O ข้าวร่วมขัน .. O
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 พฤศจิกายน 2024, 09:03:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: O ข้าวร่วมขัน .. O  (อ่าน 12511 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
10 สิงหาคม 2014, 07:00:AM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« เมื่อ: 10 สิงหาคม 2014, 07:00:AM »
ชุมชนชุมชน



http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=10&group=11&gblog=569








-1-
O แต่ .. ร่วมบุญตักบาตร .. อาวาสเหนือ
เพ่งจิตเพื่อรอบกุศลแต่หนหลัง
ได้สืบสานตอกย้ำเสริมกำลัง
ลงหยัดหยั่งทอนค่า .. อัตตาตน
O ลงสองเข่ากรประนม .. คอก้มต่ำ
บำบวงธรรมตรึกตรองครรลองผล
แว่วคำพระกล่าวกล่อม .. เข้าล้อมลน
ก็แช่มชื่นเหลือล้นอยู่บนใจ
O เรียวนิ้วงามจับของประคองถวาย
แล้วหมอบกายหน้าก้ม, น้ำพรมใส่
เป็นน้ำมนต์บริกรรมพากย์ธรรมนัย
ป้องอาลัยอาวรณ์ให้ทอนแรง
O ราวหอมรื่นพัสตร์ห่ม .. บังบ่มผิว
ร่ำลมริ้วผ่าวแนบ .. เข้าแอบแฝง
นาสิกใกล้หอมอยู่ .. ฤๅรู้แปลง-
เปลี่ยนจากแหล่งพักตร์ละม่อม .. กรุ่นหอมนั้น
O กลิ่นธูปและควันเทียน .. ไหวเวียนอยู่
เมื่อตารู้ .. งามพิไลเริ่มไหวสั่น
ประกายวับวามอยู่เกินรู้-กัน
จนกราบพระคล้อยหัน .. ก็พลันพบ
O งดงามนักเจ้าเอย .. เมื่อเผยสู่
สบเนตรนิ่งงันอยู่เกินรู้หลบ
เกศินีนวลปรางสะอางครบ
จะเลือนลบจากใจอย่างไรพ้น
O แว่วพระสวดธรรมบท .. ปรากฎเสียง
ความเรื่อยเรียงให้สดับ .. อยู่สับสน
วงพักตร์หวาน, ธรรมนัย-แว่วไหววน
พร้อมอกหนึ่งอึงอล .. อยู่บนยาม

-2-
O มาไหว้พระทำบุญ .. เพื่อหนุนชาติ
หวังบำราศทุกข์โศกแห่งโลกสาม
ให้นัยธรรมหลอมเหลว .. ส่วนเลวทราม
พาข่มข้ามขวากขวางที่วางรอ
O ด้วยศักดิ์ศรีชายผู้ .. ไม่คู้ต่ำ
ไม่อาจย่ำทางสู่ .. ท่านผู้ขอ
ตรองข้อธรรมร้อยเรียงย่อมเพียงพอ
จักเติมต่อวิชชาเป็นอาภรณ์
O มาทำบุญถวายพระ .. สังฆทาน
ให้พระผ่านนัยธรรมขึ้นย้ำสอน
แจ่มกระจ่างโศกสุขไปทุกตอน
แล้วรับพรรื่นล้ำ .. พร้อมน้ำมนต์
O หอมกรุ่นรูปพัสตรา .. เบื้องหน้านั้น
ก่อนค่อยผันพักตร์เหลียว .. มาเกี่ยวผล-
จากรูปเผยสบต้อง .. ตาของคน
ลุกลามอลวนไหวที่ในทรวง
O โพธิ์ยังคงระบัดใบ .. เมื่อใจล่อง-
สู่พักตร์ผ่องเนตรวามที่ลามล่วง-
มาจับจองนัยคำ .. ถ้อยบำบวง-
ให้โชนช่วงรอบกรรม .. มุ่งบำเพ็ญ
O ศักดิ์สิทธิ์เสียจริงหนอ .. คำขอนี้
จึงมือที่ผู้ใดมองไม่เห็น
คล้ายจับจูงชาติภพ .. บรรจบ-เป็น-
นัยแฝงเร้นจดจ่อ .. เฝ้ารอคอย

