…ความในใจ…
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
31 มีนาคม 2025, 03:41:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: …ความในใจ…  (อ่าน 1229 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
11 มีนาคม 2025, 08:06:AM
โซ...เซอะเซอ
Special Class LV4
นักกลอนผู้รอบรู้กวี

****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 38
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 425


« เมื่อ: 11 มีนาคม 2025, 08:06:AM »
ชุมชนชุมชน



…ความในใจ…


…”ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ”
“The Eyes are the Windows to the Soul”

ผมได้ยินข้อความนี้ผ่านหูมาหลายครั้ง
ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
โดยที่ไม่รู้ว่ามีที่มาเริ่มต้นจากที่ใด
และก็ไม่เคยรู้สึกลึกซึ้งกับความหมายของมันเลย
จนกระทั่ง…


…ในเช้าวันอาทิตย์ต้นเดือนมีนาคม ที่แสนจะเงียบเหงา
ขณะที่เวลากำลังดำเนินไปตามหน้าที่
ของมันอย่างเชื่องช้าผิดปกติ
ผมก็กำลังนั่งทอดหุ่ย จิบกาแฟร้อนใส่ฟองนม
อยู่ในร้านที่ชื่ออะไร ผมเองก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะจดจำ
แต่บรรยากาศเงียบสงบเป็นส่วนตัว
และราคาก็ไม่ถึงกับจะเบียดเบียน
งบค่าอาหารกลางวันของผมสักเท่าไหร่นัก

ขณะที่ผมกำลังนั่งปล่อยความคิดให้ล่องลอย
ไปกับเรื่องอนาคตที่ยังไม่อยู่กับร่องกับรอยของผม
ฉับพลันก็มีความรู้สึกแปลกๆราวกับว่า
กำลังถูกใครบางคนจ้องมองอยู่
ผมจึงหันหน้าไปตามทิศทางที่รู้สึกนั้น

…ทันใดนั้นจักขุนทรีย์ของผมก็ได้บรรสบกับ
วัตถุกลมโตสีดำขลับคู่หนึ่ง

ราวกับภาพยนตร์สโลว์โมชั่น
ที่ทำให้ผมตกอยู่ในภวังค์นิ่งอึ้งไป
ประมาณ 5 วินาที
แต่นัยน์ตาสวยคู่นั้น ก็ยังมองมาทางผมอย่างไม่กระพริบ

ผมจึงได้ยืนขึ้นแล้วเดินตรงไปที่ เจ้าของนัยน์ตาสวยคู่นั้น
“ขอโทษนะครับ
ไม่ทราบว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าครับ”

 อาจจะฟังดูเหมือนประโยคเบิกทางเวลาจะจีบสาว
…ซึ่งก็อาจจะใช่ แต่ก็พ่วงด้วยความสงสัยอยากรู้จริงๆ

“…อะไรนะคะ”


…เฮ้อ…ผมแอบถอนหายใจเบาๆ
กับอาการหวิวโหวงเหมือนคนกำลังตกหลุมอากาศ
เมื่อผมได้ยินเสียงของเธอ…
นัยน์ตาสวยคู่นั้น ผู้มาพร้อมกับเสียงสากเล็กๆ
อันอ่อนหวานราวกับเสียงสายลมโชยอ่อนยามเช้า

“คือผมเห็นคุณจ้องมองมาทางผมสักพักแล้วน่ะครับ”

“อ้อ…ฉันกำลังยืนรอเพื่อนเข้าห้องน้ำอยู่น่ะค่ะ”


เออนะ…ธรรมชาติคงไม่ต้องการให้อะไรมันสมบูรณ์แบบ
จนเกินไปกระมัง ดวงตาสวยคู่นั้นผู้มากับเสียงสากเซ็กซี่
จึงจำเป็นต้องมีข้อบกพร่องบ้าง…
คนประหลาด…ถามวัว ดันตอบควาย

ขณะที่ผมกำลังยืนงง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี
ฉับพลันก็มีเสียงแทรกขึ้นมา

“ขอโทษทีนะ จันทร์ ฉันเข้าห้องน้ำนานไปหน่อย
อ้าวแล้วนี่คุยกับใครอยู่น่ะ รู้จักกันหรือ
ถ้าไม่รู้จักอย่าไปคุยด้วยนะ
คนสมัยนี้น่ะ รู้หน้าไม่รู้ใจ ไว้ใจไม่ค่อยได้นะเธอ“


น้ำเสียงที่ฟังดูจริงใจเสียจนออกจะโฉ่งฉ่าง
แบบไม่มีหูรูด ของผู้ที่มีปากกับใจตรงกัน

“…ไม่รู้จักหรอกจ๊ะ พอดีเขามาถามจันทร์ว่ามองเขาทำไม”

“ คุณนี่ท่าจะสติไม่ดี
เพื่อนฉันเป็นผู้พิการทางสายตาจะไปมองคุณได้ยังไง”
เสียงกวนอูสาว แสดงบทผู้พิทักษ์ รีบเอาตัวเข้าขวาง

“อ้าวแล้วผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
ก็ในเมื่อดวงตาเพื่อนคุณ ออกกลมโตสวยขนาดนี้
ใครจะไปนึกล่ะ
 ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่เข้าใจผิด”

“งั้น …เมื่อเข้าใจถูกแล้ว ก็รีบไปๆซะ ขืนยังเกร่อยู่แบบนี้
จะนึกว่าคุณจะเข้ามาจีบเพื่อนฉัน”

