ด้วยจิตคารวะ
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 ธันวาคม 2024, 11:16:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: 1 ... 3 4 5 6 [7]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ด้วยจิตคารวะ  (อ่าน 162042 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 19 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
21 กุมภาพันธ์ 2012, 05:06:PM
กามนิต
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 408
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 366


ฉันเห็นไฟในสายตาเธอ


« ตอบ #120 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2012, 05:06:PM »
ชุมชนชุมชน

        ตำราหางอึ่ง

๏ ร่ำตำราหางอึ่ง          รู้ซึ้งถึงสวรรค์ชั้นฟ้า 
บ้าอำนาจงูงูปลาปลา              จะกลืนสุริยาแจ่มจันทร์ ฯ
๏ หิวโหยตะกละกินความตาย     สะสมไว้มากมายมหันต์
อมตะแต่ระยะสั้น                   ชั่วกัปป์กัลป์กิ้งกือดิน ฯ
๏ หอกดาบเพ้อพูดได้              น้ำลายหลากท่วมฟ้าสิ้น
สัตว์เซลล์เดียวจะรุมกิน           รสกลิ่นคาวอธิปไตย ฯ
๏ เมืองจะมึนเหมือนเมาเหล้า     จันทร์เจ้าจะเป็นผีพุ่งไต้
ปลาปูงูหอยจะตาย                วอดวายชีวิตทุกดวงดาว ฯ
๏ แกลบรำนฤมิตตัวเอง           วังเวงขึ้นแทนเทพเจ้า 
กาละนั้นแหละถึงคราว             พราวศิวิไลซ์ทั้งโลกา ฯ
๏ เชื้อมะเร็งจะสวมเสื้อนอก       มิกลับกลอกหลอกหลังไว้หน้า 
ล่อพระศรีอารย์มา                  งับน้ำชาเวลามืดเอย ๚๛

        อังคาร กัลยาณพงศ์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : แป้งน้ำ, บูรพาท่าพระจันทร์, สะเลเต, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, ไม่รู้ใจ, sunthornvit, Thammada, ไร้นวล^^, ยามพระอาทิตย์อัสดง, ลมหนาว, --ณัชชา--, สายใย, Prapacarn ❀, ชลนา ทิชากร, พยัญเสมอ, กรกช, ปู่ริน

ข้อความนี้ มี 18 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความรักแท้จริงมีสีดำดังศอพระศิวะ
21 กุมภาพันธ์ 2012, 05:08:PM
กามนิต
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 408
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 366


ฉันเห็นไฟในสายตาเธอ


« ตอบ #121 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2012, 05:08:PM »
ชุมชนชุมชน

        โลก

  ๏  โลกนี้มิอยู่ด้วย      มณี    เดียวนา 
ทรายและสิ่งอื่นมี      สว่นสร้าง 
ปวงธาตุต่ำกลางดี      ดุลยภาพ 
ภาคจักรวาลมิร้าง      เพราะน้ำแรงไหน ๚ 
 
  ๏  ภพนี้มิใช่หล้า        หงส์ทอง  เดียวเลย 
กาก็เจ้าของครอง      ชีพด้วย 
เมาสมมติจองหอง     หีนชาติ 
น้ำมิตรแล้งโลกม้วย   หมดสิ้นสุขศานติ์ ๚๛   
                       
        อังคาร กัลยาณพงศ์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : แป้งน้ำ, บูรพาท่าพระจันทร์, สะเลเต, รพีกาญจน์, ยามพระอาทิตย์อัสดง, พี.พูนสุข, ไม่รู้ใจ, sunthornvit, Prapacarn ❀, ค.คนธรรพ์, Thammada, ไร้นวล^^, ลมหนาว, --ณัชชา--, สายใย, กรกช, ปู่ริน

ข้อความนี้ มี 17 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความรักแท้จริงมีสีดำดังศอพระศิวะ
21 กุมภาพันธ์ 2012, 05:09:PM
กามนิต
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 408
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 366


ฉันเห็นไฟในสายตาเธอ


« ตอบ #122 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2012, 05:09:PM »
ชุมชนชุมชน

เพลงพิณ

แล้วขึงสายขึ้นสายพรมปลายนิ้ว
วะวึบหวิวหวิวหวานกังวานป่า
จึ่งแจ้งในเล่ห์นั้นด้วยปัญญา
ดั่งเปิดภาชนะคว่ำพ้นอำพราง

สังสารวัฏฏ์ขัดข้องยังท่องอยู่
ชีวิตลู่เลียดภัยในระหว่าง
อนธกาลเกลื่อนกลีทุกที่ทาง
ฉลาดย่างโดยตรองปราศผองภัย

คือเส้นหนึ่งขึงอย่างค่อนข้างหย่อน
ผะแผ่วผ่อนอ่อนเสียงสำเนียงใส
ขึ้นสังคีตขับขานรำคาญใจ
จับเสพใส่โสตส่วนกระอ่วนอึง

คือเส้นนั้นขันตึงอย่าพึงหมาย
ประเลงร่ายดีดผาดพลันขาดผึง
ยังโบยเบียดเสียดซ้ำหน่วงคำนึง
จักเวียนขึงเวียนขันรั้นอารมณ์

วางจังหวะทำนองของชีวิต
เขบ็ตบิดเบนเพลงบรรเลงล่ม
กำหนดชั้นเหมาะชั้นประชันชม
ประโคมคมคำกรองทำนองกานท์

เป็นห้องห้วงท่วงท่าลีลาศิลป์
ซึ่งร่ายรินคำร้องทำนองหวาน
จะกลบข่มคำร้องทำนองมาร
ซึ่งขับขานครวญครางอยู่ข้างเคียง

เพลงชีวิตของชีวิตทุกชีวิต
ไม่มีสิทธิ์ลองเปรียบลองเทียบเสียง
ต่างชีวิตต่างเทียบต่างเรียบเรียง
บนเส้นเบี่ยงบ่ายเบน-บนเส้นตรง

มากชีวิตเล่นชีวิตอย่างผิดพลาด
หมดโอกาสหมดทางเลือกก็เสือกส่ง
จะดั้นเดินเพลินพาเข้าป่าดง
ไปติดกรงติดกับอยู่คับแค้น

มากชีวิตเขียนชีวิตแล้วขีดฆ่า
เป็นเส้นคร่อมดำพร่าทึบหนาแน่น
จึงบรรเลงเพลงชีวิตอย่างแกนแกน
เป็นเพลงแสนแสบทรวงกล่อมดวงจินต์

ในเพลงพิณเพราะสำเนียงเพียงเส้นหนึ่ง
เป็นเส้นซึ่งเป็นศาสตร์และเป็นศิลป์
เฉพาะผู้รู้เลือกลำเพ็ญประพิณ
ย่อมยลยินชมชัวด้วยตัวเอง.

