ระเด่นลันได(ต่อ)
๏ เมื่อนั้น
ลันไดล้วงสลักชักกลอนได้
เปิดประตูเยื้องย่องเข้าห้องใน
เข้านั่งใกล้ในจิตคิดว่านาง
สมพาสยักษ์ลักหลับขึ้นทับบน
ท้าวประดู่เต็มทนอยู่ข้างล่าง
พระสร้วมสอดกอดไว้มิได้วาง
ช้อนคางพลางจูบแล้วลูบคลำ ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น
ท้าวประดู่ผุดลุกขึ้นปลุกปล้ำ
ตกใจเต็มทีว่าผีอำ
ต่างคนต่างคลำกันวุ่นไป
เอ๊ะจริตผิดแล้วมิใช่ผี
จะว่าพระมเหสีก็มิใช่
ขนอกรกหนักทักว่าใคร
ตกใจฉวยตระบองร้องว่าคน
ลันไดโดดโผนโดนประตู
ท้าวประดู่ร้องโวยขโมยปล้น
ตะโกนเรียกเสนาสามนต์
มันไม่มีสักคนก็จนใจ
ระเด่นโดดโลดออกมานอกรั้ว
ผิดตัวแล้วกูอยู่ไม่ได้
ก็ผาดแผลงสำแดงฤทธิไกร
วิ่งไปตามกำลังไม่รั้งรอ ฯ ๘ คำ ฯ
๏ หมาหมูกรูไล่ไม่มีขวัญ
ปล่อยชันสามขาเหมือนม้าห้อ
เต็มประดาหน้ามืดหืดขึ้นคอ
ต้องหยุดยั้งรั้งรอมาตามทาง
ถึงโดยจะไล่ก็ไม่ทัน
ผิดนักสู้มันแต่ห่างห่าง
พอแว่วสำเนียงเหมือนเสียงคราง
อยู่ในร้านริมข้างหนทางจร
เอ๊ะผีฤๅคนขนลุกซ่า
พระหัตถ์คว้าฉวยอิฐได้สองก้อน
หยักรั้งตั้งท่าจะราญรอน
นี่หลอกหลอนเล่นข้าฤๅว่าไร
ครั้นได้ยินเสียงชัดเป็นสัตรี
จะลองฤทธิ์สักทีหาหนีไม่
กำหมัดเยื้องย่องมองเข้าไป
แก่สาวคราวไหนจะใคร่รู้ ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น
นางประแดะนั่งซุ่มคลุมหัวอยู่
สาละวนโศกาน้ำตาพรู
เห็นคนย่องมองดูก็ตกใจ
พอฟ้าแลบแปลบช่วงดวงพักตร์
เห็นระเด่นรู้จักก็จำได้
ทั้งสองข้างถ้อยทีดีใจ
ทรามวัยกราบก้มบังคมคัล ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น
ระเด่นเห็นนางพลางรับขวัญ
นังลงซักไซ้ไล่เลียงกัน
ไฉนนั่นกัลยามาโศกี
พี่หลงขึ้นไปหานิจจาเอ๋ย
ไม่รู้เลยน้องแก้วแคล้วกับพี่
พี่ไปพบท้าวประดู่ผู้สามี
เกิดอึงมี่ตึงตังทั้งพารา
มันจะกลับจับพี่เป็นผู้ร้าย
จะฆ่าเสียให้ตายก็ขายหน้า
เขาจะค่อนติฉินนินทา
อดสูเทวาสุราลัย
จะเอาเมียแล้วมิหนำซ้ำฆ่าผัว
คิดกลัวบาปกรรมไม่ทำได้
พี่ขอถามสาวน้อยกลอยใจ
เป็นไฉนกัลยามาโศกี ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น
นางประแดะดวงยี่หวามารศรี
สะอื้นพลางทางทูลไปทันที
ทั้งนี้เพราะกรรมได้ทำไว้
ครั้งนี้มิชั่วก็เหมือนชั่ว
นางตีอกชกหัวแล้วร้องไห้
ยังจะกลับมาเยาะนี่เพราะใคร
ดูแต่หลังไหล่เถิดพ่อคุณ
เขาขับหนีตีไล่ไสหัวส่ง
เพราะพระองค์ทำความจึงวามวุ่น
แต่รอดมาได้เห็นก็เป็นบุญ
