ซาบซึ้งตรึงตรา..อักษรารังสรรค์
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
23 พฤศจิกายน 2024, 04:44:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7 ... 10
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ซาบซึ้งตรึงตรา..อักษรารังสรรค์  (อ่าน 187184 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
23 สิงหาคม 2018, 06:51:AM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #40 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2018, 06:51:AM »
ชุมชนชุมชน


 เคารพรัก เคารพรัก เคารพรัก

บทนำ

คำประพันธ์ บทพระธรรม ไม่จำเพาะ
ว่าจะต้อง, ไพเราะ เพราะอักษร
หรือสัมผัส ช้อยชด  แห่งบทกลอน
ที่อรชร เชิงกวี  ตามนิยมฯ

ขอแต่เพียง ให้อรรถ แห่งธรรมะ
ได้แจ่มจะ ถนัดเห็น เป็นปฐม
แล้วได้รส แห่งพระธรรม  ด่ำอารมณ์
ที่อาจบ่ม  เบิกใจ  ให้เจริญฯ

ให้นิสัย  เปลี่ยนใหม่  จากก่อนเก่า
ไม่ซึมเศร้า สุขสง่า น่าสรรเสริญ
เป็นจิตกล้า  สามารถ ไม่ขาดเกิน
ขอชวนเชิญ  ชมธรรมรส งดกวีฯ

 


เป็นมนุษย์หรือเป็นคน?

เป็นมนุษย์ เป็นได้ เพราะใจสูง
เหมือนหนึ่งยูง มีดี ที่แววขน
ถ้าใจต่ำ เป็นได้ แต่เพียงคน
ย่อมเสียที ที่ตน ได้เกิดมา

ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ
ถ้ามีครบ ควรเรียก มนุสสา
เพราะทำถูก พูดถูก ทุกเวลา
เปรมปรีดา คืนวัน สุขสันต์จริง

ใจสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า
ใครมีเข้า ควรเรียก ว่าผีสิง
เพราะพูดผิด ทำผิด จิตประวิง
แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย

คิดดูเถิด ถ้าใคร ไม่อยากตก
จงรีบยก ใจตน รีบขวนขวาย
ให้ใจสูง เสียได้ ก่อนตัวตาย
ก็สมหมาย ที่เกิดมา; อย่าเชือนเอยฯ
 

พุทธทาส  อินทปัญโญ
คำกลอนสอนธรรม
            หนังสือดี  ๑๐๐ ปี  พุทธทาส       
   

 เคารพรัก เคารพรัก เคารพรัก

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, @free, วลีลักษณา, ธนุ เสนสิงห์

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
25 สิงหาคม 2018, 09:20:AM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #41 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2018, 09:20:AM »
ชุมชนชุมชน

 ซึ้งจัง ซึ้งจัง


 ๒๕  สิงหาคม   วันรำลึกถึง..
ท่านอังคาร  กัลยาณพงศ์
"กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์"





ท่านได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์  ปี ๒๕๓๒
และได้รับรางวัลซีไรต์ประจำปี ๒๕๒๙ จากกวีนิพนธ์เรื่อง ปณิธานกวี


เคารพรัก

http://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=21532.0
..ปลายพู่กันสะบัดจารงานอักษร...อาลัยท่านอังคาร..


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ธนุ เสนสิงห์, @free, วลีลักษณา, รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
03 กันยายน 2018, 08:58:PM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #42 เมื่อ: 03 กันยายน 2018, 08:58:PM »
ชุมชนชุมชน



 เรื่องนี้..อ่านกันแล้วรึยัง..?
                       ซึ้งจัง
 
เปิดอ่านเรื่องนี้..สะดุดตาทันที..
ตรง..รูปแบบการนำเสนอคำประพันธ์ประเภท กาพย์
กวีจัดเรียงเป็นย่อหน้า ๆ  ในหนึ่งย่อหน้าจะมีกาพย์หลายบท 
เรียงต่อบทกันไปยาวจนจบความ
รู้สึกฉงนมาก ๆ  กวียุคนั้นกล้าแหวกแนวในการนำเสนอ
เคยชินจากที่เคยเห็นเรื่องอื่น ๆ  ที่จัดย่อหน้าเพียงบทเดียว  
ดูง่ายว่าเป็นคำประพันธ์ประเภทใด
จากคำนำของผู้จัดพิมพ์ใหม่ในครั้งที่ ๖ นี้ บอกไว้ว่า
พิมพ์ตามต้นฉบับที่จัดพิมพ์ครั้งแรกโดยโรงพิมพ์หมอสมิธ  ในสมัยรัชกาลที่ ๕ 
ส่วนเนื้อเรื่องนั้น สันนิษฐานว่าน่าจะแต่งขื้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา
โดยสังเกตจากการสมมุติเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยนั้น
และในสมัยนั้นมีนิทานชาดกให้อ่านเล่นกันเรื่องหนึ่ง คือ “ธนญชัยบัณฑิต”   
ศรีทะนนไชย  แต่งเป็นนิทานคำกาพย์  ประเภท กาพย์ยานี กาพย์สุรางคนางค์ และกาพย์ฉบัง
ที่สำคัญไม่ปรากฏนามผู้แต่ง
เล่มใหม่นี้ จัดพิมพ์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๖  สำนักพิมพ์โฆษิต
อ่านเพลิน..ตั้งแต่ต้นจนจบ..  แต่อย่าให้ใครมาว่าเราเป็นศรีทะนนไชยหนา...ขอบอก !  หัวเราะยิ้มๆ

เชิญอ่านย่อหน้าแรกค่ะ ว่าเป็นกาพย์ประเภทใด และมีจำนวนบทกี่บท

         ๏ ข้าขอยอหัตถ์ นบนิ้วโสมนัส เหนือเกล้าเกศี ถวายอภิวาท วรบาทมุนี คุณลํ้าโลกีย์ อเนกครามครัน พระพุทธองค์ทรงสวัสดิ์ ปราโมทย์โปรดสัตว์ สิ้นสุดมนุษย์สวรรค์ พรหมินอินทร์องค์ สุริยงวงจันทร์ ไม่เทียบเทียมทัน ทุกชั้นเทวา อมรมารมนุษย์ หมู่พราหมณ์พรหมบุตร ยุติขัติยา บรรดาปัจจามิตร ตามติดศาสนา พ่ายแพ้อัปรา เดชาชินวร ปลดปลงสงสัย มุนีเวไนย สรรพสัตว์สโมสร แก้ทั้งทุกขา ปัญหาพยากรณ์ โปรดสัตว์ตัดรอน ลุถึงนฤพาน พระทรงธรรเมศ ประเสริฐวิเศษ สูงสุดวิมานเทวามนุษย์ เทพบุตรกราบกราน ถวายวันทนาการ บ่ได้เว้นวาย พระอริยวงศ์ สาวกพระสงฆ์ ทรงศีลสืบสายสลัดตัดเภท ละกิเลสทำลาย ลุล่วงขวนขวาย ราคร้ายราคี ไหว้คุณอาจารย์ สอนเรียนเขียนอ่าน ให้รู้บาลี ไหว้คุณบิตุเรศ ปกเกศเกศี อีกทั้งชนนี ที่เลี้ยงประคอง พระคุณเลิศล้น ธรณีแนวชล บ่เปรียบถึงสอง หากอุประมา คุณาเนืองนอง แห่งท่านทั้งสอง อเนกครามครัน พรรณนานับคุณ ถ้วนแล้วบริบูรณ์ โดยลำดับกัน ขอแต่งทำนอง จงคุ้มครองฉัน ตามเรื่องราวนั้น ท่านเล่าสืบมา หญิงชายผู้ใด อ่านเล่าเจนใจ จำไว้เถิดนา ผิดบ้างพลั้งพลาด อย่าประมาทนินทา ติเตียนตัวข้า ปัญญาโฉดเขลา ข้าพึ่งคิดแต่ง ลิขิตคลางแคลง อักษรหนักเบา ท่านผู้รู้แท้ ช่วยแก้แต่งเอา ผิดชอบข้าเจ้า อย่าถือโทษา ฯ