        (สุธีร์  พุ่มกุมาร - เพลงพิณ, พิมพ์ครั้งที่ ๑, พ.ศ. ๒๕๔๑)

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : แป้งน้ำ, บูรพาท่าพระจันทร์, สะเลเต, รพีกาญจน์, ยามพระอาทิตย์อัสดง, พี.พูนสุข, ไม่รู้ใจ, sunthornvit, Prapacarn ❀, Thammada, ไร้นวล^^, ลมหนาว, --ณัชชา--, ชลนา ทิชากร, สายใย, กรกช, ปู่ริน

ข้อความนี้ มี 17 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความรักแท้จริงมีสีดำดังศอพระศิวะ
22 กุมภาพันธ์ 2012, 01:16:PM
กามนิต
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 408
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 366


ฉันเห็นไฟในสายตาเธอ


« ตอบ #123 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2012, 01:16:PM »
ชุมชนชุมชน

กล้วยหาย

บ้านฉันอยู่ในซอย       ชื่อซอยต้นกล้วย
ข้างบ้านมีลิง              ลิงชอบกินกล้วย
ลิงอยู่ในสวน              สวนไม่มีกล้วย
ก่อนนอนทุกวัน           ฉันชอบกินกล้วย
ฉันมีเงินใช้                 ฉันใช้ซื้อกล้วย
ซื้อมาหวีใหญ่             แขวนไว้กินกล้วย
เช้าออกทำงาน           ทำงานแลกกล้วย
ตาลายท้องหิว            ฉันหิวหากล้วย
ค้นหาเห็นลิง              ลิงถือหวีกล้วย
ฉันโมโหลิง                เตะลิงแย่งกล้วย
โมโหเสียแย่               มีแต่เปลือกกล้วย
ฉันรู้ความจริง            ลิงเปล่ากินกล้วย
เพื่อนบ้านหลายคน   เห็นคนลักกล้วย
เป็นคนขุดดิน            ไม่ชอบกินกล้วย
ลูกเล็กของเขา          กินข้าวบดกล้วย
เขาเป็นคนจน           จนไม่มีกล้วย
ลูกเล็กหิวนัก            เขาจึงลักกล้วย

       วัฒน์   วรรลยางกูร

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ยามพระอาทิตย์อัสดง, sunthornvit, บูรพาท่าพระจันทร์, Prapacarn ❀, แป้งน้ำ, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, ไม่รู้ใจ, ค.คนธรรพ์, เพรางาย, Thammada, ไร้นวล^^, ลมหนาว, --ณัชชา--, ชลนา ทิชากร, สายใย, กรกช, ปู่ริน

ข้อความนี้ มี 19 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความรักแท้จริงมีสีดำดังศอพระศิวะ
22 กุมภาพันธ์ 2012, 01:17:PM
กามนิต
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 408
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 366


ฉันเห็นไฟในสายตาเธอ


« ตอบ #124 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2012, 01:17:PM »
ชุมชนชุมชน

หทยานุภาระ

หลับกับฟืนตื่นกับไฟหัวใจถ่าน
ง่วนกับงานอ่านสุขและเขียนเศร้า
พูดกับแดดคุยกับลมที่พรมเพรา
ฟังนกเล่านิทานเท่านั้นมิพอ
ปัจเจกกวีต้องเพาะหว่าน
ธัญญะแห่งวิญญาณการเกิดก่อ
ทั้งยุ้งฉางว่างเปล่าข้าวขาดกอ
ยังร้างรอเมล็ดรวงความห่วงใย

        ศิวกานต์  ปทุมสูตร (นัยตากวี, พิมพ์ครั้งแรก, พ.ศ.๒๕๕๕)

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ยามพระอาทิตย์อัสดง, บูรพาท่าพระจันทร์, sunthornvit, Prapacarn ❀, แป้งน้ำ, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, ไม่รู้ใจ, Thammada, ลมหนาว, --ณัชชา--, ชลนา ทิชากร, สายใย, ปู่ริน

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความรักแท้จริงมีสีดำดังศอพระศิวะ
08 เมษายน 2012, 01:28:AM
กามนิต
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 408
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 366


ฉันเห็นไฟในสายตาเธอ


« ตอบ #125 เมื่อ: 08 เมษายน 2012, 01:28:AM »
ชุมชนชุมชน

เพลงพอวา

        ๏  ในหุบเขาเขียว-ดอกไม้ขาว
เคยคลี่กลีบวาวอยู่ไหวไหว
บางคนอ้างว้าง-ผ่านทางไป
ได้ฉมชมใจใต้แสงจันทร์
บานแต้มน้ำค้างกลางดงเขียว
โดดเด่นดอกเดียวกลางลานฝัน
เหมือนแต่งความตื่นเพื่อยืนยัน
ให้คืนวันให้ฤดูได้รู้รัก...!
โอ้หนอ...
เหมือนพอวามาพอให้รู้จัก
แต่ขาวแห่งพวกพเยียหอมเสียนัก
ยังคล้ายทายทักทุกที่ทาง
รู้รัก-รู้แล้วหนอแก้วหนอ
เหมือนพอวามาพอให้รู้อ้าง
ให้รู้หนรู้เห็น-รู้เส้นทาง
รู้ปล่อยรู้วาง-รู้ชีวิต...! ๚๛

        พนม นันทพฤกษ์
        (ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๓๓ ฉบับที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๕, หน้า ๖๖.)

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, บูรพาท่าพระจันทร์, ไม่รู้ใจ, sunthornvit, Thammada, ยามพระอาทิตย์อัสดง, ลมหนาว, --ณัชชา--, moononthemanmony, Prapacarn ❀, ชลนา ทิชากร, สายใย, ปู่ริน

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความรักแท้จริงมีสีดำดังศอพระศิวะ
09 เมษายน 2012, 11:02:PM
กามนิต
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 408
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 366


ฉันเห็นไฟในสายตาเธอ


« ตอบ #126 เมื่อ: 09 เมษายน 2012, 11:02:PM »
ชุมชนชุมชน

อารมณ์อรุณ


มืดมนมานานตรึงม่านสมัย
จวบมืดกรายไกล้รำไรอุษา
จึงเหมือนมืดล้วยเรรวนชะตา
พิศวงเวลาล้าเล่ห์ระบาย
ชะรอยเสื่อมกฤตยาแห่งกาฬปักษ์
หรือน้ำหนักราตรีเพียงพลีสลาย
ปาฏิหาริย์ลึกลับพลอยดับวาย
สับสนมากมายปลายมืดมัว
เสมอโรยราพลังผิดสังเกต
ดื่นดวงดาเรศสังเวชสลัว
สงัดเย็นก็แปรเปลี่ยนเพียรแยกตัว
เรื้องร้างไปทั่วทั้งมณฑล
อุษาร่ำไรไขแสงสาง
เบิกรุ่งเลือนรางช่างชวนฉงน
เยี่ยมฟ้าตะวันออกฟอกเมืองบน
แล้วโรยหล่นละอองแสงแปลงเมืองดิน
อัศจรรย์หมอกฟ้าตรึงอากาศ
ดังตรึงสวาทอุษาไว้ให้หยุดถวิล
แต่โกฏิฤทธิ์พิศดารมารมลทิน
ก็พ่ายสิ้นอุษาสวาทวาดลำเนา
หนาวเย็นเป็นพื้นชื้นน้ำค้าง
ช่วยสร้างพลังอุษาฝ่าฟันเหงา
เงียบเงียบข่มขับพยับเทา
ยังเรื่อยเร้าฟื้นอรุณละมุนละไม

ไม่ทันฟ้าดินเสร็จสิ้นสว่าง
เงาหนึ่งเยื้องย่างสร้างเงาไหว
ดุ่มตามซอกซอยค่อยค่อยไป
อาศัยแสงสางนำทางจร
จวบลุถนนใหญ่ในที่สุด
เงาหยุดยืนนิ่งไม่เหนื่อยอ่อน
เหลียวซ้ายแลขวาเต็มอาทร
ห่มหมอกหนาวสะท้อนสะท้านกาย
แทบร้างผู้คนถนนตรู่
นกหกเห็นกู่แล้วลับหาย
ช้านานยืนรอพอกระวนกระวาย
จนเห็นนิมิตหมายสุดสายตา

