ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่ by บ้านกลอนไทย klonthaiclub.com
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
30 ตุลาคม 2024, 10:43:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว:
 
  หน้าแรก ภาพตกแต่งเว็บ ค้นหา ติดต่อเรา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 4 5 6 7 [8] 9
  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ที่แล้วไปไม่นับ กลับมาเริ่มใหม่  (อ่าน 136810 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
10 กุมภาพันธ์ 2022, 06:48:PM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #140 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2022, 06:48:PM »

     
  ส่วนหนึ่งของการแสดงหุ่นกระบอกเรื่องสามก๊ก ตอนโจโฉแตกทัพเรือ ของมูลนิธิจักรพันธุ์ โปษยกฤต
ฉากที่5 จิวยี่ตรวจพล
- ปี่พาทย์ทำเพลงท้ายฮ่อแห่(ไม้แข็ง)-
-ปี่พาทย์ลง-รัวกลองจีนออกตัวแปลง-
- ปี่พาทย์ทําเพลงกราวจีน-
-ปี่พาทย์ทําเพลงต้นนาคราช(ไม้แข็ง)-
         

ญี่ปุ่นรัญจวน โดย Sivalai Thai Dance Melbourne:
         

ด้วยความขอบคุณและขออนุญาตเผยแพร่เพื่อเป็นการศึกษา


ไม่มีเซ็น ไม่มีไฮกุ
มีไฮกุ คือ ไม่มีไฮกุ
ข้าพเจ้าฝีกแต่งโคลงไฮกุด้วยจำนวนครั้งมากกว่าที่เคยฝึกคำประพันธ์ชนิดอื่น จึงรู้ว่า ฝึกไม่ได้ แต่งไม่ได้ด้วยการฝึก
อย่างที่เคยพูดว่า ฉันทลักษณ์ไฮกุมี สั้นๆ ง่ายๆ แต่มีข้อบังคับ แบบแผนมากมายทึ่กำหนดว่าโคลงทึ่แต่งออกมาไม่ใช่ ไฮกุ
โคลง กลอน ทุกชนิดในโลก ยึด จินตนาการแห่งอิสระภาพ ไม่ถูกบังคับยึดโยงรูปแบบใดๆ เป็นอิสระ กว้างไกลแห่งจักรวาล กว้างเท่าใจ
ไฮกุไม่ใช่เช้นนั้น โฮกุ ดำดิ่งลึกลงภายใน อันล้ำลึกไม่มีแม้คำว่าขอบเขต ไม่มีจุดที่สุด
ล้ำลึกแห่งความไม่มี ไม่มีเซ็นคือไม่มีไฮกุ ฝึกกันไม้ได้

มีบุรุษหนึ่งท่าน ไม่ใช่เซ็น คือมหาบุรุษพระพุทธเจ้า
ได้กล่าวไฮกุอันเป็น ที่สุด แห่งไฮกุ. ตลอดกาล

"เราหยุดแล้ว
ท่านสิ ยังไม่หยุด"

คิดแต่งไฮกุห่อสามชั้น ส่วนห่อจึงต้องพยายามแต่งให้เป็นไฮกุ ด้วย สังเกตุได้ว่า ไม่รอด




 


     
  แห่งหนี่ง ผาดผ่าวร้อน
แห่งนั้น อาบรัก สายน้ำเย็น
แห่งไหน ไม่มีเธอ

เพลิงแผลงผลาญรุ่มรัอน
หลอมหล่อเหล็กแกนก้อน
จึ่งแจ้งแรงพลัง

เยือกเย็นเป็นปานธารถั่ง. หล่อเลี้ยงอยู่ยัง
ชีพด้วย ดินน้ำลมไฟ

เธอ. https://vt.tiktok.com/ZSeG8ykTQ/
https://vt.tiktok.com/ZSetBbgXH/

เธอเริงเร่าเผามลายวายมหันต์
เธออยู่นั่นโลมลามวามวูบไหว
เธอเริงรื่นชี่นฉาบอาบรำไร
เธออยู่ไหนพบพาเมื่อมาเอง
 

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : โซ...เซอะเซอ, ระนาดเอก, พิณจันทร์, toshare

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
23 กุมภาพันธ์ 2022, 10:51:AM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #141 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2022, 10:51:AM »

     


ส่งท้ายกับสำเนียงจีน ญี่ปุ่น
ปิดท้าย ไฮกุ

ครูชยุดี วสานนท์ ฉายา ไม้ขิมไฟบันลือโลก แป๊ะฮวยพัง



ญี่ปุ่นฉะอ้อน




เวลาวาร ผ่านไป
ในใจของฉัน ยังมีเธอ
ในอ้อมกอด ว่างเปล่า

เยือนมาไยไม่ย้อน คนเก่าขานกานท์ค้อน
ว่าแล้วแววลา

เก็บภายใน ใจมิกล้า สงสารนักหนา
ขาดแม้แค่มิตรคิดหมาย


คิดถึงคำตำใจในอ้อมกอด
ฉะอ้อนออดเอวยึกนึกไ่ม่หาย
คิดถึงเคยเอ่ยเอียงเคียงข้างกาย
ฉะอ้อนอายเอวยักยิ่งรักเธอ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : โซ...เซอะเซอ, พิณจันทร์, ระนาดเอก

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
11 มีนาคม 2022, 07:10:PM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #142 เมื่อ: 11 มีนาคม 2022, 07:10:PM »

         

      นิดา.... ผู้ได้ผ่าน การอบรมมาดี

งามน้ำใจ จุติมา
คือนิดา ผ่านฟ้า หรือไฉน
ธิดา ของมหาชน


ชั่วชีวิตใครสักคนหนึ่ง จะได้คบเพื่อนเช่นนี้



สำเนียงแขก



จบไฮกุ เรื่องไม่จบ
แต่งโคลงไทยห่อโคลงไฮกุ รู้สึกเสียศักดิ์
จึงไปค้นคำประพันธ์ไทย อันน่าจะศักดิ์เสมอไฮกุ
คือ ร่าย โคลง กาพย์ ฉันท์
พบหลายชนิด ที่จำนวนคำ จำนวนวรรค ใกล้เคียงกัน
วันนี้เริ่มด้วย


-ร่ายสุภาพ ตัดเฉพาะบทสุดท้าย ที่จบด้วยโคลงสองสุภาพรวม5วรรค
-มาลินีฉันท์๑๕ 3วรรค 15คำ
จังหวะ ลหุลหุลหุ ลหุลหุ ลหุครุครุ
ครุลหุครุครุ. ลหุครุครุ
-กาพย๋ ดอกแคร่วง 3วรรค 10คำ

เป็นการทดลอง เพื่อปรับแก้ต่อไป
เดิมกะว่าจะแต่ง ประเภทละสองบท
แต่รู้สึกว่าควรแต่งเป็นบทเดียว เพื่อรวบคำให้ล้ำลีกเหมือนไฮกุ




https://vt.tiktok.com/ZSeTJvJL3/


   

        งามน้ำใจงามตา นิดาของมหาชน
มณฑาบานผ่านฟ้า โรยหล่นบนผืนหล้า
เพื่อพ้องปรองปรีดิ์

จริยะ ภว ประเสริฐศรี กัลยานี
ประโลมหรรษ์

คืนดุสิตสวรรค์ โกมุทผุดพรรณ
เทวี

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พิณจันทร์, ระนาดเอก

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
11 เมษายน 2022, 04:59:PM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #143 เมื่อ: 11 เมษายน 2022, 04:59:PM »

       

     


แขกกล่อมเจ้า
         

ประภัททกฉันท์ 15
หนึ่งบทมี 15 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 7 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก

ลักษณะครุ-ลหุ คือ
ลหุ-ลหุ-ลหุ- ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ     ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ
ลหุ-ครุ- ลหุ-ครุ

