22 ตุลาคม 2024, 03:55:PM |
kapheetam
|
 |
« เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 03:55:PM » |
ชุมชน
|
กุสติณราช
(เทวโลก) ณ เมืองแมน แดนสรวง ล่วงเวหน สุริยน หม่นแสง ไม่แดงใส ดาราจ้า จรัส งามจับใจ รุ่งไสว ไร้เมฆ เฉกพระจันทร์
เหนือสุเมรุ เกณฑ์วัด ยากนับได้ มีกรุงไกร ไฉไล ไร้โศกศัลย์ เหล่าทวยเทพ เสพสุข ทุกคืนวัน นามลือลั่น สรวงสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์
กลางเมืองแถน แดนฟ้า งามตานัก ปราสาทวับ แววมอง ทองศฤงค์ เวชยันต์ วังไท้ แห่งไตรตรึงษ์ ช่างสวยซึ้ง ตรึงตา น่าเพลินมอง
สูงเสลา พราวพลอย นับร้อยโยชน์ รายธงโบก สะบัด ประดับสลอน เรืองรองมาศ วาบวาม งามชวนมอง ไทวะผอง ไม่รองไหน ในดินแดน
ถัดวังไท้ ใกล้ติด ทิศอีสาน สวนตระการ งามตา น่าสุขแสน นามปุณฑริก นิรชร ค่อนเมืองแมน ถือเป็นแหล่ง สราญ เบิกบานใจ
มวลพันธุ์ไม้ รายแยก แตกกิ่งช่อ ซุ้มพุ่มกอ หน่อก้าน งามสดใส บ้างสูงกร่าง ลามแผ่ แพร่ออกไป บ้างไสว พร่างดอก รอบอุทยาน
กลางสวนมี อาราม นามเกริกก้อง เทพทั้งผอง พร้อมพรัก สมัครสมาน มาคับคั่ง นั่งฟัง ธรรมตามกาล ยังสถาน สุธรรมา ศิวาลัย
ใต้ไม้ใหญ่ ใบหนา ปาริฉัตร หนึ่งสุร อัครแถน ผิวแดงใส ยืนทอดตา ผกา ผาสุกใจ เนื่องจวนใกล้ ครรไลหาว ดาวดึงส์
ด้วยบุญญา ธิการ อภิบาลส่ง ดั่งจำนงค์ สมจิต สถิตถึง ตุสิตา ฟ้าไกล เหนือไตรตรึงษ์ เป็นชั้นซึ่ง โพธิสัตว์ พำนักกาย
(โลกมนุษย์) ณ แผ่นดิน ถิ่นแดน แคว้นมัลละ มีขัตติยะ กษัตรา น่าเลื่อมใส เลื่องระบือ ลือนาม แผ่กว้างไกล นามจอมไท้ โอกกากราช ราษฎร์ชื่นชม
นริศทรง ยกธรรม นำประเทศ ใต้เศวตฉัตรไท้ ไพร่สุขสม กิจการ ร้านค้า แน่นหนาคน ทุกแห่งหน ชนสราญ ชื่นบานใจ
นโรดม ทรงมี เทวีขวัญ งามศีลธรรม จรรยา น่าเลื่อมใส สีลวดี นามเพราะ เสนาะใจ ตั้งเป็นใหญ่ กว่านางใด ในดินแดน
จอมไท้ทรง ไว้ใจ ให้อำนาจ ด้วยฉลาด ปราดเปรื่อง เรืองเชาวน์แสน ให้สั่งการ นางใน ได้ผ่อนแรง เพื่อช่วยแบ่ง ภาระ พระจักรี
องค์ผ่านเผ้า เฝ้าหวัง บัลลังก์ราชย์ มีทายาท สืบวงศ์ ดำรงศรี ราชสกุล ครองกรุง กุสาวดี ผ่านหลายปี ดีดัก ชักแปลกใจ
เหล่าข้าราช มากล้น ชนทั่วหล้า ต่างตั้งหน้า ตั้งตารอ หน่อเชื้อไข องค์ภูมินทร์ ปิ่นเกล้า เจ้ากรุงไกร ให้แปลกใจ ไยนาน พานกังวล
จึงชักชวน รวมกัน พลันมุ่งหน้า สู่พารา หาไท ใคร่ประสงค์ แจ้งกษัตริย์ พิบัติใหญ่ ใกล้กรายองค์ หากไม่ทรง มีทายาท ชาติมลาย
นโรดม ทรงฟัง ถ้อยคำราษฎร์ ให้ลำบาก ยากจิต คิดมากหลาย จึงเอ่ยตอบ บอกตรัส อธิบาย เหตุไฉน ไร้ทายาท ชาติล่มจม
เราใช้ธรรม นำพา รักษาประเทศ ไยเป็นเหตุ เภทภัย ไพร่ขื่นขม ทั่วแว่นแคว้น แดนดิน ถิ่นสกล ทุกแห่งหน ชนเพลิน เริงสราญ
อาณาจักร จรัสเรือง เลื่องนามก้อง ราษฎร์ปรองดอง พร้อมพรัก สมัครสมาน ประเทศราช มากพร้อม น้อมบรรณาการ เหล่าผองพาล คร้ามใจ ไยกังวล
เหล่าข้าไท้ ได้ฟัง ราชันตรัส จึงตอบกลับ ดำรัสไท ไม่ฉงน เพลานี้ ธาษตรี ที่มั่นคง ด้วย ธ ทรง สามารถ ยากใครเทียม
แต่ความคิด จิตมนุษย์ สุดหยั่งรู้ มีกายอยู่ ศัตรูหลบ หดหายเศียร สิ้นกายา ศัตรูคล่อง จ้องเบียดเบียน ช่วงผลัดเปลี่ยน เสี่ยงพินาศ ชาติอัปรา
ขอพระองค์ ทรงตริ ดำริเถิด ถึงประเสริฐ เลิศใหญ่ เกินใดหา ถึงเก่งกาจ สามารถ มากปรีชา สุดท้ายหน้า ดินกลบ จบชีวัน
แต่ชาติอยู่ คู่ดิน มิสิ้นดับ เปลี่ยนกษัตริย์ สัตราช ชาติสุขสันต์ ได้กษัตริย์ ทรราช ชาติจาบัลย์ ควรฤานั่น ชั่งพระทัย ทรงไตร่ตรอง
องค์อธิป ตริตรอง เห็นพ้องราษฎร์ ไร้ทายาท ชาติชน ตรมหม่นหมอง แต่อับจน หนทาง พลางไตร่ตรอง ข้าไท้จ้อง มองกัน พลันเข้าใจ
จึงทูลตอบ บอกวิธี ที่สามารถ ได้ทายาท สืบชาติ ราษฎร์รับไหว แต่พระองค์ คงยาก ลำบากใจ หากจักใช้ แนวทาง ตามประชา
จอมราชัน ฟังคำ ท่านอมาตย์ ให้เอิบอาบ วาบใจ เกินใดหา ปัญหาใหญ่ ไขได้ คลายอุรา แม้ต้องฝ่า ทุกข์ใด ไม่อินัง
จึงตรัสถาม ความเห็น เป็นไฉน ยากเพียงใด พร้อมไป ไม่หนีหัน ถึงข้ามเขา ราวป่า จักฝ่าฟัน บ่คร้ามยั่น พรั่นลาน วานบอกมา
อมาตย์ฟัง พลันแจง แจ้งสาเหตุ ทูลธเรศ เหตุใด ไร้วงศา เนื่องเป็นหมัน ทำให้ ไร้บุตรา จึงเนิ่นช้า ล่านาน พานกังวล
หากทรงธรรม หวังให้ ได้ทายาท สืบครองราชย์ ชาติคง ชนสุขสม ต้องยอมตัด พระทัย หมองไหม้ทน ปล่อยสนม ทรงมี ที่ในวัง
ให้ออกท่อง เที่ยวไป ในหนึ่งอาทิตย์ เลือกคู่ชิด สนิทกาย ชายในฝัน ร่วมสังวาส ซาบซ่าน นานเจ็ดวัน หนึ่งเดือนผัน ครรภ์สงัด นางถัดไป
โสฬสพัน บรรดา ข้าสนม งามอ่าองค์ นงคราญ นางทั้งหลาย ต้องมีหนึ่ง สามารถ สืบชาติไท ให้ทายาท พระองค์ได้ ในไววัน
นโรดม ทรงฟัง ทำตามบอก ไม่กลับกลอก ตอบหนัก ตรัสขึงขัง สั่งยุพา บรรดามี ที่ในวัง ร่วมสัมพันธ์ ฉันชู้สาว คราวละคน
