ท่ามหมู่คนมากมายรายวิถี
ย่อมต้องมีชั่ว-ดีให้หันเห็น
หลากหลายเรื่องกี่ราวฉาวประเด็น
กี่หนครั้งให้เป็นเช่นร้าวรอน
ไม่ได้มีเพียงเราในเงานี้
ต่างพ่อแม่แย่-ดีคอยสั่งสอน
หลากหลายหนมากคนปนฉากตอน
ต่างต้องการอาภรณ์อันงอนงาม
แต่ว่าใครไหนเล่าเน่าในเนื้อ
หรือใครเหลืองงามเรื่อทองอร่าม
ล้วนแต่มีผ้ามิดคอยปิดวาง
ไม่ได้เห็นเช่นอย่างเพราะอ้างกัน
ที่อวดอยู่กู่ก้องร้องขับขาน
เห็นเบ่งหน้าตระกานเพื่อผ่านผัน
มีอาภรณ์งอนสวยด้วยถักพัน
ไว้ปิดเนื้ออย่างนั้น...มีวันวาย
ไม่ได้หมายรวมถึงเป็นหนึ่งเลิศ
เมื่อเป็นผู้มีเกิด...ต้องดับหาย
ให้มีผ้าเนื้อทองผ่องประกาย
ถ้าเนื้อในไม่หมายก็เสียที
หากแม้นว่าผู้ใดที่ใจภักดิ์
มิได้หยิ่งตระหนักในศักดิ์ศรี
แต่ไม่ยอมก้มหัวมั่วราคี
ผู้นั้นจึงเป็นที่แห่งศรัทธา
ถึงต้องห้อมล้อมด้วยไม่สวยเด่น
ผ้าที่ปิดเพื่อเร้นจะขาดขา
หรือเนื้อไม่นุ่มลื่นจนตื่นตา
แต่ข้างในเนื้อผ้าช่างหน้าดู
ให้ขาดวิ่นสิ้นไร้เท่าใดแล้ว
ก็ยังมีดวงแก้วความเลิศหรู
ซ่อนอยู่ในผืนซุกทุกอณู
เป็นทองผ่องมองดูไม่หม่นจาง
ต่างกับที่มีใครในผืนผ้า
เอาทองทาบ-ทับทาว่าอวดอ้าง
แต่พอต้องลมพัดผิดจัดวาง
ผ้าเปิดว่อนอ่อนบางหมดอ้างคำ