O หอมละมุน .. กลางฝุ่นฝน .. O
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
24 พฤศจิกายน 2024, 10:02:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: O หอมละมุน .. กลางฝุ่นฝน .. O  (อ่าน 6046 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
29 สิงหาคม 2018, 08:35:AM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« เมื่อ: 29 สิงหาคม 2018, 08:35:AM »
ชุมชนชุมชน







O ดั่งยูงที่สูงส่งด้วยวงศา
ล้อมแววตาด้วยบท .. ความสดใส
เบิกรุ่งสางหม่นดำ ด้วยอำไพ-
แห่งดวงไฟเลื่อนชั้น .. ขึ้นบัญชา
O พอแว่วเสียงสาธุ .. บรรลุโสต
ความปราโมทย์หัวใจผู้ใฝ่หา-
ก็ซ่านความผ่องแผ้วสู่แววตา
เมื่อรูปหน้ารูปจริต .. เผย-ติดตรึง
O เกิดแต่เมื่อกรประนม .. หน้าก้มน้อม
ผมหล่นล้อมวงหน้า, แววตาหนึ่ง-
ก็คล้ายถูกกรเรียวนั้นเหนี่ยวดึง
แววหวานซึ้งมั่นหมาย .. ก็ฉายทอ
O โอ ราศีรูปงาม .. แห่งยามเช้า
คอยรุมเร้าใจอยู่, ท่านผู้ขอ-
ย่อมอุ้มบาตรเอ่ยธรรม .. ลงย้ำ .. ยอ-
ยกอารมณ์ทดท้อ .. พ้นทรมาน
O สบรูป .. รูปละม่อมก็ล้อมสิ้น-
แต่ผัน-ผินรูปพักตร์ .. เข้าหักหาญ
จิตวิญญาณตื่นรู้ .. จึงรู้พาน-
ความอ่อนหวานอ่อนโยน .. ที่โชน-แวว
O พาโลกในแวดล้อม .. งามพร้อมอยู่
พร้อมแรงชู้อาลัยเริ่มไหว .. แว่ว
อาวรณ์เคยซ่อนเร้น .. ก็เห็นแนว-
ความผ่องแผ้วตอบเต้น .. ไม่เว้นวาง
O โอ อำนาจเนตรพรับ .. ราวจับจูง-
สบรูปยูงอกแอ่นรำแพนหาง
เหลื่อมลายขนสีสัน .. ขึ้นกั้นกลาง
หยัดรอยขวางเพรียกถวิล ..ให้ดิ้นรน
O งามวงสีเลื่อมลาย .. ก็คล้ายว่า
เผยคุณค่าออกแล้วผ่านแววขน
พร้อมอ่อนหวานอ่อนไหวของใจคน-
เริ่มเผยตน .. ออกแล้วที่แววตา
O วาบวับ-นั้น .. แววตา .. แม้-ตาหลับ-
แววระยับ .. ก็ยังคง .. อยู่ตรงหน้า
ราวอยู่ล้อมห้อมขวัญคอยบัญชา-
ให้ตอบรับคุณค่า .. ด้วยอาวรณ์
O วาบวับแววขนยูง .. อันสูงค่า-
ก่อรูปพา .. งดงามติดตาม-อ้อน
จนงามนั้นลามรุกไปทุกตอน
สะทกสะท้อนสั่นทั่วทั้งหัวใจ
O จึงโลกในแวดล้อม .. ราวน้อมรับ-
แววพริ้มพรับออดอ้อน .. ผู้อ่อนไหว
ความผูกพันอุ่นเอื้อแห่งเยื่อใย-
ก็รัดรึงเอาไว้ .. อยู่ในวัน
O งามเงื่อนหางยูงฟ้าในป่าแดด
ผ่านลงแวดล้อมช่วง .. ทาบทวง-ขวัญ
งามรูปลักษณ์ชาติภพ .. ก็ครบครัน-
แทรกลงฝันฝากรอย .. ให้คอยรอ
O เช้านั้น .. คำข้าว .. เนตรวาววาม
กอปร-คำ .. ความ .. ผ่านหูจากผู้ขอ
พร้อมอีกการรุมเร้าพะเน้าพะนอ
ของรูปลักษณ์งามลออ .. อยู่ต่อตา
O เช้านั้น .. คำข้าว .. อกผ่าวร้อน-
กับอาวรณ์รูปองค์ .. ที่ตรงหน้า
สบ-สัมผัส .. ฉับพลันก็บัญชา-
เสน่หาให้อุบัติขึ้นรัดรึง
O เช้านี้ .. แรงอาลัยผู้ใฝ่หา
คอยบัญชาดวงจิต .. แต่คิดถึง-
รูปแพงน้อยอบร่ำในคำนึง
เจ้าเอย .. พึงรับรู้นัยชู้ .. ชาย
O ส่งมาเถิด .. อบอุ่นและคุณค่า
ผ่านแววตาอ่อนโยน .. ออกโชนฉาย-
แววอ่อนหวานดื่มด่ำ .. พึง-รำบาย-
ออกเปื้อนป่ายล้อมโลก .. แล้วโยกคลอน
O มอบมาเถิด .. เสน่หาความอาลัย
สุมลงให้ใจชาย .. สุดถ่ายถอน-
ทั้งจากรูป, คุณค่าความอาวรณ์
ตราบม้วยมรณ์ชีพลงเป็นผงคลี
O รูปยูงเอย .. ขาบเขียวทุกเรียวขน
เปล่งปลาบบนคุณค่า .. แห่งราศี
เพรียกละห้อยแหนหวงเป็นท่วงที-
อาวรณ์ที่ - ตราบวาย .. ยากคลายลง !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2014&date=06&group=11&gblog=600