                               


คำตอบ   เป็นกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘   จำนวน  ๑๑ บท

 คอยติดตามอ่านเนื้อเรื่องบางย่อหน้าต่อไปนะคะ  
 

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, @free, ธนุ เสนสิงห์

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
16 กันยายน 2018, 06:48:PM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #43 เมื่อ: 16 กันยายน 2018, 06:48:PM »
ชุมชนชุมชน

เนื้อเรื่อง..  ย่อหน้าต่อไป เป็นกาพย์สุรางคนางค์เช่นเดิม

     ๏ จักกล่าวนิทาน เรื่องราวบุราณ แต่ก่อนโพ้นมา ยังมีกษัตริย์ จักรพรรดิราชา เสวยราชนัครา อยุธยากรุงไทย นามกรภูเบศ สืบวงศ์พงศ์เพศ เจษฎาภารไกร เลื่องลือปรากฏ ยศศักดิ์ศิลปชัย เมืองขึ้นนับได้ ร้อยเอ็ดนครา มีหมู่กุญชร สินธพอัสดร นิกรโยธา เศรษฐีวาณิช ประมวลพฤฒา ประเทศพารา กรุงไกรภูบาล เสนาน้อยใหญ่ ตำรวจนอกใน พลไกรทหาร กลาโหมมหาดไทย เฝ้าในราชการ นบนอบหมอบกราน ครามครันมากมี องค์อัครชาเยศ ทรวดทรงวิเศษ สมศักดิ์แจ่มใส ชื่ออนงคมาลี โฉมศรีประไพ ชาติเชื้อเนื้อไข มัทราชบุรี สนมกำนัล ถ้วนหมื่นหกพัน อเนกนารี แวดล้อมภูเบศร์ ทวยเทศขันที พิณพาทย์ดีดสี ร้องรับขับขาน ปราสาทสวยสุด วิมานเทวบุตร แม้นเหมือนประมาณ ประดับประดิษฐ์ วิจิตรชัชวาล นพรัตน์แกมกาญจน์ ตระหง่านอัมพน กำแพงป้องกัน ป้อมค่ายหลายหลั่น เจ็ดชั้นชอบกล หอรบรายเรียง เคียงกันสับสน สำหรับจุมพล กษัตริย์สืบมา ฝ่ายทิศอุดร ลำเนาสิงขร ใกล้กับพารา หนทางนั้นโสด ถึงโยชน์คณนา เหย้าเรือนแน่นหนา ชื่อว่าบ้านบึง เรือนหนึ่งนั้นเล่า ผัวเมียสองเจ้า ชวนกันรำพึง เป็นนิจนิรันดร์ ทุกวันคำนึง เช้าคํ่ารำพึง บ่ได้เว้นวาย ปลูกศาลเพียงตา บายศรีซ้ายขวา ตกแต่งมากมาย บวงสรวงเทวา บูชาของถวาย ขอลูกหญิงชาย เกิดแก่อาตมา ฯ

ย่อหน้าถัด ๆไป  เมื่อเปลี่ยนประเภทของกาพย์   กวีจะระบุชื่อกาพย์ไว้ต้นย่อหน้าจนจบความ..จบเรื่อง..

     ๏ ยานี ฯ บัดนั้นท้าวโกสีย์ อยู่ในที่แท่นไสยา ผาดเพ่งเล็งลงมา เห็นสองราน่ารำคาญ ชวนกันไปบูชา ตั้งสัตยาธิษฐาน ขอเกิดลูกนงคราญ ผู้เยาวมาลย์ยอดเสน่หา ถ้ากูนี้มิไปช่วย เห็นจะม้วยชีพชีวา ไม่ได้สืบบุตรา ทั้งสองราจะบรรลัย สมเด็จท้าวอินทรา พิจารณารู้แจ้งใจ พินิจคิดสงสัย ไม่เห็นใครจะสมควร จึงเห็นเทวบุตร ผู้ใจสุทธิ์พอสงวน ท่านนี้เห็นสมควร ลงไปเกิดด้วยง่ายดาย เทวบุตรรับบัญชา ท้าวอินทราแล้วผันผาย กราบลามาโดยหมาย จากวิมานอันโอฬาร์ จุติมาบัดดล เข้าปฏิสนธินางเหรา วันนั้นนางกัลยา เป็นมหามหัศจรรย์ เทวาแกล้งอาเพศ นำเอาเหตุมาด้วยพลัน ใกล้รุ่งคืนวันนั้น นางจึงฝันประหลาดใจ ฝันว่าไปเที่ยวเล่น เขาพระเมรุอันสูงใหญ่ ปิดทางขวางหน้าไว้ จะเดินไปยากนักหนา นางจึ่งยื่นมือไป จับเมรุไตรยอดบรรพตา เดินเหยียบเลียบไปมา แล้วจึ่งคว้าเอาพระจันทร์๑ นางตื่นขึ้นทันที ปลุกสามีด้วยเร็วพลัน เล่าความตามอัศจรรย์ ซึ่งฝันนั้นทุกประการ นันทาตื่นขึ้นแล้ว กอดเมียแก้วยอดสงสาร ว่าพรุ่งนี้นงคราญ ไปหาท่านที่อาราม ให้ทำนายช่วยทายทัก แจ้งประจักษ์ซึ่งเนื้อความ ร้ายดีพี่จะถาม นางโฉมงามเจ้าฝันเห็น ชรอยเจ้าจะมีครรภ์ เหตุอันนั้นบังเกิดเป็น จึ่งให้นิมิตเห็น เช่นนี้ไซร้ไม่เคยมี ครั้นรุ่งสว่างแล้ว นางผ่องแผ้วเกษมศรี จัดแจงแต่งถ้วนถี่ นางจรลีด้วยเร็วไว บัดเดี๋ยวถึงอาวาส ค่อยยุรยาตรเดินเข้าไป เจ้าคุณอยู่หรือไม่ ข้านี้ไซร้ต้องกังวล เจ้าเณรจึ่งร้องว่า เชิญสีกามาข้างบน จงบอกอนุสนธิ์ จะทำวลว่ากระไร สมภารท่านไปฉัน จะคอยท่านอยู่ที่ไหน ลูกเต้าจะร้องไห้ เร่งรีบไปเถิดสีกา นางว่าน่าบัดสี เณรองค์นี้พูดมุสา เอาลูกที่ไหนมา แกล้งว่าฉันน่าอาย สีกาปรับทุกข์พลัน ตามเรื่องฝันสิ้นทั้งหลาย จักให้ท่านทำนาย ดีหรือร้ายไม่รู้เลย เจ้าเณรแกล้งเจรจา เป็นลับมาว่าเฉยเฉย สีกายังไม่เคย อย่ากลัวเลยในสุบิน ปีนี้คงมีบุตร งามบริสุทธิ์หมดมลทิน เป็นชายโฉมเฉิดฉิน ประกอบสิ้นในลักขณา จะเป็นตลกหลวง เราไม่ลวงเล่นดอกหนา ไปเถิดนะสีกา ฟังรูปว่าอย่าวุ่นวาย สีกาลาจรลี จากกุฎีค่อยผันผาย กำหนดเณรทำนาย ว่าวุ่นวายไม่เป็นอัน ครั้นมาถึงเคหา บอกภัสดาผู้ผัวขวัญ ไปหาท่านไม่ทัน พบเณรนั้นช่วยทำนาย บอกเล่าให้ผัวฟัง ตามเณรสั่งสิ้นโดยหมาย ผัวเมียค่อยสบาย เขาทักทายมิเป็นไร แต่พอนางเหรา กลับเข้ามาบัดเดี๋ยวใจ สมภารเดินไวไว ขึ้นกุฎีใหญ่ล้างบาทา เจ้าเณรบอกอาการ ว่าชาวบ้านเขามาหา แจ้งความตามสีกา เขาเล่ามาให้ฉันฟัง จึงเล่าอภิปราย เรื่องทำนายมาแต่หลัง สมภารครั้นได้ฟัง ดูน่าชังเณรจังไร ฝันดีทายว่าร้าย มึงทำนายให้ผิดไป สุบินเช่นนี้ไซร้ ดีพ้นใจในตำรา เขาจักมีลูกชาย งามพรรณรายด้วยบุญญา จะได้ครองพารา ในใต้ฟ้าไม่เทียมทัน ฯ



