โพธิสัตว์ฉัททันต์คำกลอน ๕ ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
28 มกราคม 2025, 10:40:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โพธิสัตว์ฉัททันต์คำกลอน ๕ ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย  (อ่าน 4610 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
06 สิงหาคม 2024, 09:57:AM
kapheetam
LV3 นักกลอนประจำบ้าน
***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20



« เมื่อ: 06 สิงหาคม 2024, 09:57:AM »
ชุมชนชุมชน

ผ่านโมงยาม  ทรมาน  ช่างนานเหลือ
นั่งนอนเบื่อ  เหงื่อไหล  ไคลเหนอะหลาย
เสื้อเปียกชุ่ม  กลิ่นคลุ้ง  ฟุ้งกระจาย
ยิ่งนานสาย  กระวายกระวน  จนรำคาญ
หยิบศรใหญ่  ยืดดึง  ตึงสุดแขน
หน้าไม่แดง  แรงพอ  รอสังหาร
เจ้าคชินทร์  ให้ดิ้น  สิ้นชีพปราณ
แต่ช้างสาร  ช่างนานมา  พาร้อนรน
นั่งกลัดกลุ้ม  ซุ่มฟัง  สองวันผ่าน
เข้าวันสาม  นรการ  ลงธารสรง
หลังขึ้นสระ  ฉัททันต์  พลันปลีกองค์
มุ่งหน้าตรง  มาลาน  สำราญใจ
ยืนโดดเดี่ยว  เดียวดาย  รอกายแห้ง
ตรงตำแหน่ง  แห่งเดิม  เพลินลมไหว
หลับตาปิด  จิตภวังค์  ช่างสบาย
เย็นพระพาย  ชายชื่น  รื่นสราญ
น้ำเกาะองค์  ดมไร  ไหลลงหล้า
หล่นกายา  มาหลุม  ซุ่มสังหาร
ซึมดินหยด  ตกตัว  หัวกบาล
พรานพุ่งพล่าน  ดันฝาโหว่  โผล่มายิง
เสียงศรขวับ  ปักท้อง  สารร้องลั่น
ขรัวพรานพรั่น  พลันหลบ  กบดานสิง
เสียงกรีดดัง  กังวาน  จากลานดิน
เหล่าพลายสิ้น  ยกโขลง  พุ่งตรงมา
ถึงลานใหญ่  ใจเต้น  เห็นเจ้าสาร
ทรมาน  อาการหนัก  เป็นนักหนา
เลือดไหลหลาก  จากท้อง  นองพสุธา
ต่างโกรธา  กราดเกรี้ยว  เหลียวรอบกาย
เพ่งตาหา  ปัจจามิตร  คิดขยี้
ไม่เห็นมี  ที่เร้น  คงเผ่นหาย
จึงแผดเสียง  เจียนคลั่ง  ลือลั่นไพร
ออกตามไล่  ใคร่กระชาก  พรากชีวา
อึกทึก  ครึกโครม  โจนสับสน
เหล่ามาตงค์  ลนลาน  เที่ยวตามหา
เจ้าคนชั่ว  ทั่วพนัส  ชัฏพนา
หมายเข่นฆ่า  พร่าดิ้น  ให้สิ้นใจ

ฝ่ายมหา  สุภัททา  ชายาสาร
เห็นนรการ  นั่งทรุด  ลุกไม่ไหว
จึงไม่ห่าง  ข้างชู้  คู่ฤทัย
คอยชิดใกล้  ห่วงใย  เจ้าฉัททันต์
ท้าวคเชนทร์  เห็นชายา  หน้าเศร้าสร้อย
จึงเอ่ยถ้อย  ปลอบนาง  จางโศกศัลย์
บอกบาดแผล  แม้ใหญ่  ไม่ฉกรรจ์
ของามขำ  ทำใจ  ให้ผ่อนคลาย
เหล่าบริวาร  ควานหา  ปัจจามิตร
ทั่วทุกทิศ  ติดตาม  ไม่ห่างหาย
ไฉนเจ้า  เฝ้าข้าง  ไม่ห่างกาย
ไม่ละอาย  พวกพ้อง  ฤาน้องยา
เลิกเคล้าคลุก  รุดตาม  บริวารเถิด
อย่าให้เกิด  เล็ดลอด  ออกนอกผา
ขืนช้าอยู่  ศัตรูไป  ไกลลับตา
ผองคชา  จักพาโกรธ  โทษนงราม
ท้าวชายา  น้ำตาไหล  จำใจจาก
เจ้าโขลงนาค  ยากขัด  หักสงสาร
ละล้าละลัง  รังรอ  ท้อดวงมาน
แต่เกรงขาม  สางไท้  ตัดใจลา
พอลับตา  ชายา  คชาเจ้า
ย่างเท้าก้าว  หาหลุม  กรุ่นนาสา
กลิ่นเหม็นแตก  ต่างที่  เคยมีมา
ไอยรา  ใช้งาคุ้ย  ตะกุยดิน
เห็นกระดาน  คชาธาร  บันดาลโกรธ
คนใจโฉด  โหดร้าย  ซ่อนกายสิง
อยู่ใต้ไม้  นิ่งซุ่ม  ในหลุมดิน
ท้าวคชินทร์  สิ้นกลั้น  พลันเหยียบลง
ไม้ลั่นเปรี้ยง  เสียงดัง  ลั่นหักแตก
ขรัวพรานแอบ  แถกดิ้น  กลิ้งสับสน
เศษไม้หัก  ปักดิน  เกือบทิ่มตน
กระเสือกกระสน  ลนลาน  สะท้านอุรา
ท้าวคชา  หน้าแดง  แรงโทสะ
ไม่ปล่อยปละ  ละเว้น  เผ่นเข้าหา
พอเห็นผ้า  กาสาวะ  งามจับตา
โกรธบังตา  พาเดือด  เหือดมลาย
เห็นภาพได้  ถวายภัตร  พระปัจเจก
ผู้เป็นเอก  อเนกบุญ  คุณมากหลาย
เกิดแรงฉุด  หยุดทัน  พลันอภัย
โมโหหาย  คลายโกรธ  ไม่โทษพราน
ท้าวมาตงค์  ปลงใจ  ไม่เข่นฆ่า
เอ่ยวาจา  ปราศรัย  ให้สงสาร
บอกคนเขลา  เมากิเลส  ซ่องเสพกาม
ไม่ควรหาญ  ห่มกาสาว์  น่าอับอาย
แล้วเอื้อนถาม  พรานไพร  ใจฉกาจ
ท่านพยาบาท  อาฆาตเรา  แต่คราวไหน
จึงพิฆาต  เข่นฆ่า  พร่าถึงตาย
หรือมีใคร  ใช้ท่าน  ดั้นด้นมา