ตัวอย่างคำประพันธ์


บทคณฉันทศาสตร์     นิกรปราชญ์
ประพฤติเพียร
พจนพิจิตรเรียน     อลสะเพียร
มโนวิจารณ์
วิบุลยปรีชญาณ     พลจะชาญ
ฉลาดนิพนธ์
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)



ตับนิทราชาคริต(อาบูฮาซัน)
         


     

   

     




ไฮกุ.....ลมละมุลอุ่นหนาว
พายุวนฝนฟ้าคำราม.
เช่นรัก มักแปรปรวน



ร่ายสุภาพ.....ฤดูกาลวารเวียน     ลมเปลี่ยนหมุนอุ่นหนาว
พัดพราวพานร่านร้อน     หายห่างเห็นเย็นย้อน
ค่ำเช้าเหงาจัง


ประภัททกฉันท์ 15 .....ปกติ ผิว์รักหะชัง     กวะพลัง
ลุพายุแรง

กาพย์ดอกแคร่วง.....เดือนลาฟ้าแจ้ง     ใจไม่เปลี่ยนแปลง
ยิ่งรัก

      แขก อาหรับ. 
https://vt.tiktok.com/ZSdY3YogD/
บันทึกการเข้า
29 เมษายน 2022, 05:51:PM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #144 เมื่อ: 29 เมษายน 2022, 05:51:PM »

     

    เทพบันเทิง.....

ระบำเทพบันเทิง เป็นระบำที่อ.มนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติและผู้เชี่ยวชาญดุริยางคศิลป์ไทย กรมศิลปากร ประพันธ์บทร้องและบรรจุทำนองเพลง ประกอบการแสดงละครในเรื่องอิเหนา ตอนลมหอบ กล่างถึงองค์ปะตาระกาหลา ผู้ซึ่งเป็นบรมราชอัยการของอิเหนา และบุษบา เมื่อสิ้นพระชนม์แล้วได้เสด็จไปอุบัติเป็นเทพราชาสถิตย์อยู่ ณ วิมาณเมฆ บนสวรรค์ มีเทพบุตรและเทพอัปสรฟ้อนรำนี้ต่อมาเรียกว่า ระบำเทพบันเทิง กรมศิลปากรจัดการแสดงให้ประชาชน ณ โรงละครศิลปากร เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๙ ผู้ประดิษฐ์ท่ารำคือ อ. ลมุล ยมะคุปต์ ผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลปกรมศิลปากร นางมัลลี คงประภัศร์ และนางศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก (หม่อมครูต่วน)
ใช้วงปี่พาทย์ไม้นวม เพลงที่ใช้บรรเลงประกอบการแสดง ได้แก่ เพลงแขกเชิญเจ้า และเพลงยะวาเร็ว เครื่องแต่งกาย ผู้แสดงแต่งกายยืนเครื่อง พระสวมเสื้อแขนสั้น ศิราภรณ์ชฎายอดชัย นางศิราภารณ์มงกุฏกษัตรีย์



         
วาณินีฉันท์ 16
หนึ่งบทมี 16 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรคแรก 7 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 5 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก

ลักษณะครุ-ลหุ คือ
ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ      ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ
ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ

ตัวอย่างคำประพันธ์
นรนฤนาทภิบาล กลประมาณ
ประเล่ห์อุประมา
จะประพฤติราชกิจา นุกิจสา
ธุธรรม์บอาธรรม์
บุพบทวากยวรรณ วุดิฉัน
ทวณินีนาม
— (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)

คิดถึงเสมอ รักความสง่างาม.    (อิเหนา) ครูขวัญใจ คงถาวร

     

       ไฮกุ...รักคือโชคชะตา
เมื่อมา ถูกที่ถูกเวลา
ไม่นาน ก็จากไป

มา. https://vt.tiktok.com/ZSdJpnGcJ/
ร่ายสุภาพ...ความรักเยือนเสมือนลับ เกิดดับโชคโลกฝัน
พลันสบพบต่างต้อง จิตร่ำนำเรียกร้อง
หล่อเลี้ยงฤตี

วาณินีฉันท์ 16...สุริยะจรัสระวี กวะนรี
ประดับณเวลา

ไป...https://vt.tiktok.com/ZSdJp4bM3/
กาพย์ดอกแคร่วง.. ดอกสคราญบานช้า. ร่วงโรยโหยหา
คาใจ
บันทึกการเข้า
25 พฤษภาคม 2022, 05:50:PM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #145 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2022, 05:50:PM »

     

แขกยิงนก.   
แขกฮินดู     

กุสุมิตลดาเวลลิตาฉันท์ 18 (กุสุมิตะละดาเวนลิตา )

หนึ่งบทมี 18 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 11พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก

ลักษณะครุ-ลหุ คือ
ครุ-ครุ-ครุ- ครุ-ครุ-ลหุ- ลหุ-ลหุ-ลหุ- ลหุ-ครุ
ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ลหุ-ครุ-ครุ




     

      (โคลงไฮกุ .....)
โลกกว้าง ทางแคบนะ
หายใจ เข้าออก คิดถึงเธอ
ยี่สิบสี่ ชั่วโมง

(ร่ายสุภาพ ...)
รักคือก้าวกว้างไกล   ไวต้องทันไอที
มีรัก ทักต่อหน้า   ทันเท่า หะเราช้า
นั่งน้ำตานอง

(กาพย์ดอกแคร่วง..)
รักเหลือเผื่อสอง รักเล่นเช่นลอง
ตามยุค

(กุสุมิตลดาเวลลิตาฉันท์ 18 ...)
ส่องติ๊กต๊อก รักน้องเนาะ เหอะก็เพราะ สนุก
เพจและเฟสบุ๊ค ก็ติดตาม

อินเดีย. https://vt.tiktok.com/ZSdXXmmhK/

อินเดียแปลไทย     

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ระนาดเอก

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
25 มิถุนายน 2022, 06:00:PM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #146 เมื่อ: 25 มิถุนายน 2022, 06:00:PM »

           

     แขก ถนอมนวล
เมฆวิปผุชชิตาฉันท์ 19 ( เม-คะ-วิบ-ผุด-ชิ-ตา-)
หนึ่งบทมี 19 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 12 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ
ลหุ-ครุ-ครุ- ครุ-ครุ-ครุ- ลหุ-ลหุ-ลหุ- ลหุ-ลหุ-ครุ
ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ลหุ-ครุ-ครุ
๓-๓-๒-๔. ๑-๓ ๓

คำ"ครึง" ใช้แทน "คลึง" เช่น
ราชคลึงเครา บางทีสะกดครึงเคราก็มี หมายความถึงพระราชาลูบเครานั่นเอง


             

โคลงไฮกุ

ค่านวล ควรถนอม
รสรักแรก วารนั้น สั้นนัก
ไม่มีใคร เทียบเธอ

ร่ายสุภาพ

จิตตะนึงถึงเธอ ละเมอรูปรสรัก
สะโพกยักยั่วย้อน ุ เอวอ่อนกายอายอ้อน
ห่วงให้โหยหา

กาพย์ดอกแคร่วง

ครึงใคร่ใบหน้า มือไวไขว่คว้า
              คลั่งไคล้
     
เมฆวิปผุชชิตาฉันท์ 19

ปทุมโฉม นวลเนื้อโนม สติ และ ฤดิไย
คล้อยระลึกไป                   ก็พียงเธอ

                 

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ระนาดเอก

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
11 กรกฎาคม 2022, 12:04:PM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #147 เมื่อ: 11 กรกฎาคม 2022, 12:04:PM »

                 