                                                                                          อ่านเล่นเพลิน ๆ นะคะ
                                                         

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ธนุ เสนสิงห์

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
18 กันยายน 2018, 09:29:AM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #44 เมื่อ: 18 กันยายน 2018, 09:29:AM »
ชุมชนชุมชน



“หัวใจของบทกวีนั้น
อยู่ที่ความงาม  ความไพเราะ
ให้ความรู้สึก
และความหมายที่ดี”

เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์


“ไม่ว่าจะเชี่ยวชาญชำนาญการเขียน
แตกฉานในการใช้ภาษาขนาดไหนก็ตาม
ถ้าความคิดเป็นความคิดที่ใช้ไม่ได้แล้ว
ฝีมือที่มีอยู่เกือบจะเรียกว่า
ไม่ได้ช่วยอะไรเอาเลย”

วาณิช  จรุงกิจอนันต์



ได้หนังสือเล่มนี้มาเมื่อ ปี ๒๕๔๒  ตรงกับพิมพ์ครั้งที่ ๓
อ่านรวดเดียวจบ.. แล้วยังอ่านบางตอนซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายรอบ
ชื่นชอบกวีทั้งสองท่านมาก่อนแล้ว..
พอได้อ่านประสบการณ์ที่ท่านเล่าถึงการเป็นกวีและเป็นนักเขียนได้อย่างไรนั้น
ยิ่งตราตรึงใจ !  ได้ทั้งเกร็ด  ทั้งเคล็ด  และแรงบันดาลใจ
นำไปบอกต่อ และให้บริการยืมอ่านอย่างไม่ขาดสาย...
คุ้ม ! เกิน ๑๓๐ บาท
ขอยกตัวอย่างบางตอน ของท่านอาจารย์เนาวรัตน์
จากชื่อเรื่องว่า  “ฉันท์หรือฉันทะความพอใจ”

ขอคัดข้อเขียนของท่านมาเล่าสู่กันฟังนะคะ


          “ผมเองเคยแต่งฉันท์เล่นระหว่างอยู่ชุมนุมวรรณศิลป์ ธรรมศาสตร์ โดยแต่งเป็นบทละครก็มี  ต่อมาเห็นว่ายากนักก็เลยละวางเสีย
          ที่ว่ายากก็คือ คำฉันท์ หรือคณะของฉันท์ไม่เอื้อต่อคำไทย ต้องใช้คำบาลี สันสกฤตเป็นหลัก เรียกว่าอ่านแล้วต้องแปลจึงรู้ความ 
          อ่านไม่รู้เรื่องไม่รู้ความ ก็ได้แต่ฟังขลัง ๆ ดีไปเท่านั้น นี่คือลักษณะพิเศษของฉันท์
          เพื่อนผมคนหนึ่ง ชื่อ คุณนิพนธ์  ขำวิไล  ชื่อเล่นว่า ได๋  แกเป็นลูกของอาจารย์ฉันท์   ขำวิไล   ผู้แต่งหนังสือแบบเรียนเร็วใหม่   ที่มีประโยคว่า  ป้ากะปู่ กู้อีจู้  นั่นแหละ
 คุณนิพนธ์หรือได๋  แกเป็นคนติดอ่าง  มีฝีมือทางเขียนเรื่องได้ฉกาจฉกรรจ์นัก วันหนึ่งแกนึกครึ้มขึ้นมาอย่างไรไม่รู้ แกก็แต่งฉันท์ชื่อ อารมณ์ขันอารมณ์อ่าง ในลีลาวสันตดิลกฉันท์
          ขออนุญาตคัดลอกมาให้อ่านกัน  เห็นไหมครับว่าแต่งฉันท์ให้สนุก โดยไม่ต้องใช้ศัพท์ยาก ๆ  ก็อาจทำได้ ถ้าคุณมีอารมณ์ขันอารมณ์อ่างอย่างคุณนิพนธ์  ขำวิไล  ดังนี้”

               อารมณ์ขัน  อารมณ์อ่าง

๏ เอ่ยเอ่ยกระอึกและละกระอัก       ริจะรักก็ตรมตรม
ติดอ่างอุราละก็ระบม                     กลุกลุกลุ้มนะตัวกู
๏ เป็นเป็นโปะปมดะดะเดาะด้อย    ระเราะร้อยก็มีอยู่
หนึ่งเดียวนะดูเถอะวะเถอะดู          ผิวะรู้ยะอย่าเลือน
๏ ติดหญิงก็ติดสิวะก็ตัด                 สะสลัดนะแนบเนียน
ติดติดบุหรี่ก็ก็เพียะเพียร               เลอะละเลิกสบายเรา
๏ ติดเหล้าก็เมาประดุจหมา          แหละจะบ้าก็เลิกมา
ติดเงินสิจนอุอุระเศร้า                  ก็คึคึนขะเขาไป
๏ ติดอ่างมิหายขะขะขะขาด         นะอนาถอเน็จใจ
พูดพูดกะเพื่อนและกะคะใคร       วะก็ขบก็ขันขำ
๏ เขาหัวหัวะหัวเราะเยาะเยาะเยือก   ดุจเสือกกะหนามตำ
หักคาอุราละก็ระกำ                         เถอะมิคร่ำมิครางครวญ
๏ กูนี้มิมีละวะจะโกรธ                 โทะโทะโทษจะไห้หวน   
หวนไห้ทำไมละวะกัวะกวน       นะนะน้ำตะตาตน
๏ สุขโศกนะโลกประดะประดับ   สะสำหรับจะใจคน
กูอ่างก็อ่างเถอะวะจะจน           จะมิบ่นจะทนเอา
๏ มีปากก็เป็นประดุจตูด            ผิจะพูดก็อายเขา
งาบงาบพะเงิบเงอะงะนะเรา     ตะละถ้อยยะยากเย็น
๏ เป็นเป็นกระวีสิวะกระจ้อย      เพราะวะฝอยมะไม่เป็น
ถึงใครมิรู้และจะมิเห็น              เถอะจะเฉยมิพูดโว
๏ เสียแรงนะกูสะเออะจะเกิด     ก็มิเลิศคุคุยโต
ลึกลึกน่ะอยากกระแดะจะโม้     อพุโธ่พะพูดทัน
๏ แต่งแต่งก็ติดตะกุตะกุก          เถอะสนุกก็แล้วกัน
ติดบ้างก็ช่างมะมะมะมัน           เพราะกระสันตลก เอย


                 

       ฝากให้ คุณ toshare อ่านฉันท์บทนี้เป็นพิเศษค่ะ   หัวเราะยิ้มๆ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : @free, @free, รพีกาญจน์, toshare

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
20 กันยายน 2018, 05:50:AM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #45 เมื่อ: 20 กันยายน 2018, 05:50:AM »
ชุมชนชุมชน