ปวงประชา หน้าใส ยินไท้ตรัส สิ้นอึดอัด ทุกข์คลาย ใจสุขสม ต่างเพรียงพร้อม น้อมกราบ บาทยุคล หายหน้าพ้น ภูธร จรกลับไป
จำเนียรกาล ผ่านเปลี่ยน เวียนสลับ ยังสงัด ประกาศ ทายาทไท้ หลายปีเลื่อน เคลื่อนพ้น ชนทุกข์ใจ ด้วยยังไร้ ข่าวทายาท ยากเบิกบาน
จึงประชา มารวม ร่วมกันใหม่ หน้าวังไท้ ร้อนใจ ใคร่ทวงถาม ถึงทายาท สืบพงศ์ องค์ภูบาล ไยยังว่าง ให้ฉงน พิกลใจ
|
|
|
|
22 ตุลาคม 2024, 03:56:PM |
kapheetam
|
 |
« ตอบ #1 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 03:56:PM » |
ชุมชน
|
จอมราชัน ได้ฟัง พลันอึดอัด เอ่ยดำรัส ตรัสแจ้ง แถลงไข บอกทดสอบ ครอบครบ หมดนางใน แต่ไฉน ไร้ทายาท ยากกล่าวคำ
เหล่าทวยราษฎร์ ทราบความ ตามดำรัส ให้ข้องขัด หนักใจ ไยสิ้นหวัง ยากจักเชื่อ หน่อเนื้อ เชื้อเทวัญ จะมาสั้น สะบั้นไป กระไรฤา
จึงระดม พลแจง แสดงเหตุ แห่งอาเพศ ธเรศมี ที่ใดหรือ จึงไร้ซึ่ง หนึ่งนาง กระนั้นฤา ให้ทายาทสืบวงศ์ชื่อ ลือเลื่องไกล
หลังปรึกษา หาความ พานสรุป เหล่านงนุช ยุพาน นางทั้งหลาย ล้วนทุศีล สิ้นถ้วน มวลนางใน ถึงจึงไร้ สามารถ ยากตั้งครรภ์
เนื่องทายาท มากบุญ สกุลรุนชาติ จุติจาก ฟากฟ้า เทวาสวรรค์ ห่อนฝังจิต ติดแนบ แทรกในครรภ์ หญิงไม่มั่น คงธรรม ยากนำพา
จึงน้อมทูล ภูบาล หนทางใหม่ หากไท้ใคร่ สมมาด ปรารถนา ได้ทายาท สืบพงศ์ วงศ์ราชา โปรดบัญชา พระชายา สีลวดี
ด้วยโฉมฉิน ศีลลออ บริสุทธิ์ งามประดุจ อินทุเพ็ญ เปล่งราศี เกินหญิงใด ในหล้า บรรดามี เป็นแม่ศรี มิ่งแดน แคว้นพวกเรา
หากองค์อร ยอมทำ ต้องสำเร็จ ได้แก้วเพชร เม็ดงาม อร่ามเสลา สืบครองราชบัลลังก์ มัลละเรา ขอผ่านเผ้า เจ้ามหิ ตริตรองดู
เมื่อนั้น…โอกกากราช ฟังคำ พลันอึดอัด ผินหน้าผละ เมินไป ใจอดสู ให้ลำบาก ยากบอก ยอดพธู มิ่งเมียชู้ คู่ขวัญ ทำอย่างไร
แต่เพื่อชาติ ราษฎร์ประชา ต้องมาก่อน ความเดือดร้อน ผองชน คนส่วนใหญ่ ต้องขจัด ปัดเป่า ทุกข์เศร้าไป องค์จอมไท้ จำใจ หมองไหม้ทน
จึงบัญชา เสนา มหาอำมาตย์ สั่งข้าราช ประกาศแจ้ง ทั่วแห่งหน ศาลากลาง ร้านค้า แน่นหนาคน ตรอกถนน หนทางแพร่ง แจ้งทั่วกัน
นับเวลา เจ็ดวัน จากวันนี้ พระเทวี สีลวดี นารีขวัญ จะเสด็จ ดำเนินออก ยังนอกวัง เพื่อฝากฝัง สัมพันธ์ชู้ คู่ฤทัย
เลือกชายชาติ อาชาไนย ให้ทายาท สืบต่อราชย์ ชาติพงศ์ วงศ์อดิศัย ให้ยืนยง คงอยู่ คู่ไผท เป็นหน่อเนื้อ เชื้อไข ไชยราชา
ชายใดหวัง สัมพันธ์รัก สมัครสมาน กับจอมนาง งามสรรพ ยากจักหา หญิงใดเปรียบ เทียบทัน กัลยา ให้จงมา รอลาน ทวารวัง
สิ้นประกาศ ราชโองการ ภูบาลแจ้ง ทุกแยกแพร่ง แหล่งชน คนมากฝัน ทั้งหนุ่มอ่อน ค่อนเฒ่า เฝ้าโจษจัน ต่างมุ่งหวัง กัญญา ต้องตาตน
จึงเมื่อถึง ซึ่งกาล ตามกำหนด เหล่ามานพ สมทบกัน คับคั่งถนน ยืนยัดเยียด เบียดออ รออนงค์ จากทุกหน ทุกแห่ง แย่งกันมา
ณ เวลา เดียวกัน เบื้องชั้นหาว มรุเจ้า ท้าวสุรินทร์ ตาวติงสา อยู่อยู่เกิด ร้อนใจ ให้สงกา จึงกำหนด จดจิตหา ปัญหาใด
ฉับพลันทราบ พิลาสถี ผู้มีศักดิ์ นารีรัตน์ พระจักรี ศรีสมัย โอกกากราช ราษฎร์เทิด เกริกเกียรติไกล จักเลือกชู้ คู่ใจ ให้บุตรา
เพื่อสืบราชบัลลังก์ จำสละ วัตรปฏิบัติ ละไป ไม่รักษา หวังราษฎร์ไท้ ได้ดัง จินตนา องค์ชายา อุราตรม ทนจาบัลย์
มเหสักขเทวัญ ครั้นทราบเหตุ ให้นึกเวทนา พาหุนหัน นั่งไม่ติด คิดการ ช่วยนางพลัน ให้สมหวัง ดังใจ ไม่ทุกข์ตรม
จึงตริตรอง มองหา เทวาแถน ในเมืองแมน แดนสรวง ล่วงเวหน ผู้ใดควร นวลนาง อร่ามองค์ เป็นทายาท ชาติพงศ์ วงศ์ไพบูลย์
บัดนั้น วัชเรนทร์ เห็นนิมิต ภาพอดิเทพ ครรไล ไปเบื้องสูง ทิ้งดาวดึงส์ ขึ้นฟ้า ตุสิตาภูมิ เนื่องบุญหนุน ผดุงส่ง องค์เทวา
ท้าวสุเรนทร์ เกรงไม่ทัน พลันเร่งรุด พร้อมเทพบุตร ผุดผ่อง คล่องแกล้วกล้า ยังสำนัก โพธิสัตว์ เลื่องศักดา เพื่อสกัด ดักหน้า อมราไคล
ถึงวิมาน มัฆวาน สั่งการตรัส ไม่เอ่ยทัก รับสั่งพลัน กันสงสัย ให้อมร พร้อมจรัล ยังกรุงไกร จุติฟ้า ลาไป ในภูวดล
ณ แว่นแคว้น แดนดิน ถิ่นมนุษย์ เกิดเป็นบุตร สุทธิกานต์ ตามประสงค์ โอกกากราช ราชา ผู้อ่าองค์ เทวีพ้น มลทิน ศีลสมบูรณ์
โพธิสัตว์ สดับคำ มิทันแย้ง ศักรพลันแจ้ง แถนเคียงใกล้ ให้ตามหนุน ลงกำเนิด เกิดข้าง พุทธางกูร คอยเกื้อหนุน จุนเจือ เมื่อจำเป็น
จบความมี วัชรี ก็ตีจาก ทิ้งเวหาส จากลา หาไม่เห็น สองเทวัญ งันงง องค์วัชเรนทร์ มาหลีกเร้น เผ่นลับ คับข้องใจ
ฝ่ายองค์อินทร์ ทิ้งหาว ลงด้าวดิ่ง ถึงแผ่นดิน ผินมา พาสงสัย แปลงรูปลักษณ์ พักตร์เฒ่า เคราสั่นไกว หัวเอียงส่าย กลายชรา พาพิกล
เดินยักแย่ ยักยัน มาวังไท้ หอบหายใจ ติดขัด อึดอัดสับสน ถึงทวาร ลานวัง พลันก้มลง โก่งก้นโค้ง ผายลมคั่ง ลั่นทั่วลาน
เหล่าบุรุษ กระจุกออ พอยินเสียง ปู้ดป้าดเปรี้ยง เสียงท้องลั่น พลันแตกซ่าน บ้างสำลัก กระอักไอ รากไหลยาน บ้างถูกหาม ออกลานพ้น เป็นลมไป