         ช้าแขก
         

ถ้าจะเอ่ยถึงคำฉันท์ ข้าพเจ้า จะนึกถีง "มัทนะพาธา"
การพรรณนาเรื่องของ สตรี ความรัก ฉันท์ คือคำประพันธ์ที่เหมาะ ไพเราะที่สุด
................
หนังสือที่แต่งได้โดยยาก
ลักษณะคำประพันธ์ของบทละครพูดคำฉันท์ เรื่องมัทนะพาธา
หากเพื่อน ๆ สังเกตดี ๆ ก็จะพบว่าวรรณคดีไทยหลาย ๆ เรื่องที่เราได้ศึกษากันในระดับชั้นมัธยมนั้นมีผลงานพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ ๖ อยู่มากมายทีเดียว และจากการที่ได้ไปศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศ ทำให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดละครพูดตามแบบตะวันตกมาก และได้พระราชนิพนธ์บทละครพูดเองอยู่หลายเรื่อง เช่น บทละครเรื่องเห็นแก่ลูก ตามใจท่าน เวนิสวาณิช วิวาห์พระสมุทร และอื่น ๆ โดยบทละครเหล่านี้มักเป็นร้อยแก้วหรือคำกลอน แต่มัทนะพาธาเป็นบทละครพูดเรื่องเดียวที่แต่งเป็นฉันท์ ประกอบด้วยฉันท์ทั้งหมด ๒๑ ประเภทภายในเรื่องเดียว ได้แก่ อินทวงศ์ฉันท์ ๑๒ วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ อุปชาติฉันท์ ๑๑ จิตรปทาฉันท์ ๘ อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ อุเปนทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ สาลินีฉันท์ ๑๑ อุปัฏฐิตาฉันท์ ๑๑ สวางคตาฉันท์ ๑๑ รโธทธตาฉันท์ ๑๑ โตฏกฉันท์ ๑๒ กมลฉันท์ ๑๒ ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒ ปิยังวทาฉันท์ ๑๒ วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ มันทักกันตาฉันท์ ๑๗ กุสุมิตลดาเวลิตาฉันท์ ๑๘ สัททุลวิกีฬิตฉันท์ ๑๙ เมฆวิปผุชชิตาฉันท์ ๑๙ อิทิสังฉันท์ ๒๐ สัทธราฉันท์ ๒๑

[อินทะวิเชียร, ๑๑.]
มายาวิน

ไม้เรียกผะกากุพ- ชะกะสีอรุณแสง
ปานแก้มแฉล้มแดง ดรุณีณยามอาย
ดอกใหญ่และเกสร สุวคนธะมากมาย
อยู่ทนบวางวาย มธุรสขจรไกล
อีกทั้งสะพรั่งหนาม ดุจะเข็มประดับไว้
ผึ้งเขียวสิบินไขว่ บมิใคร่จะห่างเหิน.
อันกุพฺชะกาหอม บริโภคอร่อยเพลิน
รสหวานสิหวานเชอญ นรลิ้มเพราะเลิดรส
กินแล้วระงับตรี พิธะโทษะหายหมด
คือลมและดีลดทุษ เสมหะเสื่อมสรรพ์
อีกทั้งเจริญกา- มะคุณาภิรมย์นันท์
เย็นในอุราพลัน และระงับพยาธี
(ขอบคุณ บทความจาก ) https://blog.startdee.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C-%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2-%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%A15

สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙

หนึ่งบท จะมี ๓ วรรค (โดย ๓ วรรคถือเป็นหนึ่งบาท)
วรรคแรกมี ๑๒ พยางค์
วรรคสองมี ๕ พยางค์ ........ วรรคสุดท้ายมี ๒ พยางค
(รวมเป็น ๑๙ พยางค์ ในหนึ่งบท)

ครุ-ลหุ แต่ละวรรคจะมีลักษณะ คือ

ครุ-ครุ-ครุ- ลหุ-ลหุ-ครุ- ลหุ-ครุ- ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ
ครุ-ครุ- ลหุ-ครุ-ครุ. ลหุ-ครุ

ลักษณะการส่งสัมผัส
คำสุดท้ายของวรรคแรก ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่ ๒
ส่วนวรรคที่สามเป็นอิสระ
- สัมผัสระหว่างบท -
ให้คำสุดท้ายของบทก่อนหน้า ส่งสัมผัสไปที่คำสุดท้ายในวรรคที่ ๑ ของบทต่อไป
หากต้องการเพิ่ม สัมผัสใน คำที่๖ ส่งสัมผ้สไปที่คำที่๘ ของวรรคแรก

       

       
โคลง ไฮกุ

            มธุรส หอมหวาน
            กุหลาบ ที่สุด แห่งความงาม
            ชื่อนี้ สื่อแทนรัก
           
ร่ายสุภาพ

             รูปรสกลิ่นจินต์จำ สำเนียงเสนาะโสต
             สะโอดอั๋นหนั่นเนื้อ ชวนชื่นจิตชิดเชื้อ
             ร่ำร้องสองสม

กาพย์ดอกแคร่วง
               

               ค่ำคีนรี่นรมย์. ต่างไต้ไพรพรม
               แจ่มจันทร์

สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙

                 ตูม ตูม แต็ก แหนะระบำ จะขำ ก็บมิขัน
                  แม้อ้วนสะโพกสั่น                      ก็งาม

แขก.
     https://www.tiktok.com/@jwandada/video/7006723206660836610


     

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ระนาดเอก, โซ...เซอะเซอ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
29 กรกฎาคม 2022, 10:14:AM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #148 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2022, 10:14:AM »

         

           
สุดท้ายของโคลงไฮกุ
สุดท้ายของคำประพันธ์ไทย เท่าที่ข้าพเจ้าค้นเจอ ประเภทโคลง ฉันท์ กาพย์ ซึ่ง ๑บท มึจำนวน ๓วรรค และจำนวนคำ เท่ากันหรือใกล้เคียง กันกับโคลงไฮกุ

และสุดท้ายของเพลง สำเนียงแขก ชึ่งสุดท้ายนี้ ถ้า ไม่มีเพลง แขกมอญบางขุนพรหม ไม่ได้ หลายท่าน อาจจะไม่พอใจ แขกมอญบางขุนพรหมเนี่ย ไม่ว่าอย่างไร ที่ไหน ถูกถามหาเสมอ

                 

เพลงแขกมอญบางขุนพรหมเป็นเพลงไทยเดิมสำเนียงแขกปนมอญ ซึ่งแต่ดั้งเดิมมีเพลงแขกมอญและเพลงแขกมอญบางช้าง ๒ ชั้น ทำนองเก่ามาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนกลางจึงเกิดเพลงแขกมอญบางขุนพรหมขึ้นอีกเพลงหนึ่ง
แขกมอญบางขุนพรหมเป็นเพลงเถา (ประกอบด้วยเพลงอัตราจังหวะ ๓ ชั้น (ช้า) ๒ ชั้น (ปานกลาง) และชั้นเดียว (เร็ว) บรรเลงติดต่อกันตามลำดับ) สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิตทรงพระนิพนธ์เพลงแขกมอญบางขุนพรหมขึ้นจากเพลงมอญเก่าอัตราจังหวะสองชั้นชื่อเพลงมอญตัดแตง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓ ตั้งชื่อว่า "แขกมอญบางขุนพรหม" เพราะแต่งตามตามแบบแผนของเพลงแขกมอญ คือ เพลงมี ๓ ท่อน ทำนองของเพลงต้องสอดแทรกสำเนียงมอญ และในจังหวะสุดท้ายของแต่ละท่อนต้องมีทำนองซ้ำกัน ส่วน "บางขุนพรหม" เป็นวังที่ประทับของพระองค์ แต่ตามประวัติมีว่าทรงแต่งเพลงนี้ที่พระราชวังบ้านปืน จังหวัดเพชรบุรี.....

