O เสน่หา .. O
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
21 พฤศจิกายน 2024, 09:23:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: O เสน่หา .. O  (อ่าน 7553 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
03 กันยายน 2018, 07:27:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« เมื่อ: 03 กันยายน 2018, 07:27:PM »
ชุมชนชุมชน








O แม้น .. ภพชาติช่วงต่างมาขวางคั่น
ใช่อาจกั้นกีดเล่ห์สิเนหา
จน .. วงรอบการอุบัติแห่งอัตตา-
ยังยากฝ่าหวานล้ำ .. ในคำนึง
O จากเมฆหม่นฝนโปรย .. ลมโรยอยู่
พาพบเจอ .. รับรู้ .. ย่อมรู้ถึง-
แววอ่อนหวานในตาที่ตราตรึง
และหวานซึ้งในอกที่ยกตัว
O แต่บัดนั้นหวานละมุนก็หนุนเนื่อง
พร้อม-รูปเรื่อง, แววตา, พืดฟ้าหลัว
ระลอกลม, คลื่นฝนแสนหม่นมัว
ตา, อีกหัวใจหนึ่ง .. สบ, ตรึงไว้
O อบอุ่นกลางเหน็บหนาวที่พราวหยาด
เมื่อรูปชาติเผยโฉมเข้าโหมใส่
ถ้วนคันธารสประทิ่น ณ ถิ่นใด
หวานหอมได้เยี่ยงนี้ .. จะมีฤา ?
O ปากคล้ายยิ้ม, เนียนแก้ม .. คล้ายแย้มสู่-
ถามแววตารับรู้ .. ว่ารู้หรือ-
ความอ่อนโยนโผนผกในอกคือ-
ผลจากสื่อสบต้อง .. ตาของใคร ?
O ปากคล้ายยิ้ม, เนียนแก้ม .. ยังแย้มอยู่
คอยสื่อสู่เพรียกถวิล อย่าสิ้นได้
เบื้องนอกฝนโปรยปราย .. หากภายใน-
ความอ่อนโยนอ่อนไหว .. เริ่มไกวตัว
O ก็แค่แววตาพบ .. แล้วสบนิ่ง
สบแล้วยิ่งคล้ายแก้มนั้นแย้มยั่ว
ภาพแวดล้อมในตาจึงพร่ามัว
กับเพียงชั่วปากแก้มนั้นแจ่มชัด
O แต่แววตาผ่านสู่ .. ก็รู้ถึง-
ความหวานซึ้งผ่านต้อง .. สุดป้องปัด
แล้วอาวรณ์พิสวาดิก็สาดซัด
เมื่อท่วงทีความอุทธัจ .. สุดตัดตอน
O จะฝืนฝ่าอาลัยอย่างไรรอด
ยามแววตาพร่ำพลอดความออดอ้อน
ยามกำลังเสน่หา, แรงอาวรณ์
นั้นสุดถอนถอดบทให้หมดรอย
O ฝนหยุดสาย, พร้อมลมที่พรมอยู่
แววแฝงเร้นสื่อสู่ไม่รู้ถอย
เหมือนจะสั่งชี้อยู่ให้รู้คอย
เต็มละห้อยห่วงเห็นอย่าเว้นวาง
O แต่บัดนั้นจนบัดนี้เท่าเห็น