-3-
O อารามวัดเรือนไม้ที่ริมน้ำ
อีกครั้งที่รอบกรรมและคำถ้อย
พาบรรจบรูปแพงผู้แฝงรอย
ให้คนพลอยถวิลเห็นไม่เว้นวาย
O ใกล้เจดีย์โบสถ์เก่า .. อันเก่าคร่ำ
คือคลื่นน้ำลมพลิ้วเป็นริ้วสาย
บนเรือนไม้นัยธรรม .. แว่วรำบาย
ความมุ่งหมายพิสมัยแห่งใจคน
O รูปอดีตเจ้าหลวงนั้นตั้งเด่น
ที่บวงเซ่นเถ้าปวง .. เริ่มร่วงหล่น
คือวัดโกษาวาส .. ที่ชาติชน
เคยสืบผลธรรมพุทธโดยดุษณี
O ก้มกราบรูปองค์พระ .. รูปพระพุทธ
เหลื่อมทองผุดผ่องตา .. เรื้องราศี
พักตร์สงบงันอยู่ .. ช่วยชูชี-
วาตม์ คนที่รุมร้อน .. ได้ผ่อนลง
O ใกล้ใกล้ที่นั่งสงฆ์ .. ใกล้องค์พระ
แว่ววาทะกล่อมจิตให้คิดบ่ง-
เอาเสี้ยนแหลมแซมจิต .. พาปลิดปลง
แล้วเสริมส่งรอบกรรมในสัมมา
O กราบองค์พระลมรื่นใจตื่นพร้อม
เมื่อคล้ายกรุ่นกลิ่นหอม .. ละม่อมหน้า-
จะวาบไหวบริบทออกจดตา
ใจเอยแต่ละล้าเหลียวหาเงา
O เกษินีนวลปราง .. หันข้างอยู่
คล้ายรอกู้ส่วนเสี้ยว .. ความเปลี่ยวเหงา-
แห่งอาวรณ์รูปนั้นให้บรรเทา
ดูเถิด .. คำพระเจ้า-ยืดยาวจริง
O แล้วก้มกราบรูปสงฆ์..บรรจงน้อม
ผมหล่นล้อมวงหน้า .. จบหน้านิ่ง
เพียงชั่วยามรูปพิไล .. หยุดไหวติง
กลับนานยิ่งในคะนึงของหนึ่งคน
O มาด้วยเพื่อนอีกสอง .. ผู้ปองธรรม
เพื่อขัดค้ำครอบจิตจากพิษฉล
งามรูปลักษณ์กิริยาก็น่ายล
คล้าย-งามล้นล้ำล่วงถึงดวงใจ
O เงยหน้าเจ้า .. หันหน้าเข้าหาเพื่อน
เนตรคล้อยเบือนสบกัน .. ก็พลันไหว-
วาบหวามละลามล่วงสู่ทรวงใน
โอ้อกใครระทึกก้องดั่งกลองตี
O สบแล้วเมินเมียงหลบ .. แล้วสบอีก
ด้วยสุดตาจะอาจปลีก .. หลบหลีกหนี
ชั่วเงียบงันหัวใจ .. กลับไหววี
ราวมือที่แฝงเร้น .. บีบเค้นลง
O ช่างอ้อยสร้อยอ้อยอิ่ง .. เสียยิ่งแล้ว
เนตรผ่องแผ้ว .. แก้มคางเรียวร่างหงส์
ราวแทรกรูปดิ่งด่ำ .. ให้ดำรง
แนบจำนงพาใจพลอยไขว่คว้า
O ใกล้ใกล้ที่นั่งสงฆ์ .. ใกล้องค์พระ
คล้าย-พันธะกุมกัก .. รอหัก .. ฝ่า
ภาพหนึ่งแต่ปางบรรพ์ .. ในสัญญา-
ค่อยแจ่มจ้าโชนช่วงกลางห้วงใจ

-4-
.... มีร่มบังกันให้พ้นไอแดด
ท่ามกลางแวดล้อมก้าวของบ่าวไพร่
ตาดแพรทองงามควรห่มนวลใย
จึงผ่องใสหยัดอยู่ไม่รู้จาง ....
.... มาร่วมบุญงานบวชฟังสวดพระ
หวังลดละ..ทุกข์ผองสิ้นหมองหมาง
แต่กราบก้มงามควรทุกส่วนนาง
ตราบเยื้องย่างสง่าล้วนให้ควรมอง ....