ระบำแขก.......
ในละครพูด สามัคคีเภท

อีทิสังฉันท์ 20 หรือ วุตตฉันท์20 หรือ อีทิสฉันท์20
อีทิสังฉันท์ 20 เป็นฉันท์ที่มีจังหวะกระแทกกระทั้น ฉะนั้นจึงใช้แต่งบรรยายความรัก ความวิตก และความโกรธ

หนึ่งบทมี 20 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 9 พยางค์ วรรคสอง 8 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก

ลักษณะครุ-ลหุ คือ
ครุ-ลหุ-ครุ- ลหุ-ครุ- ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ -
ลหุ-ครุ- ลหุ-ครุ- ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ - ลหุ-ครุ-ครุ
จังหวะการอ่าน
๓...๒...๔
๒...๒...๔... ๓

ตัวอย่างคำประพันธ์

อ้าอรุณแอร่มระเรื่อรุจี
ประดุจมโนภิรมย์ระตี       ณแรกรัก
แสงอรุณวิโรจน์นภาประจักษ์
แฉล้มเฉลาและโศภินัก    ณฉันใด
หญิงและชาย ณ ยามระตีอุทัย
สว่าง ณ กลางกมลละไม   ก็ฉันนั้น
— มัทนะพาธา, พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว




       

       โคลงไฮกุ.....

คว้าจับ กลับหลุดมือ
วาบหวิว แกมว้าง ที่กลางใจ
เช่นนี้หรือ คือรัก

แขกกุลิต เถา........
ร่ายสุภาพ.....

ถนอมนวลสงวนคำ พร่ำพรอดเพียงเคียงใกล้
ใจจางหายหน่ายหน้า เขินไขว่ไกลเกินคว้า
เช่นนี้ไฉน

กาพย์ดอกแคร่วง.....

ขุ่นเคืองเรื่องใด เหินห่างร้างไกล
กระนั้น

อีทิสังฉันท์ 20.....

สุขและทุกข์ มิผิด ลิขิตสวรรค์
เสน่ห์ ก็พา กระสากระสัน          ฤดีดาล

บันทึกการเข้า
09 สิงหาคม 2022, 09:14:AM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #149 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2022, 09:14:AM »

           

           
ขออณุญาต ขอบคุณ https://m.youtube.com/user/annkannk1

บทเพลงรำลึกงานเปิดเขื่อนอุบลรัตน์ ครูบุญยงค์ เกตุคง ประพันธ์เพลงนี้ขึ้นเมื่อ พ.ศ.2512 สมัยรับราชการเป็นหัวหน้าวงดนตรีไทยกรุงเทพมหานคร ได้นําเพลงฝั่งโขง สองชั้นของครูมนตรี ตราโมท มาแต่งขยายเป็นอัตราสามชั้นแล้วตัดลงเป็นชั้นเดียว ตั้งชื่อใหม่ว่า สองฝั่งโขงเถา สํานวนเพลงเป็นลาว มีความอ่อนหวานไพเราะ แทรกการบรรเลงคั่นระหว่างบทร้อง บทร้องเป็นผลงานของนายเสนาะ ชีวรากร ประดิษฐ์ทางร้องโดยครูจําเนียร ศรีไทยพันธุ์
..........
อุ่นเครื่อง เฉพาะกิจ ไม่รู้จะแต่งกลอนอะไร
ที่ยังไม่ค่อยจะได้แต่ง ก็ ฉันท์ และ กลบท
คิดๆ ซ้อมๆ ก่อน



             

          รักเธอเสมอ มิละหทัย       มธุนัย มิจืดจาง
อ้วนผอมก็ยอม จะมิแขวะขวาง       ศิระยอบ และมอบมาน

รักแรกครั้งตั้งต้นบนโซเชี่ยล
วันผันเพี้ยนดื่มด่ำน้ำผึ้งหวาน
รักแรกคราวสาวแฉล้มแย้มกลีบบาน
วันผันผ่านกลีบซ้อนซ่อนกลิ่นไร

บันทึกการเข้า
26 สิงหาคม 2022, 02:41:PM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #150 เมื่อ: 26 สิงหาคม 2022, 02:41:PM »

         

       
ราตรีประดับดาว: สยามสังคีตดนตรีไทย

ราตรีประดับดาว เป็นเพลงในพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ในปีพ.ศ. ๒๔๗๒ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าได้ทรงฟังเพลงแขกมอญบางขุนพรหมเถา ซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า ฯ กรมพระนครสวรรค์พินิต พระองค์จึงมีพระราชประสงค์จะทรงแต่งเพลงเถาในสำเนียงมอญอย่างนั้นบ้าง จึงทรงหารือกับครูอาจารย์ด้านดนตรีไทยโดย ทรงเลือกเพลงมอญดูดาว ของเก่า มาทรงประดิษฐ์ขยายทำนองเป็นเพลงเถาซึ่งมีความอ่อนหวานไพเราะมาก

สำหรับเพลงราตรีประดับดาว: สยามสังคีต ดนตรีไทยฉบับบรมครูนี้
อำนวยเพลงและควบคุมการบรรเลงโดย อ.เสรี หวังในธรรม

นักดนตรี
ระนาดเอก.....นาย ไชยยะ ทางมีศรี
ระนาดทุ้ม.....นาย เผชิญ กองโชค
ฆ้องวงใหญ่.....นาย สาธิต แสงบุญ
ฆ้องวงเล็ก.....นาย ศักดิ์ชาย ลัดดาอ่อน
ปี่ -- ขลุ่ย.....นาย สิงหล สังข์จุ้ย
ปี่ -- ขลุ่ย.....นาย ปี๊บ คงลายทอง
ตะโพน -- กลอง.....นาย สนอง อ่ำแสง
ตะโพน -- กลอง.....นาย มนัส ขาวปลื้ม
ฉิ่ง -- ฉาบ -- กรับ.....นางสาว อารีย์ ทับศรี
ฉิ่ง -- ฉาบ -- กรับ.....นางสาว นงลักษณ์ ทับศรี
ฉิ่ง -- ฉาบ -- กรับ.....นาย ประสาท ทองอร่าม
ซออู้ -- ซอด้วง -- ซอสามสาย.....นาย ธีระ ภู่มณี
ซออู้ -- ซอด้วง -- ซอสามสาย.....นาย เสนีย์ เกษมวัฒนากุล
ซออู้ -- ซอด้วง -- ซอสามสาย.....นาย อารี ศุขสายชล
ซออู้ -- ซอด้วง -- ซอสามสาย.....นาย ประสาร วิทย์เจริญพร
ซออู้ -- ซอด้วง -- ซอสามสาย.....นาย เฉลิม ม่วงแพรศรี
ซออู้ -- ซอด้วง -- ซอสามสาย.....นาย เลอเกียร มหาวินิตฉัยมนตรี
จะเข้.....นาย วิทยา ว่องไว
จะเข้.....นาง สุธาร บัวทั่ง
...........


คิดอยู่ว่า จะแต่ง กลอน กาพย์ กลบท หรือ กลบทผสม สลับฉันท์

จึงยังคง อุ่นเครื่อง ซ้อม ตามอารมณ์ ที่เคลิ้มไปตาม ลีลา ทำนอง เพลง ราครีประดับดาว
ขออณุญาต และ ขอบคุณ สยามสังคีตดนตรีไทย และ ทุกท่านที่เกี่ยวข้องในคลิป ไว้ณ ที่นี้

           ราตรีประดับดาว
            


         

          วารวันพบคบคู่อยู่ช่วงสั้น    ค่ำคืนนั้นรสชาติสวาทไสว
วารวันเพียงเคียงข้างมิห่างไกล    ค่ำคืนไหนกุมกอดยอดชีวี

คิดถึง คะนึง รติสราญ        ทิววาร และราตรี
กอดน้อง ตระกอง สริระนี้     อุระแนบ จะแอบอิง

กลมกลึง เถอะถึง สละสลวย   ประ- สะสวย ประสาหญิง
รักเอย มิเคย จะปะละทิ้่ง          ม_นจด มโนจำ

เคยโลมลูบจูบเจ้าเคล้าชิดเชย         คิดล่วงเลยเต่งเต้าเจ้าคมขำ
เคยโลมไล้ไซร้ซอกเพียรหยอกย้ำ   คิดล่วงล้ำเนื้อในให้ซาบทรวง


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : โซ...เซอะเซอ, พิณจันทร์, ระนาดเอก

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
19 กันยายน 2022, 02:08:PM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #151 เมื่อ: 19 กันยายน 2022, 02:08:PM »

