O เส้นทาง .. ที่วางทอด O
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
25 พฤศจิกายน 2024, 12:52:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: O เส้นทาง .. ที่วางทอด O  (อ่าน 3829 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
06 พฤษภาคม 2019, 02:41:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2019, 02:41:PM »
ชุมชนชุมชน






๑๔
O เท้าย่ำกระหน่ำอุทกะผืน
ขณะคลื่นสงัดรอย
ซ่าเสียงก็เพียงชละจะพลอย
บทะคอยละห้อยครวญ
O หมายงาม .. จะข้ามทกะมหรร-
ณพะคั่นประจบจวน
หมายใครจะไหวบทะชนวน
ภวะสรวละแทรกซ้อน
O พบงาม ณ ยามอรุณะสาง
ขณะย่าง ณ ทางจร
พบเจอก็เผลออุระสะท้อน
เพราะนิวรณะว่าย-วน
O เหยียบย่างระหว่างสุริยะแสง
ประลุแต่งประโลม"ตน"
คดเคี้ยวเลาะเลี้ยวสรรพะระคน
อนุสนธิปรนเปรอ
O พรรณาประดากุสุมะชา-
ติพิลาสะเลิศเลอ
กรองกลิ่นประทิ่นรสะเสนอ
ก็ละเมอสุมาลย์มอม
O ช้อยช่อ .. พะนอพิศะขบวร
วตะอวล ฤ อดออม
โลมลูบและจูบทะนุถนอม
ขณะหอมระบัดหวน
O เกรียวกรูเพราะรู้รสะประทิ่น
ภุมรินะบินทวน
แห่ห้อมพะยอมพละกระสรวล
ก็กระอวละอิ่มเอม
O ก้าวย่างระหว่างมรรคะคระลอง
ตละปองก็ปรีดิ์เปรม
เฉกภู่เพราะรู้บทะเขษม
รสะเขมะรุมรม
O โลมพลอดตลอดรัถยะหมาย
จะละลายระหว่างลม
คือใจเพราะไร้คตินิยม
ทิฐิข่มและคอยขืน
O หลังลมระดมพละกระโชก
พรรณะโยกและหยัดยืน
อ่อนเอนกระเวนบทะ บ่ ฝืน
ก็จะคืนจะยังคง
O พร่าพรางธุมางค์ขณะตรลบ
ฤ จะสบกะรูปทรง
พร่านัยกระไรจะพิศวง
และประสงคะสืบสาว
O แจ้ง, หม่นระคนบทะประดัง
ตละครั้งและต่างคราว
งดงาม ฤ ทราม ฤ จะอะคร้าว
ระยะก้าวก็บงการ
O ก้าวไปและใจก็ทรนง
อุปสงคะดวงมาน
กรกุมผชุมจิตะผสาน
อุปทานก็ถ่ายถึง
O ร้อน, ร่มและลมพละกระหน่ำ
ยุตินำลุคำนึง
แทนร้อนก็ซ้อนนยะระรึง
บทะซึ้งก็บรรสาร
O ผ่านผายผกายนัยนะหลอม
อุระอ้อมก็พร้อมการณ์
อ้อมกอดจะพลอดกะทรมาน
ผิวะผลาญก็ยินดี



แปล .. เป็นกลอนให้ด้วย .. เอาไงอีก .. เนอะ



O เจ้าเอยยกก้าวย่างอยู่กลางน้ำ
แลเบื้องต่ำราวกระจกที่วกไหว
ซ่าเสียงเพียงซบเร้ารอยเท้าใคร
กระซิกไห้แว่วอยู่ไม่รู้วัน
O หมายรูปงามรูปฝันข้ามอรรณพ
มาบรรจบห้วงใจที่ไหวหวั่น
หมายแววตาวาบวับขึ้นฉับพลัน
เมื่อรูปหนึ่งใครนั้นเข้าพันธนา ..

.. O พบงามก็เมื่อยามอรุณรุ่ง
เริ่มใจมุ่งหมายมั่น..พร้อมฟันฝ่า
ร่วมเส้นทางสัญจรเร่ร่อนมา
แต่งคุณค่าหลากหลายขึ้นว่าย-วน ..