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, แสนเมือง, รพีกาญจน์, @free, emerald, ระนาดเอก

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
24 กันยายน 2018, 07:11:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #1 เมื่อ: 24 กันยายน 2018, 07:11:PM »
ชุมชนชุมชน



O ฤดูลม .. O







O ลมถั่งไม้เอนลู่ .. ฤดูฝน
ก่อนเม็ดน้ำร่วงหล่น .. ฟ้าหม่นหมอง
หยดพรมพรรณไม้ปวงก่อนร่วงนอง
เมื่อแสงทองบนฟ้า .. ค่อยล้าเลือน
O รวมหยาดที่เบื้องบน .. แล้วหล่นร่วง-
จากฝั่งสรวงแทรกสายลงป่ายเปื้อน
ทีละหยดพรากหาว, เมื่อดาวเดือน-
ค่อยคล้อยเคลื่อนเลื่อนดวง .. หยุดช่วงทอ
O สายลมพลิ้วผ่านบท, ความสดชื่น-
ค่อยแตะตื่นตัวรู้ให้ชูช่อ
แสงวิชชุวาบวามก็งามพอ-
ให้คนรอพิศชมได้สมใจ
O ประจุจลน์วนแล่นเหนือแผ่นฟ้า
อวดวิโรจน์เรขาทาบทาให้-
ผืนฟ้าที่หม่นหมองได้ยองใย-
กับเส้นไฟครั่นครื้น .. ยามตื่นตัว
O คำนึงก็โลดเต้น .. ราวเส้นไฟ
บนความนัยแทรกระลอกเข้าหยอกยั่ว
ภาพแววตาคู่นั้น .. ที่สั่นรัว-
ก็เพียงชั่ว .. สบ .. เมิน .. ขัดเขินนั้น
O ภาพหยาดฝนหล่นเม็ด .. ราวเพชรรุ้ง-
บำราศคุ้งโค้งฟ้า, แววตาหวั่น-
ก็รุ่งเรื้องเปลื้องความ .. ให้ตามทัน-
การไหวสั่น-ปริศนาแห่งอารมณ์
O พร้อมเส้นไฟพุ่งเฟื้อย .. แล้วเลื้อยวาบ
คือเนตรปลาบแววปลั่งเข้าถั่งถม-
อกผู้กรำหวานหอม .. ให้จ่อมจม
ด้วยสุดข่มข้ามเขต .. แห่งเลศการณ์
O คะเนนึกคะนึงอยู่, ความรู้สึก-
ก็จมลึกล่วงลงสู่สงสาร
บนฟ้า-ฟ้าครืนครั่น, แสงวันวาน-
วาบแววหวาน-ครั่นครื้น .. ทั้งผืนทรวง
O น้ำหยาดหล่นโปรยปราย, ภาพสายฝน-
ส่าย-ลูบไล้ลมวน .. แล้วหล่นร่วง
ที่แทรกบทรดหลั่ง .. ใจทั้งดวง-
ก็คือท่วงทีท่า .. แฝงอาลัย
O ป่านฉะนี้แสงวาม .. เคยงามระยับ
จะเร้นดวงพริ้มพรับ .. พร้อมหลับใหล
ฤๅรอคอยละห้อยอยู่ .. ด้วยผู้ใด
ฤๅอยู่ในอภิรมย์ .. ด้วยคมคำ
O ป่านฉะนี้ระยับช่วงแห่งดวงเนตร
จะแฝงเลศปรารมภ์ .. พร้อมลมร่ำ-
ฝากหยาดฝนโปรยปราย .. ให้ร่ายรำ
แทน-ความคำ เร้ารุมลงสุมทรวง ?
O ลมเย็นรื่นร่ำโรย, ฝนโปรยปราย
เมื่อความหมายเร้นแฝง-คือแรงหวง-
ค่อยเผยออกคุกคาม, งดงามปวง-
ก็เผยช่วงภพชาติ .. ในภาษ .. พร้อม !
O ต่อหน้ากาลเวลา .. สายฟ้าแลบ
ก็น้อมแนบจินตการอันหวานหอม
กลางเม็ดฝนหล่นร่วง .. ดอก-ดวงพะยอม-
ราวจะน้อมกลีบรับเข้าซับน้ำ
O สายหยุดนั้น .. หยุดกลิ่นแต่สิ้นสาย
หากเนตรฉายแสงวาน .. กลับ-หวานฉ่ำ
จะหยุดฤๅแววระยับ .. พริ้มพรับนำ-
ด้วยเลศนัยจองจำ .. ให้จำนน
O สิ้น .. ภาพไม้เอนรู้-ฤดูลม
เคยพลิ้วพรมอบอุ่นแทนฝุ่นฝน
เหลือ .. ภาพแววละห้อยหา-ในตาคน-
ที่หวานล้น .. รอถนอม .. อยู่พร้อมแล้ว !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2014&date=02&group=11&gblog=541