       

         เพลงเขมรละออองค์ เถา เป็นเพลงที่ 2 ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงพระราชนิพนธ์ เพลงนี้มีความไพเราะไม่แพ้เพลงราตรีประดับดาว เพลงเขมรละออองค์ เถา ทรงพระราชนิพนธ์จาก ทำนองเพลงเขมรเอวบาง 2 ชั้น ของเก่า สำเร็จครบเป็นเพลงเถา เมื่อปี พ.ศ.2473

หนังสือสารานุกรมศัพท์ดนตรีไทย ภาคประวัติและบทร้องเพลงเถาฉบับราชบัณฑิตยสถาน ( หน้า 56 - 57 ) กล่าวถึงประวัติและที่มาของทำนองเพลงไว้ดังนี้ :

เพลงเขมรเอวบาง อัตา 2 ชั้น ของเก่า เป็นเพลงที่มาจากเพลงเขมรแท้เพลงหนึ่ง เพลงเขมรเอวบาง 2 ชั้น นี้ พวกลิเกบันตนได้นำมาร้องใช้ก่อน มีบทร้องขึ้นว่า " นกเอี้ยงเต่านา " แล้วมีคำเขมรแทรกเป็นตอนๆ ต่อมาภายหลังจึงมีผู้ปรับปรุงทำนองให้นุ่มนวลขึ้น ใช้ร้องในการแสดงละครและอื่นๆ เพลงที่ปรับปรุงขึ้นใหม่นี้เป็นเพลงหน้าทับปรบไก่ มี 2 ท่อน ท่อนละ 4 จังหวะ

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชนิพนธ์ขยายขึ้นเป็นอัตรา 3 ชั้น แล้วทรงตัดเป็นชั้นเดียวครบเป็นเพลงเถา ต่อจากนั้นจึงทรงพระราชนิพนธ์ทางร้องขึ้นประกอบทุกๆ อัตรา บทร้องนั้นทรงใช้บทซึ่งคัดมาจาก บทละครรำ เรื่อง " พระร่วง " พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ทรงแก้ไขเพื่มเติมบางคำ แล้วทรงตั้งชื่อเพลงขึ้นมาใหม่เลียนชื่อเดิมคือ " เพลงเขมรเอวบาง " มาเป็น " เพลงเขมรละออองค์ "

         
          ขออณุญาตและขอบคุณ ช่องyoutube อ.เสรี หวังในธรรม


ยังคงซ้อม และยังไม่ได้ แบบแผนที่พอใจ
และแบบแผนเดิมมีให้ศีกษาค่อนน้อย ได้แต่เพียงศีกษา แกะ ต้วอย่างคำประพันธ์ จาก กูเกิล
กลบทสร้อยสลับคู่สคราญเคยกล่าวไว้แล้ว ไม่แน่ใจว่าที่ข้าพเจ้าแต่งจะถูกต้อง แต่ก็คงไม่ผิด มั้ง  ถึงอย่างไรก็เพีบงเป็นกลอนแปดสุภาพ
...........



           

           วารวันเก่าเขาคงหลงลืมลา    รักที่หาคล้ายเคลื่อนเลือนลับล่วง
วารวันก่อนย้อนเยือนเหมือนทักทวง    รักที่หวงเชยชัดมิทัดทาน

แรกรัก สมัคร ม_นจะครอง        ปิติปอง ณ แรกกาล
ชื่นรัก ประจักษ์ มธุรหวาน         ทะนุน้อง ประคองนวล

วารเศร้า ฤเรา มิเหมาะอนงค์     กวะคง มิคู่ควร
นารี ฉะนี้ ผิวะมิผวน                   สิจะผัน ไฉนนอ

เมื่อรักเริ่มเติมต่อก่อคิดหาญ     มีคำขานเอื้อนอ้อนก่อนเข้าหอ
เมื่อรักร้างอ้างเอ่ยน้องเคยรอ    มีคำขอเพียงพึงหนึ่งคืนแรม

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ระนาดเอก, พิณจันทร์

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
14 ตุลาคม 2022, 08:58:AM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #152 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2022, 08:58:AM »

     

     พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ที่ทรงพระราชนิพนธ์ เพลงในรัชสมัยรัชกาลที่ 7มีทั้งหมดด้วยกัน 3 เพลง :

1. เพลงราตรีประดับดาว เพลงนี้เป็นเพลง สำเนียงมอญ มาจากมอญดูดาว

2. เพลงเขมรละออองค์ มาจากเพลงเขมรเอวบาง

3. เพลงคลื่นกระทบฝั่ง มาจาก คลื่นกระทบฝั่ง
.....
ส่วน
เพลงบังใบเป็นเพลงในตับวิวาห์พระสมุทรเช่นเดียวกับเพลงคลื่นกระทบฝั่ง และแขกสาหร่าย


โหมโรงเพลงคลื่นกระทบฝั่งแสดงโดย สำนักการสังคีต

เพลงคลื่นกระทบฝั่งเป็นเพลงลำดับที่ ๓ ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ พระราชนิพนธ์

โดยพระราชนิพนธ์ขึ้นจากเพลงคลื่นกระทบฝั่งเดิมที่เป็น ๒ ชั้น ให้เป็น ๓ ชั้น ซึ่งทำนอง ๒ ชั้น จะมีความหมายเหมือนเสียงคลื่นที่กระทบฝั่ง

แต่เมื่อพระราชนิพนธ์ดัดแปลงขึ้นเป็น ๓ ชั้นแล้ว ทรงแทรกลูกล้อลูกขัดเป็นลักษณะคลื่นต่างๆ ท่วงทำนองจึงทำให้เกิดตื่นเต้น เร้าอารมณ์ ชวนให้ผู้ฟังสนุกสนาน เพลงคลื่นกระทบฝั่งนี้ ใช้เป็นเพลงโหมโรงประเภทเสภา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๔ #Siammelodies

         
ขออนุญาต และขอบคุณ ช่อง https://m.youtube.com/c/Siammelodies


เพลงบังใบเป็นเพลงอัตราสองชั้น
เป็นเพลงเก่าไม่ทราบนามผู้แต่ง ประเภทหน้าทับสองไม้
มีสองท่อน ใช้ขับร้องในการแสดงโขนละคร
ภายหลังมีผู้นำมาแต่งขยายขึ้นเป็นอัตราสามชั้น
และตัดลงเป็นชั้นเดียวครบเป็นเพลงเถา มีอยู่หลายทางด้วยกัน
ทางที่นิยมมากคือ ทางปี่พาทย์ของจางวางทั่ว พาทยโกศล

———
สำหรับเพลงที่กำลังฟังในขณะนี้
เป็นการเดี่ยวขิม โดยครูสุวิทย์ บวรวัฒนา แห่งวงวัชรบรรเลง
ควบคุมการบันทึกเสียง :: วราห์ วรเวช
บันทึกเสียงจากเทปอัลบั้มม่านมงคลและเพลงไทยยอดนิยม ตรา Lotus

         
ขออนุญาต และขอบคุณ ช่อง TheOngkhaphayop
บนyoutube
.........

น้ำใสไหลเย็นแลเห็นตัว      ว่ายแหวกกอบัวอยู่ไหวไหว
นิลุบลพ้นน้ำขึ้นรำไร           ตูมตั้งบังใบอรชร....
...กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์...
.........