หลากฉกรรจ์ หันมอง จ้องผู้เฒ่า ดุว่ากล่าว แก่คราวปู่ ดูไม่ไหว ยังอุตส่าห์ พาสังขาร มาทำไม เหตุไฉน ไม่อยู่เหย้า คอยเฝ้าเรือน
บ้างดรุณ หนุนตาม ประจานซ้ำ พูดหยามหยัน ซ้ำมอง จ้องเชือดเฉือน จวนกลายฟอน นอนไฟ ไยเลอะเลือน แม้ย่างเยื้อง กระย่องกระแย่ง แรงไม่มี
องค์เทวะ สหัสนัยน์ ในร่างเฒ่า แสร้งตาวาว กล่าวแก้ลำ คำเสียดสี พูดติดขัด ตะกุกตะกัก กลับทันที เจ้า..พวก..นี้ นี่..ยัง.เยาว์ เขลา..เหลือ..ทน
ขิง..จะ.เด็ด เผ็ด..จริง เพราะ..ยิ่งแก่ หมอ.มือ..แน่...แก่.วัย ไม่..ฉงน ไม้..จะ..แกร่ง แก่น..แก่…แท้..จึง..ทน ชาย..เหมาะ..สม หญิง.งาม..นับ..ตาม..วัย
เหล่าบุรุษ สุดกลั้น ขันทั่วหน้า ฟังวาจา ชราอ้าง ช่างเหลวไหล เปรียบเทียบเอา ข้างสี ดีกว่าใคร ชายใดใด ไม่เหมาะเท่า ขรัวเจ้าเอง
|
|
|
|
22 ตุลาคม 2024, 03:57:PM |
kapheetam
|
 |
« ตอบ #2 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 03:57:PM » |
ชุมชน
|
เพลานั้น วังทวาร บานเปิดอ้า เสียงพูดจา เงียบพลัน หันมองเห็น องค์เนื้อทอง มองเมิน เดินโคลงเคลง ซ่อนทุกข์เข็ญ ลำเค็ญทน ตรมตรอมใน
ผ่านบุรุษ มากมาย ลายตาสบ ไม่พานพบ สบใจ ชายคนไหน ทั้งสูงต่ำ ดำด่าง แตกต่างวัย ทั้งหล่องาม ทรามคละไป เรียงรายปน
วาสพเฒ่า เฝ้ามอง ใจตรองตริ ตนมาติด ปิดหลัง ช่างไม่สม ต้องยืนหน้า ฉุดพานาง ห่างผู้คน ถึงจักพ้น คนรู้ นางอยู่ใด
จึงพินิจ คิดการ พานางหนี เยี่ยงไรดี ที่คน ไม่สงสัย นึกได้พลัน ตะโกนดัง ไปทันใด เปิดทางให้ ขรัวเฒ่าไป ในบัดดล
สิ้นตะโกน เฒ่าทโมน ก็โจนฝ่า ดุจอาชา แรงกล้า น่าฉงน เหล่าบุรุษ กระจุกออ พอถูกชน กระเด็นพ้น ล้มคลุก ฟุบหมอบดิน
ส่งเสียงคราง ลานตา หน้าแผลเกลื่อน เหล่าผองเพื่อน เบือนหัน กลับหลังสิ้น ตกใจเสียง สำเนียงดัง ฟังได้ยิน เห็นเพื่อนกลิ้ง ดินคราง พลางงงงัน
ฝ่ายชรา พริบตาผึง ถึงแถวหน้า ทันเวลา พระชายา เบือนหน้าหัน พอเนตรสบ พันตา ประหม่าพลัน เฒ่าผลุนผลัน คว้าหัตถ์ ผละจากจร
เหล่าฉกรรจ์ มัวหันดู หมู่คนเจ็บ ไม่ทันเอะ ใจมอง จ้องสมร พอรู้ตัว ขรัวเฒ่าพา สุดาจร จึงก้องร้อง โกรธา ดุด่าไป
โอ้กระไร ชราวัย ไยมากเล่ห์ ช่างเสเพล เสแสร้ง แกล้งเหลวไหล ทำงกเงิ่น เดินสั่น นั่นปะไร ฉุดนางได้ ลายออก ลอบจากจร
เพียงประเดี๋ยว เดียวเผ่น ไม่เห็นหลัง องค์ร้อยชั่ง ช่างกระไร ไม่ทุบถอง กลับตามชิด ติดไป ใจสมยอม ทิ้งฉกรรจ์ ทั้งผอง คับข้องใจ
กล่าวถึงเฒ่า เครายาว สาวเท้าย่าง จูงนงคราญ พรางหลีก ปลีกลับหาย ถึงสำนัก พักพิง สิ้นหวั่นใจ เชิญอ่อนไท้ วิไลลักษณ์ ขึ้นพักบน
องค์ชายา หน้าตรอม ใจหมองเฉา ยินผู้เฒ่า กล่าวคำ ฟังฉงน นึกแปลกใจ เรือนใคร ใหญ่ชอบกล ช่างสวยสม ภิรมย์รื่น ชื่นฤทัย
จึงเอ่ยถาม ความไป ใครเจ้าบ้าน ช่างโอฬาร งามเขื่อง กว่าเรือนไหน เฒ่าจำแลง แถลงพลัน ในทันใด ขอกลอยใจ คลายฟุ้งซ่าน บ้านพี่เอง
พี่อยู่เดียว เปลี่ยวกาย มาหลายหนาว ขาดคนเคล้า เศร้าตรม ทนทุกข์เข็ญ ราตรีค่ำ ระกำฝืน ตื่นลำเค็ญ หวังจักเป็น เช่นเขาอื่น ชื่นคู่คลอ
ฟ้าเบื้องบน คงรู้ ให้คู่พี่ เป็นเทวี ศรีอร พร้อมห้องหอ หวังให้ไท้ ดำรง พงศ์เหล่ากอ นวลลออ อย่าแคลง แหนงหน่ายเลย
หลังขึ้นบน เชิญอนงค์ นั่งบนตั่ง มัฆวาน ประทานโปรด ออกโอษฐ์เผย บอกบังอร นอนพัก หลับได้เลย อย่าเอื้อนเอ่ย ถ้อยใด ให้ใจตรอม
จบวาจา ชราพลาง มือวางจับ แตะสองหัตถ์ พธู ทั้งคู่สอง องค์นงนาฏ คาดไม่ถึง ตะลึงมอง ไม่ทันร้อง อ่อนพับ หลับทันใด
บัดนั้น เฒ่าจำแลง แปลงร่างกลับ กลายรูปลักษณ์ เรืองรอง ผิวผ่องใส เป็นราชา สุรารักษ์ งามจับใจ อุ้มนงโพธ โอบไว้ เหาะไคลคลา
ผ่านสัตต บริภัณฑ์ เจ็ดบรรพต เขาวงกต วกวน ยากค้นหา สีทันดร ละอองพลิ้ว ริ้วงามตา ข้ามสิเนรุ ทะลุฟ้า ลับตาไป
ถึงอัมพร นครหาว วาวปราสาท งามพิลาส วาบเพชร เม็ดวาวใส ศักรวางองค์ นงลักษณ์ พักข้างใน เหนือแท่นใหญ่ วิไลงาม กลางไพชยนต์
เสร็จเทวัญ พลันออก นอกปราสาท แสนเอิบอาบ ปลาบปลื้ม ลืมทุกข์ถม ประทับตั่ง นั่งสุข บัณฑุกัมพล เหล่านางฟ้า ล้อมวง องค์สุเรนทร์
เมื่อนั้น สีลวดี นรีรัตน์ หลังฟื้นหลับ พักตื่น ขึ้นมองเห็น ห้องมัฆวาน งามเหลือ เหนือกฎเกณฑ์ วิจิตรเห็น เด่นนัก ช่างจับตา
จึงตรองตรึก นึกพิศ คิดเรื่องผ่าน ถึงเรื่องบ้าน กว้างใหญ่ ให้กังขา มาห้องหอ ห้องหับ งามจับตา ทั่วแผ่นหล้า หาเทียบ จักเปรียบดัง
หรือชรา หน้าเครา ผู้เฒ่านี้ คือโกสีย์ เทวา ราชาสวรรค์ มาฉุดเรา พ้นทุกข์ หลุดบาปทัณฑ์ จึงงามขำ ถลันทาง ทวารา
พ้นทวาร บานเปิด องค์เฉิดโฉม ให้งุนงง พิกลเห็น เป็นนักหนา สิ่งรอบดู ประหลาด งามแปลกตา ทั้งแผ่นดิน แผ่นฟ้า พาแปลกใจ
มวลไม้ดอก รอบข้าง ช่างพิลาส สวยผุดผาด พาดคบ งดงามไฉน ยืนต้นซุ้ม พุ่มกอ ลออวิไล บานสดใส ไกวตาม ยามต้องลม
