O แม้น .. ภพชาติช่วงต่างมาขวางคั่น
ใช่อาจกั้นกีดเล่ห์สิเนหา
จน .. วงรอบการอุบัติแห่งอัตตา-
ยังยากฝ่าหวานล้ำ .. ในคำนึง
O จากเมฆหม่นฝนโปรย .. ลมโรยอยู่
พาพบเจอ .. รับรู้ .. ย่อมรู้ถึง-
แววอ่อนหวานในตาที่ตราตรึง
และหวานซึ้งในอกที่ยกตัว
O แต่บัดนั้นหวานละมุนก็หนุนเนื่อง
พร้อม-รูปเรื่อง, แววตา, พืดฟ้าหลัว
ระลอกลม, คลื่นฝนแสนหม่นมัว
ตา, อีกหัวใจหนึ่ง .. สบ, ตรึงไว้
O อบอุ่นกลางเหน็บหนาวที่พราวหยาด
เมื่อรูปชาติเผยโฉมเข้าโหมใส่
ถ้วนคันธารสประทิ่น ณ ถิ่นใด
หวานหอมได้เยี่ยงนี้ .. จะมีฤา ?
O ปากคล้ายยิ้ม, เนียนแก้ม .. คล้ายแย้มสู่-
ถามแววตารับรู้ .. ว่ารู้หรือ-
ความอ่อนโยนโผนผกในอกคือ-
ผลจากสื่อสบต้อง .. ตาของใคร ?
O ปากคล้ายยิ้ม, เนียนแก้ม .. ยังแย้มอยู่
คอยสื่อสู่เพรียกถวิล อย่าสิ้นได้
เบื้องนอกฝนโปรยปราย .. หากภายใน-
ความอ่อนโยนอ่อนไหว .. เริ่มไกวตัว
O ก็แค่แววตาพบ .. แล้วสบนิ่ง
สบแล้วยิ่งคล้ายแก้มนั้นแย้มยั่ว
ภาพแวดล้อมในตาจึงพร่ามัว
กับเพียงชั่วปากแก้มนั้นแจ่มชัด
O แต่แววตาผ่านสู่ .. ก็รู้ถึง-
ความหวานซึ้งผ่านต้อง .. สุดป้องปัด
แล้วอาวรณ์พิสวาดิก็สาดซัด
เมื่อท่วงทีความอุทธัจ .. สุดตัดตอน
O จะฝืนฝ่าอาลัยอย่างไรรอด
ยามแววตาพร่ำพลอดความออดอ้อน
ยามกำลังเสน่หา, แรงอาวรณ์
นั้นสุดถอนถอดบทให้หมดรอย
O ฝนหยุดสาย, พร้อมลมที่พรมอยู่
แววแฝงเร้นสื่อสู่ไม่รู้ถอย
เหมือนจะสั่งชี้อยู่ให้รู้คอย
เต็มละห้อยห่วงเห็นอย่าเว้นวาง
O แต่บัดนั้นจนบัดนี้เท่าเห็น
ล้วนอาวรณ์เพียบเพ็ญไม่เว้นว่าง
จนแววตา, ฝนปรอย .. พ้นรอยทาง
ถ้วนความอ้างว้างเทียบ .. ก็เพียบพร้อม
.
.
O ลมยามเช้าห้อมเห่ช่อเกสรา
เพรียกคันธารสสุมาลย์อันหวานหอม-
อวลกลิ่นรุมภุมรินให้บินดอม
เพื่อจมจ่อมหวานรสเป็นบทเดียว
O แต่แววตาสบรูป-ที่วูบหล่น-
คือ ..ใจ-อลเวง, ตา-ละล้าเหลียว
สายใยอย่างแฝงเร้น .. ฟั่นเป็นเกลียว-
ล้อมรัดใจทุกเสี้ยว .. แล้ว-เหนี่ยวดึง !
O รูปนามที่คุกคามทั้งสามโลก
หรือ-เพื่อโยกคลอนจิต .. เฝ้าคิดถึง
แล้วจรด .. รูปจริต .. ให้ติดตรึง-
แววตาซึ่ง .. ถวิลเห็น .. ไม่เว้นวาง ?
O จริตรูป .. ละม่อมลักษณ์จำหลักแล้ว
งาม, ผ่องแผ้ว-รูปพักตร์ .. รอดักขวาง
เพรียกอาลัยอาวรณ์ ให้ย้อนทาง-
ร่วมสืบสร้างงามล้ำ .. ให้ดำรง
O รูปจริตอ่อนน้อย .. เหมือนคอยชี้-
บอกท่วงทีแห่งยูงอันสูงส่ง
ว่า-กรรมบทสืบสานจากว่านวงศ์
เพรียก-จำนง .. เสน่หาผู้อาลัย
O แผ่วแผ่ว .. สายวาโย .. เมื่อโผผ่าน
ช่อสุมาลย์ต้องริ้ว .. ย่อมพลิ้วไหว
เช่นสบแววตาวาม .. รูปนามใคร
แรงอาวรณ์พิสมัย .. ย่อมไหวรับ !
O แต่ละภาพผ่านเคลื่อน .. ก็-เหมือนว่า
ยกคุณค่า .. ควรถนอมขึ้นพร้อมสรรพ
หน้าผากเนียน, แก้มอิ่ม, เนตรพริ้มพรับ-
ก็จู่รูปโจมจับ .. ใจ-รับรู้
O แต่ละภาพผ่านเคลื่อน .. เริ่ม-เหมือนว่า
เสน่หาหอมหวาน .. ใครผ่านสู่-
เพื่อหัวใจอบร่ำความดำรู-
นั้น-จักอยู่ทอดทับ .. ใจ-นับนาน
O แต่ละภาพผ่านเคลื่อน .. จึง-เหมือนว่า
ถ้วนคุณค่าอาวรณ์แสนอ่อนหวาน-
จากรูปนามพริ้มเพรา .. รูปเยาวพาล-
เจ้าส่งผ่านมอบสู่ .. ให้ผู้เดียว
O หลับตาลงปล่อยใจพาไหลล่อง
ท่วงทำนองตื่นตอบ .. คอยลอบเหลียว
ฝนหยุดเม็ด, ลมพลิ้ว, เมื่อนิ้วเรียว-
เหมือนลอบเหนี่ยวลอบล้ำ .. ล่วงคำนึง
O คล้ายอาวรณ์ซ่อนเร้นที่เป็นอยู่
ได้เผยความผ่านสู่ .. ให้รู้ถึง-
อีกใจที่เสน่หา .. ได้ตราตรึง-
ร่วมหวานซึ้งหอมรส .. เป็นบทเดียว !
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2016&date=02&group=11&gblog=663