มีคำขอเพียงพึงหนึ่งคืนแรม
       

         เรียวคิ้วโค้งโก่งกันเป็นคันศร     เรียวปากย้อนยักขยับกระจับแจ่ม
เรียวคิ้วคัดปัดปลายคล้ายจันทร์แคม  เรียวปากแย้มรับรูปน่าจูบจัง

ตากลม ก็คม ขณะชม้อย    กวะอ่อย ซะเหลียวหลัง
ดอกใบ ไสว เหอะก็มิบัง     กวะพุ่ม ปทุมนาง

เชยชู้ พธู รติสนอง    เกาะตระกอง มิเหินห่าง
เชยชิด สนิท ภวสอางค์    จะมิขาด สวาทวอน

บันทึกจดพจน์พาทสวาทหวาน   รสจูบซ่านทรวงซึ้งหนึ่งสมร
บันทึกจำย้ำยักรักยอกย้อน         รสจูบซ่อนฤๆเร้นเช่นใบบัง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พิณจันทร์, โซ...เซอะเซอ, ระนาดเอก

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
30 พฤศจิกายน 2022, 12:10:PM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #153 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2022, 12:10:PM »

         
 

  เคยคิดเสมอว่า ท่ารำปัจจุบัน คงงดงามไม่เท่า สมัยโบราณ ซี่งเราจะไม่มีวันได้เห็น
วันนี้ได้เห็นของเก่า แม้ไม่ทราบว่าเหมือนโบราณ ดั้งเดิมหรือไม่
    แต่ งาม จริง ระดับ ได้เห็นคือ เป็นบุญตา
กรุณา เปิดบน แอป tiktok   ไดัชมถือว่าคุ้ม
ขอบคุณเจ้าของคลิป
https://vt.tiktok.com/ZSRK1RBYV/


เพลงสำเนียงลาว ผมคิดว่าเป็นเพลงระดับพื้นบ้าน แต่
 พูดไม่ได้ ว่าไม่เพราะ และก็ชอบ ฟังจนจบทุกที
         

ขออภัยแต่งกลอนออกมาเป็นบทรักอีก ชักมาก โดยไม่ได้ตั้งใจแต่เริ่ม
แต่เป็นการณ์ กลอนพาไป เหตุุเพราะตั้งใจเล่นคำ และ ที่ยังคงไว้ เพราะการเล่นคำ อาจว่าได้ว่าเป็นฉันทลักษณ์หนึ่ง ถ้าเห็นว่าไม่ผิดหลักฉันทลักษณ์ใหญ่ ก็น่าทำได้ จึงคงไว้เพื่อแสดง

หลังจากซักซ้อมมาจำนวนหนึ่ง จึงถึงขั้นทดสอบ วันนี้ทดสอบเล่นคำ การเล่นคำ มัก ไพเราะคำ แต่อาจ ไม่เสนาะความ คือความขาดขัดไม่สมบูรณ์
 ผมฝีมือด้อย จึงคุมเนื้อหาไม่ได้ดังใจ มุ่งแต่จะให้ได้คำสละสลวย  แล้วการเล่นคำ มักออกทางเน้นย้ำ อารมณ์ โกรธ เกลียด รัก ใคร่
     ต่อไปแก้ไขครับ พยายามไม่ให้เกิดขึ้นอีก
      ……..…


บันทึกจำย้ำยักรักยอกย้อย    รสจูบซ่อนฤๆเร้นเช่นใบบัง
        ……….


 

         
 
ใจรอนร่ำ คร่ำครวญ ชวนคิดวุ่น
รอวันลุ้น แรกรัก ชักคาดหวัง
ใจรอนรน กลเก้อ เธอจงชัง
รอวันหลัง ชอกช้ำ ทำจินต์ชา

เคล้าคลอ พนอ จะคละจะคลีง   เพราะคนึง เสน่หา
จวบใจ จะใฝ่ มนะจะคว้า      หะเหมาะคู่ กะอยู่ครอง

พร้อมภักดิ์ เพราะรัก ก็กวใจ             สละให้ มิขืนข้อง
รูปเสียง เพราะเพรียง เสนาะสนอง   เฉพาะหวัง จะยั่งยืน

รูปกลมกลีง ตรึงตรา พาใจจำ
ขอหนึ่งคำ มั่นหมาย คลายข้องขืน
รูปกลมเกลา เคล้าคลอ พอฉ่ำชื้น
ขอหนึ่งคืน รำลึก ดึกชนเช้า
 

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ระนาดเอก, โซ...เซอะเซอ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
08 มกราคม 2023, 02:00:PM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #154 เมื่อ: 08 มกราคม 2023, 02:00:PM »

             


   กลบท
             ขั้นทดลอง ขออภัย กึ่งสัมผัสเพี้ยน สองแห่ง เพราะต้องการ คง "ความสำคัญ" ของ "คำสำคัญ" ต่อไปจะไม่ให้ผิดอีก

       กลบทผสม
สร้อยสลับคู่สคราญ ผสมแปดสัมผัส ผสมอักษรคู่สัมผัสชิดและสัมผัสข้าม (ชื่อยาวปุยมุ้ย) คือ
คำ"ทุกคำ"รวมคำสร้อย ส่งสัมผัสทุกคำครบแปดคำแปดตำแหน่ง ตามหลักสัมผัสกลอน"สุนทรภู่"  ไม่มีคำใดเป็นอิสระ  อักษรคู่หากสัมผัสชิดเรียงกันสองคู่ จะเป็นลีลากลอนราบเรียบน่าเบื่อ จึงกำหนดให้อักสรคู่ คู่แรกเป็นสัมผัสชิด คู่หลังเป็นสัมผัมข้าม เพื่อเกิดลีลาสบัดปลาย เพิ่มอารมณ์เข้มข้น

วสันต์ดิลกฉันท์ ด้วยฉันทลักษณ์ บังคับ ครุ ลหุ ผมตีความว่าเป็น กลบท ในตัวอยู่แล้ว จึงเพิ่มสัมผ้สในเป็นสัมผัสสระแบบข้าม ให้ครบตามหลักสัมผ้ส"สุนทรภู่"  ครับผม


       

กลับมาแล้วแจ้วจ้าเทียวมาทัก
คนที่รักเยี่ยมยามขานตามขอ
กลัยมาเล่าเกลากลอนเพ้ออ้อนพ้อ
คนที่รอคลั่งไคล้ลืมไม่ลง

ฤๆผู้ จะคู่ เฉพาะสคราญ   ยุวมาลย์ พญาหงส์
หากเปรียบ จะเทียบ สุริยองค์   ผิว์เหาะเหิน ก็เกินเรา

จากกัน สะบั้น มธุรวาท   มนะขลาด มโนเขลา
รักปลื้ม มิลืม หะฤดิเศร้า   ตะละวัน กระนั้นนาน

ใจมิอดหยดหยาดสวาทสินธ์ุุ
ฟ้าประทินรสรักว่าจักหวาน
ใจมิอาจคลาดคละคู่สคราญ
ฟ้าประทานรักรินพรอินทร์พรหม

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ระนาดเอก, โซ...เซอะเซอ

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
26 มกราคม 2023, 10:47:AM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #155 เมื่อ: 26 มกราคม 2023, 10:47:AM »

         


              กลบท
      ซ้อมแล้ว ทดสอบแล้ว ลองละนะ
    (ชื่อยาวมาก)    กลบทกลอน เจ้าเซ็นเต้นต้ำบุด ปรับ แต่งเป็น โคลงสึ่สุภาพ ฉันทลักษณ์แบบโคลงกลบทสุนทรภู่เพิ่มสัมผัสใน3จุด สัมผัสข้ามวรรคแบบ สพพพ จบบท ด้วย สร้อยคู่สคราญ ประกอบ วสันตดิลกฉันทฺ์14 แบบเพิ่มสัมผัสในตามหลัก "สัมผัส สุุนทรภู่"




ฝั่งโชง   

ฟ้าประทานรักรินพรอินทร์พรหม
……….