ฟ้าสดใส เลื่อมแปลก แดดไม่จัด เย็นลมพัด สะบัดไกว ใจสุขสม หอมผกา พาชื่น รื่นกมล ทุกแห่งหน ชมเพลิน เจริญตา
ถัดวิมาน ใกล้ติด ทิศอีสาน หลากหญิงงาม ทรามวัย ให้แน่นหนา ล้อมไม้ใหญ่ ใบตระการ อร่ามตา กลางสง่า นั่งเด่น เช่นราชัน
โฉมบังอร มองพักตร์ รัศมี เทพบดี เขียววาม งามเฉิดฉัน ให้มั่นใจ แน่ชัด มฆวัน จึงงามขำ พลันก้าว เดินเข้าไป
ได้ระยะ ประมาณ นงคราญหยุด ย่อกายคุก บังคม องค์ฤาสาย เจ้าชั้นหาว ดาวดึงส์ หวังพึ่งภัย วอนจอมไท้ ให้สงสาร ประทานพร
บัดนั้น...ศักรินทร์ ผินมา สบตาถี สีลวดี เทวี ศรีสมร พลางเอื้อนโอษฐ์ โปรดตรัส ทักบังอร อรชร น้องยา อย่าทุกข์ใจ
น้องคงรู้ เฒ่าชรา พามานี่ ก็คือพี่ มัฆวา เทวาใหญ่ หวังโฉมฉิน ศีลพิสุทธิ์ เป็นสุขใจ น้องอยากได้ สิ่งใด ให้บอกมา
พี่เต็มใจ ให้พร น้องหนึ่งข้อ หวังเจ้าพอ ฤทัย ในปรารถนา ได้สมมาด ปราศทุกข์ สุขอุรา ตัวพี่ยา ก็พา ผาสุกใจ
นงพะงา ตารื้น เต็มตื้นนัก ฟังสักกะ ตรัสคำ พลันสดใส บอกองค์อินทร์ ปิ่นสวรรค์ ไปทันใด ขอโอรส หนึ่งองค์ให้ ไท้ราชา
เป็นทายาท สืบพงศ์ วงศ์กษัตริย์ ราษฏร์ประจักษ์ อึดอัดคลาย หายกังขา ประเทศแดน แคว้นรัฐ วัฒนา ปวงประชา หน้าใส ใจเบิกบาน
|
|
|
|
22 ตุลาคม 2024, 03:58:PM |
kapheetam
|
 |
« ตอบ #3 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 03:58:PM » |
ชุมชน
|
เทพราชัน ฟังคำ พลันตรัสเอ่ย กระไรเลย ทรามเชย ภิเปรยหมาง ขอหนึ่งองค์ พี่ขัดสน ฤาน้องนาง ดูเหินห่าง อย่างไร ให้พิกล
เอาอย่างนี้ พี่ใจดี มีสามารถ แสนเก่งกาจ มากฤทธิ์ พิศวง จักให้โอรสน้อง เจ้าสององค์ น้องประสงค์ องค์ใดก่อน วอนบอกมา
หนึ่งวงพักตร์ ขัดตา ปัญญาเลิศ ใจงามเพริศ ประเสริฐนัก ยากจักหา อานุภาพ มากคำ พรรณา ทั่วผืนหล้า หาเปรียบ เทียบราชัน
สองงามองค์ วงพักตร์ รูปลักษณ์เด่น ใครได้เห็น เปรียบเช่น เทวาสวรรค์ ผิวผุดผาด ปลาบตา น่าอัศจรรย์ แต่เชาวน์นั้น สั้นนัก อับเหลือทน
นงพะงา นารี ศรีมหิ ฟังอดิเทพบอก ตอบประสงค์ บุตรเลอเลิศ ปัญญา กว่าน่าชม ให้ราษฎร์ไท้ ได้สม ดังจินดา
สุรบดี ศรีสัค สดับความ ตอบนงราม งามจิต ขนิษฐา เป็นตามนั้น ดั่งคำ กัลยา แถมพิณผ้า หญ้าทิพย์ ติดกายไป
แลสุดา ล้ำค่า ปาริฉัตร โลกสดับ บ่ปะเห็น เป็นไฉน อีกลูกจันทน์ พรรณอร่าม งามจับใจ กำนัลให้ อ่อนไท้ ไปด้วยกัน
จบดำรัส มัฆวาน บันดาลฤทธิ์ ให้กนิษฐ์ หลับสนิท จิตเคลิ้มฝัน แล้วอุ้มนง ลงฟ้า สู่หล้าพลัน วางบนตั่ง บรรทม องค์ราชา
ก่อนไคลคลา อาลัย ในนงลักษณ์ ศักรยื่นหัตถ์ จับลง องค์กนิษฐา ลูบนาภี เทวี ศรีสุดา แล้วเหาะฟ้า ลาลับ กลับอัมพร
เพลานั้น ณ สวรรค์ เบื้องชั้นหาว มรุเจ้า เผ่าพุทธ ทุกข์ตรมหมอง พอท้าวศักร จับท้อง ขององค์อร ให้รุ่มร้อน ดวงจิต จุติพลัน
ดวงสว่าง พร่างพราย ประกายจ้า ออกกายา สู่พารา หล้าเขตขัณฑ์ พุ่งเวหาส ปลาบแสง แรงแข่งจันทร์ สถิตครรภ์ กันยา ชายาไท
บัดนั้น องค์เทวี นารีรัตน์ พลันตื่นหลับ จับองค์ ไม่สงสัย ลุกขึ้นนั่ง คลำนาภี ปรีดิ์ปลื้มใจ ได้ทายาท สมใจ ภูวดล
จึงเอนองค์ ลงนอน พักตร์ผ่องแผ้ว ทุกข์สิ้นแล้ว แคล้วไกล ใจสุขสม แนบข้างไท้ ใกล้ชิด นิทรารมณ์ นวลอนงค์ เหนื่อยหนัก จึงหลับไป
รุ่งทิพา ราชัน ผลุนผลันตื่น พรวดทะลึ่ง ทึ่งมอง อรหลับใหล ให้ประหลาด วาบจิต พิศทรามวัย เหตุไฉน บังอร นอนร่วมกัน
จึงตรัสเรียก เพรียกขาน ปลุกนางตื่น ลืมตาฟื้น น้องยา แก้วตาฉัน ตอบวจี พี่ไว อย่างไรกัน ไฉนนั่น กัลยา มานอนเคียง
อรนุช สุดา ตาหลับใหล จิตเคลิ้มไป ใคร่หลับ สดับเสียง องค์กษัตริย์ ตรัสถาม อยู่ข้างเตียง จึงตื่นเสียง เมียงมอง จอมราชัน
พอนเรนทร์ เห็นหน้า ชายารัก ร้าวรานนัก พักตร์ฝืน ชื่นสุขสันต์ เหมือนดีใจ หมองทุกข์ คลุกเคล้ากัน ยิ่งงามขำ นั่งจ้อง ต้องถอนใจ
ให้ลำบาก ยากเอ่ย ภิเปรยถาม เรื่องติดตาม พราหมณ์เฒ่า เฝ้าสงสัย ต้องระทม ตรมยาก มากเพียงใด ภูวไนย ใคร่ฟัง คำกันยา
จึงเลียบเลียบ เคียงเคียง เลี่ยงเลี่ยงถาม ต่อนงราม งามจิต ขนิษฐา น้องมาถึง เมื่อใด นัยนา ใครพามา วานบอก ตอบพี่ที
โฉมนงราม ฟังความ ภูบาลตรัส จึงตอบกลับ มัฆวา พามานี่ เจ้าสวรรค์ ชั้นฟ้า สุขาวดี ทรงปราณี อารีมาก ยากพรรณนา
ท่านพาขึ้น อัมพร นครหาว วิมานพราว วาววับ งามหนักหนา ดาวดึงส์ สวยซึ้ง ตรึงอุรา เกินจักหา ใดเปรียบ เทียบไกวัล
ซ้ำปราณี มีใจ ห่วงใยน้อง ทรงให้พร น้องคิด สัมฤทธิ์หวัง แถมมอบดอก ปาริฉัตร บุษบัน ของกำนัล ลูกจันทน์ผ้า หญ้าแพรกพิณ
บัดนั้น…โอกกากราช ราชา หน้าฉงน ฟังพิกล นงเยาว์ กล่าวทุศีล เห็นชรา พาออก นอกธานินทร์ ลับกายทิ้ง สิ้นรอย พลอยทุกข์ใจ
แต่พอกลับ ตรัสมา น่าเหลือเชื่อ ประหลาดเหลือ เมื่อฟัง คำบอกไข อ้างมหินทร์ ปิ่นหาว เจ้ากรุงไกร อุ้มครรไล ไกวัล วังสุรินทร์
จึงถามพลัน กัญญา อย่าอสัตย์ เอ่ยดำรัส ตรัสเล่า เจ้าโฉมฉิน ถึงเรื่องผ่าน พานพบ ประสบจริง ให้พี่สิ้น สงสัย คลายสงกา