เหมือนสว่างทั้งเวิ้งจักรวาล
สรรพสีร้าวรานไปทั้งหล้า
เรืองไรลีลาศบาดหมองมา
หยุดยืนต่อหน้าต่างค่าประจัน
ร่างที่ยืนคอยเคลิ้มคล้อยระทึก
พิลึกความคลับคล้ายไม่คาดฝัน
ถ้าเทียบร่างต่อร่างก็ต่างกัน
แต่ถ้าเทียบตรงท้องนั้นคล้ายกันกระไร
ต่างอุ้มออกมาเพลาเช้า
หนึ่งเบาหนึ่งหนักประจักษ์ได้
ร่างหนึ่งเวียนมารับแล้วลับไป
อีกร่างหนึ่งรอใส่ในนามบุญ

บาลีคาถามนตราขลัง
แว่งดังปลุกศรัทธามาเนื่องหนุน
ร่างหนึ่งพนมมือถือพุทธคุณ
หากใจไพล่ครุ่นคำนึงตน
อธิษฐานภาวนาประสาหมอง
ขอให้ท้องถ้วนกำหนดเลื่อนลดฉงน
อย่าได้คลอดยากลำบากลำบน
บุญกุศลบุญปลูกได้ลูกดี
ให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข
อย่าตกทุกข์อยู่รอดค่อยปลอดหนี้
โรคภัยไข้เจ็บอย่าพึงมี
สมประสงค์ลูกนี้ทุกประการ

เงียบเสียงมนตราไม่ช้านั้น
เรืองไรค่อยหันร่างผันผ่าน
อุ้มบาตรวาดเส้นทางสว่างทาน
คล้ายด้นไปในหมอกม่านกาลเวลา
จึงร่างที่อุ้มท้องเยื้องย้ายกลับ
ดุ่มลำดับตามแสงแห่งอุษา
คล้ายอุ่นใจในทรวงหนึ่งช่วงชะตา
เร้าให้อุ้ยอ้ายฝ่าทุกฝ้าละออง

        แรคำ   ประโดยคำ
       (ในเวลา, เมษายน ๒๕๔๑.)

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : sunthornvit, amika29, Thammada, พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, ยามพระอาทิตย์อัสดง, ลมหนาว, --ณัชชา--, moononthemanmony, ไม่รู้ใจ, Prapacarn ❀, ชลนา ทิชากร, สายใย, ปู่ริน, บูรพาท่าพระจันทร์

ข้อความนี้ มี 15 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความรักแท้จริงมีสีดำดังศอพระศิวะ
25 มิถุนายน 2012, 02:51:PM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #127 เมื่อ: 25 มิถุนายน 2012, 02:51:PM »
ชุมชนชุมชน

 

                                                                      
                                                       น้อมรำลึก  ๒๒๖ ปี ชาตกาล สุนทรภู่
                                
                           ๒๖  มิถุนายน ๒๕๕๕   วันสุนทรภู่

                                                                                      บูชาบิดากลอน
                                                           กาพย์กลอนไทย ธำรง คงคุณค่า       จากศิลา จารึก บันทึกสมัย
                                                สะท้อนรส บทกลอน สะท้อนใจ                  สะท้อนความ เป็นไท ไปนิรันดร์
                                                สะท้อนแก้ว แววกลอน สุนทรภู่                   พระคุณครู ศักดิ์สิทธิ์ คิดสร้างสรรค์
                                                ครูสร้างคำ แปดคำ ให้สำคัญ                       อภิวันท์ บูชา บิดากลอน
                                                สองร้อยปี บรรจบ ครบถ้วนทั่ว                  ถึงลับตัว แต่ชื่อ ลือกระฉ่อน
                                                ทรงศักดิ์ศรี กวีไทย ให้กำจร                      เป็นอาภรณ์ แก่แผ่นดิน ถิ่นไทยเอย

                                                                                 เนาวรัตน์   พงษ์ไพบูลย์
                                                                          (๒๐๐ ปี  ชาตกาล สุนทรภู่  ๒๕๒๙)   
                             

 

            สุนทรภู่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "เอตทัคคะในทางกลอนแปดหรือกลอนสุภาพอย่างไม่มีใครเทียบได้ในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น"
และมีผู้ยกย่องว่า
                ...เป็นนักวิจัย (research) กลอนสุภาพ  เป็นนักค้นคว้าวิธีเขียนกลอนสุภาพให้ไพเราะ  และท่านก็ค้นได้ผล คือ พบวิธี
เขียนกลอนสุภาพว่า ถ้าทำให้กลอนแพรวพรายไปด้วยสัมผัสในอันเป็นสัมผัสสระหรืออักษรแล้วฟังรื่นหูดีกว่ากลอนเก่า ๆ...

        สุนทรภู่ คือ  บรมครูสัมผัสใน ดังคำยกย่องข้างต้น   ผู้เขียนยังชอบลีลากลอนอีกอย่างหนึ่งเป็นพิเศษ  นับเป็นลักษณะเด่น
ของการใช้คำ  คือ การใช้คำง่าย ๆ พื้น ๆ มีบางบทที่ใช้คำที่หาคำอื่นมารับสัมผัสได้ยาก และมีผู้ยกย่องกันมาก ได้แก่ การแต่ง กลอนอีน
กลอนอูง  กลอนแอะ  กลอนอือ ดังปรากฏในวรรณคดีเรื่องต่าง ๆ ดังนี้

       กลอนอีน

                กลอนอีน หมายถึงกลอนที่แต่งโดยใช้คำที่ประสมกับ สระ อี มี สะกด  เช่น

               ๑.  สุนทรภู่พรรณนาภาพของชีเปลือย

                        ไม่นุ่งผ้าคากรองครองหนังสือ      ประหลาดเหลือโล่งโต้งโม่งโค่งขัน
                        น่าเหียนรากปากมีแต่ขี้ฟัน          กรนสนั่นนอนร้ายเหมือนป่ายปีน
                        ประหลาดใจไยหนอไม่นุ่งผ้า        จะเป็นบ้าไปหรือว่าถือศีล
                        หนวดถึงเข่าเคราถึงนมผมถึงตี น    ฝรั่งจีนแขกไทยก็ใช่ที
                                      (พระอภัยมณีฉบับหอสมุดแห่งชาติ เล่ม ๑ หน้า ๓๕๘)
                                   

               ๒.  กล่าวถึงชาวประมง

                         บ้างถอนหลักชักถ่อหัวร่อร่า              บ้างก็มาบ้างก็ไปทั้งใต้เหนือ
                         บ้างขับร้องซ้องสำเนียงจนเสียงเครือ   ต่างเลี้ยวเรือลงหน้าบ้านท่าจีน
                         เป็นประมงหลงละโมบด้วยโลภลาภ    ไม่กลัวบาปเลยช่างนับแต่ทรัพย์สีน
                         ตลิ่งพังฝั่งชลาล้วนปลาตี น              ตะกายปีนเลนแล่นออกเป็นแปลง
                                      ("นิราศเมืองเพชร" ชีวิตและงานของสุนทรภู่  หน้า ๒๔๐)