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, emerald, ระนาดเอก

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
26 กันยายน 2018, 10:46:AM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #2 เมื่อ: 26 กันยายน 2018, 10:46:AM »
ชุมชนชุมชน



O สุดรอคอย O






O สุดรอคอยค่อยเห็นว่าเป็นเจ้า
กี่ภพกาลผ่านเล่าที่เฝ้าหา
เหมือนพิมพ์ภาคฝากมั่นลงสัญญา
ให้ตรึงตราแต่ในน้ำใจเดียว
O เกิดแต่เมื่อ .. กาพย์กลอนสุนทรถ้อย
เผยนัยร้อยความตอบให้ลอบเหลียว
สายใย-อย่างแฝงเร้น .. ฟั่นเป็นเกลียว
เข้ารั้งเหนี่ยวตอบตื่น .. รับชื่นบาน
O จนเร้ารุมสุมซ่อน..ความวอนว่า-
ผ่านพรรณนารูปกลอน .. แสนอ่อนหวาน
เพื่อจะเผยความปวงแห่งดวงมาน
อันสุมซ้อนทรมาน .. นับนานมา
O สืบผ่านความสุจริตในจิตที่-
อ่อนหวานอ่อนโยนมีในทีท่า
วางความสัตย์ในจิตเป็นฤทธา
แลกคุณค่างามพร้อม .. ห่มห้อมใจ
O สืบผ่านการรอคอย .. ละห้อยเห็น
อย่างแฝงเร้นรูปศัพท์ .. ยามขับไข
ก่อนลำดับงดงามของความนัย
คือซาบซึ้งอาลัย .. เริ่มไหวตัว
O จากอ่อนหวาน .. อ่อนละมุน .. แปรคุณค่า
เป็นเหมือนแสงแจ่มจ้า .. กลางฟ้าหลัว
เมื่อ .. อกนั้นแฝงเร้นการเต้นรัว
ก็เมื่อหัวใจคน .. วกวนคิด
O ท่ามกลางช่วงวรรษา .. ท่ามห่าฝน-
ไฟคำรนบนสรวง .. กลางดวงจิต-
ก็แจ่มจ้ารูปรอย .. ให้พลอยพิศ
ก็ตรึงฤทธิ์ตราอยู่ .. ให้รู้นัย
O สุดวิสัยแห่งการจะต้านหน่วง
คลี่คลายบ่วงอาวรณ์ .. จนผ่อนได้
ก็เมื่อในห้วงคิด .. มีจิตใจ
ขณะใดย่อมคำนึง .. เพียงหนึ่งเดียว
O ขณะเมื่อฝุ่นฝน .. หลั่งหล่นนอง
ขณะนั้นพร่ำพร้อง .. การข้องเกี่ยว
ใจเอย .. ราวปลิดปลิว .. ด้วยนิ้วเรียว-
เจ้า-เอื้อมเหนี่ยวเด็ดวางไว้กลางมือ
O ร้างรูปน้ำค้างใสเกาะใบหญ้า
ลมลูบฟ้าล่องริ้ว .. เสียงหวิวหวือ
เมื่อแว่วทรวงเลื่อนลั่น .. เสียงบันลือ
ก็เมื่อใจถูกยื้อ .. อย่างดื้อดึง
O ด้วยแววเนตรลึกล้ำ .. สบสัมผัส
เผยจำรัสอ่อนหวาน .. ส่งผ่านถึง
แฝงร่องรอยปรารถนา .. ลงตราตรึง-
แนบคำนึงบีบเค้นไม่เว้นวาย
O ด้วยแววเนตรอ่อนหวาน .. ส่งผ่านนัย
เพียงจะให้ความพิสุทธิ์เป็นจุดหมาย
มอบ .. อบอุ่นโผนผกในอกชาย
สรวงก็คล้าย .. ชะลอเทียบให้เหยียบยืน
O แต่ละครั้งคราวสมัย .. วาบไหวระส่ำ
คือไฟคร่ำครวญเสียง .. แล่นเคียงคลื่น
ก่อนสุ้มเสียงหนึ่งตระหลบเข้ากลบกลืน
คือเสียงใจเต้นตื่น .. ระรื่นรับ
O จึงครั้งคราวคาบสมัย .. หัวใจระส่ำ
คืออ่อนหวานแทรกซ้ำเป็นลำดับ
มีอ่อนโยน .. เอ็นดู .. เกินรู้นับ
เข้าจู่จับคำนึง .. ใครหนึ่งนี้
O ย่อมเกินการณ์บ่ายบี่ยง หรือเลี่ยงพ้น
เมื่อใจคน .. ครวญคะนึงอยู่อึงมี่
เสน่หา, อาลัย, ความใยดี-
จึงโหมลีลาตื่น .. ครึกครื้นขบวน
O สุดรอคอย .. จึงเห็นว่าเป็นเจ้า
ผ่านวัฏฏะแล้วเล่า .. รอเฝ้า-หวน
จิตวิญญาณ-รูปภพ .. เมื่อพบ-จวน
ความคร่ำครวญ .. ละห้อยเห็น ย่อมเร้น-เลือน !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2014&date=16&group=11&gblog=582