 ซึ้งจัง
ทางลัด

แม้ก้าวเท้าจะก้าวหนึ่งหรือครึ่งก้าว
จะก้าวสั้นก้าวยาวใช่เรื่องใหญ่
ขอให้รักเรื่องราวการก้าวไป
ไกลเท่าไกลก็จะถึงสักหนึ่งวัน

ระยะทางโค้งทอดตลอดลิบ
เคยหรือของมีให้หยิบระยะสั้น
แม้หยิบของหยิบได้ดังใจพลัน
ตีนของคนจะสำคัญได้ฉันใด

มีทางลัดเลี้ยวเลาะเฉพาะแห่ง
อาจมิต้องลงแรงให้เหงื่อไหล
แต่จะรู้ลู่ทางได้อย่างไร
ว่าทางไหนทางร้างหรือทางลัด

มีเสือสิงห์จิ้งจอกในซอกซ่อน
เนื้ออ่อนอ่อนจะถูกยำขย้ำกัด
เมื่อทางลัดเรื้อรกป่าปรกชัฏ
สารพัดย่อมสารพันอันตราย

ชีวิตวางความหวังเริ่มตั้งต้น
แต่ละครั้งแต่ละคนมีจุดหมาย
แต่ละหนแต่ละแห่งลงแรงกาย
ใช่เสี่ยงทายทุกสิ่งปวงเอาดวงวัด

ระยะทางเหยียดยาวต้องก้าวย่าง
สัจธรรมเส้นทางอย่าขืนขัด
สวยและสาวอาจสร้างหนทางลัด
หากเสี่ยงคมเขี้ยวกัดของสัตว์ร้าย

วาณิช  จรุงกิจอนันต์
เรียงร้อยถ้อยคำ  ภาคบทกวี  ความรัก


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : @free, รพีกาญจน์, ธนุ เสนสิงห์

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
22 กันยายน 2018, 10:35:AM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #46 เมื่อ: 22 กันยายน 2018, 10:35:AM »
ชุมชนชุมชน



"ขับกล่อมลูก  ผูกสร้อยขวัญ  สรรทำนอง.."

 ซึ้งจัง ซึ้งจัง ซึ้งจัง

อ่านนิทานคำกลอนของคุณ ส. เลี้ยงถนอม ด้วยอารมณ์สุนทรีย์
ใส่ทำนองร้องขับด้วยเสียงและลีลากาพย์กลอนจนลูกหลับใหล
ไม่คิดมาก่อนเลยว่าหนังสือเล่มนี้จะได้ใช้เป็นเพลงกล่อมเด็ก
เล่มเล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่ จริง ๆ นะ ไม่ได้โม้..
ลูกหลับด้วยเสียง..เอื้อนเอ่ยเอย..ของแม่หาใช่เนื้อความไม่
พอลูกโตขึ้น จึงรู้ว่าลูกก็ซึมซับรับอิทธพลจากแม่ไปเต็ม ๆ
มีงานเสริมเป็นนักร้องและ ดี.เจ.จัดเพลง
ส่วนแม่ก็ได้ความชำนาญในการขับทำนองเสนาะ
นำไปถ่ายทอดให้ลูก ๆ ของท่านอื่น ๆ ฟังจนบัดนี้...
ขอบคุณ ผู้แต่ง  ส. เลี้ยงถนอม 
นามปากกาของท่าน    ส่งผลถึง ยอม..  ถนอมกล่อมเกลี้ยง..ให้เดียงสา..



ขอยกตัวอย่างนิทานที่ใช้กล่อมลูก ๑ เรื่อง  จาก  ๓๕  เรื่องนะคะ

เรื่องที่ ๑๕    “เจ้าจอมจักรวาล”   (กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘)

     ๏ มีเรื่องน่าขัน    สัตว์คิดสำคัญ   ว่ามันกล้าหาญ
สุดที่โง่เขลา   เป็นเจ้าจักรวาล   จนเกิดนิทาน   เล่าขานต่อมา
     ๏ สามสัตว์เป็นเพื่อน   ไม่ยอมแชเชือน   เหมือนใจเจตนา
หากินที่ใด   ร่วมใจนำพา   จะไปจะมา   ต้องไปด้วยกัน
     ๏ มิเคยขึ้งโกรธ   จับผิดเอาโทษ   เหี้ยมโหดหุนหัน
ร่วมทุกข์ร่วมสุข   กันทุกทุกวัน   กลับเกิดอัศจรรย์  ถึงขั้นพิสดาร
     ๏ คางคกกระโดด   ด้วยความลิงโลด   ไปตามสถาน
เหยียบริมกะลา   ครอบมาทันกาล   สามสัตว์ดิรัจฉาน   ถูกขังไว้พลัน
     ๏ กะลาใบใหญ่   พลิกมาครอบไว้   ต่างออกไม่ทัน
ทุกตัวจนใจ   ใคร่ปรึกษากัน   ใครหนอลงทัณฑ์   กักกันพวกเรา
     ๏ คิดจนเหนื่อยอ่อน   ทุกตัวลงนอน   พักผ่อนซบเซา
อยู่ในกะลา   ถึงเพลาเช้า   แต่ยังง่วงเหงา   เพรามืดหนักหนา
     ๏ ต่างบิดขี้คร้าน   เพื่อแก้รำคาญ   ปวดเหนื่อยเมื่อยล้า
คางกยกตัว   หัวชนกะลา   ประกาศว่าข้า   สูงเท่าวิมาน
     ๏ กิ้งกือเหยียดตัว   ทั้งหางทั้งหัว   จนสุดสถาน
ชนขอบกะลา   หลงว่าจักรวาล   ใครจะยาวปาน  ข้านี้ไม่มี
     ๏ หิ่งห้อยได้ยิน   จึงคิดถวิล   เปล่งแสงรัศมี
ภายในกะลา   เจิดจ้าเหลือที่   ร้องว่าข้าดี  เทียมเท่าสุริยัน
     ๏ แย่งความยิ่งใหญ่   กันอยู่ภายใน  ตามใจคิดฝัน
แตกความเป็นมิตร   เพราะคิดสำคัญ   ว่าตนเองนั้น   เป็นเจ้าจักรวาล
     ๏ ต่างโมโหหัน   จึงเกิดโรมรัน   ประจัญประหาร
คางคกโมโห   โดดโผทะยาน   หัวชนวิมาน   กะลาจึงหงาย
     ๏ มองเห็นโลกกว้าง   สุดแสนอ้างว้าง   พากันละอาย
หากินต่อไป   มิใคร่คิดหมาย   หวังเป็นเจ้านาย   แห่งจอมจักรวาล


                                             ชอบใจๆ

"หนังสือเล่มนี้เป็นมรดกตกทอดของครอบครัว ตั้งแต่ปี ๒๕๑๒  ปกแข็ง  ราคา ๓๘ บาท"
     



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
22 กันยายน 2018, 05:48:PM
toshare
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 303
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,388



« ตอบ #47 เมื่อ: 22 กันยายน 2018, 05:48:PM »
ชุมชนชุมชน

555 ขอบคุณครับ คุณพี พูนสุข
ที่นำ
"อารมณ์ขัน  อารมณ์อ่าง" มาให้บันเทิง

วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

@ ขอบคุณสหายจิต(ะ)คะนึง....มน(ะ)ซึ้งประจักษ์ใจ
ขำขันสนุกก็จะริให้..................ประทุปัน ณ ฉันท์นี้


@ "คุณครูคะหนูวจนะด้วย.........คุรุช่วยสดับที
'ตุ๊ด'ครูนะเป็น ฤ? กิระมี...............ดนุน้อยประสงค์ถาม"


@ ไยเธอฉงนเฉพาะนะเรื่อง......สิสะกิดตลกตาม
"ด้วยครูก็ชอบ'ค่ะ คะ'ปะยาม.... เจอะประสบละเล่นกัน"

ฮา
(เอ๊ะ ขำไหมนี่)


กิระ ว. เล่าลือ เช่น คำกิระ หมายความว่า คำเล่าลือ. (ป.).