               ๓.  ตอนกำเนิดพลายงาม

                         เจ้าพลายงามความกลัวจนตัวสั่น       หยุดขยั้นอยู่ไม่กล้าลงมาได้
                         แล้วนึกว่าย่าตัวกลัวอะไร                โจนลงไปกราบย่าที่ฝ่าตี น
                                 ทองประศรีตีหลังเสียงดังผึง    จะมัดมรึงกูไม่ปรับเอาทรัพย์สีน
                         มาแต่ไหนลูกไทยหรือลูกจีน            เฝ้าลักปีนมะยมห่มหักราน
                                     (ขุนช้างขุนแผนฉบับหอสมุดแห่งชาติ หน้า ๕๒๖)

                 จะเห็นได้ว่า กลอนอีน  ใช้คำอยู่เพียง ๕ คำ จีน ตี น ปีน ศีล สีน  แต่สุนทรภู่ก็สามารถนำไปแต่งให้มีความหมายสอดคล้อง
 กับเนื้อความต่าง ๆ ได้ดี รวมทั้งให้ภาพที่แจ่มแจ้งด้วย     

             กลอนอูง  ไว้ต่อกระทู้หน้านะคะ

                                                      พี.พูนสุข




                 
       

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ดุลย์ ละมุน, sunthornvit, รพีกาญจน์, รัตนาวดี, เนิน จำราย, Prapacarn ❀, ยามพระอาทิตย์อัสดง, ลมหนาว, --ณัชชา--, ไพร พนาวัลย์, moononthemanmony, ไม่รู้ใจ, Thammada, ชลนา ทิชากร, กรกช, ปู่ริน, ธาตรี รติกานท์, บูรพาท่าพระจันทร์, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 19 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
26 มิถุนายน 2012, 03:34:PM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #128 เมื่อ: 26 มิถุนายน 2012, 03:34:PM »
ชุมชนชุมชน

                                               

                                                                                     แด่ครูกวีที่ยิ่งใหญ่

                                                                 ถ้าขอพรใดได้ดังใจคิด              ใคร่ขอมีชีวิตเป็นอิสระ
                                               เพื่อเขียนร้อยกรองแก้วแพรวพจนะ           และแน่ละ…เทิดท่าน "ภู่" เป็นครูกลอน
                                               ด้วยเลื่อมใสในวจีกวีเอก                            เหมือนท่านเสกมนต์สลักทุกอักษร
                                              ไพเราะรสพจน์พิรามหวามอาวรณ์              "ศรีสุนทรโวหาร" ท่านเลิศนัก
                                               สองร้อยปีที่ผ่านแม้นนานแสน                  ยังจำแม่นเก้านิราศประกาศศักดิ์
                                               ซาบซึ้งพระอภัยมณีที่น่ารัก                     นิทานพรักพร้อมเห่เสภาพราว
                                               " อย่างหม่อมฉันอันที่ดีและชั่ว                 ถึงลับตัวแต่ชื่อเขาลือฉาว"
                                               กาลเวลาพิสูจน์ผ่านมานานยาว               คนยังกล่าวถึงท่านภู่อยู่ลั่นลือ
                                               ถ้าแม้ขอพรได้ดังใจคิด                            ใคร่ขอเป็นเช่นศิษย์ด้านหนังสือ
                                               กราบ "ครู" ด้วยใจสมองและสองมือ          จำหลักชื่อท่านภู่ไว้บูชา

    
                                                                               จินตนา   ปิ่นเฉลียว
                                                                     (๒๐๐ ปี ชาตกาล สุนทรภู่  ๒๕๒๙)
                           

      นอกจากกลอนอีนแล้ว  ท่านสุนทรภู่ยังแสดงความสามารถในการแต่ง กลอนอูง อีกด้วย
   
      กลอนอูง

              ๑.  ในนิราศวัดเจ้าฟ้า

                   แต่แรกดูครู่หนึ่งจะถึงที่                   เหมือนถอยหนีห่างเหินเดินไม่ไหว
                   เหมือนเรื่องรักชักชิดสนิทใน             มากลับไกลเกรงกระดากต้องลากจูง
                         พอเย็นจวนด่วนเดินขึ้นเนินโขด   ถึงตาลโดดดินพูนเป็นมูลสูง
                   เที่ยวเลียบชมลมเย็นเห็นนกยูง          เป็นฝูงฝูงฟ้อนหางที่กลางทราย
                               ("นิราศวัดเจ้าฟ้า"  ชีวิตและงานของสุนทรภู่  หน้า ๒๐๙)

              ๒.  ในนิราศพระประธม

                         ยิ่งเสียวเสียวเหลียวผ้ายทั้งซ้ายขวา     ล้วนทุ่งนาเนินไม้ไพรระหง
                    ภูเขาเคียงเรียงรอบเป็นขอบวง                ในแดนดงดูสล้างล้วนยางยูง
                    ที่ทุ่งโถงโรงเรือนดูเหมือนเขียน               เห็นช้างเจียนเท่าหมูด้วยอยู่สูง
                    เข้าต้อนควายหวายผูกจมูกจูง                 เป็นฝูงฝูงไรไรทุกไร่นา
                               ("นิราศพระประธม"  ชีวิตและงานของสุนทรภู่  หน้า ๔๖๖) 

      กลอนแอะ

                  ในนิราศเมืองเพชร ตอนบรรยายภาพหญิงชายช่วยกันเข็นเรือแพให้พ้นโคลนเลน

                         ที่น้อยตัวผัวเมียลงลากฉุด          นางเมียหยุดผัวโกรธเมียโทษผัว
                   ด้วยยากเย็นเข็นฝืดทั้งมืดมัว              พอดึงตัวเต็มเปียดเขาเสียดแซะ
                   ทั้งยุงชุมรุมกัดปัดเปรียะประ               เสียงผัวะผะพึบพับปุบปับแปะ
                   ที่เข็นเคียงเรียงลำขยำแขยะ              มันเกาะแกะกันจริงหญิงกับชาย
                              ("นิราศเมืองเพชร"  ชีวิตและงานของสุนทรภู่  หน้า ๒๔๒)

      กลอนอือ

                   สุนทรภู่แต่ง กลอนอือ ได้ดีไม่แพ้กลอนอื่น ๆ  เช่น ในเรื่องขุนช้างขุนแผน

                         พริกมะเขือเหลืองามอร่ามตา        สาลิกาแก้วกินแล้วบินฮือ
                   เห็นไก่เตี้ยเขี่ยคุ้ยที่ขุยไผ่                 กระโชกไล่ลดเลี้ยวมันเปรียวปรื๋อ
                   พบนกยูงฝูงใหญ่ไล่กระพือ                มันบินหวือโห่ร้องคะนองใจ
                               (ขุนช้างขุนแผนฉบับหอสมุดแห่งชาติ  หน้า ๒๒๔)

                 นอกจากกลอนที่ใช้คำรับส่งสัมผัสยากเหล่านี้แล้ว ยังมีกลอนในลักษณะอื่น ๆ อีกมาก  ถ้ามีโอกาสจะได้นำเสนอต่อไปค่ะ

                                                                  พี.พูนสุข


                          ที่มา :  ชลดา  เรืองรักษ์ลิขิต. ชีวประวัติและผลงานของสุนทรภู่. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์และทำปกเจริญผล, ๒๕๒๙.