ล้วนอาวรณ์เพียบเพ็ญไม่เว้นว่าง
จนแววตา, ฝนปรอย .. พ้นรอยทาง
ถ้วนความอ้างว้างเทียบ .. ก็เพียบพร้อม
.
.
O ลมยามเช้าห้อมเห่ช่อเกสรา
เพรียกคันธารสสุมาลย์อันหวานหอม-
อวลกลิ่นรุมภุมรินให้บินดอม
เพื่อจมจ่อมหวานรสเป็นบทเดียว
O แต่แววตาสบรูป-ที่วูบหล่น-
คือ ..ใจ-อลเวง, ตา-ละล้าเหลียว
สายใยอย่างแฝงเร้น .. ฟั่นเป็นเกลียว-
ล้อมรัดใจทุกเสี้ยว .. แล้ว-เหนี่ยวดึง !
O รูปนามที่คุกคามทั้งสามโลก
หรือ-เพื่อโยกคลอนจิต .. เฝ้าคิดถึง
แล้วจรด .. รูปจริต .. ให้ติดตรึง-
แววตาซึ่ง .. ถวิลเห็น .. ไม่เว้นวาง ?
O จริตรูป .. ละม่อมลักษณ์จำหลักแล้ว
งาม, ผ่องแผ้ว-รูปพักตร์ .. รอดักขวาง
เพรียกอาลัยอาวรณ์ ให้ย้อนทาง-
ร่วมสืบสร้างงามล้ำ .. ให้ดำรง
O รูปจริตอ่อนน้อย .. เหมือนคอยชี้-
บอกท่วงทีแห่งยูงอันสูงส่ง
ว่า-กรรมบทสืบสานจากว่านวงศ์
เพรียก-จำนง .. เสน่หาผู้อาลัย
O แผ่วแผ่ว .. สายวาโย .. เมื่อโผผ่าน
ช่อสุมาลย์ต้องริ้ว .. ย่อมพลิ้วไหว
เช่นสบแววตาวาม .. รูปนามใคร
แรงอาวรณ์พิสมัย .. ย่อมไหวรับ !
O แต่ละภาพผ่านเคลื่อน .. ก็-เหมือนว่า
ยกคุณค่า .. ควรถนอมขึ้นพร้อมสรรพ
หน้าผากเนียน, แก้มอิ่ม, เนตรพริ้มพรับ-
ก็จู่รูปโจมจับ .. ใจ-รับรู้
O แต่ละภาพผ่านเคลื่อน .. เริ่ม-เหมือนว่า
เสน่หาหอมหวาน .. ใครผ่านสู่-
เพื่อหัวใจอบร่ำความดำรู-
นั้น-จักอยู่ทอดทับ .. ใจ-นับนาน
O แต่ละภาพผ่านเคลื่อน .. จึง-เหมือนว่า
ถ้วนคุณค่าอาวรณ์แสนอ่อนหวาน-
จากรูปนามพริ้มเพรา .. รูปเยาวพาล-
เจ้าส่งผ่านมอบสู่ .. ให้ผู้เดียว
O หลับตาลงปล่อยใจพาไหลล่อง
ท่วงทำนองตื่นตอบ .. คอยลอบเหลียว
ฝนหยุดเม็ด, ลมพลิ้ว, เมื่อนิ้วเรียว-
เหมือนลอบเหนี่ยวลอบล้ำ .. ล่วงคำนึง
O คล้ายอาวรณ์ซ่อนเร้นที่เป็นอยู่
ได้เผยความผ่านสู่ .. ให้รู้ถึง-
อีกใจที่เสน่หา .. ได้ตราตรึง-
ร่วมหวานซึ้งหอมรส .. เป็นบทเดียว !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2016&date=02&group=11&gblog=663

