นิทานคำกลอน เรื่อง แก้วกานดา
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
24 พฤศจิกายน 2024, 05:47:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: นิทานคำกลอน เรื่อง แก้วกานดา  (อ่าน 4435 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
27 ธันวาคม 2008, 12:17:PM
อัลิปรียา
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 66
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 119


By myself


« เมื่อ: 27 ธันวาคม 2008, 12:17:PM »
ชุมชนชุมชน

   เมื่อดวงแก้วทรงพลังสูญหาย เป็นหน้าที่ของทวยเทพต้องร่วมกันพิทักษ์ให้ดวงแก้วพ้นจากมือมาร
ตำนานบทใหม่เริ่มต้น เทพอุษณเทวีผู้ครองแก้วปริศนาต้องจุติสู่แดนมนุษย์...  ตามบัญชามหาเทพ พร้อมด้วยทวยเทพอีกหลายองค์
ที่ต้องจุติเพื่อการนี้
   แก้วทรงพลังที่สูญหาย พรายพลัดไปอยู่ในน้ำมือใคร ค้นหาคำตอบได้ใน... "แก้วกานดา"
บันทึกการเข้า

นทีถึงท่วมท้น ทับถม ฝังร่างจนจ่อมจม อยู่ใต้ สาครมิอาจข่ม ใจหนึ่ง นี้นา จักแหวกสายชลไซร้ ว่ายสู้สู่ดิน
27 ธันวาคม 2008, 12:19:PM
อัลิปรียา
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 66
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 119


By myself


« ตอบ #1 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2008, 12:19:PM »
ชุมชนชุมชน

ปฐมบท

   ๐จะกล่าวถึงซึ่งสรวงห้วงเวหา      เทพธิดาศุภลักษณาศรี
   พระภูษาอาภรณ์เทพนารี            จรัสดังรัศมีสุริยา
   ช่างโสภางามพิศชวนจิตหลง         ในอนงค์องค์นี้เป็นหนักหนา
   พระเทวีพิศมองรัตนา            ในหัตถามองล้วนชวนใฝ่ใจ
   เรือนเกศาดำขลับประดับปิ่น         สีขมิ้นเรืองรองทองไสว
   วลัยกาญจน์สังวาลมาศสีอำไพ         ธำมรงค์ทรงผูกไว้ในเรียวกร
   อยู่ท่ามกลางพิมานกาญจนา         สรวงสุดานารีศรีสมร
   ตระกองกำดวงแก้วแล้วบังอร         ก็ยิ้มย้อนสู่แก้วแพร้วอำพัน
   แสนสมใจในอารมณ์ได้ชมแก้ว         พอชมแล้วดังคลายทุกข์เป็นสุขสันต์
   ยังยิ้มอยู่ในอารมณ์สมใจครัน         วชิราก็ผ่าพลันกลางพิมาน


(แล้วมาต่อนะคะ)
ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

นทีถึงท่วมท้น ทับถม ฝังร่างจนจ่อมจม อยู่ใต้ สาครมิอาจข่ม ใจหนึ่ง นี้นา จักแหวกสายชลไซร้ ว่ายสู้สู่ดิน
27 ธันวาคม 2008, 09:10:PM
อัลิปรียา
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 66
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 119


By myself


« ตอบ #2 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2008, 09:10:PM »
ชุมชนชุมชน