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : วลีลักษณา, พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, ธนุ เสนสิงห์

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
26 กันยายน 2018, 07:06:AM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #48 เมื่อ: 26 กันยายน 2018, 07:06:AM »
ชุมชนชุมชน





"ขวัญสงฆ์"  นวนิยายที่เขียนเป็นกลอนแปดทั้งเรื่อง

ขอบคุณกรอบข้อความจาก  ไทสมาคมสร้างสรรค์  Tai Wisdom Association
เคารพรัก


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
27 กันยายน 2018, 11:35:AM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #49 เมื่อ: 27 กันยายน 2018, 11:35:AM »
ชุมชนชุมชน

 ซึ้งจัง ซึ้งจัง

วางอักษรอ่อนช้อยเหมือนร้อยแก้ว 
พออ่านแล้วคล้องรับเสียงขับขาน
   สร้างรูปลักษณ์วรรคตอนเป็นกลอนกานท์   
เปิดวิมานนวนิยายร่ายทำนอง
เรื่อง “ขวัญสงฆ์” กำพร้ากล้าชีวิต   
พระลิขิตหรือใครไยเกี่ยวข้อง
“ชมัยภร แสงกระจ่าง” ร่างพล็อตกรอง 
เสียงยกย่อง ดีเด่น งามเช่นไร ?

..พี.พูนสุข..

ร้อยแก้วมีทำนอง
ร้อยกรองเป็นนวนิยาย

ขอยกตัวอย่าง ตอนที่  ๓  แก้เผ็ด   หน้า ๑๗ - ๑๙
อ่านออกเสียงเต็มเสียงด้วยนะคะ จะให้คะแนน..
หัวเราะยิ้มๆ

        ได้สามขวบเจ้างามดั่งดวงแก้ว  เจรจาเจื้อยแจ้วยินถนัด เจ้าตามหลวงตา
ไปอยู่วัด  เป็นรุ่นจิ๋วไว้จุกรัดหนังสติ๊ก  วิ่งเล่น ณ ลานวัดพร้อมขวดนม  เจ้าส่ง
เสียงครืนขรมเล่นตุกติก  ถ้าพี่แกล้งเจ้าร้องไห้กระซิกกระซิก  ฟ้องหลวงตา
ยิกยิกให้ด่าทอ  หลวงตารักดังแก้วตาทั้งสองข้าง  ขวัญมาฟ้องก็โดดผาง-
        “เอาะ เอ๊าะ อ๋อ เดี๋ยวนี้พวกโตใหญ่ไม่เคยพอ  มาหยอกล้อแกล้งน้อง
ให้ร้องแง...”
        พวกเด็กวัดตัวงอระย่อย่น  ค่อยหลีกหลบเลี่ยงพ้น-กลัวโดนแส้  เจ้าหัวจุก
น้อยน้อยค่อยเหลือบแล  สงสารพี่ที่แพ้เพราะมายา
        พออายุห้าขวบกำลังซน  เดินตามพระลุกลนดักหลังหน้า  หลวงตาร้อง
“เบา ๆ  วิ่งช้า ๆ  ไอ้หนูเอ๋ยมีเวลาอีกมากนัก”
        เจ้าสะพายย่ามพระเดินอาดอาด  ตามพระไปบิณฑบาตอยู่หยึกหยัก
พวกญาติโยมเห็นจ้องร้องทายทัก
        “เจ้าหัวจุกน่ารัก....”
        ชักเอ็นดู
        “ชื่ออะไร  ลูกใครที่ไหนนี่...”
        เจ้าตอบคำทันทีเหมือนรออยู่
        “หนูเป็นลูกพระเจ้าใครเขารู้  เกิดจากรูไม้ไผ่ที่ในวัด”
        คนเฮฮาฟังคำตอบชอบเลียนล้อ  ขวัญสงฆ์หนอพูดไปไม่ติดขัด
บ้างเก็บเสื้อของลูกผูกร้อยรัด  ใส่ถุงจัดให้เจ้าเอาไปใช้
        ขวัญสงฆ์เอ๋ยน่ารักเป็นนักหนา  เจ้าเกิดมาจากไหนจะไปไหน  ไร้คน
รู้กำพืดเผ่าเจ้าเป็นใคร  ไม่มีใดไม่มีตัวไม่มีตน

..มีต่อค่ะ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : สดายุ, รพีกาญจน์, ธนุ เสนสิงห์

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
29 กันยายน 2018, 07:15:AM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #50 เมื่อ: 29 กันยายน 2018, 07:15:AM »
ชุมชนชุมชน

  ซึ้งจัง ซึ้งจัง

        วัดหลวงตาเป็นวัดชานเมืองเก่า  ผู้คนยังบางเบาไม่เกลื่อนกล่น  ถนน
สายใกล้วัดน้อยรถยนต์  เจ้าซุกซนหวือหวาไม่ว่ากัน
         วันหนึ่งมีรถเก๋งแล่นเข้าวัด เฉวียนฉวัดเร็วไวน่าไหวหวั่น  เจ้าขวัญสงฆ์
กระโดดก๋าออกมาพลัน 
         “รถเก๋ง รถเก๋ง”  เจ้าร้องลั่นอัศจรรย์ใจ
         คนลงรถลงมาเป็นหญิงสาว  เธอผิวขาวตาโตแก้มกลมใส  อีกคนหนึ่ง
เป็นชายหนุ่ม-ว่องไว  ชี้หน้าเด็กทันใด
         “ไม่หลบรถ...เอ็งอยากตายหรือไง  ไอ้เด็กบ้า”
         ขวัญสงฆ์ฟังวาจา  แสนกำสรด
         “ก็รถน้า-นั่นสิ  มันเลี้ยวลด  มันคิดคดไม่หลบเด็กเล็กเล็กเลย...”
        พอพูดจบเจ้าเอามือเข้าลูบปาด  “ เนื้อหนังเจ้าประหลาด  เจ้ารถเอ๋ย
เนื้อเจ้าแข็งเป็นมัน...”
         ไม่ทันภิเปรย  เจ้าของรถร้อง  “เฮ้ย...เอ็งถอยไป”
         “อาตมาไม่ถอยหรอก  โยม  อาตมาไม่ถอย”  เจ้าตัวน้อยยื่นหน้าเถียง
เสียงดังใหญ่  หญิงสาวยิ้มนิดนิดเพราะติดใจ  เด็กอะไรพูดจาเป็นพระเณร
จึงหันบอกชายหนุ่มเสียงอ่อนหวาน
         “เออนา...พี่ชัยชาญ  เด็กเขาเล่น  อย่าโกรธเด็กโกรธเล็กเป็นวรรคเวร
วันนี้เป็นวันเกิดน้อง  ต้องทำบุญ”
          นายชัยชาญคลายคิ้วเลิกนิ่วหน้า  หันมาพูดจ๊ะจ๋า-เสียงอบอุ่น
          “เอาเถิดนะ  ผมยอมเห็นแก่คุณ...”
          เปิดท้ายรถวายวุ่นหยิบ  ‘สังฆทาน’
          เจ้าขวัญสงฆ์หมั่นไส้ไม่อยากช่วย  แต่เดินตามไปด้วยสนุกสนาน
เจ้ากระโดดโลดเต้นเห็นเบิกบาน  หญิงสาวถาม  “หนู บ้าน อยู่ไหนจ๊ะ”
          เจ้าชี้มือตรงแหนวไปเบื้องหน้า  กุฏิใหญ่หลวงตาเห็นจะจะ
          สาวหน้านิ่ว  “นั่นมันกุฏิพระ...”
          เด็กน้อยร้อง  “นั่นละ  บ้านเราเอง”
          “อย่าไปฟังไอ้นี่...มันเด็กวัด  สารพัดดีดวดมันอวดเก่ง  เห็นผู้ใหญ่ผู้ดี
ไม่มีเกรง...ไปเถอะ  เร่งไปกราบท่านกันเถอะเรา”
          เจ้าขวัญสงฆ์เปลี่ยนใจไม่เดินตาม  คนอย่างนี้หยาบหยามกันเปล่าเปล่า
เจ้าวิ่งตื๋อไปหาพี่ที่ต้นกันเกรา  กระซิบกระซาบเบาเบาพอเข้าใจ
          เจ้าเด่นเป็นหัวโจกผงกหัว  กระซิบกลับ  “ซ่อนตัวอย่าไปไหน...”
          แล้วพี่เด่นแสนดีก็รี่ไป  ปล่อยลมยางรถให้ครบสี่ล้อ