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, @free, hort39, พี.พูนสุข, ไผ่เดียวดาย, masapaer

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 กันยายน 2018, 06:34:AM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #1 เมื่อ: 15 กันยายน 2018, 06:34:AM »
ชุมชนชุมชน




O ใต้ปีกนกฟ้า .. O







O โอ ยอดรัก ..
ที่จำหลักลงทรวงคือห่วงหา
เสียงกระซิบ, สั่นไหวแห่งนัยน์ตา
เผยความว้าวุ่นอยู่ไม่รู้คลาย
O ปรารถนาย่อมช่วงโชน
แววอ่อนโยน แหนหวงย่อมช่วงฉาย
หวงความคำแผ่วกระซิบ แววปริบปราย
ที่ค่อยถ่ายทอดสู่ให้รู้กัน
O อาวรณ์ ทั้งอาลัย
ย่อมเผยให้แวดล้อมเข้ากล่อมขวัญ
เยี่ยงสายใยม้วนตามคอยล่ามพัน
เกินตัดบั่นลับลาจากอารมณ์
O โอ ยอดรัก
ดุจศรปักเสียบอยู่สุดรู้ข่ม
กระซิบแผ่ว ปรารถนา แววตาคม-
นั้นทับถมเพรียกคะนึงทุกกึ่งยาม
O ระริก .. ความออดอ้อน
แผ่ว, เว้าวอนโดยประภาพอันวาบหวาม
เสน่หาอาลัยย่อมไหลลาม-
ม้วนปลายเลื้อยรัดล่ามอย่างย่ามใจ
O คันธาแห่งมาลี ..
ค่อยค่อยคลี่รสหอมแวดล้อมให้-
ฆานรูป, เนื้อละมุนและอุ่นไอ
กอปรภาวะอ่อนไหว .. วูบ-ไหวตัว
O ความอ่อนโยน ..
ค่อยถ่ายโอนคำบอกเข้าหยอกยั่ว
เพรียกแววตาวาบนั้น ให้สั่นรัว
แลเพรียกงามสั่นทั่วทั้งหัวใจ
O แผ่วกระซิบกระซาบสู่ ..
คือรับรู้อภินันท์ .. ว่า-สั่นไหว
เขมภาคคืนสรวง .. เพรียกดวงไฟ-
ครอบทั้งไตรโลกลิบชั่วพริบตา !
O ดวงใจพี่ ..
ทั้งอุมาลักษมีหรือมีท่า
ยามเมื่อสรวงทั้งหกเวียนวกมา
ชะลอเทียบตรงหน้าต่อตานั้น
O ขวัญพี่เอย ..
ความเอื้อนเอ่ยสุ้มเสียงกระซิบสั่น
พลิกหกสรวงลงคว่ำในรำพัน
ปีกนกฟ้าโอบจันทร์ .. บัดนั้นเอง !


https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2015&date=27&group=11&gblog=637

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, ไผ่เดียวดาย

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
01 มีนาคม 2019, 06:47:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #2 เมื่อ: 01 มีนาคม 2019, 06:47:PM »
ชุมชนชุมชน



O อาวรณ์ .. O





O เยี่ยงไรหนอคิดย้อน .. แล้วร้อนรุ่ม-
กับเพลิงขุมอาวรณ์ .. เกินผ่อนหาย
หน้าผากเนียนแก้มหน้า .. นัยน์ตาชาย-
สบ-แพ้พ่าย .. ละห้อยเห็น .. อยู่เช่นนั้น
O อาจรู้ฤๅ .. คะนึงหาบรรดามี-
จากวาดวีห้วงใจ .. ค่อยไหวสั่น-
จนคล้อยเคลื่อนความสู่ .. ให้รู้กัน
ด้วยสุดกั้นกีดงามที่ลามทรวง
O หวังถึงเนตรอ่อนโยน .. แววโชนฉาย
จักวาบคล้ายโลดแล่น-ด้วยแหนหวง
เพื่อว่ารอบบุญบาป .. จักทาบทวง
ผูกเป็นบ่วงรัดขวัญ .. ล้อม-พันธนา
O ลับรูป .. หากคะนึงยังตรึงอยู่
จากรับรู้ .. เฝ้าคอย .. ละห้อยหา
อบอุ่นด้วยอ่อนหวานวาบผ่านตา
ที่เหมือนว่าสื่อสู่ .. จนรู้ทัน
O ลบเลือนฤๅ .. เพียงพรับคล้ายกับว่า
เรียวรูปหน้าผุดขวางขึ้นกลางฝัน
จะฝ่าพ้นอาลัย .. เยี่ยงไรกัน
เมื่อกางกั้นทิศทาง .. ทุกย่างเดิน
O พร้อมกับที่-หมดสิ้นแรงดิ้นรน-
คือตาคนสัมผัส .. แววขัดเขิน
พ่ายแพ้ แรงอุ่นล้ำ .. ที่ก้ำเกิน
ก่อนลุกลามจำเริญ .. อยู่เนิ่นนาน
O โหดร้ายกันจริงหนอ .. ลออลักษณ์
เผยรูปพักตร์เนียนละม่อม .. เพรียกหอมหวาน-
ให้อบอวลอารมณ์จนซมซาน
จนสุดต้านทานอยู่ .. แม้น-ครู่เดียว
O สุดป้องแล้วนฤมิต .. จริต-โฉม
ดลรอบโสมนัสเคลือบ .. ทุกเหลือบเหลียว
เร้าอาวรณ์เลื่อนแล่น .. ดั่งแขนเรียว-
โอบ - รั้งเหนี่ยวคลอเคล้า .. ให้เฝ้ารอ
O ผ่านมาให้อบอุ่นและคุณค่า
เร่งฤทธาลามช่วง .. เป็นบ่วงช่อ-
สายเยื่อใยสวาดิเยาว์-พะเน้าพะนอ
ก่อนทอดทอแรงรักจำหลักลง
O จึง-ทุกห้วงคำนึง .. แม้นกึ่งคาบ
ราวเพรงสาปเคยสุม .. พาลุ่มหลง-
ตามช่วงลมหายใจ .. สั่นไหว-บง-
การ-เรื้องแรงจำนง .. ข้ามวงวัฏฏ์
O แหนหวงการพร่ำพลอด .. ความออดอ้อน-
แผ่ว-เว้าวอนเพราะพร้อง .. เกินป้อง-ปัด
กุมอารมณ์แนบน้อม .. ละม่อมลักษณ์
ผู้จำหลักแรงถวิล .. ลงจินตนา
O เอ็นดู-ความอาวรณ์แสนอ่อนไหว-
อันแฝงนัยบ่งชี้ .. ในทีท่า
แหนหวงความหอมหวานแห่งมารยา
เจ้าเอยรู้ไหมว่า .. ใคร-อาวรณ์ ?