      ๐ทิพย์วิมานดั่งเหมือนว่าเลื่อนลั่น      แสนสนั่นสั่นไหวในสถาน
   เทพนารีจอมองค์เอกนงคราญ         เยาวมาลย์ล้มลงในทันใด
   ดวงมณีตกลงเสียตรงพื้น            จอมอนงค์ทรงแข็งยืนฝืนไม่ไหว
   พระพิรุณก็โปรยปรายสายฝนไป         วัชราก็ผ่าในภพนภา
   เทพธิดาประคองป้องดวงแก้ว         สุดท้ายแล้วแก้วก็ตกลงตรงหน้า
   ดั่งสายภพสายฟ้าผ่าพาดมา         วชิราบั่นมณีภินท์ลงพลัน
   รัตนามณีนี้แตกดับ            ที่วาววับอับเฉาเพียงเท่านั้น
   เศษทรงค่าจินดาศรีสุวรรณ         ลอยร่วงหลั่นจากฟ้ามาสู่ดิน
   พระพิรุณหุนหันพลันพิโรธ         พระเคืองโกรธโปรดโปรยกระแสสินธุ์
   ร่วงจากฟ้าพยับโพยมนั้นโรมริน         วายุภินท์ด้วยวาโยล้างโลกา
   อุษณเทวีศรีสวรรค์            เห็นพิรุณโรมรันถึงขั้นฆ่า
   ก็ซวนเซเร่หนีเอาชีวา            เกินจะฝ่าม่านหมอกอันมืดมัว
   พระพิรุณโปรยฝนเหมือนป่นซ้ำ         ในกระแสนั้นกระหน่ำแสนสลัว
   มองไม่เห็นเป็นทางช่างน่ากลัว         จะเอาตัวรอดได้อย่างไรดี
   ทั้งล้มลุกคลุกคลานสารพัด         ทรงสกัดมิให้เห็นเช่นทางหนี
   อัปสราอุษณเทวี               จะหลีกลี้หลบกายได้อย่างไร
   พอสายฟ้าผ่าแล่งตราบอุรา         เทพธิดาล้มจุกลุกไม่ไหว
   จึงหลับเนตรพระเวทก็ร่ายไป         อันปีกปักษ์ดั่งนกไซร้ได้โบยบิน
   รักตปักษ์สีแดงแผลงดั่งเพลิง         อันร้อนเริงโบกสะบัดพัดผกผิน
   สรวงสุดาบินหนีเหล่าไพรินทร์         ดังปักษินหนีพรานผลาญชีวัน
   แล้วบินสู่ทิพย์สถานพิมานแก้ว         น้ำวาวแววมรกตสดสีสัน
   อินทร์พิมานแดนสุขสิ้นทุกข์ครัน         เทพสวรรค์ก็พลันพ้นจากโพยภัย
   พระพิรุณตามมาให้ต้องแสง         อันแผดแผลงสีพฤกษ์เป็นแสงใส
   ให้ถอยกลับออกห่างจากจางไป         จากเขตคามสหัสนัยน์จอมเทวา
      ๐จะกล่าวถึงศักรินทร์ปิ่นสวรรค์      จอมเทวัญผู้ยิ่งใหญ่ในเวียงฟ้า
   ทิพย์พิมานมรกตรจนา            พระกายาเขียวจรัสภัทราภรณ์
   พระงามสิ้นในดวงพระพักตรา         เนตรขนงในวงหน้าดั่งคันศร
   พระงามแสนศรีสง่าเอื้ออาทร         สุรเสียงดั่งสะท้อนถึงโลกันตร์
   ทิพย์อาสน์กระด้างด้านประหลาดแท้      จะพิศส่องลองแลจากสวรรค์
   พระจึงลุกยุรยาตรออกไปพลัน         จอมนารีศรีสุนันท์ก็โจนมา
   อุษณเทวีนารีรัตน์            นางก็พลัดล้มลงที่ตรงหน้า
   ประนมกรขึ้นพลันแล้ววันทา         อัปสราผู้พิลาสเจียนขาดใจ
   แล้วทูลความตามเหตุที่ประสบ         พอสิ้นเสียงเพียงสลบด้วยอ่อนไหว
   มณีรัตน์จรัสหล้าถูกคร่าไป         อยู่ตำบลหนใดในโลกา
   วัชรีทรงว่ามณีรัตน์            เจิดจำรัสหากอยู่ด้วยมนุษา
   แม้นผู้ใดได้ครองนั้นมีบุญญา         ก็จะเป็นรัตนาคู่บารมี
   หากตกต้องไปอยู่ในมือมาร         พสุธาจะเดือดดาลเต็มที่
   ทุกหย่อมหญ้าแหล่งหล้าปฐพี         เป็นกลียากไร้ในแผ่นดิน
   เจ้าจะต้องจุติที่แผ่นภพ            เพื่อสยบเหล่าร้ายให้สูญสิ้น
   เพื่อพิทักษ์ดวงแก้วจากอรินทร์         จากจอมมารที่จะภินท์ปฐพี
   เทพอัปสรรับคำองค์อินทรา         แล้วกายาก็กลายเป็นรัศมี
   สีเรืองรองทองจรัสแห่งธุลี         จึงลอยร่วงสู่ธาตรีในบัดดล