มีกลอนกี่บทเอ่ย...?

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
02 ตุลาคม 2018, 09:09:AM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #51 เมื่อ: 02 ตุลาคม 2018, 09:09:AM »
ชุมชนชุมชน




“เพลงพรแผ่นดิน”

รอนรอนอัสดง ดับฟ้าราตรี
ฟ้าใหม่ยังมี รังสีอรุณรุ่งฟ้าตาวัน
ราตรีประดับดาว ห้วงหาวเพ็ญจันทร์
ฟ้าไม่เคยไหวหวั่น
เหมือนเดือนตะวัน ยังสาดรังสี
ดับแผ่นดิน สิ้นแล้วดวงดาว
หนาวหยาดน้ำตา พระธรณี
ดั่งแผ่นดินสิ้นรังสี
แต่ชีวีไม่สิ้นความหวัง

*เพลงพรแผ่นดิน มิ่งขวัญบันดาล
เหมือนดั่งความฝัน เติมฝันต่อไฟร่วมร้อยพลัง
ดวงเทียนต่อเทียน ให้เห็นเส้นทาง
ฟ้ามืดแล้วสว่าง
หัวใจไม่จางไม่ห่างไม่หัน
ร่วมพลังร่วมฝันร่วมใฝ่
หมายส่องแสงเยือนเหมือนดวงตาวัน
ปณิธาน มั่นสนอง
แผ่นดินทอง แผ่นดินธรรม
(ซ้ำ *)

เพลง : เพลงพรแผ่นดิน
คำร้อง: เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์
ทำนอง : สุรินทราหู 2 ชั้น
เรียบเรียง : อภิสมัย  ภาวะสิทธิโชติ | ฐานชน  จันทร์เรือง | พงษ์พันธ์  เสาวดี
ขับร้อง : พัชราวลี  ดำรงค์ธรรมประเสริฐ
ประสานเสียง: ชมรมขับร้องประสานเสียง โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย


 เคารพรัก

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
09 ตุลาคม 2018, 08:18:PM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #52 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2018, 08:18:PM »
ชุมชนชุมชน

            ซึ้งจัง ซึ้งจัง

         สร้อยสักวา

    ๏ สักวามาถึงบึงพระราม
เมื่อเย็นยามสายัณห์ตะวันย่ำ
บัวเคยบานดอกเด่นเป็นประจำ
บัวจะร่ำลาแล้วหรือแก้วบัว

ใครจะเด็ดดอกไม้ไปไหว้พระ
ที่ริมสระหนองโสนโพล้เพล้สลัว
ทั้งโทนทับกรับฉิ่งเคยหริ่งรัว
วันนี้มัวมืดแล้วแก้วพี่เอย ฯ

    ๏ สักวาเพลินฟังยังจำได้
เสียงขับไม้มโหรีที่วังหลวง
ทั้งกาพย์เห่เรือหงส์ประยงค์ยวง
ลอยโพยมโลมล่วงพระทรวงไทร

ภูเขาทองนองน้ำเคยย่ำทุ่ง
เก็บผักบุ้งสันตวาราน้ำใส
สร้อยดอกรักสักวาโอ้อาลัย
เป็นห่วงใยอยุธยาลับลาเอย ๚ะ๛


     เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์
          อ. ๑๑  ส.ค.  ๒๕๓๔
          ๑๘.๔๕ - ๑๙.๐๕ น.
     บึงพระราม  อ.เมือง  จ.อยุธยา

             เขียนแผ่นดิน


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
12 ตุลาคม 2018, 04:24:PM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #53 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2018, 04:24:PM »
ชุมชนชุมชน

            ซึ้งจัง ซึ้งจัง

          ทับทิมสยาม

๏ เบิกแผ่นดินหินผามาแผ่เผย
ให้ฝนพรำรำเพยภูผาหอม
เบิกตะวันกั้นพงผจงจอม
ไพรพนอมภูพนมผนึกมณี

เจียระไนเนื้อดินจนนวลแดง
หยาดระยับจับแสงกระจ่างสี
เกล็ดประกายฉายรุ้งรุ่งรวี
เป็นผลึกแห่งปฐพีผ่องประพาฬ

เขาสมิงหนองบอนจนบ่อไร่
ตลาดกลางกว้างใหญ่แผ่ไพศาล
กระจายนิ้วแจงน้ำจนชำนาญ
ระรวยรินวิญญาณอันแกร่งไกร

วิญญาณแห่งเลือดเนื้อที่ในดิน
วิญญาณแห่งผาหินที่กลั่นให้
เป็นทับทิมสยามชาติหยาดพิไล
หยาดน้ำใจเมืองตราดผุดผาดนัก ๚ะ๛

       
         เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์
            พ. ๒๔  มิ.ย.  ๒๕๓๕
              อ.หนองบอน  จ.ตราด

               เขียนแผ่นดิน 


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
13 ตุลาคม 2018, 09:11:AM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #54 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2018, 09:11:AM »
ชุมชนชุมชน





ในดวงใจนิรันดร์

บทเพลงพระราชนิพนธ์ :  พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง/ทำนอง :  พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
คำร้องภาษาไทย :  ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ  ณ นคร


I can't get you off my mind,
However I try.
The flame kindled in my heart
Keeps burning high.

Though time has the power to quell,
It really cannot dispel.
The magic touch of your hand,
So gentle in mine.

When night's curtain starts to fall
And light fades away,
My thoughts fly back to that day
You were so near.

This song will never, never end
And time we cannot suspend.
You'll be ever and ever
Still on my mind.