                        ขอบคุณ ภาพงาม ๆ และคำกลอนสดุดีจากอินเ ทอร์เน็ตค่ะ
               








 

     

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : Prapacarn ❀, ยามพระอาทิตย์อัสดง, รัตนาวดี, ลมหนาว, sunthornvit, --ณัชชา--, เนิน จำราย, ♥หทัยกาญจน์♥, ไพร พนาวัลย์, moononthemanmony, รพีกาญจน์, ไม่รู้ใจ, Thammada, ชลนา ทิชากร, สายใย, สมนึก นพ, กรกช, ปู่ริน, ธาตรี รติกานท์, บูรพาท่าพระจันทร์, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 21 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
06 พฤศจิกายน 2012, 08:54:AM
กามนิต
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 408
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 366


ฉันเห็นไฟในสายตาเธอ


« ตอบ #129 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2012, 08:54:AM »
ชุมชนชุมชน


เหมันตฤดู
ชิต บุรทัต

(กวีนิพนธ์บางเรื่อง ของ ชิต บุรทัต, กรมศิลปากร, ๒๕๒๑)

อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
        หยิมหยิมยะย้อยหยด             หิมะสดสะอาดยล
พราวพราวสะพรั่งบน                      ติณะพฤกษะแพรวพรอย
        หยาดหยาดยะเยือกเย็น         ชละเป็นละอองฝอย
ลิ่วลิ่วละล่องลอย                           นภะแหล่งแสดงโดย
        ทุกทุกสถานเห็น                     ระบุเช่นกะลมโชย
เฉื่อยเฉื่อยระเรื่อยโบย                   ดรุบัตรสะบัดไหว
        ว่าว่าฤดูวัน                             ณ วสันต์จะพลันไศล
เคลื่อนเคลื่อนและแคล้วไป             ประลุกาละคราหนาว
        ถึงถึงละหนึ่งปี                       ก็จะมีจะมาคราว
หนึ่งหนึ่งและซึ่งชาว                       ชนโลกและสัตว์สรรพ์
        จำจำจะต้องพบ                     และประสบเสมอกัน
น่าน่าจะรู้ทัน                                 คติธรรมชาติมี
        แน่นแน่นมนุษย์สัตว์              อุปบัติ ณ โลกีย์
ใดใดจะโดดหนี                             ละอนิจธรรมไป
        นั่นนั่นมิได้แน่                        และจะแปรจะแก้ไข
เข้าเข้ากะข้อใน                             มนะปรารถนาผล
        แท้แท้ บ เป็นตาม                  ดุจะความประสงค์ตน
นี่นี่ตระหนักยล                              วิเคราะห์อย่างกะปางวัน
       คล้อยคล้อยคระไลเคลื่อน      ขณะเลื่อนละวัสสันต์
มามาลุเหมัน-                               ตฤดูแหละธรรมดา ฯ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, panthong.kh, ไม่รู้ใจ, พี.พูนสุข, ไร้นวล^^, เนิน จำราย, สายใย, Prapacarn ❀, Thammada, ชลนา ทิชากร, ยามพระอาทิตย์อัสดง, สมนึก นพ, ปู่ริน, บูรพาท่าพระจันทร์, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 15 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความรักแท้จริงมีสีดำดังศอพระศิวะ
15 เมษายน 2013, 08:51:PM
สายใย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 600
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,700


ช่างเขาเฮอะ


เว็บไซต์
« ตอบ #130 เมื่อ: 15 เมษายน 2013, 08:51:PM »
ชุมชนชุมชน

ปัญหาของ น.ส.”แฟบ”
(นสพ.สยามรัฐ ๑๑ ก.พ. ๒๔๙๔)
      ๐  อกหนูแฟบ แตบติด ไม่ฟิตตั้ง
ดูดุจดัง กล้วยแผ่น แบนแต๊ดแต๋
ไม่ชวนชาย ให้ชม้าย ชำเลืองแล
หม่อมขาหม่อม หนูแย่ แย่จริงๆ

อุตส่าห์ใส่ ยกทรง พุ่งตรงปริ๊ด
สว้าทสวีท ตามประสา ประดาหญิง
พอชายชิด สนิทแนบ เข้าแอบอิง
เพียงนั่งพิง ก็รู้เช่น เป็นของปลอม

รักกับชาย หมายว่าแน่ แต่แรกเริ่ม
ครั้นประเดิม จับต้อง ของถนอม
ก็ทิ้งขว้าง ห่างไป ให้หนูตรอม
เพราะของปลอม ทำพิษ จิตระทม

ทำไฉน จะได้เต่ง เบ่งอวบอัด
ก้าวสะเทิ้น เดินสะบัด ดูเหมาะสม
ในกายหญิง สิ่งเด่นชู อยู่ที่นม
แต่หนูขม ขื่นใจ นมไม่มี

หม่อมฉลาด ปราชญ์เปรื่อง ทุกเรื่องรู้
สมเป็นครู ผู้เลิศ ประเสริฐศรี
วิธีใด ให้อกงอก บอกหนูที
จะให้จูบ ฟรีๆ หนึ่งทีเอยฯ
                     "....(น.ส.แฟบ)


คำตอบ :
         ๐  เจ้าข้าเอ๊ย เอาอะไร มาไถ่ถาม
ใครรู้ความ โปรดด้วย ช่วยผมบ้าง
เคยรู้รอบ ตอบปัญหา มาหลายทาง
ถึงข้อนี้ ลูกช้าง ต้องยอมจน

ใครมียา อย่างใด โปรดไขด้วย
นึกว่าช่วย ก่อสร้าง ทางกุศล
ให้ดูเบ่ง เต่งตั้ง ดังกันชน
ของรถยนต์ อย่างดี มีชื่อเอย ฯ
                         “คึกฤทธิ์ ปราโมช”
จาก หนังสือ กลอนคึกฤทธิ์ ฯ  โดย ทองแถม นาถจำนง ๒๕๕๕

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : เนิน จำราย, พี.พูนสุข, เพรางาย, Prapacarn ❀, รพีกาญจน์, Thammada, Shumbala, panthong.kh, ชลนา ทิชากร, ยามพระอาทิตย์อัสดง, สมนึก นพ, กรกช, ปู่ริน, บูรพาท่าพระจันทร์, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 15 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หากสิทธิ์ของสายใย ไม่สงวน...(ครับ)
16 เมษายน 2013, 11:12:AM
Thammada
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 342
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 229


ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ


« ตอบ #131 เมื่อ: 16 เมษายน 2013, 11:12:AM »
ชุมชนชุมชน



รอยเท้าที่เธอลิขิต

๑–กว่าจะก้าวเท้าถึงซึ่งวันนี้
เธอมากมีรอยเท้าที่ก้าวผ่าน
ยั่งยืนยงคงประทับอยู่กับกาล
เป็นตำนานขานรับกับเวลา

อาจมากรอยไหน่หนามทิ่มตำเท้า
อาจเป็นเงาทาบประทับกับหินผา
อาจมีรอยบาดแก้มแต้มน้ำตา
หากจารึกผนึกค่าพร่าชลนัยน์

๒–เพ่งผลงานตระหง่านตั้งทั่วทั้งบ้าน
บอกเดือนวันยาวนานกาลสมัย
บอกถึงจุดอุดมการณ์อันยาวไกล
บอกถึงวัยชีพผ่านเนิ่นนานปี

