เราจะลาจากกันแล้ววันนี้
ทั้งทั้งที่หวาดผวาและว้าเหว่
ฉันคือเรืออิสระล่องทะเล
จะโล้เร่ร้างไกลฝั่งใจเธอ
เสียดายวันสงสารวัยความใกล้ชิด
ไกลกันนิดก็ปานว่าน้ำตาเอ่อ
ละไมยิ้มพิมพ์หัวใจละไมละเมอ
คงยิ้มเก้อแล้วละหนอต่อแต่นี้
โถ...รอยเท้าก้าวหรือถอยก็รอยเท้า
เมื่อเราก้าวกันใกล้ในทุกที่
จะเร้นรอยให้ฝันร้ายอีกหลายปี
เมื่อไม่มีรอยเท้ามาก้าวเคียง
เสียงหัวเราะเคยล้อต่อกระซิก
รินระริกดังน้ำรินก็สิ้นเสียง
เคยสำเหนียกลำนำถ้อยสำเนียง
จะเหลือเพียงลำนำในสำนึก
คืนที่เคยนั่งคู่กันดูดาว
จะนั่งเดียวเดี่ยวหนาวเมื่อคราวดึก
ตาสบตาบอกความหมายล้ำลึก
จะรู้สึกได้อย่างไรเมื่อไกลตา
หวั่นว่าห่วงเสน่หาลับลาหาย
มั่นใจหมายกลับมาเห็นเพ็ญดวงหน้า
นี่มิใช่คำมั่นแห่งสัญญา
แต่ทว่า เป็นคำฝากจากหัวใจ
รักแค่เพียงคำพูดพิสูจน์ยาก
แต่เมื่อจากคงพิสูจน์คำพูดได้
ใจของเราเราย่อมรู้อยู่ที่ใคร
กับคนใกล้หรือคนไกลใจคงรู้
ฉันมิใช่ขุนน้ำมีตำหนัก
เพียงมีแรงแห่งรักเป็นนักสู้
เธอคือคนที่จะเปิดประตู
ฉันไปสู่สนามชัยในชีวิต
ขอบคุณอย่างมากจากหัวใจ
ที่กล้าให้โอกาสซึ่งอาจผิด
เพราะอย่างน้อยชีวิตนี้ก็มีทิศ
หมายนิมิตสิ่งซึ่งฝันถึงมัน
ไม่ต้องคิดถึงวันที่ฉันกลับ
ไม่ต้องนับวันเวลารอท่าฉัน
ขอให้คิดถึงบ้างเพียงบางวัน
และสวดมนต์ให้กันเท่านั้นพอ
เก็บดอกไม้แห่งกมลไว้บหิ้ง
อย่าทอดทิ้งให้เศร้าอับเฉาช่อ
ขอน้ำตาสักหนึ่งหยดรดไว้คลอ
และการรอจะช่วยให้ดอกไม้บาน
ฉันลาก่อน...เขียนกลอนลาว้าเหว่นัก
และกลอนรักคงจะไร้ยามไกลบ้าน
หลังการลาเริ่มการรอทรมาน
ฉันเกรงการกลับมาเก้อ เมื่อเธอลืม
วาณิช จรุงกิจอนันต์