องค์โฉมศรี เทวี นารีรัตน์ ฟังดำรัส ตรัสย้ำ อย่ากังขา น้องแถลง แจ้งตาม ความเป็นมา ใช่วาจา เสแสร้ง แกล้งหลอกไท
ขอภูบาล พิจารณ์ กาลก่อนล่วง น้องเคยลวง หลอกคำ ทรงธรรมไหม ที่เล่าขาน ก็ตาม ความเป็นไป ใช่เฉไฉ หมายกลบ หมกมลทิน
นฤบาล ฟังนาง ยืนกรานแจ้ง ยังระแวง แคลงใจ ในโฉมฉิน ถึงดำรัส ตรัสหนัก ถ้อยอรรถจริง แต่ยังกริ่ง ยังสงสัย ไม่วายวาง
จึงนงนำ กำนัล ของขวัญได้ องค์อินทร์ให้ ก่อนกลับ เป็นหลักฐาน ขึ้นมาเผย เฉลย แก่ภูบาล ธ จึงผ่าน ข้ามไป ในกังวล
พอหลุดพ้น สงสัย ใจสุขสันต์ จึงถามพลัน ทันที ที่ประสงค์ ถึงทายาท สืบราชย์ มากร้อนรน บรรลุสม ดังใจ ไหมงามงอน
เมื่อนั้น สีลวดี นารีรัตน์ ฟังดำรัส บพิตร อดิศร พลันกระอัก กระอ่วนใจ ไม่สบมอง หน้าแดงผ่อง ยองใย ให้ขวยอาย
ค่อยค่อยเผย เอ่ยคำ งึมงำตรัส พอจักจับ ใจความ นางขยาย ว่าสำเร็จ เสร็จลง ทรงผ่อนคลาย ขอฤาสาย หายทุกข์ เป็นสุขเทอญ
พระทรงชัย ได้ฟัง พลันลิงโลด ลืมตัวโอบ อ่อนไท้ ใจฮึกเหิม หัวเราะร่า หน้าใส หาใดเกิน รีบดำเนิน มุ่งยัง ทวารา
พ้นทวาร ภูบาล พานรับสั่ง เหล่ากำนัล เร่งพลัน ช่วยกันหา เครื่องบำรุง พยุงครรภ์ ภรรยา พร้อมหยูกยา สารพัด จัดมาไว
เผื่อน้องยา ข้าเป็นลม ได้ดมแก้ หรือยามแพ้ ท้องครรภ์ ทันแก้ไข เพื่อชายาข้าสุข ไม่ทุกข์ใด คลอดชายชาติอาชาไนย ให้ข้าชม
|
|
|
|
22 ตุลาคม 2024, 03:59:PM |
kapheetam
|
 |
« ตอบ #4 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 03:59:PM » |
ชุมชน
|
เสร็จกำนัล ธ พลัน สั่งอำมาตย์ ให้ประกาศ ราชโองการ ตามถนน ทั่วทุกแห่ง แยกแพร่ง แหล่งชุมชน ขอให้จง คลายทุกข์ เป็นสุขกัน
บัดนี้องค์ เทวี มีทายาท ไว้สืบชาติ เผ่าไท มไหศวรรย์ สมมุ่งมาด ราษฎร์บพิตร ที่คิดกัน จงสุขสันต์ บันเทิง เริงสราญ
เร่งประดับ จัดแต่ง แหล่งอาศัย ให้วิไล ไฟตระการ ตามสถาน มโหรี ปี่พาทย์ มากสำราญ ต่อเนื่องกาล เจ็ดวันมี จากนี้ไป
เหล่าทวยราษฎร์ ทราบความ ตามประกาศ ให้เอิบอาบ ซาบจิต คิดสมหมาย เปล่งไชโย โห่ร้อง แซ่ซ้องไกล ทุกข์มลาย หายไป ในบัดดล
ฝ่ายจอมไท้ ใจโล่ง โปร่งเป็นสุข ไม่ต้องผุด ลุกนั่ง ช่างสุขสม หลับสนิท จิตคลาย หายกังวล ยามบรรทม กรนลั่น สนั่นไป
คืนวันเลื่อน เคลื่อนไป ไม่หวนกลับ เกิดสลับ ดับวน ไม่สงสัย สุขไม่เที่ยง เวียนทุกข์ คลุกเคล้าไป เกิดในใจ มนุษย์ ปุถุชน
จนวันครบ ทศมาส ทายาทคลอด เสียงลั่นลอด ห้องดัง ฟังฉงน เปี่ยมพลัง แกร่งกล้า น่าพิกล เด็กมากล้น พ้นเปรียบ จักเทียบทัน
กุสราช ราชกุมาร นามเสนาะ ฟังไพเราะ เพราะชื่อ สื่อสุขสันต์ แต่ขนง วงพักตร์ ไม่รับกัน เป็นเพราะกรรม ทำผิด ติดตามองค์
พอชันษา พี่ยา พาทีออก อ่อนไท้คลอด กุมาร ช่างงามสม ดั่งเทวัญ ชั้นฟ้า มาอีกองค์ ตามประสงค์ เทวะ มัฆวา
กุมารรอง น้องขวัญ ชยัมบดี เปี่ยมราศี มีโอภาส ยากจักหา ชายใดเปรียบ เทียบได้ ในพารา แต่ปัญญา นั้นสั้น ช่างกระไร
ธ สองศรี พี่น้อง ปรองดองรัก ทั่วมัลละ ประจักษ์ ภักดิ์เลื่อมใส พี่รักน้อง น้องรักพี่ มีตอบไป องค์จอมไท ให้คลาย ใจกังวล
จวบองค์ใหญ่ ล่วงวัย ได้สิบหก ผ่านพิภพ ทบทวน ควรเหมาะสม ให้ขึ้นครอง ผองหล้า ธราดล หวังจักปลง ภาระ พักสบาย
จึงรับสั่ง ยังยาม ทหารเฝ้า แจ้งแม่เจ้า เล่าความ ตามคิดหมาย ให้มาร่วม ดำริ อธิบาย ควรหรือไม่ อย่างไร ในกมล
ครั้นอ่อนไท้ ไปถึง ซึ่งตำหนัก ธเรศตรัส ทันใด ใคร่ประสงค์ ยกสมบัติ สละให้ บุตรใหญ่ตน พร้อมสนม นงราม ตามต้องการ
แถมนางฟ้อน ยองใย วัยละอ่อน ไว้ออดอ้อน นอนหลับ คอยขับขาน แลรับใช้ ในยาม ตามต้องการ ให้หวาบหวาม สราญรื่น ชื่นฤทัย
ฤาลูกรัก สมัครใคร ในแผ่นหล้า เหล่าธิดา นารี ธานีไหน สูงขาวคล้ำ ดำเหลือ ชาติเชื้อใด พี่จะไป ขอให้ ได้เชยชม
ยุพยง องค์อร ไม่ข้องขัด เห็นพ้องสรรพ ตรัสไป ให้เหมาะสม แล้วขอองค์ ทรงกลับ ตำหนักตน หวังบอกผล องค์ไท ให้บุตรฟัง
ถึงวังสั่ง กำนัล พลันเร่งแจ้ง ถ้อยแถลง จอมไท มไหศวรรย์ เรื่องยกทรัพย์ สมบัติ กับบัลลังก์ พร้อมนางรำ นางใน ให้บุตรชาย
มหาสัตว์ ตรับความ ตามดำรัส ให้อึดอัด หนักจิต คิดมากหลาย ด้วยไม่งาม ปานเปรียบ เทียบน้องชาย หญิงไม่หมาย ชายทราม เคียงข้างตน
เห็นควรเรา อยู่เหย้า เฝ้าพ่อแม่ ยามท่านแก่ ยักแย่ยักยัน ความจำหลง บำรุงใจ ให้คลาย หายทุกข์ทน ให้ท่านพ้น ลำบาก จากสบาย
ส่งดุสิต บิดา มารดาแล้ว หวังใจแผ้ว ผ่องผุด ทุกข์สลาย ควรถือพรต งดกรรม นำอบาย เข้าป่าใหญ่ ฝึกใจ ให้ใฝ่ธรรม
หลังพินิจ คิดจน ปลงใจแน่ จึงตรัสแก่ กำนัล ดังมุ่งหวัง ขอพี่สาว กล่าวแจ้ง แถลงคำ สิ่งเราตั้ง ใจมั่น ยังชนนี
บอกบุตรา หาใคร่ ในสมบัติ หวังเพียงจัก พักอยู่ ดูสองศรี ตราบชีวัน ท่านลับ ดับชีวี หลังจากนี้ ขอลา เข้าป่าไพร
บวชอยู่ดง พงพี หนีวัฏฏะ เพียรสละ ตัดทอน ถอนหลงใหล ปลงปลิโพธ โกรธเคือง เครื่องทุกข์ใจ จวบสลาย ตายพนา ป่าลำเนา
