O กลาง .. วิสาขะมาส .. ! O
.. 1
O ทิวแถวท่านผู้ขอ .. เคลื่อน .. รอ .. หยุด
ราวรอฉุดความเถื่อนให้เลื่อนหาย
ก้าวย่างนั้นคืบเค้นความเป็นตาย
อันวิญญาณทั้งหลายเทียวว่าย .. วน
O เพียงผืนผ้าเหลืองส้ม .. ต้องลมปะ
ก็รู้ว่าวันพระมาอีกหน
พอสิ้นเสียงสาธุ บรรลุตน
ก็เหมือนป่นโมหะจนละลาย
O คล้ายคล้ายว่าจะเป็นดั่งเช่นนั้น
แต่ยังหวั่นใจอยู่ไม่รู้หาย
เมื่อรูปหนึ่งคล้ายคอย .. ชม้อยชาย
คอยสบสายตาผนึกแววลึกล้ำ
O ทิวแถวท่านผู้ขอ .. เคลื่อนรอ .. หยุด
คล้ายรอฉุดทุกข์โศก .. พ้นโลกต่ำ
สายตา, รูป-บรรจบ, ภูมิภพ .. ธรรม-
สร้างเวรกรรมให้อุบัติ .. ขึ้นบัดดล !
O ทุกครั้ง และทุกครานัยน์ตาสบ-
ก็ครันครบวัฏฏะกรรมอยู่ซ้ำหน
หลังทุกครั้งทุกครา .. นัยน์ตาคน
คอยวกวนสบรูป .. โลมลูบใจ
O แว่ว-เสียงธรรมพระให้อยู่ในโสต
แต่-ปราโมทย์สุมอยู่จนรู้ได้-
ว่า-นัยธรรมตรองอยู่ .. หรือผู้ใด
ลอยรูปให้หักฝ่า..อย่างท้าทาย
O เสียงพระ-แว่วให้ข่ม .. อารมณ์นี้
รูปราศีก็ล้อมลนให้ขวนขวาย
เสียงธรรมว่าอาวรณ์ .. ควรผ่อนคลาย
ภาพแววตาชม้อยชม้าย .. หรือคลายลง ?
O ดูเอาเถิด .. เนียนเนื้อ .. แก้มเรื่อนั้น
คอยบีบคั้นเร้ารุมให้ลุ่มหลง
หลังตา, รูป .. ตกกระทบ .. ย่อมจบวง-
วัฏฏะสงสารชู้ .. ไม่รู้แล้ว !
O พร้อมผืนผ้าเหลืองส้ม .. ต้องลมพลิ้ว,
ตาต้องผิวเนื้อเยาว์ .. ยิ่งเบาแผ่ว
เมื่อรูปหน้าเหลือบชม้าย .. ยิ่งคล้ายแวว-
ความผ่องแผ้ววาบอยู่ .. ไม่รู้วาง
O จีวรเหลือง .. แดดทอ .. เหมือนรออยู่
รอ-ใจผู้ .. ลำบากด้วยขวากขวาง-
ให้ก้าวสู่จุดหมายที่ปลายทาง
รอ-ก้าวย่างผ่านพ้น .. ด้วยตนเอง
O ตาดำขลับ .. เหลือบชม้อยชม้ายสบ-
เหมือน-ยอภพชาติรับ .. การพรับ .. เพ่ง
สบแล้วใจ-สั่นรัว .. ด้วยกลัวเกรง-
ผิวเนื้อเปล่งปลั่งพรับ .. แล้วจับใจ !
O รูปหน้าเนียนเนื้อลออ .. คล้ายรอขวาง
จะก้าวขายกย่างไปทางไหน
ก็ล้วนบ่วงผูกปลาย .. ด้วยสายใย
คอยเหนี่ยวให้ .. อาวรณ์เกินผ่อนดึง
O รูปหน้าเนียนพริ้มเพรา .. ทั้งเงาร่าง-
เหมือนผุดขวางหน่วงจิต .. แต่คิดถึง
รู้หรือไม่ลึกล้ำ .. แห่งคำนึง
เกินรำพึงได้หมด .. ด้วยบทกลอน
O แววในตาเปล่งประกาย .. ยามชายชม้อย
คล้ายเผยรอยตอบเต้น .. เคย-เร้น .. ซ่อน
แววอ่อนไหว, อ่อนหวาน .. เมื่อผ่านตอน-
ก็รุมร้อนถ้วนสิ้น..จิตวิญญาณ !
