๏ปางนั้นโมเซดำเกอง สู่ไศลไฟเมลิง มมลังจำรัสอัจจี
เมลิงมมลัง-มลังเมลือง เอือเป็นเออเช่น เงินเงือนในจารึกหลักที่๑ อัจจี-เปลวไฟ
๏ยุเดวทำทบบทำที่ นองอัคนีคี- ริบาทอันนิศกลง
ทับ-เรือน,ที่อาศัย นิศกลง/นิศกลงก์-นิรมล
๏ส่ไนยไศลระหํง อยู่หว่างทางดง มรูษณเทศไพศาล
มรูษณเทศ-มรุ(ทะเลทราย)+อุษณ(ร้อน)+เทศ(ที่) ว่า ที่ร้อนคือทะเลทราย
๏ยุเดวปฤกษาสรรพการย ท่าปู่ไปนาน แลกลัวสมเด็จโมเซ
๏เบือนบ่ายห่ายหายถ่ายเท พนิจรรรเร เหห่างไปทางหนใด
๏กินแหนงหนักจึงจงใจ เพื่อนกันคลาไคล ปฤกษาพระเชษฐภรรดร
๏สี่สิบทิพพากอรจร ขึ้นแล้วลงนร นุสุดจะเฝ้าอาไลย
๏ยุะเดวถับเทาเฝ้าไท วันทาอํงคไอ- ยะกาแล้วเกลี้ยกล่าวหวาน
๏ขรัวครูอันพฤฒาจารย์ บ่าระนี้นมนาน จำเนียรที่องคอนุชา
บ่าระนี้-ป่านนี้
๏ขึ้นเขารับเอาบัญชา นรนีดติสารา แต่เจ้าสวรรค์วังแวง
แวง-ยาว วังแวงว่าวังยาว
๏พระองค์ธำรงศักดิแสง สุทธยิ่งพึงแสยง พรรฦๅพรรลายสายศรี
๏ราเห็นป่วยคอยกาลกี ฤๅปู่จักนี วัตนานิคมอาศรํม
กี-几-several-หลาย มีในราชาพิลาปคำฉันท์
๏ควรเรารังรูปควรคม สำรบบชูวชม คือเปนมงคลมูรรดี
มูรรดี-มูรติ-รูปเคารพ
๏ดั่งได้สมเด็จกรุงศรี สรโลกยอนนนี- ฤมํลมาในภูมิดล
๏ควรเราเคารภยร่ำบน บำบวงสรสรณ จะได้สมสุขรมเยอ
๏ท่านอย่ากินแหนงแคลงเทวอ หากให้อวยเออ ก็ข้าท้งงปวงปองทำ
๏อาโรนผู้ภรรดานำ คำคิดแลทำ นุการโดยทำนูล
๏จึ่งไทให้เขามว่วมูล มวลผู้รู้ธูร แลมากระทำมูรรดี
๏เปนรูปร่างอย่างคาวี แลวรรควัฒกี ก็เยียบรรโดยฎีกา
๏จึ่งไทให้เขามว่วมา ซึ่งไรเรืองตา เป็นแก้วกรลับกุณฑล
๏รรรลายหลอมโล่หเปนจรณ หล่อลูกโคคณ คณานรามุงมอง
รรรลาย-รันลาย-ละลาย-ว่าสร้างศัพท์แบบไทยอย่างหนึ่ง เหมือน แท่ง ระแท่ง อันแท่ง/อรรแถ้ง ลำดับ ระดับ สำคัญว่ารันก็ดุจกัน เหมือนคำว่า รันทำ
๏สรรพเสร็จสรรพสึกคึกคนอง คฤโฆษกรับกลอง ก็มี่ก็มีดนตรี
๏ปางนั้นสมเด็จธาษตรี ศูรทรงทฤษฎี ก็กร้ยวแลโกรธาธร
๏เราอยู่ฤๅเราเปนสรณ มาเยียทุรกรณ อนรรถอนาถนักหนา
๏สมเดจอันวาดวิศวา สรรค์สรรพ์ศิลปา- ลงกรณในธาษตรี
๏สมเด็จโกรธารมณี พระจักผลาญชี- พผู้มีใจจรรจล
จรรจล-จัญจล(ข.)จิญฺจล(ส.) ว่าหวั่นไหว (อัพภาส จ+จล,จํ+จล?)