นึกถึงวันก่อนเท้าจักก้าวย่าง
เห็นโค้งรุ้งพุ่งพร่างเพริศรังสี
ฝันเห็นยิ้มพริ้มละไมเยื่อไยดี
มากไมตรีโอบเอื้อเหนือฟ้างาม

นึกวันแรกแปลกหน้ากลางโลกกว้าง
เหมือนโดดเดี่ยวอ้างว้างกลางดงหนาม
เหมือนเรือน้อยว้าเหว่ทะเลคราม
กลางโมงยามมืดมิดคว้างทิศทาง

๓--แล้วคืนวันนานไกลกลางสายหมอก
กระซิบบอกธารดาวสกาวพร่าง
แลขอบฟ้าขลิบทองเรืองรองราง
เห็นก้าวย่างทอดท้าอนาคต

เนิ่นนานวันเดือนปีที่ผ่านผัน
คือคืนวันอันเกิดก่อทรหด
มีช่อไม้ตอบไมตรีเกียรติยศ
เสียงปรบมือปรากฏให้จดจำ

มีดนตรีบรรเลงเพลงพลิ้วหวาน
มีสายธารน้ำใจใสเย็นฉ่ำ
มีนกน้อยร้อยทำนองพร้องลำนำ
มีดาวค่ำนำนิมิตทิศก้าวไกล

มีแสงทองส่องทางทิศข้างหน้า
เป็นสัญญาณหาญกล้าท้าก้าวใหม่
เป็นมิ่งขวัญปณิธานอันจริงใจ
นิมิตในปีทองครองตำนาน

๔--ไม่มีใครไต่แต้มแมกแก้มเมฆ
เหมือนเธอเสกระบายเพริศฟ้าเฉิดฉาน
ไม่มีใครแต่งแต้มกับแก้มกาล
ซึ่งจักจารเหลี่ยมเพชรเก็จก่องใจ

แม้ช่อไม้, กวีล้านสรรพสรรเสริญ
ก็ไม่เกินเธอลิขิตนิมิตได้
ทุกรอยเท้าที่ประทับกับกาลไว้
ไม่มีใครจำหลักเท่า เท้าเธอเอง!

ประยอม ซองทอง ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ๒๕๔๘
( แด่ศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๔ เนื่องในวันศิลปินแห่งชาติ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ )

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : panthong.kh, เนิน จำราย, Shumbala, Prapacarn ❀, พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร, ยามพระอาทิตย์อัสดง, choy, สายใย, สมนึก นพ, ปู่ริน, บูรพาท่าพระจันทร์, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
08 พฤษภาคม 2013, 01:07:AM
สายใย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 600
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,700


ช่างเขาเฮอะ


เว็บไซต์
« ตอบ #132 เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2013, 01:07:AM »
ชุมชนชุมชน


 
สุจิตต์ วงษ์เทศ

กูเป็นนิสิตนักศึกษา


กูเป็นนิสิตนักศึกษา
วาสนาสูงส่งสโมสร
ย่ำค่ำนี่จะย่ำไปงานบอลล์
เสพเสน่ห์เกสรสุมาลี

กูเป็นนิสิตนักศึกษา
พริ้งสง่างามผงาดเพียงราชสีห์
มันสมองของสยามธานี
ค่ำนี้กูจะนาบให้หนำใจ

กูเป็นนิสิตนักศึกษา
เจ้าขี้ข้ารู้จักกูหรือไหม
หัวเข็มขัด กลัดกระดุม ปุ่มเน็คไทร์
หลีกไปหลีกไปอย่ากีดทาง

กูเป็นนิสิตนักศึกษา
มหาวิทยาลัยอันกว้างขวาง
ศึกษาสรรพรสมิเว้นวาง
เมืองกว้างช้างหลายสบายดี

กูเป็นนิสิตนักศึกษา
เดินเหินดูสง่ามีราศี
ย่ำค่ำกูจะย่ำทั้งราตรี
กรุงศรีอยุธยามาราธอน

เฮ้ย กูเป็นนิสิตนักศึกษา
มีสติปัญญาเยี่ยมสิงขร
ให้พระอินทร์เอาพระขรรค์มาบั่นรอน
อเมริกามาสอนกูเชี่ยวชาญ

กูเป็นนิสิตนักศึกษา
หรูหราแหลมหลักอัครฐาน
พรุ่งนี้ก็ต้องไปร่วมงาน
สังสรรค์ในระดับปริญญา

ได้โปรดฟังกูเถิดสักนิด
กูเป็นนิสิตนักศึกษา
เงียบโว้ย-ฟังกู--ปรัชญา
กูอยู่มหาวิทยาลัย...

...กูอยู่มหาวิทยาลัย
รู้ไหม เห็นไหม ดีไหม
อีกไม่นานเราก็ต่างจะตายไป
กอบโกยใส่ตัวเองเสียก่อนเอย...
 
กูเป็นนิสิตนักศึกษา.สนพ.ประพันธ์สาส์น พิมพ์ครั้งที่สอง ตุลาคม 2529.




ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : สมนึก นพ, รัตนาวดี, ชลนา ทิชากร, พยัญเสมอ, พี.พูนสุข, ไพร พนาวัลย์, รพีกาญจน์, ยามพระอาทิตย์อัสดง, Shumbala, กรกช, เนิน จำราย, ปู่ริน, บูรพาท่าพระจันทร์, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 15 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หากสิทธิ์ของสายใย ไม่สงวน...(ครับ)
29 พฤษภาคม 2013, 11:15:PM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #133 เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2013, 11:15:PM »
ชุมชนชุมชน





๑๐๗  ปี ชาตกาลพุทธทาสภิกขุ
๒๗   พฤษภาคม   ๒๕๕๖

...............

มาเถอะเพื่อน!

บทกวี  the "COME," โดย   Miss A.C. Albers
แปล, ประพันธ์  โดย "สิริวยาส"

 ...............

Come, friend, sit in my boat and sail with me.
The dawn is fresh, the hours are on the wing,
we'll sail the clouds and sailing on, will sing
A ringing anthem of Eternity.

มาเร็ว เกลอ, แล่นเรือ ไปด้วยข้า
อรุณใหม่ นาฬิกา อ้าปีกหนี
เราจะขึ้น ก้อนเมฆผล็อย ลอยเมฆี
สดุดี "อนันตชีพ" พลาง, รีบไป.

You dare not come for fear that you may lose
One fleeting hour that holds on earth-born chance?
Your feet are bound by chain of circumstance?
Shake off that chain, by fearless, free and choose.

อ้อ ไม่กล้า มา, เพราะกลัว ตัวจะพลาด
"ชั่วโมงซึ่ง หมายมาด" หรือสหาย?
หรือขาติด ตรวนชีพ บีบใจกาย?
จงหัดหาย และกล้าแกล้ว แล้วเฟ้นฟรี

Break every obstacles that progress bars,
Harken the carol of the wind that blows,
The fervent secret of the moonlit rose,
And hear the lily whisper to the stars.

จงฟาดฟัน อุปสรรค ซึ่งปักขวาง
จงฟังเสียง ลมคราง เป็นเพลงซี่
ทั้งกุหลาบ แสงจันทร์จับ ความลับมี
และฟังดอก พลับพลึงที่ กระซิบดาว.

There is a song that rings through million years,
Those million years that centre in a night.
It sends its notes unto the sunlit height.
Its echoes vibrating throughout the spheres.