อย่าอยู่เลยพ่อคุณเขาตีตาย ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น
ลันไดได้ฟังนางโฉมฉาย
เขม้นมองดูหลังยังไม่ลาย
พระจูบซ้ายจูบขวาห้าหกที
เอาพระหัตถ์ช้อนคางแล้วพลางปลอบ
อย่าพะอืดพะออบเลยโฉมศรี
จะละห้อยน้อยใจไปไยมี
บุญพี่กับนางได้สร้างมา
อันระตู่ฤๅจะคู่กับนางอนงค์
มิใช่วงศ์อสัญแดหวา
โฉมเฉลาเจ้าเหมือนบุษบา
จรกาฤๅจะควรกับนวลน้อง
ถ้าเป็นระเด่นเหมือนเช่นพี่
จึงควรที่ร่วมภิรมย์ประสมสอง
ตรัสพลางทางชวนนวลละออง
เยื้องย่องนำหน้าพานางเดินฯ ๘ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนตำหนัก
ตงหักกลัวจะตกงกเงิ่น
ค่อยพยุงจูงนางย่างดำเนิน
ชวนเชิญโฉมเฉลาเข้าที่นอน
ลดองค์ลงเหลือที่ไสยาสน์
พระภู่ปูลาดขาดสองท่อน
แล้วจึงมีมธุรรสสุนทร
อ้อนวอนโฉมเฉลาให้เข้ามุ้ง ฯ ๔ คำ ฯ
๏โอ้โลม โฉมเอยโฉมเฉิด
เอนหลังบ้างเถิดจวนจะรุ่ง
เสียแรงพี่รักเจ้าเท่ากระบุง
จะไปนั่งทนยุงอยู่ทำไม
เชิญมาร่วมเรียงเคียงเขนย
อย่าทุกข์เลยที่จะหามาเลี้ยงให้
เรามั่งมีศรีสุขทุกข์อะไร
เงินทองถมไปที่ในคลัง
แต่ข้าวสารให้ทานพี่นี้ฤๅ
ไม่พักซื้อได้ขายเสียหลายถัง
ทั้งปลาแห้งปลาทูปูลัง
เสบียงกรังมีมากไม่ยากจน
ขี้ครานขายนมวัวเหมือนผัวเจ้า
พี่ได้เปล่าสารพัดไม่ขัดสน
จงนั่งกินนอนกินสิ้นกังวล
พี่จะขวนขวายหาเอามาเลี้ยง
ว่าพลางทางตระโบมโลมเล้า
อะไรเล่าฮึดฮัดเฝ้าฟัดเหวี่ยง
อุแม่เอ๋ยมิให้เข้าใกล้เคียง
จะตกเตียงลงไปแล้วแก้วกลอยใจ ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ร่าย เมื่อนั้น
นางประแดะคลุ้มคลั่งผินหลังให้
ถอยถดขยดหนีภูวไนย
นี่อะไรน่าเกลียดเบียดคะยิก
ลูกผัวหัวท้ายเขาไม่ขาด
ทำประมาทเปล่าเปล่าเฝ้าหยุกหยิก
ปัดกรค้อนควักผลักพลิก
อย่าจุกจิกกวนใจไม่สบาย
อย่าพักอวดสมบัติพัสถาน
ไม่ต้องการดอกจะสู้อยู่เป็นหม้าย
หนีศึกปะเสือเบื่อจะตาย
เฝ้ากอดก่ายไปได้ไม่ละวาง ฯ ๖ คำ ฯ
๏ชาตรี สุดเอยสุดลิ่ม
เชิญผินหน้ามายิ้มกับพี่บ้าง
เฝ้าถือโทษโกรธเกรี้ยวไปเจียวนาง
ไม่เห็นอกพี่บ้างที่อย่างนั้น
เหมือนน้ำอ้อยใกล้มดใครอดได้
พี่ก็ไม่มีคู่ตุนาหงัน
ตั้งแต่นวดปวดท้องมาสองวัน
ใครจะกลั้นอดทนพ้นกำลัง
ทำไมกับลูกผัวกลัวมันไย
ผิดก็เสียสินไหมให้ห้าชั่ง
จูบเชื่อเสียก็ได้แล้วไม่ฟัง
ลูบหน้าลูบหลังนั่งแอบอิง
น้อยฤๅนมแต่ละข้างช่างครัดเคร่ง
ปลั่งเปล่งใจหายคล้ายกล้วยปิ้ง
อุ้มขึ้นใส่ตักรักจริงจริง
อย่าสะบิ้งสะบัดตัดไมตรี