O ระยะช่วงทิศทางก้าวย่างเหยียบ
ร้อน, เย็นเยียบ .. โลมสลับพาสับสน
ละครั้งผ่านสะท้านทั่วทั้งตัวตน
ละครั้งหนสั่งสมสุดข่มคลาย
O เบ่งบานแห่งบรรดาบุปผาชาติ
เผยพิลาสสีสัน .. ท่ามวันฉาย
หอมกุสุมรุมร่ำลมรำบาย
ก็กำจายรอบภิรมย์ให้สมยอม
O ดูเถิด .. ช่างช้อยช่อพะนอพิศ
รูปวิจิตร, กรอมถิ่นด้วยกลิ่นหอม
สุดจะหักใจข่ม .. ไม่ดมดอม
จะหักห้อมหอมนั้นได้ฉันใด
O ประหนึ่งภู่ภุมรินที่บินว่อน
เมื่อลมย้อนหอมนั้น .. ย่อมหวั่นไหว
ถวิลหวานเกสราบุปผาไพร
จะแห่ห้อมตอมไต่ .. ทุกตัวตน
O สืบทอดเท้าก้าวย่างในทางเปลี่ยว
โค้ง, คดเคี้ยว, เรื่อรอง, มืดหมองหม่น
จึงเผยตามสำทับ .. ให้อับจน
และคอยปรนเปรอให้ .. หวั่นไหวตาม
O มีเงาทอดยืดยาวทุกคราวย่าง
มีรอยอ้างว้างเงียบให้เหยียบ-ข้าม
มีวังเวงวิเวกบท .. มีงดงาม
มีหยาบหยามขมขื่นให้ตื่นรับ
O หลังลมล่องแรงไหล-โลมไพรพฤกษ์
กิ่งลั่นคึกอ่อนเอนกระเวนกระหยับ
ดอกใบพลิกหงายคว่ำร่วงสำทับ
ต้นรากกลับฝ่าฝืนขึ้นยืนคอย
O พรางฝุ่นหนุนละอองขึ้นครองถิ่น
บดบังสิ้นแสงเงาจม .. เศร้าสร้อย
พรางนัยสุดชี้ช่องบอกร่องรอย
ย่อมปรุงปล่อยตามฤทธิ์อันจิตมี
O แจ้งหม่นเปลี่ยนปรุง .. อำรุงรอบ
ค่อยค่อยครอบลงกัก .. ส่วนศักดิ์ศรี
ขีดเส้นโลกถ้วนทั่ว .. แยกชั่วดี
ตัดสินชี้ถูกผิดทุกทิศทาง
O ก้าวไปด้วยหัวใจที่ทรนง
เคียงโฉมยงร่วมยาก .. ฝ่าขวากขวาง
ใจแนบใจ .. มือกุม, มือนุ่ม-นาง
มีศรัทธาร่วมสร้างพราวพร่างนัยน์
O กี่ร้อนจึงยากร้อนกว่าก่อนนี้
ร่มจะมีกี่ร่ม .. เป็นร่มให้-
ลมจะโหมแรงผ่าน .. ให้ผ่านไป
เพียง .. หัวใจรูปรองที่ต้องการ
O มือกุมเกี่ยวสบนัยน์ .. หัวใจหลอม
เนื้ออุ่นหอม .. รุมเร้า .. ทรวงเผาผลาญ
พรั่งพร้อมอยู่แอบออ .. ด้วยทรมาน
ยอมวายปราณมรณา .. ทั้งอาลัย

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2019&date=04&group=2&gblog=109

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : บอม ซอง ดุ๊ก, พิณจันทร์

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
11 พฤษภาคม 2019, 06:03:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #1 เมื่อ: 11 พฤษภาคม 2019, 06:03:PM »
ชุมชนชุมชน




แปลจาก .. "The Thought"
ของ Karl Marx
.
.

O จักรภพเคลื่อนผ่านสู่ด้านไหน
คงขับไขลำแสงแจ่มแจ้งหน
คือตะวันแต่งฟ้าส่องสากล
ดังหนึ่งคนแจ่มจ้าคุณค่าควร
O แม้นโลกหล้ามาพาลระรานใส่
จักโต้ให้ร้องร่ำด้วยกำสรวล
จักโรมรันบั่นคอด้วย..ขอ-ทวน
ขอเพียงนวลหยัดร่าง..ไม่ห่างกาย
O เสน่หาฝ่าข้ามไปสามภพ
ตราบโลกลบหล้าเลือนดาวเคลื่อนหาย
รักคงอยู่คู่อรไม่คลอนคลาย
ดังหนึ่งสายใยดิ่งที่ทิ้งลง
O สิ้นมนตราอำนาจจะอาจยื่น-
มาขัดขืนควบคุม ความลุ่มหลง
แม้เงื่อนเหตุรอบกรรมแรงจำนง
ย่อมขาด-วง .. ด้วยซึ้งคำนึงนวล
O เลิศพิสุทธิ์ยุดย้ำมาทำถ้อย
สำหรับร้อยเรียงความให้งามถ้วน
สืบความหมายจำเพาะให้เหมาะควร
ส่งรักหวนโชติช่วงกลางห้วงใจ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พิณจันทร์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
13 พฤษภาคม 2019, 10:06:AM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #2 เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2019, 10:06:AM »
ชุมชนชุมชน