อยากลืมลืมรักลืมมิลง
กลับพะวงหลงเพ้อเงา
เปรียบปานเพลิงรักรุมสุมเศร้า
เปลี่ยวเปล่าร้าวรอน

แต่เพียงกาลเวลาอันหมุนเวียน
ฤๅอาจผลัดเปลี่ยนเบียนรักคลอน
รสรักจากกรกอดสวมกร
ยังถาวรติดเตือน

เมื่อยามอาทิตย์ลอยคล้อยต่ำ
ย่ำยามท้องฟ้าเลือน
ยังหวังเชยชิดกันฉันเพื่อน
ติดเตือนตรึงใจ

สุดประพันธ์บรรเลงให้ครบครัน
วันอาจจะผ่านเวียนผันไป
รักนั้นจะเนาแน่นแฟ้นใน
ดวงใจนิรันดร์



 

 

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 ตุลาคม 2018, 02:32:PM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #55 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2018, 02:32:PM »
ชุมชนชุมชน

          ซึ้งจัง ซึ้งจัง

 ตบมือให้ ตบมือให้ นิทานโบราณ  ตบมือให้ ตบมือให้

        ความแตกต่าง

     “แถลงปางอยุธเยศเรื้อง      ศิวิไลซ์
ปฐพีเจ้าเสือไกร                          เกริกก้อง
บำเทิงราชหฤทัย                         ชลมารค  นั้นเฮย
เรือกระบวนต้นผ้าง                     พรั่งพร้อมพลอินทร์

     วารินไหลรี่ท้น                  เทกระแส
เรือพระที่นั่งแปร                   อึดกว้าง
พลพายหนึ่งเหนื่อยแล           สบมหาด  เล็กฮา
นายหนึ่งเอกเขนกข้าง            ธิราชเจ้าไอศวรรย์

     สบพลันพลันเขม่นด้วย    โทษา
ออนี่มากมายา                        ยิ่งแท้
กูพายแทบมรณา                    เกลอนั่ง  สบายแฮ
จำจักประชดแก้                      เกี่ยงด้วยลิ้นลม

     ชมดูเถิดเพื่อนผู้               มิตรสหาย
คนสิต่างกันหลาย                  หลากล้ำ
กล่าวพลางแกว่งกวัดพาย       ผิดเพื่อน  เขาเฮย
เหยอวเฉิบโฉบฉาบย้ำ            พจน์พ้องปริศนา

     ‘อะหา ! พระพุทธเจ้าท่าน     ทรงสดับ
ทิดนี่คิดการกลับ                          เดือดร้อน
ไป่ตรองหยุดยอมรับ                     ฐานะ  ตนแล
ทรงติดำริข้อน                              ขอดไว้ในพระทัย

     ครรไลจวบถิ่นท้าว                   พำนัก
เสียงหนึ่งแว่วประจักษ์                 โสตไท้
บรรหารหนุ่มพายทัก                    โทนสืบ  เสียงฮา
ครู่หนึ่งหนุ่มทูลไสร้                     แม่นแท้เสียงหมา

     พรรณนากว่าหมดข้อ              มูลขยาย
หนุ่มสืบสังเกตหลาย                    เที่ยวล้ำ
ครั้งเดียวมหาดเล็กถวาย              ทูลกราบ  เกลี้ยงพ่อ
ลูกสี่แดงดำคล้ำ                          หนึ่งผู้เมียสาม

     ‘งามไหมไอ้ทิดผู้                  ลืมหลง
คนสิต่างกันตรง                         เล่ห์นี้
ตรัสพลาง ธ จำนง                     โบยสั่ง  สอนนอ
ออหนุ่มปากเปราะปี้                  เนตรน้ำตานอง


                 อุทิศ  กุมาร  ผู้เล่า
        จาก หญ้าแพรกดอกมะเขือ  ๒๕๑๒


บรรยายเรื่องได้กระชับรัดกุมดีมากค่ะ  ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
21 ตุลาคม 2018, 08:45:AM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #56 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2018, 08:45:AM »
ชุมชนชุมชน



                    ลำไยต้นหมื่น

    ๏ดีอกดีใจ                        ลำไยต้นหมื่น
บ้านหนองช้างคืน                แม่ยืนต้นอยู่
อายุแม่มั่น                            ขวัญย่าขวัญปู่
ช่วยค้ำช่วยชู                        อยู่ร้อยพันปี

     ๏แม่แตกต้นก่อ                แม่ต่อกิ่งก้าน
ออกลูกออกหลาน                 หว่านไปทุกที่
แม่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง                      เป็นมิ่งเป็นศรี
คู่บุญบารมี                            คู่เมืองลำพูน 

      ๏แม่ผ่านหมอกหนาว        แม่ผ่าวแดดร้อน
ผ่านฝนเปียกปอน                   อุดมสมบูรณ์
ได้เก็บได้กิน                            ไม่สิ้นไม่สูญ
ได้เกื้อได้กูล                            บุญคุณแม่นัก

     ๏ชื่นอกชื่นใจ                    ลำไยลำพูน
ช่วยค้ำช่วยคูณ                      ช่วยกันปกปัก
ช่วยปลูกช่วยปัน                   ช่วยกันพิทักษ์
รู้จักรู้จัก                                ลำไยลำพูน ๚ะ๛
  

         เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์
            ศ. ๑๔  ธ.ค.  ๒๕๓๓
                 บ้านหนองช้างคืน
                 อ.เมือง  จ.ลำพูน
                 เขียนแผ่นดิน
                  ..กาพย์ขับไม้..

                   ซึ้งจัง
                    มอบให้ คุณรพีกาญจน์ ชื่นชมเป็นพิเศษค่ะ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
22 ตุลาคม 2018, 10:20:AM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #57 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2018, 10:20:AM »
ชุมชนชุมชน

 ซึ้งจัง ซึ้งจัง



 เคารพรัก
วรรณคดีไทยเรื่องแรกที่กล่าวถึงชนกลุุ่มน้อย

คิดถึง นางลำหับ กับ ซมพลา
คิดถึงมาก..


  เธอนั่นแหละจ้ะ
   

นางลำหับ  เป็นตัวเอกฝ่ายหญิง มีรูปโฉมสวยงามแบบสาวเงาะป่าซาไก
ทำให้หนุ่ม ๆ พากันหมายปอง  จนเกิดโศกนาฏกรรม
เป็นนางในวรรณคดีระดับชาวป่าที่ไม่เคยลืม..อีกนางหนึ่ง
เพราะนางรักเดียวใจเดียวและใจเด็ดเดี่ยวมาก
  ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้

บทชมโฉม  ตอนฮเนาคู่หมั้นชื่นชมนางขณะเข้าพิธีแต่งงาน 

       พิศพักตร์เพียงประยงเมื่อทรงกลด      ลออหมดมิได้มีรอยฝีไฝ
เนตรคมขำดำดังเซดสลักใจ                        แลวิไลปากหูดูติดตา
เรือนผมกลมขมวดเสมอสม่ำ                      เส้นอ่อนดำดูอร่ามงามนักหนา
กรกรายคล้ายนางกินรา                               นัขาฝ่าแดงดังแกล้งย้อม
อุระรัดครัดเคร่งตูมเต่งตั้ง                           ตะโพกผายพอกำลังไม่อ้วนผอม
ลำขาบาทาก็เรียวพร้อม                              งามละม่อมประมวลสิ้นทั้งอินทรีย์


มีใจเด็ดเดี่ยว ตอนนางฆ่าตัวตายตามซมพลา ด้วยความถือมั่นในความรัก

       โอ้ว่าซมพลาของเมียเอ๋ย            ไฉนเลยมาสั่งดังนี้ได้
พ่อเดาจิตเมียผิดเป็นพ้นไป               ด้วยนึกว่าเป็นนิสัยนารี
คงกลัวตายหมายแต่จะหาสุข            ถึงยามทุกข์เข้าสักหน่อยก็ถอยหนี
อันฝูงหญิงจริงอยู่ย่อมมากมี             แต่ใจของน้องนี้ไม่เหมือนกัน
พ่อตายฤๅจะหมายมีผัวใหม่               ให้กินใจกันเป็นนิจคิดหวาดหวั่น
ว่าเคยสองคงปองสามไม่ข้ามวัน        รสรักนั้นคงจะจางด้วยหมางใจ
รักของน้องปองแต่ให้แท้เที่ยง            ไม่หลีกเลี่ยงให้เข็ดขามตามวิสัย
จะให้พ่อวายชนม์พ้นห่วงใย               เมื่อเกิดไหนจะได้พบประสบกัน

 ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้

ซมพลา   เป็นตัวเอกฝ่ายชาย เป็นเงาะหนุ่มรูปร่างใหญ่
ร่างกายแข็งแรงล่ำสัน   คล่องแคล่วว่องไว  กล้าหาญ
มีความสามารถในการล่าสัตว์ ใช้อาวุธโดยเฉพาะ
การเป่าบอเลาและลูกดอก และมีวิทยาอาคมต่าง ๆ
สมกับเป็นชาวเงาะป่า ที่มักเชื่อเรื่องผีสาง
 ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้ ตบมือให้

บทกลอนกล่าวถึงบุคลิกของซมพลา


        มาจะกล่าวบทไป                   ถึงเงาะดอลซมพลาเป็นหนุ่มใหญ่
มีกำลังวังชาว่องไว                         ขึ้นต้นไม้แกล้วกล้าเหมือนวานร
หกคะเมนเอนหงายกายห้อยโหน   โจมกระโจนร่ายไม้ไม่หยุดหย่อน
ล่ำสันสมชายทั้งกายกร                   เหมือนภมรหมุนคว้างกลางมรคา

(บทละครเรื่องเงาะป่า : เป็นกลอนบทละคร  ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องนี้เพียง ๘ วัน เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๙)

ขอบคุณผู้เยี่ยมชมทุกท่านค่ะ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
23 ตุลาคม 2018, 06:54:AM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #58 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2018, 06:54:AM »
ชุมชนชุมชน




อักษราวรรณศิลป์ปิ่นกวี รัชกาลที่ ๕
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว



ร่าย
     ๏ สรวมสวัสดิวิไชย           เกริกกรุงไกรเกรียงยศ
เกียรดิปรากฏขจรขจาย         สบายทั่วแหล่งหล้า
ฝนฟ้าฉ่าชุ่มชล                      ไพสพผลพูลเพิ่ม
เหิ่มใจราษฎร์บำเทิง               รื่นเริงรัฐมณฑล
สกลราชอาณาเขต                 ประเทศสยามชื่นช้อย
ทุกข์ขุกเข็ญใหญ่น้อย            นาศไร้แรงเกษม
โสตเทอญ ๚

โคลง ๔
     ๏ บารมีพระมากพ้น         รำพัน
พระพิทักษ์ยุติธรรม์               ถ่องแท้
บริสุทธิ์ดุจดวงตะวัน             ส่องโลก  ไซร้แฮ
ทวยราษฎร์รักบาทแม้            ยิ่งด้วยบิตุรงค์ ฯ

     ๏ เวลามีสุขล้น                 เหลือเหลิง
ปล่อยจิตคิดระเริง                 โล่งแล้ว
ถึงทุกข์แทบป่นเปิง               เปลืองชีพ
เพ้อนักมักไม่แคล้ว                เหตุร้ายเร็วถึง ฯ
   
(ลิลิตนิทราชาคริต : ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องนี้ ๒๙ วัน เมื่อปี ๒๔๒๑
เพื่อพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ในวันขึ้นปีใหม่)

     


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
23 ตุลาคม 2018, 09:53:AM
พี.พูนสุข
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1269
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,104


ทิวาฉาย ณ ปลายผา


« ตอบ #59 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2018, 09:53:AM »
ชุมชนชุมชน

         ซึ้งจัง ซึ้งจัง

อักษราวรรณศิลป์ปิ่นกวี รัชกาลที่ ๕


เห่ชมโฉม
       ยลพักตร์ผิวผ่องเพี้ยง           ศศิธร
สบเนตรยิ่งคมศร                         บาดช้ำ
ฟังเสียงสุดอาวรณ์                       หวังสวาท
งามท่วนล้วนลักษณ์ล้ำ                 แหล่งหล้าหาไหน
       ยลพักตร์ผิวผ่องผุด               งามบริสุทธิ์เล่ห์จันทร 
สบเนตรเนตรยิ่งศร                      รอนจิตช้ำล้ำเหลือคม
       พิศขนงวงดังวาด                   นาสิกผาดพองามสม
พิศปรางปรางน่าชม                      ปรางทองเปรียบไม่เทียบทัน
       พิศโอฐโอฐแฉล้ม                    ยามยิ้มแย้มเห็นรายฟัน
ดำขลับยับเป็นมัน                          ผันพักตร์เยื้อนเอื้อนอายองค์

(กาพย์เห่เรือ : ทรงพระราชนิพนธ์รวม ๔ บท คือ บทชมสวน ชมไม้ ชมนก และชมโฉม
เพื่อใช้เห่เรือหลวงเวลาเสด็จลงลอยพระประทีปเท่านั้น)   
 



โคลง ๔
       ฝูงชนกำเนิดคล้าย             คลึงกัน
 ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ            แผกบ้าง
ความรู้อาจเรียนทัน                   กันหมด
ยกแต่ชั่วดีกระด้าง                     อ่อนแก้ฤๅไหว
        ความรู้คู่เปรียบด้วย           กำลัง  กายเฮย
สุจริตคือเกราะบัง                      ศาสตร์พ้อง
ปัญญาประดุจดัง                       อาวุธ
กุมสติต่างโล่ป้อง                       อาจแกล้วกลางสนาม 

(ประชุมโคลงสุภาษิต : ทรงพระราชนิพนธ์เพื่อพระราชทานแก่บุคคลต่าง ๆ
และพิมพ์ลงในหนังสือ)


ชมกระบวนรถไฟซึ่งเป็นพาหนะชนิดใหม่และการส่งจดหมายทางไปรษณีย์แบบใหม่ในสมัยนั้น

       รถเอยรถกลไฟ                       ถึงไม่ใช่เทียมสัตว์ไม่ขัดขวาง
แล่นฉิวดังปลิวในนภางค์               ไปตามรางเหล็กไว้รับล้อ
รถหน้านั้นเป็นรถเครื่องจักร          พอโยกหลักเดินหน้าก็มาปร๋อ
เพราะก้านสูบลูกเล็กติดลูกล้อ         สติมออกจากหม้อให้สูบพัด
คนที่ไปอยู่ในรถที่พ่วง                    โยงติดพวงเป็นระนาวยาวถนัด
รถสลูนกลางย่านสำราญชัด            เป็นที่สำหรับกษัตริย์เสด็จลง

         บัดนั้น                                      ไปรษณีย์บุรุษคนขยัน
ถึงเวลาก็มาไขตู้นั้น                            หยิบหนังสือพิมพ์พลันถือไป
         ครั้นถึงออฟฟิซมิทันนาน         ส่งเจ้าพนักงานยิ่งใหญ่
ชั่งตรวจสอบแสตมป์ด้วยว่องไว        ตีตราดำส่งให้คนไปรษณีย์


ต้อนรับแขกเมือง

         เมื่อนั้น                                เทวราชรัศมีเฉิดฉัน
วางวิ่งไปรับฉับพลัน                    กอดโยเสพนั้นด้วยยินดี
แลเห็นกวินไวท์โฉมยง                 พระทรงคำนับมารศรี
นางยื่นหัตถ์ให้ภูมี                        จับหัตถ์เทวีก้มจนงอ


การรักษาโรคแบบสมัยใหม่

       บัดนั้น                                   กัปตันครั้นเห็นก็ใจหาย
เรียกหาดอกเตอร์อยู่วุ่นวาย          ไพร่นายอุตลุดช่วยกัน
ถอดเครื่องติดตัวที่ติดอยู่               เห็นร้องวู้วู้หนาวสั่น
เองบาแลงเก็ตหนาเข้ามาพัน         เรียกยาแก้เมานั้นมาให้กิน


(วงศ์เทวราช : ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องนี้เป็นกลอนบทละคร
เพื่อล้อคนแต่งคนเดิมและบุคคลอื่น ๆ ในสมัยนั้น
ใช้คำศัพท์ภาษาอังกฤษแทรกเพื่อให้ขบขัน)


         

เคารพรัก

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7 ... 10
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s