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, emerald, ระนาดเอก

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
29 กันยายน 2018, 06:25:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #3 เมื่อ: 29 กันยายน 2018, 06:25:PM »
ชุมชนชุมชน



O ปีกนก กับ อกคน .. O





O ถึงรอบนกโบกบิน .. ยามสิ้นฝน
เพื่อร่วมดับมืดหม่นให้ป่นหาย
ถึงเพ-ลาลมล่อง .. วันผ่องพราย-
แสงกำจายโลมโลก .. พ้นโศกตรม
O ทานตะวันช้อยช่อ .. ร่ำรอแดด-
ทอลงแวดล้อมอยู่ .. รับสู่สม
หลังผึ้งภู่ตฤปหอม .. แล้วจ่อมจม-
รสรื่นฉมฉ่ำหวาน .. แห่งกาลนี้
O ต้อง-ลมหนาวล่องสายรำบายผ่าน
หอมดอกมาลย์, ภุมรินก็บินปรี่-
หมายเสพหวานเรณูอย่างรู้ที-
เกสรรูป .. กลีบสี .. อย่างที่เคย
O เมื่อปีกนกโบกบ่ายสู่ปลายฟ้า
แววนัยน์ตาห่วงละห้อยก็ค่อยเผย-
อิริยา .. รูป .. จริต .. ลงชิดเชย-
หยอก .. ยั่ว .. เย้ยปรารถนาเพรียกอาวรณ์
O คำนึงล้ออารมณ์ .. กลางลมร่ำ
ภาพแก้มก่ำ .. อ้อนออด, พาทอดถอน-
สะท้านสะเทิ้นห้วงใจเหมือนไฟฟอน-
คอยรุมร้อนเร้าอยู่ ไม่รู้วาย
O ดูเถิด .. รูปผ่องแผ้วในแววตา-
นั้น-เกินกว่า-พรับเบือนให้เลือนหาย
ล้อ-อารมณ์ .. อาลัย .. หัวใจชาย-
ให้แต่หมายมุ่งงาม .. อย่าคร้ามเกรง
O สกุณาป่าฝน .. บินพ้นผ่าน
เมื่อรูปคราญเร้ารุม .. เข้ากุมเหง
ฝากลมเช้าร่ำสั่ง .. เสียงวังเวง-
คอยบรรเลงกล่อมเกล้า .. ผู้เยาว์วัย
O วันลอยดวงเลื่อนคว้างขึ้นกลางหาว
หากแสงวาววับนั้น .. กลับสั่นไหว
โดย-อารมณ์อาวรณ์ .. สุมซ้อนนัย
เผยออกให้รับรู้ .. มอบสู่กัน
O ปลายปีกนกบ่ายโบกสู่โลกไกล
หากที่ใกล้ชิดอยู่ .. เกินรู้กั้น
คืออาวรณ์อาลัย .. ดั่งไฟควัน-
สุมทรวงสั่นไหวอยู่ .. ไม่รู้วาย
O ปีกนกกาง .. เสียงขรม .. ล้อลมร่ำ
ยังคลาคล่ำรูปเงาจนเข้าสาย
พร้อมหวานซึ้งดื่มด่ำ .. ช่วยรำบาย-
ความมุ่งหมายด้านในหัวใจคน
O ม่านฟ้าเปิด .. เมฆขาว .. ลมหนาวล่อง
ก็เมื่อต้องหวานประดังอีกครั้งหน
เบาบางปลายปีกนก .. ห้วงอกตน-
คล้ายวกวนว่อนอยู่ .. เกินรู้วาง
O ฤดูนี้ลมร่ำ .. อยู่ค่ำเช้า
ปีกบางเบา.. ก็ร่อนอยู่แต่ตรู่สาง
ลมเอย .. แว่วลมหวน .. เสียงครวญคราง
เหมือนใจบางเสี้ยวส่วน .. คร่ำครวญคอย
O โหยหาคอยบีบเค้นไม่เว้นว่าง
ในที่ทางเย็นเยียบ .. แสนเงียบหงอย
ในเที่ยวทางเหยียบย่ำ .. ซ้ำซ้ำรอย
เพียงละห้อยห่วงเห็น .. ที่.. เป็น .. มี
O สายหยุด .. กลีบดอกบาน .. ย่อมลาญร่วง
ดั่งสูงสรวง .. กาลเวียน .. ย่อมเปลี่ยนสี
เหลืองแสดมาลย์หมดกลิ่น .. ก็สิ้นดี
เหลือไมตรีพี่นั้น .. ยังมั่นคอย
O ปีกบางยังลอยล่องเต็มท้องฟ้า
เมื่อเหว่ว้าแตกดับจนยับย่อย
หัวใจเคยมืดมน .. ก็หล่นลอย
กับร่องรอยนัยชู้ .. ฤดูลม
O ที่-เสพรับความคำ .. ตอกย้ำอยู่
พึงรับรู้ .. ร่วมหวัง .. ร่วมสั่งสม-
ความรู้สึกเสน่หาในอารมณ์
เบิกบทบ่มหวานหอม .. รายล้อมทรวง
O เสพรับความสื่อสู่ .. จงรู้ว่า-
มีคุณค่าสอดซุก .. ไปทุกช่วง-
เพียงร่ำรอ .. ความคำเคยบำบวง-
ให้เริ่มช่วงกำลัง .. เข้าสั่งการ
O เสพรับความนัยชู้ .. จงรู้ว่า-
เสน่หาพรั่งพร้อมรสหอมหวาน
มีไว้เพื่อจบจูบ .. ใจรูปคราญ
ให้-สุดต้านทานรส .. แม้บทเดียว !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2014&date=04&group=11&gblog=598