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=02-2015&date=18&group=11&gblog=615

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ไผ่เดียวดาย

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
03 พฤษภาคม 2019, 02:53:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #3 เมื่อ: 03 พฤษภาคม 2019, 02:53:PM »
ชุมชนชุมชน



O ฉันทาสมัย .. O





O ดูเถิด .. หมอก, น้ำค้าง .. ตอนสางตรู่
แดดทอดสู่โลมต้อง .. ก็มองเห็น-
หยดหยาดเพชรเรียงระเบียบ .. กลางเยียบเย็น
ย่อมจักเร้นเลือนสลาย .. กับสายลม
O เยี่ยงแววตาเขินอายชม้ายสบ
ยอชาติภพตอบตื่น .. ทิ้ง-ขื่นขม
รูปวัยเยาว์, ชม้อยหา, แววตาคม-
จึงผูกปมซ่อนเงื่อนเกินเคลื่อนคลาย
O ภาพ-บนฟ้าปีกนกเริ่มโบกบิน
แวดล้อมถิ่นโลกต่ำ .. ลมร่ำสาย
หยาดน้ำค้างระยับตอบอยู่รอบราย
อีกแววขัดเขินอาย .. ชม้ายคอย
O ดูเถิด .. แวววับวามเมื่อยามสาง
เหมือนน้ำค้างพรมโลก-ลบโศกสร้อย
พาหวานหอมเยือน-อกจนยกลอย
รอบละห้อยถวิลเห็น ฤา-เว้นวาง ?
O รูปธรรมวัยเยาว์แห่งเช้านี้-
จึงช่วงชี้บีบเค้นไม่เว้นว่าง
หยัดรูปนามโลมรุกไปทุกทาง
โถมทับความอ้างว้างจนร้างเลือน
O ชั่วตรู่สางล่มลับ, ระยับแดด-
ก็ค่อยแวดล้อมรับ เข้าขับเคลื่อน
หมุนโลกหมุนรูปนามคอยตามเตือน
ทุกเขยื้อนทุกขยับ – เฝ้าจับจอง
O สิ้นสาง .. เข้าสายแดดสายสว่าง
แววขนางในขนบยังสบต้อง
รูปธรรมอุ้มขวัญสู่ครรลอง-
แรงหมายปองกระอุฤทธิ์ในจิตคน
O และชั่วเพียงพยับแดดเริ่มแผดเผา
ความรุมเร้าก็เติบเต็มอย่างเข้มข้น
จวบหอมหวานเบิกบทปรากฎตน
จึงหวานล้นทั่วแล้วทั้งแววตา
O สวยปีกผีเสื้อบินในถิ่นที่
ลวดลายคลี่โบกลอย, ละห้อยหา-
ก็ส่งผ่านห้อมเห่กาลเวลา
เมื่อแสงฟ้าเคยระยับ .. คล้ายลับเลือน
O ด้วยแววตาแฝงเร้น .. สุดเร้นซ่อน
แววออดอ้อนรอคอย .. ก็คล้อยเคลื่อน-
ขึ้นแขวนรูปขวางรอย เพื่อคอยเตือน-
แรงสะเทื้อนระทึกทรวงในช่วงวัน
O หมอก .. น้ำค้างทุกหยาดบำราศแล้ว
เหลือเพียงแววตาคอยร่วมร้อยฝัน
นามธรรม, รูปภพ .. ก็ครบครัน-
ความผูกพันละห้อยห่วงฝ่าช่วงยาม
O ปีกนกคลี่ร่อนคว้างที่กลางหาว
เมื่อวับวาวแววตาเกินฝ่าข้าม
