กาลครั้งนั้น ที่วัดเซนแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น มีพระเซนพำนักอยู่ 2 รูป องค์พี่เป็นเจ้าอาวาส ผู้มีเมตตา ส่วนองค์น้องค่อนข้างใจร้อน และตาพิการเห็นเพียงข้างเดียว
ในสมัยนั้น เป็นประเพณีนิยม ของเหล่าพระเซน ก็คือ เมื่อจาริกแสวงบุญไปวัดใดๆ วัดเซนวัดนั้นต้องถามตอบปริศนาธรรม เพื่อทดสอบภูมิธรรมก่อน ที่จะให้ที่พำนักแก่พระอาคันตุกะ
อยู่มาวันหนึ่ง ท่านเจ้าอาวาส สั่งให้พระผู้น้องไปต้อนรับพระอาคันตุกะ ด้วยเหตุต้องออกไปธุะนอกวัด .........เมื่อได้นั่งบนอาสนะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งสององค์ พระผู้มาเยือนจึงตั้งปริศนาธรรมก่อนโดย "กำมือขึ้นข้างหนึ่ง แล้วขูนิ้วชี้ขึ้นบน" พระเจ้าบ้านถึงกลับอึ้ง แล้ว "กำมือขึ้นข้างหนึ่ง แล้วขูนิ้วขึ้นบนสองนิ้ว" พระอาคันตุกะ โค้งให้ด้วยความเคารพจึง "กำมือขึ้นข้างบน แล้วชูนิ้วขึ้นข้างบน สามนิ้ว " พระเจ้าบ้านหน้าดุดัน คุกเข่าขึ้น "กำหมัดขึ้น พร้อมควงไปในอากาศ" พระอาคันตุกะแสดงท่าละอายใจ รีบเดินเข่าถอยหลังออกมา
ที่ประตูวัด ท่านเจ้าอาวาสกลับมาถึง พระอาคันตุกะเดินสวนออกไป ท่านเจ้าอาวาสจึงถาม "คืนนี้ท่านไม่หยุดพักแล้วหรือ?" พระอาคันตุกะก้มหน้าลงตอบ "ภูมิธรรมของผมยังด้อยไปไม่อาจรบกวนท่านได้ ขอรับ" ท่านเจ้าอาวาสจึงขอให้พระอาคันตุกะเล่าเรื่องราวให้ฟัง
พระอาคันตุกะจึงเล่า "กระผมชูมือขึ้นและยกนิ้วชี้ขึ้นไป หมายจะแสดงว่า พระพุทธองค์ผู้ทรงมีพระเมตตาไพศาล ประดุจดังดวงอาทิตย์ ที่ส่องแผ่ความสว่าง ระงับความมืดมนแห่งอวิชา แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย" แล้วพระอาจารย์องค์นั้นจึง "กำมือขึ้นข้างหนึ่ง แล้วชูนิ้วมือขึ้นมา 2 นิ้ว ก็ซึ่งแสดงความหมายว่า อันพระศาสดาของพวกเราแม้จะเสด็จเข้าสู่พระปรินิพานแล้วแต่พระธรรมที่ทรงแสดงไว้ดีแล้ว ก็ยังเป็นแสงสุริยะนำทางสรรพสัตว์ทั้งหลายต่อไป" กระผมจึงยกขึ้น 3 นิ้ว หมายแสดง ว่า เมื่อมีพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้าแล้ว ยังมีพระสงฆ์สาวกแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า ประพฤติขอบแล้ว ปฏิบัติดีแล้ว มุ่งตรงสู่พระนิพพาน เป็นบุตรแห่งพระพูทธองค์ที่ทรงชี้นำทาง" พระอาจารย์ท่านนั้นจึง " กำมือขึ้นแล้วควงไปในอากาศ ดังจะหมายว่า คุณแห่งพระพุทธเจ้า คุณแห่งพระธรรมเจ้า คุณแห่งพระสงฆ์เจ้า เข้ากลมเกลียวกันเป็นพระรัตนตรัย เป็นสรณะอันผ่องใสในโลกนี้มีเพียงหนึ่งเดียว
เมื่อท่านเจ้าอาวาสกลับถึงทีพัก พระน้องชายยืนรอต้อนรับอยู่ ท่านจึงทัก "ธรรมที่เธอได้สนธนานั้น นับว่าเป็นธรรมแห่งผู้เจริญ เป็นธรรมแห่งอริยชน" พระน้องชายท่านทำท่างวยงง แล้วตอบ "มิใช่นะ ขอรับท่านเจ้าอาวาส" ท่านเจ้าอาวาสจึงขอให้ พระผู้น้องเล่าเรื่องราวแห่งการถามตอบปริศนาธรรมให้ท่านฟัง
พระผู้น้องจึงเล่า "พระท่่านนั้น พอเห็นหน้ากระผม เขายกขึ้นนิ้วเดียว ดูถูกว่า กระผมตาพิการเหลือตาเพียงข้างเดียว กระผมได้แต่ข่มใจ.... ตอบโดยยกนิ้วขึ้นมา 2 นิ้ว หมายแสดงให้เห็นว่า ยินดีกับท่านด้วยที่มีตาทั้งสองข้างไม่พิการเหมือนกระผม ......ยิ่งร้ายกว่านั้นพระท่านนั้นยกขึ้น 3 นิ้ว เย้ยอีกว่าเราสองคนรวมกันมีแค่ 3 ตา...กระผมเหลืออดสะกดไม่อยู่ กำลังกำหมัดต่อยไป แต่เจ้าพระรูปนั้น ถอยกลับออกมาก่อนครับ....." เอวังฯ*************************************************************************************************************
เหมือนที่ เช็คสเปียร์ เขียน " Two folks look through same hole,one sees mud, one sees star" แปลโดยท่าน ฟ.ฮีแลร์ แห่งอัสสัมชัญ ว่า
สองคนยลตามช่อง
คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม
คนหนึ่งตาแหลมคม
มองเห็นดาวอยู่พราวแพรว
weazu123 พุธที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๑