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : emerald, ระนาดเอก, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
14 ตุลาคม 2018, 01:36:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #4 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2018, 01:36:PM »
ชุมชนชุมชน



O ขวัญพี่ .. O






O อีกครั้งและอีกครา .. เพ-ลานี้
สุดหัวใจจะหลีกลี้หลบหนีหาย
หลังรูปลักษณ์ละม่อมหน้า-นัยน์ตาชาย-
สบ-รำบายรูปเงา .. รุมเร้าทรวง
O อีกครั้งและอีกครา .. เกินกว่าซ่อน-
แรงอาวรณ์อาลัยอันใหญ่หลวง-
ค่อยฝ่าความเปลี่ยวเปล่า .. คล้ายเงาลวง-
ของใครนั้นล้ำล่วง .. แทรกดวงใจ
O แต่ละคาบแต่ละช่วง .. ในห้วงคิด
คล้ายต้องฤทธิ์แทรกซ้อนจนอ่อนไหว
ฤทธิ์ซาบซึ้งอ่อนหวาน .. ที่หวานใด-
หาเถิดใน .. ปัถวียากมีเทียม
O ตั้งแต่แสร้งมอง-เมิน .. แล้ว-เขิน-หลบ
ครั้นเผลอสบก็คล้ายคล้าย จะอายเหนียม
จนเมื่อสุดข่มใจ .. ข่มให้เจียม
ก็เต็มเปี่ยมดื้อด้าน .. เกินต้าน-ดึง
O เหมือนถูกจองที่แล้วในแววตา
อยู่ค้ำคาห้วงจิตแต่คิดถึง
เคลื่อนสายใยปฏิพัทธ์เข้ารัดรึง
โอนอบอุ่นหวานซึ้งเข้าตรึงทรวง
O เหมือนถูกจอง .. ที่ทางระหว่างที่-
อ้อมไมตรีโอบแทน .. อ้อมแขน-หวง
อ่อนไหวและอ่อนหวาน .. กว่าหวานปวง
ก็หลอมใจทั้งดวง .. ด้วยห่วงใย
O ราวว่าใจถูกกัก .. รอนศักดิ์-สิทธิ์
ด้วยแรงฤทธิ์อาวรณ์สุดถอนไหว
มีรุ่มร้อนรุกรานเผาผลาญใจ
จากอาลัยรูปนิมิตจนติดคา
O ยอมเถิดนะ .. คนดี .. อย่าลี้หลบ
ยอมสืบภพร่วมชาติ .. ด้วยวาสนา-
สองเรานั้นบันดลด้วยมนตรา-
จากฤทธาเสกสั่ง .. เทพทั้งปวง
O ตะวันลับแสงล่ม .. หรือลมเคลื่อน
ดาวจะเลื่อนเดือนพรากไปจากสรวง
หากอีกคนจนถึง .. ใจหนึ่งดวง
สุดเลือนล่วงลับแล้ว .. นะแก้วตา
O ฟังเถิดนะ .. คนดี .. เสียงที่กระซิบ
จากดินแดนไกลลิบ .. กระซิบว่า-
เพราะตักบาตรร่วมขัน .. ด้วยกันมา
เสน่หาจึงรับรอง .. เพียงสองเรา
O ฟังเถิดนะ .. คนดี .. เสียงที่กระซิบ
จากดินแดนไกลลิบ .. กระซิบเจ้า
ปรารถนาพี่แรง..เกินแบ่งเบา-
สุดผ่อนเพลาคุณค่า .. ความอาลัย
O จากหนาว-ร้อน-แล้ง-ฝน .. ตราบฝนผ่าน-
ยังคงหวานหอมอยู่จนรู้ได้
ทุกฝุ่นฝนหล่นล่วง .. จึงทรวงใคร-
ยังสั่นไหวซ้ำซ้ำ .. ด้วยจำนง
O สดับเถิดคำกรองทำนองเสนาะ
ความจะเลาะเร้ารุมให้ลุ่มหลง
พินิจเถิดนัยคำ .. ตอกย้ำลง-
เพื่อสาปส่งเวทย์มนต์ .. มาดลใจ
O .. ว่าอ้อมอก .. อาทร .. รออ้อนซบ-
แนบหน้าอบอุ่นขวัญ .. ทอนหวั่นไหว
จะกล่อมเกล้าโอบกาย .. คลี่สายใย
รัดพันไว้ .. สุดวิถีแห่งชีวัน
O หาก-เมินเฉยซ่อนเร้น .. ไม่เห็นหน้า
ใคร .. อาจท่วมทรมาถึงอาสัญ
หากรอคอย .. ละห้อยเห็น .. ไม่เห็นกัน
จะโศกศัลย์สุดเทวษทวีทรวง
O รับรู้เถิด .. รอถนอมละม่อมพักตร์
รอโอบกอดกุมกัก .. ด้วยรัก-หวง
เพียงหนึ่งที่วาดหวัง .. ใจทั้งดวง
จะเลื่อนล่วง .. ลงสำหรับ .. ประดับใจ
O ขวัญเอย .. ขวัญพี่
ค่ำคืนนี้ .. ดาวดับเดือนหลับใหล
จะแทรกฝัน .. แนบทรวง, พร้อมห่วงใย
โอบกล่อมให้นิ่งสนิท .. กลางนิทรา
.
.
แทรกอีกฝัน .. ให้หนุน-เนื้อ, อุ่นไอ
โอบขวัญให้เนตรระยับ .. ขึ้น-รับรู้ !