รมย์คาวราวคู่ร้อย     คอยเรียง
เคยร่ำคำเราเคียง     ค่อนรู้
ขาดราค่าราวเขียง    คอยแร่   ควรฤๆ
คงรื่นคืนรีบคู้            เร่งค้อมควรรา

สองฝั่ง ก็ยัง เสนาะสนอง   
ปิติปรอง เสน่หา
กอปรกรรม และธรรมจริยา   
ทะนุรอม ถนอมกัน

กอปรบุญ และสุนทรจริต
ก็จะคิด จะสานฝัน
ข้ามฝั่ง เพราะหวัง ปะจะเหมาะกัน
เฉพาะคู่ กะอยู่ครอง

นองเคืองเนืองแค่น้ำ   คำหนอ
คนหนุ่่มคุมนัยขอ        คู่น้อง
ขมหนุนขุ่นในคอ         เคยนั่น คอยนา
คำหน่ายคายนึกข้อง    ค่อนน้อยคอยนอ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ระนาดเอก

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
06 กุมภาพันธ์ 2023, 10:29:PM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #156 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2023, 10:29:PM »

     

   

         กลบทผสม
ทำไมต้องแต่งกลบทผสม
เพราะ เครื่องดื่มชั้นเลอเลิศยังต้องมี บาร์เทนเดอร์ เป็นผู้ผสม สร้างเครื่องดื่มแปลกใหม่ขึ้น จนมากมาย
     โคลง กลอน ก็น่าจะเป็นได้เช่นกัน…….ว่าซ้าน

วันนี้ลองผสมกลบทขึ้น กำลังพัฒนา ยังไม่ลงตัวจึงยังไม่มีชื่อ ไม่มีคำอธิบาย คิดว่า โพสหน้าคงอธิบายได้

เรื่องชื่อผมก็ไม่เก่ง คงตั้งไม่ได้แบบที่กวีท่านต้้ง

เช่นกลอนกลบทชื่อ ม้าลำพอง ถูกใจมาก
เห็นชื่อก็รีบคลิกอ่านทันที อ่านแล้วต้องบอกใช่เลย ถูกต้อง ม้าลำพองจริงๆ
 ตรงไหน


      สำหรับ "กลบทม้าลำพอง" นี้ จัดเป็นกลอักษร ซึ่งกลอักษรมักมีการซ่อนคำอยู่  ต้องมีการถอดความก่อน กลอักษรจึงจะอ่านได้ความที่สมบูรณ์
     กลบทม้าลำพอง ซึ่งเป็นกลอักษรของ กลบทศิริวิบุลกิตติ์ เมื่อถอดความออกมาแล้ว จะมีรูปแบบเหมือนกับ กลบทฉัตรสามชั้น ทุกประการ คือ นำสามคำต้นวรรคมาอ่านถอยหลังเป็นสามคำท้ายวรรค เพียงแต่กลบทฉัตรสามชั้น เป็นกลบทที่บังคับรูปแบบแต่ไม่ซ่อนคำ แต่กลบทม้าลำพองเวลาเล่น จะต้องมีการซ่อนอักษรไว้ให้ถอดปริศนาด้วย เมื่อถอดมาแล้ว จึงเหมือนฉัตรสามชั้นนั้นเอง
  ส่วน ในกลบทของประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ ปรากฏรูปแบบกลบทม้าลำพอง ไว้ดังนี้
                                                             
            กลบทม้าลำพอง  แบบยังไม่ถอดความ
            (กรมหมื่นอมเรนทรบดินทร์(พระองค์เจ้าคเนจร) : ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)

แนะนัดเนื่องเรื่องรักษ         
ร่ายเร่แระแวะเวียน
อายอับสิ้นดิ้นดีด           
นึกหน้าขายหน้าหนอ

(ส่วนที่สแดงเพียง5คำ ซ่อนไว้3คำ ผู้อ่านหาคำที่ซ่อนไว้มาเติมต่อเอง…จขกท.)
                                         

(เช่น กลบทม้าลำพองทีถอดคำแล้ว)
                                                                                    แนะนัดเนื่องเรื่องรักษเรื่องเนื่องนัดแนะ     
ร่ายเร่แระแวะเวียนแวะแระเร่ร่าย                                         
อายอับสิ้นดิ้นดีดดิ้นสิ้นอับอาย         
นึกหน้าขายหน้าหนอหน้าขายหน้านึก

ขอบคุณ….เครดิต ตุณ black swad แห่งเว็บ "บ้านกลอนน้อย"




ม่านมงคล ขออภัยลงซ้ำ เพราะมีหลายเวอร์ชั่น   ชอบหมดเลย


       
 
ลอง โคลฃ4สุภาพ  ที่ทั้ง 5คำในวรรคหน้าทุกวรค เป็น กลอนกลบท ม้าลำพอง
……..

คำหน่ายคายนึกข้อง    ค่อนน้อยคอยนอ



ขอจำคำแจ่มแจ้ง      แรงรัก
เพียงส่อพอสมศักดิ์   สื่อซ้อง   
เคียงคราค่าคึกคัก   คราวคร่ำ ครวญเฮย 
สานเยี่ยงเสียงคลอคล้อง   ครู่ครั้งครวญหา 

คำรัก ตระหนัก วรดิถี   นะสตรี บุรุษกล้า
เข้าสู่ ประตู สิริวิวาห์     คติหน ก็ดลไป

รักเอย มิเคย จะนิรทุกข์    หะจะสุข ก็มีไห้
รักแรง มิแจ้ง กลไฉน        นะระกำ ก็คร่ำครวญ

นวลสะอางนางเอื้อนเอ่ย   เชยขม
คิดส่วนควรสวยสม   สิ่งสร้อย
มิตรรักม่านสราญรมย์   เริงร่า ตาแล
เพียงแต่พิศตามต้อย   ตื่นเต้นตาลอย

 ม่าน  = ชาวพม่า
ย่าม่าน = หญิงชราชาวพม่า

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ระนาดเอก

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
12 กุมภาพันธ์ 2023, 08:42:AM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #157 เมื่อ: 12 กุมภาพันธ์ 2023, 08:42:AM »

       

            กลบทประสม
         คำอธิบาย และการตั้งชื่อ
        หลังจากทดลองยังไม่ลงตัว จนคิดว่าพอจะพัฒนาได้ คาดว่าลองอีก สัก สองโพส
    วันนึ้จึงแต่ง บทเริ่มเพียงบทเดียว เป็นโมเดล เพื่อทำความตกลงกันเรื่อง อัตลักษณ์ และ ความ เป็น แบบผัง ที่รับได้
     หากแต่งมากไป จะกลายเป็นชวนให้มองไปทีสำนวน สำเนียง อารมณ์กลอน ก็จะไม่เห็นว่า เป็นกลบทอย่างที่ผมว่า            ตรงไหน

            ด้วยฝีมือตัวเองแท้ๆ ที่รับเต็มปาก "ไม่เข้าขั้น" จึงสามารถพูดได้ว่า
ยากแบบมากกว่ายากแท้ๆ คือ ยากแท้มากๆ      ตรงนี้
1 ชื่อ กลบทผสม "กลบทกลอนแปดม้าลำพองแปดสัมผัส ซ่อนในโคลงสีแบบสุนทรภู่ผสม(อาจเรียกว่า งูกระหวัดหางสัมผัส สพพพ ผสม กลอนเจ็ดถอยหลังเจ็ดสัมผัส แต่งประดับ สร้อยคู่มคราญ    ตรงไหน….ไม่นะ จะต้องตรงไหนให้ได้ สินะ
            บอกแล้ว ยาวนะ   ตรงนิ
2 คำอธิบาย  ม้าลำพองแต่งเป็นแปดสัมผัส เพราะ การซ้ำคำแบบถอยหลัง ทำให้คำเหลือน้อย ความอาจไม่สมบูรณฺ์ วางสัมผัสยาก อาจมีเกิน เคลี่อน ชิง ซ้ำ เห็นได้ว่า กวีท่านผู้ประพันธ์ต้นแบบได้เพิ่มมัมผัสพยัญชนะ เพื่อให้กลอนไหลลื่น
ซี่งก็ยังไม่พอ หากต้องการแต่งผสมกับโตลงสึ่"สุนทรภู่"แบบที่เป็นกลบท สพพพ และยิ่งผสมกลอนเจ็ดถอยหลัง จึงต้องเป็นแปดและเจ็ดสัมผัสไปด้วย เท่านั้น ก็ไม่พอ ยังต้องประดับแต่งด้วย สร้อยคู่สคราญ เหมือนเครื่องดิ่มที่จัดจ้าน รุนแรง บาร์เทนเดอร์ก็สอดดอกไม้ ผลไม้ประดับ


ตัวอย่าง กลอนเจ็ดสัมผัสถอยหลังเข้าโคลง

        "พลอยดาวพราวดื่นด้วย   รวยรมย์"
ถอดคำเป็น
          รมย์รวย ค้วยดี่น พราว  ดาวพลอย
(พลอย=ร่วมด้วย)

ตัวอย่างถอดคำ ม้าลำพอง
"พลอยดาวพราวดิ่นด้วย"
เป็น
พลอยดาวพราวดื่นด้วย พราวดาวพลอย





       

จัดทำ/รวบรวม    ดร.สมาน น้อยนิตย์
บรรเลง/ขับรอง   คณาจารย์วิทยาลัยนาฏศิลป์  กรมศิลปากร



         
เพียงแต่พิศตามต้อย   ตื่นเต้นตาลอย
………….