.. 2
O นบนิ้วเพ่งไตร่ตรอง..ครรลองเหตุ
เมื่อต้องเลศรูปนาม .. ผูกล่าม .. ผลาญ-
จากตาสบ, โลมลูบด้วยรูปคราญ
แล้วต้องหวานรุมเร้า .. อยู่เช้าเย็น
O นิ้วองค์พระ .. เรียวงอน .. ดูอ่อนช้อย
เช่นเรียวก้อย .. รูปเอย .. ที่เคยเห็น
อ่อนช้อยในท่วงที .. อย่างที่เป็น
ให้คนเอ็นดูละห้อย .. แต่คอยรอ
O หวังปล่อยวางโลกเช่น .. ที่เป็นอยู่
จาก-ความนัยองค์รู้ .. ท่านผู้ขอ
กลับมาต้องรูปนาม .. ผู้งามลออ-
ขวาง, ยั่ว, ล้อคุกคาม .. อย่างย่ามใจ
O แทนเรียวนิ้วองค์พระ .. กลับคละเคล้า-
ด้วยเรียวร่างรูปเยาว์ .. ของเจ้าได้
แทนเนื้อปูนดินปั้น .. แล้ว-นั่นใคร-
ซ้อนรูปให้ห่วงหา .. ฤๅ-ฝ่าพ้น ?
O เพ่งดวงจิตครวญใคร่ .. หวังนัยธรรม-
จักล่มล้างรอบกรรม .. ซ้ำซ้ำหน
เพ่งรูปพระ .. แล้วภาพ กลับวาบ-วน
เป็นภาพใครงามล้น .. เกินป่นแล้ว
O แว่วเหมือนเสียงอาวรณ์ .. ออดอ้อนลม
ซ้อนภาพแววตาคม .. กลางลมแผ่ว
ใกล้เพียงเห็นเนตรชม้าย .. นั้นฉายแวว-
วาม .. ผ่องแผ้วราวประสงค์ .. แข่งองค์พระ
O ท่ามกลางเมียง, เมิน, ชม้าย .. เหลือบชายสู่
พรั่งพร้อมหมู่ – ชาติภพ .. ทุกสบ .. ผละ
ท่ามกลางหวานหอมจู่ .. ไม่รู้ละ
บ่วงพันธะก็ล่ามตรึง .. สุดดึงลง
O ตั้งขึ้นแล้วจำพราก .. นั้นยากนัก
ย่อมจำหลักลงทรวง ด้วย ห่วง หลง
พร้อมอาวรณ์รสประณีต .. เริ่มขีด-วง-
คอยหนุนส่งรูปธรรมเข้าบำเรอ
O นบจิตเพ่งไตร่ตรอง .. ครรลองพุทธ
เพื่อคอยฉุดฉวยใจ .. ทุกไพล่เผลอ
หากบรรจบ .. รูปคราญทุกผ่านเจอ
อย่าพร่ำเพ้อ .. ละห้อยเห็นอยู่เช่นนี้
O นบจิตเพ่งไตร่ตรอง .. ครรลองพุทธ
หาก-รูปผุดพร่างอยู่ไม่รู้หนี-
ราวยั่วล้อปรารถนา .. เฝ้าราวี-
จนสุดลี้เลือนหอม .. ที่ล้อมไว้ !
O นิ้วองค์พระเรียวงอน .. ดูอ่อนช้อย
เมื่อรูปเรียวอ่อนน้อย .. ค่อยค่อยไหว
แทรกรูปขึ้นยอช่วง .. พาห้วงใจ-
จมอาลัย .. หวามอยู่ .. ไม่รู้วัน !
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2015&date=01&group=11&gblog=623