๏สมเด็จประกาศการยกล หฤทยนยรมล ณแก่พระปู่โมเซ
๏พระปู่สดับเสด็จอันมเห- ศวรศักดีเด- โชวาทประกาศเกรงกลัว
๏ท่าวทูลสรรเพชญพระตัว ต่ำไดทูนหัว แลกล่าวสุนทรยาจณ
ได-มือ, ยาจณ-การขอ
๏ข้าไหว้สมเด็จนฤมล สรรเพชญาจล ข้าไหว้จะขอการุณย
๏กิจอันประชาชนขุน เขลาเฃาดูดุล- ยบาปเปนคำนวร
๏แดดาลสังคีตไพดวร โดมดองดวงมวน ทรมวนทรม่วนรายรำ
๏รายร่ายมือตีนเต้นทำ รักษรูปยยยกรรม อันเลวแลหยาบยิ่งไกร
๏ข้าขอสมเดจหฤทัย สรสุทธาไภย อภิตจงธรงกรุณา
๏ผิเขายยยบาปสหสา เปรียบปานจันทรา พิมลอันใสแสนบาป
๏ย่ยงน้นนสมเดจธรงดาป ดระบะกำซราบ ซซึมทงงโลกโลกีย
๏เปรียบปานสุริยสุทธแสดงนี รัชชาตบรรที- ปทีปภาคสัปดา
เสมือนตะวันอันบริสุทธิ์แสดง(รังสี)ซึ่งไร้กำเนิดยังความสว่างแก่เกาะทั้งเจ็ด
๏ลบรังษีรบาปนิศา- กรเดือนดูพา ฟฟ่นนพพร่นนปั่นี
ปั่นี-ปั่นนี-ปั่นหนี อักขรวิธีอย่างนี้มีในหนังสือเก่าบางเล่ม เช่น เมตตา เขียนเมตา
๏สรรเพชญพระพระมี การุณยรักษชี- พนรชาติชาวชน
๏มาแต่ปางป่นนทงงบน ล่างฤ้ๅเปนปน ปปนปป่นนทงงปวง
๏ข้าไหว้สมเดจเขียนคลวง สองส่วนสัดดวง และรงงทงงแดดเดือนดาว
ดวง-แก้ว ที่นี้ใช้ในความว่าที่รักที่ดีที่งาม
๏ข้าขอสมเดจยุษยาว ยืนมล้างบาปชาว ชนานิกรเห่บราย
เห่บราย-ฮีบรู
๏ข้าขอสมเดจโดมดาย ดยวมล้างอนนอาย อไภยอภิตกัษมา
๏สมเด็จอันมานสุนทรา ทรีหฤทยรา พระจีตร่โกรธาธร
สุนทร+อาทร+อิณฺ
๏สมเด็จอันเบญาธรกร มล้างเฟยดไฟฟอน แลมีพระจีตรจาคี
๏สมเดจอนสรศักดี พระฤๅผลาญชี- พผู้มีใจกลับกลม ๚
กลม ความว่าเกลี้ยงว่ากลมกล่อมคือไม่หยาบไม่เลวไม่กระด้างกระเดื่อง
๏ปางนั้นพระปู่ภรร- ดรนุชคัลคม
สมเดจอันนสูกษม- ณภวินอนินทรีย
๏ปู่แบกศิลาธาร ธำรงอักษรานี
ดิศอันธเรษตรี- ศวรเลขเลขาณ ๚
๏ปู่ลงลุเบื้องบาทบาร- พตแลสามาน- ยกิจวิบัติอัตรา
๏ปู่เกรี้ยวกระโกนลงมา แต่เทินประกา- ศสาสนโดยโกรธกี
๏อ้าเองมาถือคาวี- รูปเปนบดี- สุโรอันมีมหาทัย
๏โคปราบอายคุบฤๅไฉน ไฉนรักษรูปไว สมเดจธารทานโภชนา
ไว-เหมือน จากบาลีว่า วิ มีในกำสรวลสมุทรว่า เจ้าหน้าแว่นไวจันทร
๏โภชนังอันเปนไรหวา ท่านเรียกมานา ตกมาแต่ขอบโขเขยว
มานา-ชื่อของอย่างหนึ่งพระเจ้าเมตตาให้ตกจากฟ้ามาเลี้ยงชาวอิสราเอล
๏ขุนเขานี้เพรงกฤๅนกรยว แกรกำธรทยว ฆนาธวัชราศี
เกรียว-กราวเกรียว กฤานคือครืนครื้น ค เป็น ก ได้เหมือนสาส์นสมเด็จเรื่องวินิจฉัยศัพท์ สังกะวาด
๏รอบเศขรินนีมี ไฟฟุนเผาจี- รกาลแลเองทุกตน
๏ท่าวตววยำแยงกาหล ศัพท์สนั่นจัญจล ดาลจีตรรัญจวนหวาดไหว
๏หวั่นวงกตแก้วเหมือนไม- ทนีพกไป แลมาแลดูพรรฦก
๏ปางนี้ฤๅเองอรรนึก คุณพระลืมสึก สหัสคุณควรแขยง
สึก-รู้-realise
๏ลืมวันขุนเขาครแลง ครโลงใสแสง สุสุทธภาพึงภิต
๏กันดาลโจมโดมนันนิศ- กฤดรูปประดิษ- ฐมูรดิแมนเทพา
กลางยอดสูงนั้นไม่มีรูปอันทำแล้วตั้งไว้(เป็น/คือ/ต่าง/ตาง/แทน/เหมือน)พระเจ้า
๏ยศใดเองเอาโลหา หลอมหล่อพิมพา ประดิษฐประดับลงกรณ์
ยศใด-อย่างไร
๏ลงกตกับสรรพาภรณ์ หยาบยิ่งโดยบร- พิธีจริตจัญไร
๏ปู่กริ้วแลปู่ปา นิติจารกาไป
เอาทัณฑบรรลัย ประดิมาพินาศนอน
๏เอาฆ้อนประหารหัก ประดิมาก็ท่าวทอน
ปู่สงงนิกรนร คณภักดิโดยจง
๏ชาวชนอันเชื่อฟงง อยกาก็อัดองค์
แหลกเปนธุลีลง บ่มิคงพฤษภพิมพ
๏เจือทึกบังสมเสร็จ ก็บังคับประชาชิม
กลืนผงก็กรมกริม แลลอายลอับศรี โสดแล ๚
ละอายละอับ-อายอับ
๖๖ บท ๚ะ