https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2014&date=19&group=11&gblog=525

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, สุวรรณ

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
04 พฤศจิกายน 2018, 04:26:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #5 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2018, 04:26:PM »
ชุมชนชุมชน




O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O







O ท่ามกลางเสียงหลากหลายที่รายล้อม
ก็พรั่งพร้อมรูปรอย .. อยู่คอยท่า
มีหัวใจผู้ถวิล, รูปจินตนา
ล่องลอยพาชาติภพ .. กรรทบกัน
O วาบ-วงแสงปลั่งช่วงในดวงตา
นั้น-เหมือนว่าโลมลูบด้วยรูปฝัน
ผุด .. ล่ม .. แล้ว-เวียนว่ายที่ปลายวัน
รายล้อมใจนี้-พลัน .. ให้สั่นรัว
O แววตาออดอ้อน-แซม .. เนียนแก้มอิ่ม
ก็เผยแววซ่อนยิ้ม-พรับพริ้ม .. ยั่ว
มองเห็นความรมย์รื่น .. นั้นตื่นตัว-
เข้าล่มความหม่นมัวจากหัวใจ
O รูปองค์เอย .. ผ่านภพมาจบต้อง
พาดรูปพ้องภาพฝัน .. สู่วันใหม่
อิริยารูปจริต .. หรือ ผิดไป-
จากฝันใฝ่ในจิต .. แม้-นิดเดียว ?
O หรือคาบยามแรงถวิล .. เริ่มดิ้นรน
เมื่อใจคนแต่ละล้าละลังเหลียว
คอยออดอ้อนแว่วมา, รูปหน้าเรียว-
จะโน้มรูปกอดเกี่ยวทุกเสี้ยวใจ
O รูปองค์เอย .. เผยภพบรรจบแล้ว
จะพาความผ่องแผ้ว .. เลือนแล้วไฉน
ควรต้องอยู่ผูกพันร่วมกันไป
คลี่สายใยล้อมขวัญ .. เกินบั่นทอน
O วาบ-วงแสงปลั่งช่วง .. ภาพช่วงนั้น
ค่อยไหวสั่นเนตรชม้าย .. เหลือบคล้าย .. อ้อน
แว่วในโสตเสียงเย้า .. ยั่ว .. เง้างอน
แต้มอกใจอาวรณ์สะท้อนสะท้าน
O หรือนี่ .. ฤทธิ์อำนวยของทวยเทพ
พาสบ .. เสพ .. รูปภาคแล้วยากผ่าน
ดั่งภู่ผึ้งตื่นระลอก .. หอมดอกมาลย์
เสพรสหวานซ่านสิ้นทั้งอินทรีย์
O ยิ่งกว่าผึ้งภู่บินล้อมกลิ่นมาลย์
ที่เบ่งบานหอมสิ้นทั้งกลิ่นสี
แต่รับรู้หอมหวานรูปคราญมี
ก็สุดที่เหนี่ยวใจรั้งให้รอ
O โอ หรือใจสั่นรัว .. จากยั่วเย้ย-