นางรับใช้ ได้ฟัง พลันก้มกราบ แทบสองบาท จากไป ใจอับเฉา ฟังโอรส ระทดใจ ให้ซึมเซา แจ้งแม่เจ้า เล่าบอก ถอดเนื้อความ
เมื่อนั้น อรทัย อ่อนไท้ทราบ บุตรพิลาป ปลาบใจ ให้สงสาร ฟังนางข้า หน้าเศร้า เล่าเนื้อความ แต่ไม่พาน ตามใจ ในลูกตน
ผ่านสองวัน พลันสั่ง กำนัลใหม่ ให้กลับไป ถามซ้ำ ย้ำอีกหน โพธิสัตว์ ตรัสตาม ความจำนง ไม่ประสงค์ ทรงรับ สมบัติไท
ถามกลับไป กลับมา สามคราครั้ง บุตรยืนยัน คงมั่น ไม่หวั่นไหว แต่ขืนนิ่ง ยิ่งนาน เกรงบานปลาย จึงอุบาย อ่อนไท้ ให้อับจน
ทรงรับสั่ง ยังยาม ทหารเฝ้า จงไปเล่า แจ้งความ ตามประสงค์ บอกช่างทอง ขนทองมา หาพระองค์ อย่าได้สง สัยถาม ความใดใด
ล่วงพักใหญ่ ไกลมอง จ้องแลเห็น สองรถเข็น เอียงแปล้ แอ้เอี๊ยดไส ค่อยกระดืบ คืบมา ช้าเหลือใจ ทองแท่งใหญ่ ไสวเรือง เหลืองเต็มคัน
ถึงเบื้องพักตร์ พระโอรส คนรถหยุด ทิ้งตัวทรุด ฟุบแข้ง ไม่แข็งขัน พะงาบหอบ หมอบกราบ ยากกล่าวคำ บอกน้อมนำ คำก้อน พร้อมบัญชา
ขัตติยะ ประทับมอง ช่างทองกล่าว เนตรยิ้มวาว ละไม ไม่ถือสา สี่นายช่าง นั่งดิน สิ้นกริยา ตรัสวาจา ลำบากแล้ว พ่อแก้วเอย
แล้วเอ่ยคำ ดำรัส กับเหล่าช่าง บอกจงตั้ง ใจฟัง คำเฉลย เราอยากได้ อนงค์ มาชมเชย ใกล้เขนย ห้องนอน มองบรรทม
ขอท่านนำ คำก้อน ไปหลอมหล่อ นวลลออ นงราม งามสวยสม ให้เลิศลักษณ์ ตระการ อร่ามยล หวังคงสม ใจเรา จักเฝ้ารอ
หนึ่งรถเข็น เต็มทอง ของพวกท่าน จงเร่งนำ ทำตาม อย่างที่ขอ คันสองดัน ไปหลัง ตำหนักพอ เสร็จพวกพ่อ จงกลับ ที่พักไป
สี่ช่างทอง น้อมรับ ดำรัสสั่ง หลังได้ฟัง พลันแยก แตกสองสาย หนึ่งเข็ญกลับ พำนัก ที่พักไป หนึ่งมุ่งใน ทิศทาง ตามบัญชา
|
|
|
|
22 ตุลาคม 2024, 04:00:PM |
kapheetam
|
 |
« ตอบ #5 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 04:00:PM » |
ชุมชน
|
พอคล้อยหลัง ช่างทอง องค์จอมสัตว์ ออกตำหนัก ผละพลัน เร่งสรรหา เหล่าวัตถุ ชุบหลอม ทองคำมา หล่ออัมพา พะงางาม อร่ามยล
คิ้วขนง วงพักตร์ ประทับจิต งามชวนพิศ ติดตา พาใหลหลง ราวอัปสร จรฟ้า ให้หล้ายล ทั่วสกล นงใด ไม่เทียบเทียม
ร่างลออ อรชร กรอ้อนแอ้น เฉิดแฉล้ม ผุดผาด บาทจดเศียร ดั่งสตรี มีวิญญาณ ยามมองเมียง หากเปล่งเลียน เสียงได้ ไม่แปลกใจ
หลังสำเร็จ เสร็จงาน การหลอมหล่อ นวลลออ รูปนาง งามสดใส กุสราช ราชโอรส ให้สบใจ นำผ้าผ่อน ท่อนสไบ ใส่อนงค์
แล้วยกรูปหล่อนาง วางรถเข็น สง่าเด่น ผิวนวล ชวนใหลหลง ไสบังอร ซ่อนยัง ห้องบรรทม รอดูผล ช่างทอง หลอมออกมา
หนึ่งเดือนผัน ช่างทอง จึงหลอมเสร็จ หลังขัดเก็บ เช็ดรอย ค่อยมาหา ยกรูปปั้น ตั้งเด่น เข็นรถมา ฉีกยิ้มร่า หน้าบาน ปานจานเชิง
ไส้รถไป ไม่วายมอง ลำพองจิต ครุ่นดำริ พิศนาง พานฮึกเหิม ฝีมือข้า หน้าไหน ใครเทียบเชิญ คงเคอะเขิน เมินลา ไม่กล้ายล
ถึงตำหนัก ไม่พักหอบ บอกทหาร รีบรายงาน รูปนาง ตามประสงค์ หล่อสำเร็จ เสร็จงาม ตามจำนง ขอเสด็จ ในกรม ทรงทอดตา
นายทวาร ฟังความ รายงานเฝ้า กราบทูลเกล้า เล่าความ ตามเนื้อหา บอกช่างทอง หลอมนาง กาญจนา ได้แล้วเสร็จ เสด็จมา ทอดตาชม
โอรสใหญ่ ได้ฟัง พลันเยื้องย่าง จินตนาการ นางทอง ต้องสวยสม ถึงพลันเห็น รูปทอง หลอมชอบกล ไม่งามสม ทรงคิด พิศขัดใจ
คิ้วไม่สม วงพักตร์ ดูลักลั่น ซ้ำไรฟัน เขยิบ ไม่เฉิดฉาย ถันยวบห้อย ย้อยยาน หูกางไป ดูอย่างไร ไม่พาน หวามติดตรึง
จึงหันพักตร์ ตรัสพลัน ยังช่างโอ่ อวดคุยโว สามารถ ปราศใครถึง เทียมออเจ้า เล่าลือ จนอื้ออึง จงลุกขึ้น พึงฟัง คำสั่งเรา
ขอจงเข้า ห้องใน ที่ไสยาสน์ บรรทมอาสน์ ขนาบคู่ อยู่ข้างเสา ประทับเด่น เห็นลออ รูปหล่อเรา เข็นแม่เจ้า เยาวพา มาบัดดล
ช่างทองฟัง พลันลุก ผลุบเข้าห้อง เห็นนางทอง ยองใย ให้ฉงน งามอะคร้าว ราวเสก ด้วยเวทมนต์ ให้สับสน ลนลาน คลานออกมา
หน้าตาซีด รีบแจ้ง แจงความผิด โปรดอย่าติ พิศพักตร์ พระสุนิสา เกล้าไม่ทราบ พิลาสท้าว เยาวพา อยู่ห้องในไสยา พากล้ำกราย
มหาสัตว์ พักตร์ยิ้ม พริ้มพรายโอษฐ์ ไม่เคืองโกรธ โทษช่าง นั่งเหงื่อไหล ตรัสนงเยาว์ เจ้าพบ พานตกใจ คือรูปหล่ออรไท หาใช่คน
เราทดลอง หลอมหล่อ ไม่พออวด หรือประกวด เทียบชั้น ยังมิสม ขอท่านนำ นางมา ทอดตาชม ว่างามสม นงท่าน นั้นอย่างไร
ช่างโอ่ฟัง เก้กัง ยืนนั่งลุก เหงื่อซึมผุด สุดเอ่ย เฉลยไข เข้าห้องนาง ลำพัง พลาดพลั้งไป คงเหลือไหล่ แต่ไร้หัว ใจรัวพลัน
จึงไห้หวน ครวญคร่ำ ร่ำพิลาป กราบแทบบาท ยุคล ทรงผ่อนผัน เกล้ากลัวพลั้ง นั่งคุก อุกฉกรรจ์ ด้วยต้องนาง เฉิดฉัน ชีพบรรลัย
โพธิสัตว์ ตัดความ รำคาญพร่ำ สั่งรีบนำ เหมอนงค์ องค์เฉิดฉาย รูปหล่อนาง งามน้อง ที่ห้องใน มาเร็วไว ช้าได้ ตกตายจริง
ช่างทองฟัง บัญชา หน้าตาตั้ง พุ่งคะมำ ถลันตรง องค์โฉมฉิน ถึงนางทอง มองพลัน ช่างเหมือนจริง ตัดเกรงกริ่ง สิ้นพรั่น มือคลำนาง