ยิ่งดิ้นยิ่งกอดสอดสัมผัส
อุยหน่าอ่ากัดพระหัตถ์พี่
ปัดป้องว่องไวอยู่ในที
จนล้มกลิ้งลงบนที่บรรทมใน
อัศจรรย์ลั่นพิลึกกึกก้อง
ฟ้าร้องครั่นครื้นดังปืนใหญ่
เกิดพายุโยนยวบสวบสาบไป
หลังคาพาไลแทบเปิดเปิง
ฝนตกห่าใหญ่ใส่ซู่ซู่
ท่วมคูท่วมหนองออกนองเจิ่ง
คางคกขึ้นกระโดดโลดลองเชิง
อึ่งอ่างเริงร่าร้องแล้วพองคอ
นกกระจอกออกจากวิมานมะพร้าว
ต้องฝนทนหนาวอยู่งอนหง่อ
ขนคางหางปีกเปียกจนมอซอ
ฝนก็พอขาดเม็ดเสร็จบันดาล ฯ ๑๖ คำ ฯ โลม
๏ช้า เมื่อนั้น
นางประแดะหูกลวงห่วงสงสาร
ได้ร่วมรักชักเชยก็ชื่นบาน
เยาวมาลย์หมอบเมียงเคียงกาย
แล้วเชิญหม้อตุ้งก่าออกมาตั้ง
นางนั่งเป่าชุดจุดถวาย
ทรงศักดิ์ชักพลางทางยิ้มพราย
โฉมฉายขวั้นอ้อยคอยแก้คอ
ถูกเข้าสามจะหลิ่มยิ้มแหยะ
นางประแดะสรวลสันต์กลั้นหัวร่อ
พระโฉมยงทรงขับรับเพลงซอ
ฉลองหอทรงธรรม์แล้วบรรทม ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
๏ช้า มาจะกล่าวบทไป
ถึงนางกระแอทวายขายขนม
เจ้าเงินโปรดปรานพานอุดม
นุ่งห่มผืนผ้าค่าบาทเฟื้อง
ผูกดอกออกจากฟากเรือนนาย
ลดเลี้ยวเที่ยวขายข้าวเหนียวเหลือง
ตามตลาดเสาชิงช้ามาเนืองเนือง
ปลดเปลื้องเฟื้องไพได้ทุกวัน
กับโฉมยงองค์ระเด่นลันได
รักใคร่กันอยู่ก่อนเคยผ่อนผัน
เชื่อถือซื้อขายเป็นนิรันดร์
เว้นวันสองวันหมั่นไปมา ฯ ๖ คำ ฯ
๏ร่าย วันเอยวันหนึ่ง
คิดถึงลันไดจะไปหา
นึ่งข้าวเหนียวใส่กระจาดยาตรา
ตรงมาหาชู้คู่ชมเชย
เที่ยวเตร็ดเตร่เร่ร้องแล้วท่องเที่ยว
ซื้อข้าวเหนียวหน้ากุ้งกินแม่เอ๋ย
ที่รู้จักทักถามกันตามเคย
บ้างเยาะเย้ยหยอกยื้อซื้อหากัน
พอเวลาตลาดวายสายแสง
กระเดียวดตระแกรงกรีดกรายผายผัน
ทอดกรอ่อนคอจรจรัล
มาปราสาทสุวรรณเจ้าลันได ฯ ๖ คำ ฯ เพลงช้า
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนนอกชาน
เห็นทวารบานปิดคิดสงสัย
ทั้งเสียงคนพูดกันอยู่ชั้นใน
ทรามวัยแหวกช่องมองดู
เห็นโฉมยงองค์ประแดะกับระเด่น
คลี่ผ้าหาเล็นกันง่วนอยู่
โมโหมืดหน้าน้ำตาพรู
ดังหัวหูจะแยกแตกทำลาย
นี่เมียอ้ายประดู่อยู่หัวป้อม
ไยมิยมอยินยอมกันง่ายง่าย
ทั้งสี่จักรยักหล่มถ่มร้าย
มันจะให้ฉิบหายขายตน
ชิชะเตจ้าระเด่นพึ่งเห็นฤทธิ์
แต่ผ้านุ่งยังไม่มิดจะปิดก้น
จองหองสองเมียจะเสียคน
คิด่ายากจนเฝ้าปรปรือ
จึงแกล้งเรียกพลันเจ้าลันได
ค่าข้าวเหนียวสองไพไม่ให้ฤๅ
ผ่อนัดนัดหมายมาหลายมื้อ
แม่จะยื้อให้อายขายหน้าเมีย ฯ ๑๐ คำ