เขาเฝ้าเอ่ยเอื้อนออกเพียงหลอกล่อ
ให้รับรู้รูปเสียง .. จนเพียงพอ-
ช่วยเติมต่อเสน่หาแรงอาลัย
O หรือเพียงว่า .. รูปฝันมาพลันพ้อง-
กับผุดผ่องรูปคราญ .. เพื่อผ่านให้-
มือที่มองไม่เห็น .. บีบเค้นใจ-
จนสั่นไหวเผยช่วงที่ดวงตา
O ดูเถิด .. แววยิ้มยั่วไม่กลัวเกรง-
จะข่มเหงใครเลย, หรือ-เผยหน้า-
หมายแทรกแทนรูปฝันแล้วบัญชา-
ให้คอยหาคอยเห็น .. อยู่เช่นนั้น ?
O เมื่อมีรูป, มีใจสั่นไหวอยู่
สบ-รับรู้ .. แล้วใครเล่าไหวหวั่น ?
เมื่อเพียง .. ใจ-รูปภพ .. บรรจบกัน-
ย่อมต้องสั่นสิ้นทั่วทั้งหัวใจ
O เมื่อมีรูป, ภาพฝันคอยสั่นรัว
เย้า-หยอกยั่ว .. ออดอ้อน, ที่อ่อนไหว-
จะเป็นภาพเวียนวก .. หรืออกใคร-
รู้ดีแล้วใช่ไหม .. อกใจนั้น ?
O เหลือแต่ควรต้องคิด .. รับผิดชอบ
อยู่คอยปลอบ .. ประโลมให้ .. ผู้ไหวหวั่น-
รับแรงชู้อ่อนหวาน .. ส่งผ่านพลัน
ล่มรูปฝัน .. ทอทาบด้วยภาพจริง
O โอ .. แววตาวาบตอน .. ผู้อ่อนไหว-
ยั่วล้อใจอาวรณ์ .. ออดอ้อนยิ่ง
ผ่อนรูปนามโน้มแนบลงแอบอิง
เพื่อถ่ายทิ้งรูปฝันจากสัญญา
O ยิ่งกว่าแสงปลั่งช่วงบนสรวงนั่น
คือรูปฝันหยัดรอย .. อยู่คอยท่า
ผุด .. รูปความผ่องแผ้วไม่แล้วลา
รายล้อมด้วยเสน่หา .. เพรียก-อาลัย
O ท่ามกลางเสียงหลากหลาย, แว่วคล้ายว่า-
จักเผยรูป .. ออกมาร่วมปราศรัย
โอ ศัพท์เสียงแว่วอยู่ .. จากผู้ใด-
บอกว่า .. ทั้งหัวใจ .. มอบให้แล้ว !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=12-2014&date=30&group=11&gblog=609&fbclid=IwAR3jo8GG8rQEbJ-n4vlTnu6Vqglwv_WB-Bs30AllDzBX_U-HHDRsnzngSpc

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : สุวรรณ, พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, วลีลักษณา

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
31 ธันวาคม 2018, 07:40:PM
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« ตอบ #6 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2018, 07:40:PM »
ชุมชนชุมชน