พลอยดาวพราวดื่นด้วย   รวยรมย์     (รวย=รื่น)
เขาปล่อยคอยชวดชม     ชั่วเช้า
เงาเดือนเงื่อนปนปม      ปลอมเปลี่ย่ว เจียวนา
ใครเล่าเขลาแสนเศร้า   เสี่ยงเสี้ยวเจียวหนอ

 



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : toshare

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
20 กุมภาพันธ์ 2023, 02:47:PM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #158 เมื่อ: 20 กุมภาพันธ์ 2023, 02:47:PM »

     

   



   กลบท ผสม แต่งต่อให้เต็มสำนวน
      กลบทผสม9กลบท

1,กลบทกลอนแปดม้าลำพอง 2.แปดสัมผัส 3.กลอนเจ็ดถอยหลัง 4.เจ็ดสัมผัส 5.ซ่อนในโคลงสี่สุภาพของสุนทรภุ่เพิ่มสัมผัสในสามจุด พร้อม 6.งูกระหวัดหาง แบบ สพพพ 7.สร้อยคู่โคลงสคราญ 8.วสันตดิลกฉันท์แบบเพิ่มสัมผัสใน สองจุด 9.สร้อยคู่สลับฉันท์
   ขออภัยยังไม่ต่อยเนียน หากได้แต่งซ้ำอีกที เห็นทางว่าจะสมบูรณ์ดี แต่ยังเครียดเพราะความยาก โอกาสหน้าจะกลับมาแต่งให้เนี้ยบ

             รำ ฝรั่งคู่

             
     




พลอยดาวพราวดื่นด้วย   รวยรมย์     (รวย=รื่น)
เขาปล่อยคอยชวดชม     ชั่วเช้า
เงาเดือนเงื่อนปนปม      ปลอมเปลี่ย่ว เจียวนา
ใครเล่าเขลาแสนเศร้า   เสี่ยงเสี้ยวเจียวหนอ

ดาวเดือน เสมือน คตินิยม     อภิรมย์ คละเคล้าคลอ
เดือนดาว สกาว ณ คหหอ     ศศิฟ้า สุธาธาร

ดาวเดือน ก็เคลื่อน ปกติที่     รชนี ทิวาวร
เดือนดาว ก็คราว คมนผ่าน     น่ะแหละสาว มิกล่าวลา

มาเยือนเหมือนอยู่เหย้า   เนานาน
ผองฝ่าพาวันวาร     ว่าเว้า
ตรองตรำสม่ำเสมอสมาน      เสมือนมั่น (ฝันเฮย)
คราวเคลื่อนเดือนครองเคล้า     คล่องครั้น(ฝันหา)

……….





ถอดคำ ม้ำลำพอง

มาเยือนเหมือนอยู่เหย้า เหมือนเยือนมา
ผองฝ่าพาวันวาร พาฝ่าผอง     
ตรองตรำสม่ำเสมอสมาน สม่ำตรำตรอง
คราวเคลื่อนเดือนครองเคล้า  เดือนเคลื่อนคราว   


ถอดคำ กลอนถอยหลังเจ็ดสัมผัส

มาเยือนเหมือนอยู่เหย้า   เนานาน
ผองฝ่าพาวันวาร     ว่าเว้า
ตรองตรำสม่ำเสมอสมาน      เสมือนมั่น (ฝันเฮย)
คราวเคลื่อนเดือนครองเคล้า     คล่องครั้น(ฝันหา)
…….
นานเนา เหย้าอยู่เหมือน เยือนมา
เว้าว่า วารวันพา ฝ่าผอง   
มั่นเสมือน สมานเสมอสม่ำ ตรำตรอง
ครั้นคล่อง เคล้าครองเดือน เคลื่อนคราว


รวยรมย์     (รวย=รื่น)
.









บันทึกการเข้า
01 มีนาคม 2023, 08:18:PM
@free
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 581



« ตอบ #159 เมื่อ: 01 มีนาคม 2023, 08:18:PM »

           

     





        ออเจ้า ชาวกรุงศรี   
         

เยิร” ไม่มีคำแปลในพจนานุกรม  แต่สามารถสื่อความหมายได้ว่า “เยินยอ” หรือชื่นชมนั่นเอง
เยิรเงาสลัว เป็นหนังสือของจุนอิชิโร ทานิซากิ (Jun’ichiro Tanizaki) นักเขียนชาวญี่ปุ่น ถูกแปลเป็นภาษาไทยโดย คุณสุวรรณา วงศ์ไวศยวรรณ
…..จาก" creative talk"


ตัวอย่างถอดคำ กลอนแปดสัมผัส กลบทม้าลำพอง

ลาเหมือนเลือนนั่นน้อง…(เลือนเหมือนลา)
ขานอย่าคาขืนเขิน…(คาอย่าขาน)   
นานเก่าเนายอเยิร…(เนาเก่านาน)       
พรรคเปลี่ยนเพียรพาลพ้อง…(เพียรเปลี่ยนพรรค)

ตัวอย่างถอดคำกลอนเจ็ดสัมผัส ถอยหลัง

ลาเหมือนเลือนนั่นน้อง   มองเมิน
ขานอย่าคาขืนเขิน        ค่าข้อง
นานเก่าเนายอเยิร         ยงอยู่
พรรคเปลี่ยนเพียรพาลพ้อง    เพื่อนผู้

เป็น
เมินมองน้องนั่นเลือนเหมือนลา
ข้องค่าเขินขืนคาอย่าขาน
อยู่ยงเยิรยอเนาเก่านาน
ผู้เพื่อนพ้องพาลเพียรเปลี่ยนพรรค



   

             กลบทผสม   
        5กลบท  9ฉันทลักษณ์
       
          คราวเคลื่อนเดือนครองเคล้า     คล่องครั้นฝันหา
          …………….

ลาเหมือนเลือนนั่นน้อง     มองเมิน
ขานอย่าคาขืนเขิน        ค่าข้อง
นานเก่าเนายอเยิร         ยงอยู่ (ดูรา)
พรรคเปลี่ยนเพียรพาลพ้อง      เพื่อนผู้(ดูหรือ)


อกหัก เพราะรัก ปกติทุกข์     เคราะห์คละสุข เซอะปนซื่อ
หักอก วิตก ประก็ปละมือ       ซะหละหนอ นะออเจ๊า

อกหัก เพาะรัก ทนุประคอง     เฉพาะสอง ก็คือเรา
หักอก มิตก ระอุคุเผา             เพาะผลิแทง แขนงเดิม

เสริมเติมเสมอมั่นแม้น     แสนเสมือน 
หลงอย่าลายังเรือน         เริ่มรู้
ตรงเตรียมเยี่ยมยลเยือน     ยอมย่อ (ออ(เจ้า)เอย)
เลือนอย่าลาพงศ์ผู้     เพื่อนพ้อ(ออ(เจ้า)เอง)







บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 6 7 [8] 9
  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:   Policy
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!