ความอ่อนโยนอ่อนไหวเริ่มไหลลาม
เข้าแวดล้อมรูปนามที่งามพร้อม
O ปรารมภ์ว่า .. แววระยับยามพรับพริ้ม
จักซ่อนยิ้มตอบรับการขับกล่อม
หรือยังคงสืบบทการอดออม-
งำหวานหอม .. เผยสู่ให้รู้ชัด ?
O ปรารมภ์ว่า .. ยามชม้อยชม้ายสบ
การเสหลบ ควรพ้องหรือต้อง-ตัด ?
กับแววตาวับวามที่ล่ามรัด
การกำจัดให้สิ้น .. เกินยินยอม !
O สร้อยเกสรพวงบุหงา คันธามาศ
เริ่มบทบาทรวยรินด้วยกลิ่นหอม
ให้โลกผู้ห่วงรส .. สุดอดออม-
หวานแวดล้อมที่ประดังใจทั้งดวง
O ปาริชาติหอมรื่น .. ในคืนค่ำ
คลายกลิ่นร่ำรมแถน .. ทั้งแดนสรวง
โอนเถิดกลิ่นหอมล้ำ .. ขอ-บำบวง-
แนบทับทรวงข้างใจของใครนั้น
O อินทร์ .. พรหม .. ปวงทิพแถนถ้วนแดนฟ้า
โปรดบัญชาชี้ให้ .. ความไหวหวั่น-
ที่เบิกบทแสนประณีต .. เกินกีดกัน
ช่วยแบ่งปันบริบท .. คืน-ทดแทน
O ถ้วนทั้งสิ้นทั้งปวง .. ความห่วงหา
ปรารถนา, ยินยอม .. และอ้อมแขน
แรงอาวรณ์, รอบถวิล .. ทั้งดินแดน
ฤๅ-อาจแม้นอาลัย .. หัวใจมี ?
O ภาพ-ข่มยิ้มขัดเขิน .. ทำเมินหน้า
ก็-แทรกฝ่าแก้มเนื้อ .. เนียน .. เรื่อสี
คล้ายเผลอเผยเลศชู้ .. ให้รู้ที-
รู้ท่า-ความใยดี .. ว่า-มีใจ
O จากนั้น .. ลมแห่งโลกจึงโบกบ่าย
โรยร่ำสายล้อมรับ .. การหลับใหล
จังหวะเต้นทุกช่วง จากทรวงใคร-
ควรสั่นไหวรอถนอม .. อย่างยอมตน
O รู้ใช่ไหม .. ความกระซิบจากลิบโพ้น-
แสนอ่อนโยนคอยประนัง .. เพื่อหวังผล-
ให้อาวรณ์อาลัย .. ค่อยไหววน-
พาใจหล่นลิ่วพัน .. บ่วงฉันทา !
O รู้บ้างไหม .. ความคำที่พร่ำสู่-
เพื่อ-รับรู้ .. เฝ้าคอยละห้อยหา
เพื่อ-อ่อนไหว .. ทรมานด้วยมารยา
และเพื่อว่า .. ถวิลอยู่ ไม่รู้วัน !
O จงรู้เถิด .. กระซิบคำในค่ำดึก
เพื่อ-ส่วนลึกห้วงใจ .. เมื่อ-ไหวสั่น
จักทอดวางรูปเงา .. เยี่ยงเถาวัลย์-
กอดกระหวัดรัดมั่น .. จวบวันตาย !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2016&date=14&group=11&gblog=665&fbclid=IwAR2mP2GUNW-CnNlhh3Lt7U_PnXnYH2m_RRtJaUNyKP6pkhu7jrEkeV32_I4

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : masapaer, ไผ่เดียวดาย

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s