O หอมดอกแก้ว .. O






1 ..
O ลมอบอุ่นผ่านล่อง, สูรย์ผ่องแผ้ว
เสียงหวีดแว่วเสียดรวง..ค่อยล่วงหาย
ดอกมาลย์ช้อยกลีบเชื้อ, ผีเสื้อลาย-
ก็บินบ่ายเข้าล้อม..กรุ่นหอมนั้น
O แก้วดอกขาวหอมอ่อนกำจรกลิ่น
ต้องลมรินโลมไล้..ก็ไหวสั่น
เกสรรูปหวานหอม..ก็พร้อมปัน-
หวานหอมนั้นพร่างพรม..กลางลมโรย
O อ่อยเอื่อยสายลมไล้ลูบใบหญ้า
ดั่งแววตาสบแล้ว-ใจแผ่ว..โหย
หอมรูปนาม, ละห้อยหา..ก็ปร่าโปรย-
อยู่ในสายลมโชย..แห่งรุ่งเช้า
O อบอุ่นกลางลมอุสุม, ที่รุมอยู่-
คือแววชู้ทอดทับความอับเฉา
พาคำนึงโลมลูบแต่รูปเงา-
ของวัยเยาว์ซ่อนยิ้ม..ผูก-พิมพ์ใจ
O เอิบอิ่มแก้มเนียนเนื้อ..ช่างเหลือรู้-
แฝงเร้นความเอ็นดู..ซ่อนอยู่ไหว
เกรงร่องรอยปรารถนาแรงอาลัย-
จะขับไขเผยค่าเต็มตาแล้ว
O คลื่นลมอุ่นอ้อนฟ้า..ผ่านป่าฝน
ริ้วลมวนเวียนโชย..แม้นโผยแผ่ว-
หาก-เรียวหญ้ายังค้อมยอดพร้อม-แวว-
วาบสั่นแสนผ่องแผ้ว..ทั้งแววตา !
O คลื่นอาวรณ์พลันช่วง..ในห้วงคะนึง
ด้วยงามซึ้งหวานพร้อม..ละม่อมหน้า
ฟ้าบนมีดวงวัน, ในสัญญา-
ก็เพียบพร้อมคุณค่าให้ปรารมภ์
O งดงามกลางดอกดวงลดามาศ
เมื่อโอภาสปลาบปลั่งค่อยสั่งสม
คุณค่าเฝ้าเปรียบเปรยรอเชยชม-
ก็แฝงริ้วสายลมห้อมห่มใจ
O จึง-ฤดูลมล่อง..นกท่องฟ้า
มีแววตาคู่นั้น..คอยสั่นไหว-
แฝงฝากความออดอ้อน..แอบซ่อนนัย-
ความอาลัยยามชม้าย..ที่คล้ายเมิน
O แม้-ลมอุ่นอบอ้าว..ในคราวนี้
แววตาที่บอกชัด.จะขัดเขิน
หากเมื่อลมผ่านระลอกคอยหยอกเอิน
ใครนั่นย่อมสั่นสะเทิ้นทั้งแววตา
O อบร่ำริ้วลมร้อน..กำจรผ่าน
ถ้วนปวงความอ่อนหวานก็ปานว่า-
โหมรอบลงล้อมขวัญ..แล้วบัญชา-
เร่งเร้าอาวรณ์ชู้..ให้อยู่เคียง
O แก้วดอกขาวหอมอ่อนกำจรกลิ่น
เมื่อถวิลอาลัย..นั้นให้เสียง
ว่า-ถ้วนปวงความถ้อยร่ำร้อย, เพียง-
เผยความเรียงตอกย้ำ..ด้วยคำเดิม
.
.
2 ..
O มีเจ้า..ยอดเยาวพา
ราวฝั่งฟ้าเบิกบุญลงหนุนเสริม
ทิพรูปในภวังค์แต่ดั้งเดิม-
ราวแต่งเติมแรงถวิลแนบวิญญาณ
O พารื่นรมย์ลุกลามไปสามโลก
ทอนสร้อยโศกเงียบเหงาเคยเผาผลาญ
ถ้วนปวงมธุรสทั้งพจมาน
ก็บรรสารสุมสั่งไม่รั้งรอ
O จะจำหลักลงทรวง-ความห่วงหา
เพื่อคุณค่างามเลิศ..เมื่อเกิดก่อ-
จักผูกชาติหวงแหน-จนแน่นพอ-
ตราบโลกย่อเที่ยวทาง..ให้ย่างเท้า
O เพียงเจ้า..เท่านั้นเจ้าขวัญน้อย
ที่ดวงใจนี้ละห้อย..และคอย-เฝ้า
ทิพรูปเจ้าเอย..แต่เผยเงา
ก็รุมเร้าใจอยู่..เกินรู้ล้าง
O ฤๅ-พรแถนแมนสรวง..ทุกช่วงชั้น
พาร่ำรสรำพัน..ไม่กั้นขวาง
เพรงบุญในกาลอดีต..ฤๅขีดทาง
พาชดช้อยก้าวย่างลงกลางใจ
O ทิพรูปในภวังค์ก็หยั่งร่าง-
ในช่วงกลางอาวรณ์และอ่อนไหว
เดือนดาวที่กลางสรวง..ฤๅดวงใด-
อาจบรรเจิดแจ่มได้..เท่านัยน์ตา ?
O แต่นี้-เวียนเกิดดับกี่กัปกัลป์
ขอยกขวัญยอบุญเทียบคุณค่า
สบรูปเมื่อใดนั้น..จงบัญชา-
ให้จมห้วงเสน่หา..จนกว่าวาย !
O แต่นี้-เวียนเกิดดับกี่กัปกัลป์
ขอผูกพันเพียงเจ้า..เป็นเป้าหมาย
ยึดครองเถิด, อย่างไรทั้งใจกาย-
นี้-คงสายเกินการณ์..จะต้านแล้ว !


https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=02-2012&date=26&group=11&gblog=379

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ระนาดเอก, พี.พูนสุข, ไผ่เดียวดาย

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s