O หอม .. เสน่หา .. O





O ในวิกาลมืดดำแห่งค่ำนั้น
คล้ายแว่วพากย์รำพัน .. เสียงสั่น..ไหว-
ค่อยออดอ้อนนัยความ .. ออกตามใจ
เพื่อร่วมไขว่คว้าบท .. เคย-อดออม
O สองแขนโอบรอบคอเข้าอออุ่น
เนียนเนื้ออ่อนอิ่มละมุนด้วยกรุ่นหอม
เมื่ออาวรณ์แรงถวิล .. คล้ายยินยอม-
ร่วมโอบรูปงามละม่อม .. ด้วยอ้อมทรวง
O สิ้นหนาว .. แม้นสายลม .. ยังพรมผ่าน
ด้วยเนื้อคราญอุ่นแสน .. กับแหนหวง-
ของอ้อมกอดร้อนผ่าว .. จนหนาวปวง
ยากพัดผ่านพ้นล่วง .. แรงห่วงใย
O ใกล้ยิ่งแล้ว .. แก้มอิ่มเนตรพริ้มหลบ
เพียงพอจบอุ่น-ร้อน .. ผู้อ่อนไหว
รองรับเถิดไมตรีผู้มีใจ
จะโหมอุ่นโอบให้ .. ห้วงใจจำ
O อุ่นเถิดแม้น .. ปอยปลิวแห่งริ้วหนาว
จะหล่นพราวพอกพื้นทั้งคืนค่ำ
ปรารมภ์อันหอมกรุ่นจักหนุนนำ
เข้าแอบอำย้ำอุ่นให้หนุนนอน
O โอละเห่ .. กล่อมเกลี้ยง .. ผู้เดียงสา
อยู่นิทราอุ่นขวัญในบรรจถรณ์
เพลงจะขับแผ่วเบา .. คอยเว้าวอน
กระซิบอ้อนริมหูให้รู้นัย
O ว่า-อกหนึ่งอาวรณ์เกินผ่อนแล้ว
กับเสียงแผ่วออดอ้อน .. เกินผ่อนไหว
เจ้าอ่อนเอย .. อุ่นอายเช่นสายใย-
เจ้ารัดไขว้ผูกขวัญพี่-พันธนา
O เถิด-อย่าร้าง .. คอคล้อง .. ด้วยสองแขน
อย่าคลอนแคลนแรงหวง .. ความห่วงหา
ทุกค่ำคืนก่อนสนิทในนิทรา
หวังใครหนึ่ง .. เหว่ว้าตั้งตาคอย-
O ให้โอบอุ้มรูปเยาว์ .. คลอเคล้าอยู่
ผ่านนัยชู้รุมเร้า .. ลบเหงาหงอย
ตระกองรูปจบแก้มแต่งแต้ม .. รอย
จน .. ละห้อยห่วงเห็น .. ไม่เว้น-วาง
O หมายนิทราดวงขวัญ .. จะฝันใฝ่
ร่วมอาลัยเชิงชู้ .. จนตรู่สาง
ละเมอคำเรียกร้อง .. จบสองปราง
ขดสรรพางค์อ้อนอยู่ .. อย่ารู้ไกล
O เมื่อแสงฟ้าฉาบล้อม .. ละม่อมหน้า-
สองนัยน์ตาจักปลาบจนวาบไหว
โน้มรูปลงเฝ้ากระพริบ .. กระซิบนัย-
จงอย่าให้อุ่นอาย .. นั้นคลายลง
O จึงอรุณแรกวัน .. ของวันนั้น
คล้ายไหวหวั่น .. ร้อนรุม .. และลุ่มหลง-
จะร่วมน้อมแนบขวัญ .. อย่างบรรจง
เพื่อโสรจสรงรสสุมาลย์ .. ที่ผ่านรอ
O ก่อนสายหยุดสุดสิ้น..ปวงกลิ่นหอม-
อวยกลิ่นพร้อมอาวรณ์ .. ออดอ้อน-ขอ
ลมแผ่วผ่านโลมเร้า .. คนเคล้าคลอ
หอมนั้นพอหยุดสิ้น .. ทุกกลิ่นมาลย์
O เมื่อสายหยุด .. หยุดกลิ่นแต่สิ้นสาย
อีกรูปกายก็พรั่งพร้อมความหอมหวาน
โอภาสสูรย์แต้มฟ้า .. เหมือนว่า-นาน
ก็ชั่วคราญโถมร่าง .. หล่นกลางทรวง !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=10-2014&date=31&group=11&gblog=597

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พิณจันทร์, ไผ่เดียวดาย

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s