บันทึกการเข้า

นทีถึงท่วมท้น ทับถม ฝังร่างจนจ่อมจม อยู่ใต้ สาครมิอาจข่ม ใจหนึ่ง นี้นา จักแหวกสายชลไซร้ ว่ายสู้สู่ดิน
30 ธันวาคม 2008, 04:50:PM
อัลิปรียา
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 66
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 119


By myself


« ตอบ #3 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2008, 04:50:PM »
ชุมชนชุมชน

   ๐จะจับความตามระบิลในถิ่นหล้า      มีพาราแช่มชุ่มชอุ่มฝน
   ทั้งพืชพรรณธัญญาต้องกระมล         ทุกแห่งหนดุจด้วยแผ่นดินทอง
   นามนครแก้วสุกัญจณ์อันแสนสุข         ศานต์สิ้นทุกข์ไร้มนต์ให้หม่นหมอง
   เอกกษัตริย์ท้าวสุกัญจณ์ผู้ครอบครอง      ที่เคียงพระอนงค์น้องจันทร์จินดา
   ครานั้นพระนางจันทร์มเหสี         จอมเทวีทรงครรภ์อยู่นั้นหนา
   ป้องประคองอุทรนวลยุพา         รอเพลาจุติเจ้าจอมใจ
   ทรงคณาวันคืนอยู่เนืองนิตย์         แล้วนั่งคิดพระนามพระลูกไว้
   หากเป็นชายเกิดในยามจันทร์คลาไคล      ก็จะให้นามว่าภาสกร
   หากเป็นหญิงให้ชื่อทินมณีแสง         แม้นเกิดยามตะวันแผลงด้วยสังหรณ์
   หากเกิดยามราตรีที่หลับนอน         ในอุทรจะให้ชื่อรัตติกาล
   แม้นเป็นชายเกิดกาลรัชนี            พระเทวีจะให้ชื่อจันทรศานต์
   สี่พระนามสถิตใจเยาวมาลย์         พระนงคราญแสนถนอมในพระครรภ์
   ท้าวสุกัญจณ์ก็ยิ่งรักยิ่งถนอม         พระเจ้าจอมนารีมิแปรผัน
   สมุนไพรโอสถประทานพลัน         องค์ราชันย์บำรุงครรภ์กัลยา
      ๐ดั่งฤกษ์งามยามดีเป็นศรีแล้ว      อนงค์แก้วสุดหวงดวงยี่หวา
   จะคลอดบุตรสุดปวดรันจวนมา         พนิดาแสนปวดประชวนครรภ์
   พระตำหนักวุ่นวายโกลาหน         แสนสับสนอลหม่านสะท้านหวั่น
   เหล่านางในชุลมุนวิ่งวิ่งกัน         รอรับขวัญพระหน่อภูวไนย
   ท้าวสุกัญจณ์ประทับรออยู่หน้าห้อง      กับพวกพ้องเสนาเรียงหน้าไซร้
   ยามใกล้รุ่งแสงสวรรค์พลันแผ่ไป         อรทัยคลอดบุตรเป็นกุมาร
   แม่หมอว่าพักตราแสนน่ารัก         ช่างงามนักดุจนำเกษมศานต์
   อุ้มพระองค์โอรสายุพาพาน         ออกกราบกรานเอกองค์ภูบดี
บันทึกการเข้า

นทีถึงท่วมท้น ทับถม ฝังร่างจนจ่อมจม อยู่ใต้ สาครมิอาจข่ม ใจหนึ่ง นี้นา จักแหวกสายชลไซร้ ว่ายสู้สู่ดิน
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s