โสณุดร  อ่อนล้า  หน้าสลด
ยืนคอตก  ไม่ปดตอบ  บอกอาสา
องค์เทวี  มเหสี  สุภัททา
ในราชา  กาสิกราช  ราษฎร์แซ่ไกล
อรนุช  ทุกข์ตรอม  ปองงาท่าน
ด้วยนางฝัน  จำติด  จิตหลงใหล
มีกุญชร  ครองป่า  พนาไพร
แสนยิ่งใหญ่  ไร้เปรียบ  เรียกฉัททันต์
ไม่ได้ครอง  สองงา  อุราขม
อกระทม  ตรมเศร้า  เฝ้าโศกศัลย์
มีชีพไป  เหมือนไร้  ซึ่งชีวัน
ยืนนอนนั่ง  พร่ำปาก  อยากจักตาย
องค์ภูธร  ร้อนใจ  ในสนม
สั่งระดม  พลตาม  พรานทั้งหลาย
ทั่วเขตแดน  แคว้นด้าว  มีเท่าใด
ใกล้และไกล  ให้เข้า  เฝ้าราชินทร์
ใครพิฆาต  พรากงา  คชาได้
เหนือหัวให้  ส่วยทาส  มากทรัพย์สิน
เรือกสวนไร่  ใกล้ไกล  ให้ทำกิน
แลกสองกิ่ง  งาวาว  เจ้าฉัททันต์
หกหมื่นพราน  ตามมา  เบื้องหน้าไท้
ตัวข้าให้  ต้องใจ  เหมือนในฝัน
จึงส่งมา  ฆ่าสาร  ผลาญชีวัน
ตัดงาท่าน  นำมอบ  ยอดเทวี

