
           ความเหมาะสมอยู่ในระหว่าง
           ความดีอยู่ในช่องกลาง
           ความเหินห่างอยู่ในเวลา
             
              ความขลาดอยู่ในยามค่ำ
            ความชอกช้ำอยู่ในห่วงหา
            ความเหงาอยู่ในแววตา
            ความหาญกล้าอยู่ในกมล

               ความรู้สึกจะสุขทุกข์ดีร้าย
            ความคิดจะคลับคล้ายหรือสับสน
            ความเป็นไปล้วนเกิดจากใจคน
            ความกังวลจะแสวงหานำพาไป

               จงเก็บความรู้สึกเป็นอาหาร
             เลือกรับทานของมีประโยชน์ไว้
             ของแสลงสิ่งเลวร้ายจึงทิ้งไกล
             ชำระใจให้สะอาดปราศมลทิน

     สำนวนของ..นันทพร  สิริลลัพธ์ (เชียงราย)     
     
             
                 
       ชอบใจๆ สาวกะปู..ชอบใจ จดไว้อ่าน    รวมผลงาน เจ๋งเจ๋ง ในเล่มใหญ่
                         สำนวนนี้ สื่อความคิด คิดได้ไง!  เปรียบ"ความ"ไป ใช่เลย! ทุกความคิด

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตติกาล

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
28 มีนาคม 2011, 09:04:PM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #79 เมื่อ: 28 มีนาคม 2011, 09:04:PM »
ชุมชนชุมชน

     

                                กล้วยไม้มีดอกช้า      ฉันใด
                      การศึกษาเป็นไป           เช่นนั้น
                      แต่ดอกออกคราวไร        งามเด่น
                      การศึกษาปลูกปั้น          เสร็จแ้ล้วแสนงาม


                             จากต้นฉบับ    ม.ล.ปิ่น  มาลากุล         
                 

                            ไม่น้อยเลย
 
                                สู้เหนื่อยยากตรากตรำพร่ำสอนศิษย์
                       นี่แหละคือชีวิตของตัวฉัน
                       ศิษย์ที่ชั่วตัวแก่นแสนดื้อดัน
                       แต่ละวันกวนใจไม่น้อยเลย
                            ศิษย์เก่าไปใหม่มาว่ากันใหม่
                       แต่ละปีผ่านไปไม่หยุดเฉย
                       แก้จนกลับตัวได้ไม่น้อยเลย
                       มิได้เคยผ่อนพักสักหนึ่งวัน
                            บัดนี้คราวชรามาอยู่บ้าน
                       หลับตานึกถึงการที่ตัวฉัน
                       ได้ช่วยศิษย์คิดรวมร่วมหนึ่งพัน
                       แต่ละวันปลื้มใจไม่น้อยเลย                             
                           
                             ม.ล.ปิ่น  มาลากุล           
                                             
                      ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี 2530
               นักการศึกษาดีเด่นระดับโลก สาขาวรรณกรรมและการสื่ิอสาร ปี 2546   
       
                          สาวกะปูน้อมคารวะด้วยศรัทธา บูชาครู   ยิ้มหน้าใส  ยิ้มหน้าใส

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตติกาล

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s