มีเพลงบรร- เลงนาน ล้านปีแล้ว
ล้านปีที่ มีศูนย์แน่ว คืนหนึ่ง, เอ้า!
มันส่งโน้ต สูง ,แสง แดดจับวาว
ส่งเสียงเร้า กระเซ้าทั่ว ทั้งจักรวาล.

Know your own self; shake off life's sullen shroud.
You hold within yourself your Universe:
Then freely with the morning star converse
And steer your boat unto you gold-edged cloud.

รู้ตัวไว้, สลัดสาย ระยางซี
ก็ท่านมี โลกของท่าน ในตัวท่าน :
จึ่งคุยกับ "ดาวรุ่งฤกษ์" อย่างเบิกบาน
ถือท้ายเรือ หมายสถาน เมฆขลิบทอง.

Control the senses, for, alas they spin
Webs of illusion. Seek the Great Release.
The path that leads unto the endless peace
Is yours alone; it lies within, within.

ข่มอินทรีย์. เพราะ, โอ้! มัน ชักใยเป็น - -
ภาพลวงเล่น; จุ่งฟ้า วิมุติก่อง.
ทางไปสู่ ศานติรส ไม่หมดมอง
ก็เป็นของ ท่านเท่านั้น มันอยู่ใน - (อยู่ในเอย)

...............
 

"สิริวยาส" เป็นนามปากกาของ ท่านพุทธทาสภิกขุ

   เคารพรัก เคารพรัก เคารพรัก


 ขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสารสกุลไทย ฉบับที่ ๓๐๕๙  และภาพประกอบจากกูเกิ้ล

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ชลนา ทิชากร, รัตนาวดี, รพีกาญจน์, panthong.kh, สายใย, Shumbala, ไพร พนาวัลย์, กรกช, เนิน จำราย, ปู่ริน, Prapacarn ❀, บูรพาท่าพระจันทร์, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
30 พฤษภาคม 2013, 08:18:PM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #134 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2013, 08:18:PM »
ชุมชนชุมชน

                              

        
 
                               อาศิรวาท
      เนื่องในมงคลสมัยคล้ายวันราชาภิเษกสมรส

                          ๒๘  เมษายน  ๒๕๕๖


โคลงสี่             อัญชลิตสิทธิเทพอ้าง        อิทธิคุณ
                มหาราชราชินีอดุลย์                 เด่นด้าว
                ราชาภิเษกสุน-                        ทรีย์สิริ-สวัสดิ์แฮ
                ทวยราษฎร์ภักดีพร้อม            เทิดไท้ถวายพร

                      ขจรพระบุญญฤทธิ์น้อม        บังคม  พระเอย
                ราชกิจโทไท้อุดม                        โลกซ้อง
                สยามประเทศรุ่งเรืองรมย์           ราษฎร์รื่น
                เถกิงพระเกียรติเกริกก้อง             แหล่งหล้าชมชาญ

                       เผดิมกาลอภิเษกแจ้ง          จวบปัจจุ-จุบันเฮย
                บุญคู่บุญทรงสวัสดิ์                   ก่อเกื้อ
                ไผทไทยเพริศพิพัฒน์                เย็นร่ม  อุดมแล
                พระกฤษดาเอกเอื้อ                    โอบอุ้มชุมชน

                        ผลพระคุณครอบเกล้า         เกินพรรณ-นาแฮ
                ปลูกป่าเขื่อนฝายสรร                  แหล่งน้ำ
                ศิลปาชีพเอกอนันต์                    ฟื้นเฟื่อง  ฟูแล
                หลายหลากพระดำริล้ำ                ปกเกล้าแหล่งสยาม

                        งามพระรักราษฎร์แท้           อาทร  ราษฎร์แฮ
                 พระประสงค์สุขสถาวร               พสกถ้วน
                 วิทยะพระทรงสอน                     ประโยชน์สุข  พสกแฮ
                 "ครูแห่งแผ่นดิน" ล้วน               สร่างร้อนเลอคุณ

                         เพ็ญบุญไตรรัตน์เอื้อ           พรชัย   พระเอย
                  ทรงประลาตโรคาภัย                  พยาธิพ้น
                  เกษมสุขนิรัติศรัย                      ทวยเทพ  คุ้มเ ทอญ
                  ทีฆรัชย์เลิศล้น                           เพริศพร้อมไพบูลย์


                                    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
                       ข้าพระพุทธเจ้า  คณะนิตยสารสกุลไทยรายสัปดาห์
                           (คุณหญิงกุลทรัพย์  เกษแม่นกิจ  ประพันธ์) 


                                     

                            คุณหญิงกุลทรัพย์  เกษแม่นกิจ 
  ศิลปินแห่งชาติ  สาขาวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์) พุทธศักราช ๒๕๕๕    


                   

    ขอบคุณข้อมูลจากนิตยสารสกุลไทย ฉบับที่ ๓๐๕๔ และ Google 

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : กรกช, ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์, คอนพูธน, เนิน จำราย, รัตนาวดี, พยัญเสมอ, ปู่ริน, สายใย, บูรพาท่าพระจันทร์, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
13 มิถุนายน 2013, 11:07:PM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #135 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2013, 11:07:PM »
ชุมชนชุมชน





ขอแสดงความยินดีกับ "ครูเนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์"
กวีรัตนโกสินทร์  ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี ๒๕๓๖
โด่งดังในเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี

ได้รับคัดเลือกจาก โครงการ Path of Visionaries of the World (ทางเดินแห่งวิสัยทัศน์ฯ)
ดำเนินการโดย  KUNSTWELT e.V. Berlin ภายใต้การอุปถัมภ์ของ UNESCO
นำวรรคทองช่วงท่อนจบ สลักลงแผ่นหินบนทางเท้า ฟรีดริชสตราเซอร์ (Friedrichstrasure)  ณ กรุงเบอร์ลิน
  เคียงคู่วาทะบุคคลสำคัญต่างๆ จากทั่วโลก  เช่น อัลเบิร์ต ไอนสไตน์, มหาตมะ คานธี, แองตวน เดอ แซ็งค์เตกซูเปรี
 ภายในปี  ๒๕๕๖  นี้

       

วรรคทอง

  "ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ
   เอกราชเอกลักษณ์เอกศักดิ์ศรี
   เป็นคันฉ่องส่องความงามและความดี
   เป็นโคมฉายช่วยชี้วิถีชน ฯ"
       
       "The art and cultural heritage of a nation
       Resonates its sovereignty, independence and unique pride.
       Reflecting what is good and beautiful,
       it lightens the path of the people."



