O เมื่อลมเช้าโชยแผ่ว .. O
O ดูเถิด..รูปเรียวร่างคิ้วคางแก้ม-
ซับเลือดแต้ม, เนตรชม้อยก็คอยเหลียว-
เวียนสบเลศนัยชาย..ที่คลายเกลียว-
เข้ารัดเหนี่ยวโอบขวัญ..ลอบพันธนา
O ลมเช้าโชยแผ่วมา..ล้อมอารมณ์
เมื่อเนตรคมเหลือบชม้อย..เหมือนคอยท่า
สบ..ขัดเขิน..ยิ่งแล้ว..ในแววตา
รมยา..ก็วาบ-วกในอกชาย
O นัยน์ตาซึ้งโศกหวาน..นั้นซ่านแวว-
ความผ่องแผ้วอ่อนโยนออกโชนฉาย
มีรูปคราญบริสุทธิ์เป็นจุดปลาย-
การทอดสายตาล้อม..ไม่ยอมเบือน
O เอนไหวเรียวกิ่งก้าน..ดอกมาลย์สี-
ลมวาดวีโลมเลียบก็เปรียบเหมือน-
เลศในแววตาวาม..นั้นตามเตือน-
จนสุดเคลื่อนคล้อยผ่าน..หอมหวานนั้น
O เมื่อมีรูป..มีใจ..หวั่นไหวรูป
เช่นลมวูบวาบผ่าน..ช่อมาลย์..สั่น
งามเจ้าเอยโลมไล้..ดั่งไฟควัน-
แต่จะรุมล้อมขวัญ..ตราบวันวาย
O งามปีกผีเสื้อบิน..กลางถิ่นทุ่ง
ขณะรุ้งทินกรเริ่มชอนฉาย
ลม-ร่ำกลิ่นหอมนักมาทักทาย
ความเอียงอายก็อบร่ำในคำนึง
O งามปีกผีเสื้อลายบินว่าย-วน
เมื่อใจคนต้องพิษ..ความคิดถึง
แววแห่งความวุ่นว้า..คล้ายตราตรึง-
บนใจซึ้งทราบชู้..เช้าตรู่นั้น
O โอภาสแดดอบอุ่น..ล้อมฝุ่นดิน
ใจผู้ดิ้นรนอยู่..ฤๅ-รู้หวั่น-
กับการไขว่คว้าครอง..ที่พ้องกัน-
แต่เมื่อแววตานั้น..คล้าย..สั่นสะทก
O งดงามความนัยชู้..ในตรู่สาง-
ก็พรายพร่างโลมไล้อยู่ในอก
หวานเอย..สุดขับข่ม..เมื่อลมวก-
พาหวานปกคลุมครองทุกห้องใจ
O ปีกผีเสื้อโบยบิน..ล้อมกลิ่นหวาน
เมื่อแรกกาลเบิกบทความสดใส
เรณูเสียดช่อช้อย, รูปรอยใคร-
ก็เสียดรูปขับไข..ค้างนัยน์ตา
O ลืมได้ฤๅ-แววชม้อยชม้ายสู่
แฝงเลศนัยซ่อนอยู่..ให้รู้ว่า-
ความรู้สึกอ่อนหวาน..ส่งผ่านมา-
ให้ตอบรับคุณค่า..และท่าที
O คืนอบอุ่นอ่อนหวาน..ที่หวานกว่า-
หวานถ้วนทั้งบรรดา..รูปราศี
พร้องลำดับภพชาติ..ขึ้นวาดวี-
เยื่อใยดีสั่นพลิ้ว..กลางริ้วลม
O เหมือนรูปรอยคุณค่า..ค่อยตราตรึง-
ความซาบซึ้งแรงชู้..ลงสู่สม
พาอกใจละห้อยหาเฝ้าปรารมภ์-
แววเนตรคมเหลือบชม้อย..เฝ้าคอยรอ
O ริ้วลมร่ำโชยแล้วเพียงแผ่วค่อย
เมื่อจริตอ่อนน้อยเหมือนคอยล่อ-
ให้สายตาใฝ่เฝ้าพะเน้าพะนอ
ยั่ว..หยอกล้อเสน่หา..แต่ครานั้น
O พร้อม – แดดใส..ฟ้าคราม..แห่งยามสาย
คือ – เอียงอาย..วุ่นว้า..แววตาหวั่น
ชม้อยชม้ายเหลือบสบ..แล้วหลบพลัน-
ก่อนทรวงนั่นสั่นสะท้อน..เกินผ่อนเพลา
O พร้อม - แดดใสฟ้าครามแห่งยามสาย
คือ – ความหมายทอดทับความอับเฉา
รื่นเย็นสายลมลูบ..เมื่อรูปเงา-
แห่งยามเช้าทอดร่างลงกลางทรวง
O และแล้วก็มองเห็นความเป็นไป-
ของอกที่โหยไห้..อาลัย-หวง
แววอาวรณ์โลมไล้อยู่ในดวง-
ตาที่ห่วงใยอยู่แต่ผู้เดียว
O สายหยุดเจ้าหยุดกลิ่นแต่สิ้นสาย
เมื่อตาชายคอยแต่ชะแง้ - เหลียว
บนฟ้า..นกร่อนคว้าง.. เมื่อร่างเรียว-
เจ้ากอดเกี่ยวสายตา..ล้ออารมณ์
O โบกบินปีกนกกางร่อนกลางหาว
เมื่อเนตรวาววามชู้..เกินรู้ข่ม
โลมลูบแดดอุ่นอาย..ด้วยสายลม
กลิ่นชื่นฉมกุสุมาลย์..ก็หว่านล้อม
O อบอุ่นแดดยามสายโชนฉายสู่
เมื่อลมชู้พลิ้วผ่านทุกย่านหย่อม
โดยแววตาผ่านนัย..โดยใจยอม-
ร่วมหล่อหลอมนัยชู้..ร่วมดูแล
O ดูเถิด..รูปเรียวร่าง..คิ้วคาง..แกม-
ริ้วเลือดแต้มสองปราง..ดุจร่างแห-
เหวียงลงครอบคลุมใจ..เกินไหว-แปร-
เปลี่ยน-แกะแก้, ผูกพันจนมั่นคง
O ที่สถานศึกษา .. แววตาชาย-
สบ-แพ้พ่าย, เร้ารุม .. ด้วยลุ่มหลง
พร้อมกับความอ่อนหวาน .. แผ่ซ่านลง-
ซาบทรวงให้จำนง .. รูปองค์นั้น
O ราว-พิมพ์รูป .. พิมพ์ลักษณ์ .. พิมพ์พักตร์ผู้-
รอรูปธรรมย่างสู่ .. เช้าตรู่นั่น
อิริยา .. จับทำยิ่งสำคัญ-
เยี่ยงรูปในเบื้องบรรพ์ .. ในสัญญา !
O ภาพ-แพรขาวบางนุ่ม .. ห่มคลุมไหล่
กลีบดอกไม้แซมผม .. งามสมหน้า
กับ-เสื้อขาว .. กระโปรงดำ .. เห็นตำตา-
ก็เหมือนว่า .. ทับทาบเป็นภาพเดียว !
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2017&date=04&group=11&gblog=679