พอสัมผัส จับกุม สะดุ้งโหยง กรโผอน นงนาฏ ไม่วาบหวาม ผิวเย็นคลำ ดังหิน สิ้นวิญญาณ สิ้นลนลาน เบิกบานใจ ไสรถมา
ถึงเบื้องพักตร์ ขยับเรียง เคียงรถเข็น หนึ่งสวยเด่น อร่าม งามนักหนา หนึ่งหมองศรี ไม่มี ชีวิตชีวา สิ้นกังขา มหาสัตว์ จึงตรัสพลัน
วานนายช่าง เข็นรถท่าน เข้าคลังเก็บ งานสำเร็จ เสร็จงาม ปานเสกสรร เก็บเอาไว้ อย่าให้ ใครเห็นกัน เดี๋ยวจะฟั่น เฟือจิต พิศทรามวัย
ลับหลังช่าง ธ นั่ง ภวังค์จ้อง มองนางทอง ตรองตริ พิศโฉมฉาย ใช้ต่อรอง มารดร ยอมถอดใจ เลิกก้าวก่าย คลายเคือง เรื่องแต่งงาน
หลังตกลง ปลงใจ ทันใดสั่ง ให้ยกนาง งามลออ ขึ้นวอหาม ส่งตำหนัก ชนนี มีข้อความ ฝากทหาร เป็นดำรัส กับแม่เมือง
หากธาษตรี มีนาง งดงามเท่า รูปหล่อเจ้า อรไท หรือคล้ายเหมือน ลูกจักยอม อ่อนน้อม พร้อมครองเรือน ผิบ่เหมือน เดือนปีลับ ไม่กลับใจ
เมื่อนั้น…มาตุรงค์ ชนนี เทวีเจ้า ฟังยามเล่า ผ่าวองค์ ชมโฉมฉาย จิตประหวั่น พรั่นคร้าม สะท้านใจ โอ้กระไร ไยรูปปั้น ช่างเหมือนคน
พักตร์งามพิศ ติดตา พาจับจิต ดั่งนฤมิต เทวัญ บันดาลสม ปทุมสอง งอนงาม ฐานกว้างกลม บั้นพระองค์ พระชงฆ์เพรียว เรียวบาดใจ
สะโอดสะอง ระหงเห็น เด่นสง่า เพียงสบตา อุรา พาหวั่นไหว สรรพางค์ สะอางหมด งามจดใจ นารีไหน ไม่เปรียบ ไม่ทียบทัน
หรือลูกเรา เฝ้าเลี้ยง เพียรปกป้อง ไม่คิดข้อง ติดกาม ความสุขสันต์ ไม่คิดมี ทายาท สืบชาติพันธุ์ ไม่มุ่งหวัง บัลลังก์ ช่างกระไร
ถึงได้คิด นิมิต ประดิษฐ์ขึ้น นางสวยซึ้ง ตรึงตา กว่าหญิงไหน หวังให้แม่ แพ้จน หนทางไป ยอมตัดใจ ให้เจ้า เข้าพนา
ไม่มีวัน นั้นดอก บอกลูกได้ แม่ไม่พ่าย หน่ายท้อ พ่อดอกหนา จักต้องมี สตรี เลิศพักตรา งามสวยกว่า นารีเจ้า จงเฝ้ารอ
หลังยามกลับ ลับไป ใจเจ้าถี ดุจดั่งมี ไฟรุม สุมทรวงหนอ เดินวนรูป หล่อนาง งามลออ หญิงใดพอ จักเปรียบ จักเทียบทัน
ย่างกลัดกลุ้ม ครุ่นคิด หนักจิตแท้ ผ่านบ่ายแก่ แก้ไม่ตก ใคร่หมดหวัง จนภากร จรฟ้า พาระกำ ทรุดตั่งนั่ง บรรทม พักข่มตา
คราบัดนั้น มิทัน หลังทาบฟูก เจ้านางผุด ฉุกใจ ไขปัญหา ดีดองค์ผึง ถึงช่อง ทวารา ตรัสเรียกข้า บริบาล นางกำนัล
|
|
|
|
22 ตุลาคม 2024, 04:05:PM |
kapheetam
|
 |
« ตอบ #6 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 04:05:PM » |
ชุมชน
|
สั่งเร่งตาม ควานหา เสนาใหญ่ รีบเร็วไว ช้าได้ หวายลงหลัง บอกเทวี มีเรื่อง มอบ ให้ทำ เมื่อทราบคำ เร่งพลัน จรัลมา
เหล่าบังอร นอนฝัน ผลุนผลันลุก ฉุกละหุก สะดุดกัน ลั่นผวา ตื่นตาแจ้น แล่นควาน ตามบัญชา เร่งกันหา เสนาไป ในทันที
จนเสาะพบ อำมาตย์ เอ่ยปากเล่า บอกรีบเข้า เฝ้าพักตร์ มเหสี มีบัญชา เรียกหา มหามนตรี อย่ารอรี จรลี ในทันใด
อมาตฟัง พลันย่าง ลนลานก้าว ไม่เอ่ยกล่าว เท้าความ ให้นานสาย รีบดำเนิน เดินตาม นางข้าไป ถึงอ่อนไท้ เข้ากราบ บาทยุยล
องค์นงนุช ผุดลุก แลผุดนั่ง พอเห็นท่าน อมาตย์ ปราศทุกข์ถม ตรัสเร็วไว เร่งไป จัดผู้คน พร้อมแบกขน สัมภาระ เครื่องพักกาย
เตรียมเครื่องบรรณาการ ให้เพรียบพร้อม ยกรูปทอง หลอมงาม นางเฉิดฉาย ขี้นรถม้า ผ้ากั้น กันกล้ำกราย ท่องเที่ยวไป ในหล้า ธราดล
ค้นหานาง งามตา กว่ารูปหลอม ตามนคร รอนแรม ทั่วแห่งหน ย่านนิคม ทุกแห่ง แหล่งชุมชน ท่าอาบสรง คนหลาก มากย่างกราย
ถึงท่าน้ำ นำนง องค์รูปหล่อ ตั้งวอรอ สิ้นวัน กันสงสัย พลบวางนาง ทางลงท่า ชลาลัย แล้วหลบใน ไม้พุ่ม ซุ่มเฝ้าฟัง
หากใครเอ่ย เปรยเปรียบ เทียบรูปหล่อ ไม่ลออ พอนาง งามเฉิดฉัน แห่งแว่นแคว้น แดนใด ให้ท่านพลัน ออกซุ่มถาม ผู้นั้น ในทันใด
ถึงหลักแหล่ง แห่งหน ตำบลอยู่ นางโฉมตรู พักตร์เพริศ งามเฉิดฉาย เป็นหน่อเนื้อ เชื้อพงศ์ วงศ์วานใด ใคร่เชิญไป เฝ้าไท้ ที่ในวัง
เป็นสะใภ้ ราชา โอกกากราช สืบทายาท ชาติไท ไอศวรรย์ พร้อมแจ้งหมาย โมงยาม ประมาณวัน จักยกขัน หมากขอ ลออนาง
ตรัสจบคำ หันมอง จ้องอำมาตย์ เห็นทำปาก เปิดอ้า ตาเบิกค้าง ด้วยสับสน ดำรัส ตรัสสั่งการ หันรีขวาง พลางสะดุด ผุดผ่องอนงค์
พลันตระหนก หกคะมำ ถลันกราบ โฉมพิลาส ผุดผาดเด่น เช่นนางหงส์ รูปหล่อนาง ตั้งข้าง ตั่งบรรทม ท้าวสนม องค์ใด ไม่คุ้นเคย
องค์ชายา พาขัน ท่านอำมาต์ ลนลานกราบ มาศถี ที่นิ่งเฉย เห็นรูปหล่อ ลออนัก ทึกทักเลย จึงทรงเผย เฉลยไป ในทันใด
อมาตฟัง ความนัย ใจขัดข้อง แท้รูปทอง หลอมมา พาสงสัย จึงคลานเข่า เข้าจับ หัตถ์ทรามวัย พอรู้ให้ ตกใจ ไหวผละพลัน
เอ่ยสำเนียง เสียงสั่น อัศจรรย์ยิ่ง ช่างเหมือนจริง สิ้นองค์ นงสวรรค์ นารีใด ไหนเปรียบ จักเทียบทัน คงหนีหัน อายหน้า ลาหลบไป
ช่างประเสริฐ เลิศนัก รัชทายาท แสนเก่งกาจ มากเหลือ น่าเลื่อมใส เหล่าพสก หมดแคว้น แดนไผท ต่างเทิดให้ เป็นมิ่งใน ดวงใจประชา