บทกลอนต้นฉบับท่านแต่งสดๆ ในห้องประชุมคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย เมื่อ พ. ๑๔/๗/๕๓
จำนวน ๓ บท





วิถีไทย

"พื้นฐานบ้านเราคือชาวบ้าน
ทำงานไร่นามาก่อนเก่า
เป็นปู่เป็นย่าตายายเรา
ปลูกเหย้าแปลงย่านเป็นบ้านเมือง
เป็นเมืองเรืองรุ่งเป็นกรุงไกร
ลูกไทยหลานไทยได้ฟูเฟื่อง
น้ำใจไมตรีมีนองเนือง
จากเบื้องบรรพกาลถึงวันนี้
ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ
เอกราชเอกลักษณ์เอกศักดิ์ศรี
เป็นคันฉ่องส่องความงามและความดี
เป็นโคมฉายช่วยชี้วิถีชน ฯ"

บทกลอนสำนวนที่ ๒ แต่งเพิ่มเติมอีก ๒ บท เมื่อ พ.๘/๙/๕๓
รวมเป็น ๕ บท



วิถีไทย

โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ พ.๘/๙/๕๓

วัฒนธรรมคือวิถีแห่งชีวิต
ของคนคิดคนทำคนสร้างสรรค์
เพื่อประโยชน์เป็นอยู่รู้แบ่งปัน
ไปตามขั้นครรลองของชีวิต

ศิลปะนั้นเป็นความเจนจัด
จากปฏิบัติการงานการประดิษฐ์
ศิลปวัฒนธรรมจึงนำคิด
ให้รู้ทิศรู้ทางรู้ย่างเท้า

พื้นฐานบ้านเราคือชาวบ้าน
ทำงานไร่นามาก่อนเก่า
เป็นปู่เป็นย่าตายายเรา
ปลูกเหย้าแปลงย่านเป็นบ้านเมือง

เป็นเมืองเรืองรุ่งเป็นกรุงไกร
ลูกไทยหลานไทยได้ฟูเฟื่อง
น้าใจไมตรีมีนองเนือง
จากเบื้องบรรพกาลถึงวันนี้

ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ
เอกราชเอกลักษณ์เอกศักดิ์ศรี
เป็นคันฉ่องส่องความงามและความดี
เป็นโคมฉายช่วยชี้วิถีชน ฯ



ขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสารสกุลไทย  ฉบับที่ ๓๐๖๑
 http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000069450

พี.พูนสุข
๑๓  มิถุนายน  ๒๕๕๖

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตนาวดี, พยัญเสมอ, ปู่ริน, สายใย, รพีกาญจน์, ไพร พนาวัลย์, Shumbala, Prapacarn ❀, พ.พิมพา, บูรพาท่าพระจันทร์, อริญชย์, ชลนา ทิชากร

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
23 มิถุนายน 2013, 11:16:AM
พ.พิมพา
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 316
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 347



« ตอบ #136 เมื่อ: 23 มิถุนายน 2013, 11:16:AM »
ชุมชนชุมชน





ขอแสดงความยินดีกับ "ครูเนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์"
กวีรัตนโกสินทร์  ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี ๒๕๓๖
โด่งดังในเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี

ได้รับคัดเลือกจาก โครงการ Path of Visionaries of the World (ทางเดินแห่งวิสัยทัศน์ฯ)
ดำเนินการโดย  KUNSTWELT e.V. Berlin ภายใต้การอุปถัมภ์ของ UNESCO
นำวรรคทองช่วงท่อนจบ สลักลงแผ่นหินบนทางเท้า ฟรีดริชสตราเซอร์ (Friedrichstrasure)  ณ กรุงเบอร์ลิน
  เคียงคู่วาทะบุคคลสำคัญต่างๆ จากทั่วโลก  เช่น อัลเบิร์ต ไอนสไตน์, มหาตมะ คานธี, แองตวน เดอ แซ็งค์เตกซูเปรี
 ภายในปี  ๒๕๕๖  นี้

       

วรรคทอง

  "ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ
   เอกราชเอกลักษณ์เอกศักดิ์ศรี
   เป็นคันฉ่องส่องความงามและความดี
   เป็นโคมฉายช่วยชี้วิถีชน ฯ"
       
       "The art and cultural heritage of a nation
       Resonates its sovereignty, independence and unique pride.
       Reflecting what is good and beautiful,
       it lightens the path of the people."



บทกลอนต้นฉบับท่านแต่งสดๆ ในห้องประชุมคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย เมื่อ พ. ๑๔/๗/๕๓
จำนวน ๓ บท





วิถีไทย

"พื้นฐานบ้านเราคือชาวบ้าน
ทำงานไร่นามาก่อนเก่า
เป็นปู่เป็นย่าตายายเรา
ปลูกเหย้าแปลงย่านเป็นบ้านเมือง
เป็นเมืองเรืองรุ่งเป็นกรุงไกร
ลูกไทยหลานไทยได้ฟูเฟื่อง
น้ำใจไมตรีมีนองเนือง
จากเบื้องบรรพกาลถึงวันนี้
ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ
เอกราชเอกลักษณ์เอกศักดิ์ศรี
เป็นคันฉ่องส่องความงามและความดี
เป็นโคมฉายช่วยชี้วิถีชน ฯ"

บทกลอนสำนวนที่ ๒ แต่งเพิ่มเติมอีก ๒ บท เมื่อ พ.๘/๙/๕๓
รวมเป็น ๕ บท



วิถีไทย

โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ พ.๘/๙/๕๓

วัฒนธรรมคือวิถีแห่งชีวิต
ของคนคิดคนทำคนสร้างสรรค์
เพื่อประโยชน์เป็นอยู่รู้แบ่งปัน
ไปตามขั้นครรลองของชีวิต

ศิลปะนั้นเป็นความเจนจัด
จากปฏิบัติการงานการประดิษฐ์
ศิลปวัฒนธรรมจึงนำคิด
ให้รู้ทิศรู้ทางรู้ย่างเท้า

พื้นฐานบ้านเราคือชาวบ้าน
ทำงานไร่นามาก่อนเก่า
เป็นปู่เป็นย่าตายายเรา
ปลูกเหย้าแปลงย่านเป็นบ้านเมือง

เป็นเมืองเรืองรุ่งเป็นกรุงไกร
ลูกไทยหลานไทยได้ฟูเฟื่อง
น้าใจไมตรีมีนองเนือง
จากเบื้องบรรพกาลถึงวันนี้

ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ
เอกราชเอกลักษณ์เอกศักดิ์ศรี
เป็นคันฉ่องส่องความงามและความดี
เป็นโคมฉายช่วยชี้วิถีชน ฯ



ขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสารสกุลไทย  ฉบับที่ ๓๐๖๑
 http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000069450

พี.พูนสุข
๑๓  มิถุนายน  ๒๕๕๖

"ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ
เอกราชเอกลักษณ์เอกศักดิ์ศรี
เป็นคันฉ่องส่องความงามและความดี
เป็นโคมฉายช่วยชี้ชีวิตคน"
-------------------------
ขอเป็นศิษย์ผลิตกระจายกลอนขายฝัน
เพื่อสร้างสรรค์วัฒนธรรมนำทุกหน
ขอเรียนรู้ไม่หยุดอุทิศตน
สืบสกนธ์แสงสว่างสร้างความดี

วัฒนธรรมไทยนำไม่ต่ำต้อย
คือร่องรอยให้ประจักษ์เป็นศักดิ์ศรี
มีความรักความงดงามประเพณี
หลายร้อยปีไทยนี้มีตำนาน

เพื่อคงความเป็นไทยไว้ในชาติ
คงอำนาจชาติไทยให้กล่าวขาน
คงภาษาสุนทรีย์กวีกานท์
คงวิญญาณดำรงความเป็นไทย

    ------==-----
     พงศ์ภัณฑ์
   ๒๓/๕/๕๖
ขอต่อกลอนของบรมครู และกราบขออภัยท่านครูที่ล่วงเกินท่านโดยไม่ได้ขออนุญาตและบังอาจฝากตัวเป็นศิษย์ครับ


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, panthong.kh, บูรพาท่าพระจันทร์, อริญชย์, ชลนา ทิชากร, พี.พูนสุข, รัตนาวดี

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 5 6 [7]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s