เมื่อนั้น…มหาสัตว์  สดับพราน  พลุ่งพล่านนัก
เจ้าจุลล  สุภัททา  มารศรี
น้องกล่าวอ้าง  พี่จาง  ร้างไมตรี
จึงแค้นพี่  ข้ามชาติ  พิฆาตกัน
แสร้งมุสา  หาความ  งางามพี่
สวยกว่ากรี  หัตถีใด  ในไพรสัณฑ์
สูงค่ายิ่ง  สินทรัพย์  นับอนันต์
หลับยังฝัน  จำติด  จิตฝังตรึง
แม้ไม่ได้  สองงา  อุราขม
จิตระทม  ตรมเศร้า  เฝ้าคิดถึง
ทำอย่างไร  ไม่คลาย  หายคำนึง
ร่ำนึกถึง  แต่งา  พาหม่นใจ
แท้ในใจ  เจ้ามาก  อาฆาตพี่
แสร้งทำมี  น้ำตา  อุราสลาย
หวังไท้โทษ  โกรธฆ่า  พี่ยาไป
อรไท  จึงคลาย  หายจองเวร
ผิเยี่ยงนั้น  ชีวัน  พี่นำให้
เจ้าจักได้  สุขใจ  คลายทุกข์เข็ญ
สิ้นอาฆาต  มาดร้าย  หายจองเวร
สิ้นเยื่อใย  อาลัยเห็น  เป็นสามี
จึงบัดนั้น  ฉัททันต์  เจ้าพังสาร
เอ่ยเรียกพราน  วางใจ  อย่าไกลหนี
เข้ามาตัด  งาไป  ให้เทวี
เราน้อมพลี   ชีวัน  กำนัลนาง
บอกชายา  อ่าองค์  ทรงอย่าโกรธ
จงได้โปรด  อภัย  ในช้างสาร
ที่ยังรัก  ภักดี  มีให้นาง
แม้ว่ากาล   ผ่านไป  ไม่เปลี่ยนแปลง
พรานได้ฟัง  รันทด  สลดยิ่ง
เจ้าคชินทร์  กรินทร์กล่าว  เศร้าเหลือแสน
มือจับเลื่อย  ล้าเหนื่อย  เนือยอ่อนแรง
ซ้ำเข่าแข้ง  อ่อนโรย  ระโหยไป
เขย่งขา  เอื้อมคว้า  งาไม่ถึง
หวังจักดึง  งาต่ำ  ช่างยากหลาย
ท้าวคเชนทร์  เห็นยื้อยุด  จึงทรุดกาย
พรานสบาย  คลายเกร็ง  เขย่งยืน
คชาธาร  วางพักตร์  ลงทับหล้า
พรานเถื่อนอาดูรพลัน  แต่จำฝืน
ขึ้นเหยียบโคน  งวงใหญ่  ไต่ไปยืน
ช้างไม่ขืน  ฝืนขัด  ยอมตัดใจ
ถึงกระพอง  นรการ  เจ้าพรานหยุด
นั่งเข่าซุก  คลุกต้อน  ก้อนเนื้อไหล
ย้อยข้างปาก  ยากผลัก  ดันกลับไป
กว่าเข้าได้  ใคร่ยอม  ถอนเลิกรา
หมดเนื้อย้อย  ห้อยบัง  จึงพลันเห็น
โคนงาเด่น  อร่าม  งามนักหนา
ลงกระพอง  พร้อมจับ  เลื่อยตัดงา
สอดหน้าขา  กรรไกร  ไสขึ้นลง
เสียงเลื่อยสี  กรีพลาง  สะท้านร่าง
ไม่ครวญคราง  สารทน  ตรมขื่นขม
ปวดกายใจ  ไม่โกรธ  โทษอนงค์
หวังให้สม  ใจนาง  แค้นจางไป

ผ่านพักใหญ่ เหงื่อพรานไหล ไคลรินหยด
แรงก็หด หมดกำลัง ยังฝืนไส
มหาสัตว์ กัดฟันทน ปนเห็นใจ
จึงถามไถ่ ให้ตนเสริม เพิ่มอีกแรง
พรานได้ยิน คชินทร์เจ้า รวดร้าวจิต
นึกตำหนิ ผิดเพราะตัว ชั่วเหลือแสน
ก่อแต่บาป หาบนรก หมกไฟแดง
ระบายแค้น แทนเขา เรารับกรรม
จึงร้องบอก ตอบไป ใจช้ำเศร้า
โอ้พ่อเจ้า เกล้าสิ้นแรง ไม่แข็งขัน
คงยากหัก ตัดงาไป ให้ทรงธรรม
มอบจอมขวัญ กัญญา มหาเทวี
แม้นพ่อเจ้า เหล่ากุญชร ไม่ยอมช่วย
เกล้าคงม้วย ด้วยอาญา เจ้ากาสี
มีชีพกลับ ก็คงดับ ลับชีวี
ยากจักหนี ผีหัวขาด อนาถใจ
เจ้าพญา คชาธาร ฟังพรานกล่าว
ตอบพรานเจ้า เราก็เพลีย เปลี้ยเหลือหลาย
วานท่านงัด งวงทับเลื่อย เหนื่อยคงคลาย
จึงจักง่าย ได้ผ่อนหนัก ผลัดกันดึง
พรานเถื่อนฟัง พลันยกงวง ถ่วงบนด้าม
เลื่อยงางาม ไม่นานครัน พลันขาดผึง
โลหิตสาร ดั่งธารไหล ให้ตะลึง
เจ้าสารดึง ดันเปรย เผยความนัย
สหายพราน เราประทาน งางามท่าน
ใช่เพราะชัง มันหนัก จึงผลักไส
ใช่ไม่รัก ไม่หวง ห่วงอาลัย
หรืออยากใหญ่ ในสงสาร โลกมารพรหม
แต่เรารัก พระสัพพัญญุตญาณ
กว่าสังขาร ไม่นานตาย กายทับถม
ดินกลบร่าง ต่างบุญกรรม นำวกวน
เดี๋ยวสุขสม เดี๋ยวตรมเศร้า คละเคล้ากัน
ขออานิสงส์ ผลทาน ในการนี้
จงเกิดมี อานุภาพ มากเสกสรร
ให้ได้พบ สงบทุกข์ สุขนิรันดร์
ข้ามสงสาร โอฆะ ละโลกไป
แล้วเอ่ยถาม พรานไพร ใจฉกาจ
มากสามารถ ยากฝ่า พนาไศล
ท่านบุกดง พนมสิงค์ สิ้นเท่าใด
นานแค่ไหน เท่าไรบอก วานตอบที

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : msp.

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s