แล้วทูลองค์ อ่อนไท้ คลายหวั่นคิด เกล้าอุทิศ ชีวิตตน ท่องค้นหา แม้ไม่พบ สบนาง ตามบัญชา จักไม่หวนพารา กุสาวดี
จบคำมั่น ทูลลา เสนากลับ เร่งรีบจัด พรรคพล ออกค้นถี ทรัพย์เสบียง เตรียมเหลือ เผื่อนานปี เสร็จสรรพดี จรลี ราตรีกาล
ถึงชุมชน นิคมคาม คาราวานพัก จัดประดับ นางทอง มองวาบหวาม ยกนั่งแคร่ แลผาด พิลาสงาม พลบวางข้าง ทางท่า ชลาลัย
แล้วหลบพุ่ม ไม้บัง ฟังคำอ้าง คำวิจารณ์ นางทอง ผิวผ่องใส หากด้อยกว่า อัมพา นารีใด สูงเพียงไหน ต่ำเพียงใด ไม่เลือกวรรณ
ก็จักพลัน ถลันออก สอบปากถาม นามหญิงงาม ตระการเนตร ปานเสกสรร ถิ่นพำนัก พักใด อยู่ไหนกัน ประยูรวรรณ พันธุ์เผ่า เหล่ากอใด
แต่จนแล้ว จนเล่า เพียงเฝ้าซุ่ม ไม่เคยพุ่ง ออกมา พาสงสัย ฤาพิภพ หมดนาง งามอำไพ จึงไม่กราย ชายใกล้ ให้แปลกจริง
ท่องเที่ยวดั้น ด้นไป ในผืนหล้า ผ่านนครา พาราหลาก มากแม่หญิง ถ้วนทุกนาง พานพบ ไม่สบจินต์ ไม่สูญสิ้น ความหวัง ฟันฝ่าไป
จนมาถึง เมืองงาม นามสาคละ เจ้ามัททะ อธิราช ราษฎร์เลื่อมใส ไม่เหี้ยมหาญ กร้านทัพ สักเท่าใด แต่มีใจ รักชาติ มากคุณธรรม
ภูบดี มีธิดา สง่าแสน เฉิดแฉล่ม แจ่มงาม ปานเสกสรร ถึงแปดนาง สะคราญโฉม เด่นโนมพรรณ เลื่องลือลั่น สนั่นไกล ไปทั่วแดน
ยิ่งเทวี ศรีสุดา ธิดาใหญ่ งามไฉไล กว่าใคร ไท้หวงแหน ผิวผุดผ่อง ส่องประกาย เลื่อมพรายแกม วาววับแสง ยามค่ำ ช่างอัศจรรย์
เหลืองอร่าม วามนวล ชวนให้พิศ ห้องมืดมิด ยังสว่าง พร่างสีสัน เมื่อนางอยู่ ภายใน สดใสพลัน ดุจสวรรค์ บันดาล งามเหนือใคร
ประภาวดี นงราม นามไพเราะ ตั้งได้เหมาะ เสนาะฟัง คำความหมาย หญิงผิวผ่อง ใสเด่น เปล่งประกาย พักตร์เฉิดฉาย ชายจ้อง ดั่งต้องมนต์
เทวีมี ทาสี สตรีค่อม เป็นต้นห้อง คล่องการ ตามประสงค์ ชื่อขุชชา ข้าใน ใกล้พระองค์ อีกอนงค์ แปดนาง ข้างกายา
ยามสายัณห์ ตะวันหลบ หมดแสงสี แปดนารี มีภาระ ต้องจัดหา น้ำอาบสรง เทวี ศรีสุดา จึงเร่งพา กันจร คอนครุไป
พอพ้นยาม ทวารวัง พลันเริงร่า ต่างพูดจา พาที สีหน้าใส บ้างเอ่ยหลอก หยอกเย้า กระเซ้าไป บ้างสนใจ ใคร่รู้ ดูผู้คน
จนใกล้ท่า ชลาลัย ไม่ไกลห่าง มีนงคราญ งามนวล ชวนลุ่มหลง นั่งตะคุ่ม พุ่มไม้ คล้ายอนงค์ ริมถนน บนวอ ลออวิไล
กำนัลหนึ่ง ทึ่งมอง จ้องเขม็ง ให้ตื่นเต้น เพ่งพิศ คิดสงสัย ฤาพระธิดา ลอบมา ชลาลัย เหตุไฉน ไม่เกรง คนเห็นกัน
จึงหันขวับ กลับมา พี่ยาใหญ่ บอกมองไป นั่นใคร ไยหุนหัน แอบหนีออก นอกเวียง เพียงลำพัง ไม่คร้ามพรั่น นั่งกล้า ท้าตาชน
ขณะกล่าว เล่าความ มือพลางชี้ ยังเทวี นั่งข้าง ทางถนน เหล่ากำนัล หันมอง ตาพองยล เห็นระหง นงลักษณ์ คลับคล้ายคลับคลา
สำคัญว่า ประภาวดี นารีรัตน์ หนีตำหนัก ปะคน ซนนักหนา ซ้ำเผยพักตร์ ประจักษ์กัน ทั้งพารา ไม่ไว้หน้า พระบิดา กล้าเกินองค์
จึงเหล่านาง กำนัล พลันเยื้องย่าง ตรงหานาง งามตา พาใหลหลง ถึงนางข้า พี่สาว กล่าวทักองค์ ไหนบอกทรง สรงวัง ช่างกระไร
|
|
|
|
22 ตุลาคม 2024, 04:06:PM |
kapheetam
|
 |
« ตอบ #7 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 04:06:PM » |
ชุมชน
|
เหตุไฉน ไยมา ท่าน้ำเล่า ไร้คนเฝ้า ข้างเคียง เสี่ยงเพียงไหน หากภูวนาถ ทราบข่าว บ่าวหลังลาย ปากซักไซ้ มือจับ หัตถ์เทวี
บัดนั้น…ข้าธิดา หน้าซีด รีบถอยผละ พรั่นผงะ สะบัดสั่น ดั่งเห็นผี ให้ตระหนก สบจ้อง มองเทวี เจ็ดนารี ทันทีเห็น เผ่นคนละทาง
โลดเตลิด เปิดเปิง กระเจิงวิ่ง เนื้อความจริง สิ่งใด ไม่ใคร่ถาม โกยหน้าตั้ง ไปตั้งหลัก ตามหลักการ อย่าผลีผลาม หาญกล้า รอท่าที
จนกระทั่ง กำนัลใหญ่ คลายหวาดจิต เพ่งพินิจ พิจารณา มารศรี ไยกนิษฐ์ ผิดแผก แปลกท่าที จึงทาสี พี่สาว ก้าวกลับคืน
ถึงกลั้นใจ ไม่พรั่น มือพลันจับ องค์นงลักษณ์ พักตร์นิ่ง ไม่ติงขืน นางข้ามอง ร้องเฮ่อ เก้อเขินยืน เปลี่ยนหน้ารื่น ชื่นอก หายตกใจ
ฝ่ายเจ็ดถี หนีกลัว ใจรัวก้อง นั่งซุ่มจ้อง มองดู ทนอยู่ไม่ไหว จึงเข้าหา พี่ยา สีหน้าอาย แสร้งเฉไฉ ใจกระดาก เอ่ยปากพลัน
ที่น้องทิ้ง วิ่งปร๋อ ไม่รอพี่ ใช่ไม่มี ไมตรี ลี้หลบหัน หรือหวาดกลัว เอาตัวรอด ลอบหนีกัน แท้จริงนั้น หวังพร้อม คุ้มครองภัย
แล้วตัดบท กลบเกลื่อน เอื้อนถามว่า ไยพี่ยา ผวาตระหนก อกใจหาย หน้าซีดโพลน โจนหวาด ขยาดใด โปรดจงไข ให้ฟัง กันสักครา
พี่ได้ฟัง คำน้อง อ้อมค้อมเอ่ย กระไรเลย เปรยไป ให้ขายหน้า เห็นรูปปั้น สำคัญเป็น พระธิดา เขลานักหนา ตาฝ้า น่าเจ็บใจ
หากเพ่งมอง นางทอง หล่อหลอมนั้น เรืองผิวพรรณ กระจ่าง สว่างใส แต่กระด้าง กร้านแข็ง แกร่งเกินไป ไม่ละไม ละมุน ไม่นุ่มคลำ
เปรียบเทวี ศรีสะอาง สะคราญโฉม ยังห่างองค์ นงราม งามเฉิดฉัน สรรพางค์ วามวาว ราวพระจันทร์ ดุจสวรรค์ บันดาล สรรค์สร้างมา
สิ้นคำข้า บาทพลัน เงาดำไหว พุ่มไม้ไกว ใบสั่น น่าหวั่นผวา เสียงสวบสาบ บาทสาว ก้าวเข้ามา แปดนางข้า หน้าโพลน โจนกอดกลม
|
|
|
|
|