อันความจริง เป็นนิรัต์ นั้นได้แจ้ง
หายเคลือบแคลง ..สิ่งประสงค์ ที่สงสัย
ความจริงแล้ว..การเปลี่ยนแปลง ..ที่ผันไป
ใช่หยุดได้ ..ใช่เป็นสิ่ง อันนิรันดิ์
ตั้งแต่ดิน ถึงฟ้า นภากาศ
ช่างอนาถ ผันแปล ทุกสิ่งสรร
อันมนุษย์ ก็ เกิด-ตาย อยู่ทุกวัน
เมื่อตายนั้นก็หายไป ไม่รู้ความ
เมื่อดับสูญย์ จากไป แค่ไม่เห็น
แม้จะเป็นเวียนว่าย ในสงสาร
ยังไม่ใช่ ความจริง นิรันดิ์กาล
ใครช่วย วานสอนสั่ง..ยังค้างใจ
เกิดแล้วดับ ดับแล้วเกิด
----------------
แต่ก่อนเก่า เล่าอ้า ทางสามแพร่ง
เกิดแล้วดับ ชัดแจ้ง แจงใจขึง
ดับแล้วเกิด ยังไม่แจ้ง แจงคำนึง
อีกยังดึง ดับแล้วดับ ขยับตาม
เมื่อมีเหตุ ย่อมมิผล พุทธองค์กล่าว
กรรมสังเวช เป็นดั่งเงา เฝ้าหาบหาม
เป็นดั่งนา ท้องดิน ถิ่นงดงาม
เสพสำราญ พืชพรรณ ธัญญามี
วิญญาณนั้น มั่นหมาย คล้ายเมล็ด
ที่พร้อมเสร็จ โปรยหว่าน บนลานนี้
ส่วนตัณหา ดั่งยางเหนียว เคี่ยวชีวี
พืชพันธ์มี เจริญได้ พรายชีวัน
หากยังมี สามสิ่ง อิงแนบข้าง
ไม่ลาร้าง หลายภพชาติ วาดใฝ่ฝัน
อวิชชา ยังกั้นขวาง ทางชีวัน
สัญโญชน์พัน ตันหาเริ่ม เติมชาติไป
วิบากกรรม ก่อเกิด กำเนิดแล้ว
ภพชาติแน่ว ไม่มีแล้ว ปรากฏไหน
พุทธองค์ ทรงถามผล อานนท์ไว้
เป็นความนัย ไขแจ้ง แสดงความ
เวลา...วารี...ชีวี...รำพัน