“รีย์ก็ ดูพูดเข้า“
ดวงตาสวยคู่นั้นรีบออกตัวแทน
แม่กวนอู

“จันทร์ขอโทษแทนเพื่อน ด้วยนะคะ คือรีย์เค้า
เป็นเพื่อนกับจันทร์ ตั้งแต่เด็ก
เค้าคอยเป็นห่วงและดูแลปกป้องจันทร์ นะค่ะ”

“จันทร์มีอาการ ตาบอด ตาใสตั้งแต่เด็ก เส้นประสาทตาเสื่อม
ทำให้เห็นภาพได้แค่รางราง
แต่มองดูจากภายนอกจะดูไม่ออกน่ะค่ะ”

เธอพยายามอธิบายว่าไม่ใช่ความผิดของผมที่ไม่รู้ว่าเธอมองไม่เห็น

ผมมองลึกลงไปในดวงตากลมสวยคู่นั้น
ด้วยคำพูดเพียงสองสามประโยค
แต่มันบอกอะไรกับผมเกี่ยวกับตัวเธอมากมาย…

ผมสัมผัสถึงความเข้มแข็งในจิตใจของเธอ
ยามที่เธอพูดถึงความพิการของเธอได้อย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา
ราวกับว่ามันไม่ใช่ปมด้อยในชีวิตเธอเลย

และยังสัมผัสถึงจิตใจที่ อ่อนโยนที่พยายาม
แก้ตัวให้ผม ไม่ให้รู้สึกว่าโง่ตามคำพูดเพื่อน
กวนอูของเธอ ในขณะเดียวกันก็ออกตัวแทน
กิริยามารยาทที่ไม่ดีของเพื่อนเธอว่าที่ทำไป
นั้นล้วนเกิดจากความปรารถนาดี

…ที่จริงเรื่องทั้งหมดก็ควรจะจบเพียงแค่นี้ แล้ว
ต่างคนควรจะแยกย้ายไปดำเนินชีวิตของตนเองต่อ

…แต่มันมีความรู้สึกบางอย่าง
มีสายใยอะไรบางอย่างที่ผูกรั้งผมไว้
เหมือนไม่อยากให้การสนทนานั้นจบลง

“…ไม่เป็นไรครับ
คงมีพลังงานอะไรดลใจให้เราต้องมารู้จักกันน่ะครับ
ผมวิญญูชนครับ เรียกผมว่าวิญญ์ก็ได้ครับ
ยินดีที่รู้จักครับ…”

“ยินดีที่รู้จักค่ะ ดิฉัน จูบจันทร์ และนี่เพื่อนของดิฉัน
สัตยาสุรีย์ ค่ะ“…



…เป็นเวลาครบหนึ่งปี ที่โชคชะตาชักพาเราให้มารู้จักกัน
ผมนอนหนุนตักแฟนผม ใต้ร่มจามจุรีใหญ่เขียวครึ้ม
ขณะที่เธอนั่งกุมมือผมอย่างเงียบๆ
เราต่างถ่ายทอดความรู้สึกลึกซึ้ง
ให้กันและกัน โดยที่ไม่ต้องเอ่ยคำพูดใดๆ

สายลมพัดโชยเอื่อยๆ พร้อมกับเสียงเพลงคุ้นหู
ที่ล่องลอยมาตามลม
พอได้ยินเสียงเพลงนี้ พลันรอยยิ้มก็ปรากฏ
บนใบหน้าของเราทั้งสองคนโดยมิได้นัดหมายกัน…



“...หากฉันเพ่งมองตาเธอให้ลึกหน่อย
อย่างน้อยอาจทำให้ต้องเฉลียวใจ
ว่ามีความหมายใดซ่อนในดวงฤทัย
บ่งบอกความในใจ ที่ดวงตา

หากรู้ว่ารักเจ้ายังหลีกเร้นหลบ
ถ้าพบจะพาดวงใจเปี่ยมรักมา
แอบอารมณ์ละมุนอุ่นไอรักชักพา
ให้วิญญาสองเรารื่นสราญ

โอ้ ความรักนั่นอยู่ไหนไยจึงไม่เห็น
มองหาเช้าเย็น มิพบพาน
ใจเอ๋ยใจเรารักเขาหรือนั่น
ปล่อยรักนั้นให้เดินผ่านไป

หากฉันเพ่งมองตาเธอให้ลึกหน่อย
อย่างน้อยอาจทำให้ต้องเฉลียวใจ
ว่ามีความรักซ้อนซ่อนในดวงฤทัย
อาบอุ่นใจ สองเราเรื่อยมา...”


...ความในใจ...(เพลงประกอบละคร ปริศนา)
[ คำร้อง ทำนอง โดย อ.วิรัช อยู่ถาวร ]



…จากคนเขียนกลอนข้างถนน
อยากจะขอมาหัดเขียนเรื่องสั้นกับเขาบ้าง…
รบกวนคอมเม้นท์ ติชมได้แบบไม่ต้องเกรงใจนะครับ
เพื่อจะได้นำไปแก้ไขปรับปรุงพัฒนาการเขียนต่อไปครับ
ขอบพระคุณครับ…


วิญญูชน
11 มีนาคม 2568

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : Yodyanyong, กรีนซี, ระนาดเอก, กวินพัฒน์

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s