O ราวว่าจินตภาพฟ้องให้มองเห็น
งามเกินเว้นตาพรับเมื่อจับจ้อง
กระโปรงผ้าสีพื้น, แพรผืนทอง-
คล้ายเหลื่อมสองภาพซ้อน .. แต่ตอนนั้น
O ในสายตา-ท่วงที .. ราศีรูป-
เหมือนคอยลูบโลมให้ห้วงใจสั่น
แพรผืนทองพาดบ่า, ภูษาพรรณ-
เบื้องหน้าพลันเหลื่อมเนื้อ .. เป็นเนื้อเดียว
O ภาพนั้น .. แววขัดเขินจำเริญรูป
เทียนควันธูป .. เปลวลอย .. คนคอยเหลียว
และเบื้องหน้าลมพลิ้ว .. เมื่อนิ้วเรียว-
คล้ายรอเหนี่ยวอกใจ .. พลอยไหวตาม
O ภาพนั้น .. แววอุทธัจเผยชัดแจ้ง
และเลศแฝงในตา .. เกินกว่าห้าม
เบื้องหน้านี้ธรรมบท, รูปงดงาม-
ค่อยลุกลาม .. เข้าล้อมให้ยอมตน !
O ภาพแววตาอ่อนละมุน .. คอยหนุนเสริม-
ให้อาวรณ์ฮึกเหิม .. ได้เริ่มต้น-
เร่งกำลังหวานหอมเข้าล้อมลน
พาหวานล้นเอ่อแล้ว .. ทั้งแววตา-
O เช่นภาพการเยื้องย่างของร่างหงส์-
เข้าทับซ้อนรูปองค์ที่ตรงหน้า
เลื่อนหัวใจเลื่อนขวัญรับบัญชา-
ตอบคุณค่าน้ำใจด้วยนัยเดียว
O แต่เมื่อเดินเข้ามาให้ตาเห็น
อย่างลอบเร้นใจละห้อยแต่คอยเหลียว
ตาสบรูป .. อารมณ์ก็กลมเกลียว-
เข้ากอดเกี่ยวรูปพรรณในสัญญา
O หรือหัตถ์พรหมลอบเร้น .. จัดเส้นทาง
ให้ยกย่างเหยียดก้าวมุ่งเข้าหา
แล้วรอการสัมผัส .. รูป-ทัศนา
ก่อคุณค่าจับวางลงกลางใจ
O แต่บัดนั้น .. รุ้งเรื้องที่เบื้องหน้า-
ก็เหมือนว่าทอดโค้งยึดโยงให้-
ความขัดเขินอ่อนหวานที่ด้านใน-
ของอกใจ .. กับผกายแห่งสายตา
O ยิ้มรับความสดใสแห่งวัยเยาว์
เช่นยามเช้าสุมาลย์ช้อย .. ช่อ-คอยท่า-
ภุมรินผึ้งภู่ .. จะรู้มา-
ตฤปรสผาณิตหอม .. อย่างยอมตน
O ยิ้มรับความอ่อนไหว .. ของใครนั้น
กับแวววามไหวสั่นนับพันหน
เอ็นดูความขัดเขินหยอกเอินคน
หวามที่ล้นเอ่อแล้ว .. ผ่านแววตา !
O เหมือนว่างามลามรุกไปทุกบท
ชี้ .. กำหนด .. รูปรอยให้คอยหา
และเหมือนงามลามรุกไปทุกครา-
กับท่วงท่าเหลือบค้อน .. ตาซ่อนยิ้ม ..?

ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
12 สิงหาคม 2014, 08:15:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #1 เมื่อ: 12 สิงหาคม 2014, 08:15:PM »
ชุมชนชุมชน



http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=02-2012&date=07&group=11&gblog=368


O นานแค่ไหน...? O






O คล้ายภาพความซ่อนเร้น .. เผยเห็นรอย
เมื่อใจคอยเหนี่ยวรั้ง .. มาพลั้งเผลอ-
เผยท่วงทีอ่อนหวาน .. ให้ผ่านเจอ-
ร่วมบำเรอภาพหวัง .. อันฝังใจ
O ยิ้มให้ความอ่อนโยนที่โชนแวว-
ของเนตรแผ้วผ่องนั้น .. เมื่อ-สั่นไหว
รับรู้-รอบอุ่นอายที่ภายใน-
ทรวงผู้ซึ่งอาลัย-เริ่มไหววน
O แว่วเหมือนรอบอารมณ์ .. แฝงลมร่ำ
รำพันความออกย้ำ .. ซ้ำซ้ำหน
ว่าหัวใจ, แรงถวิล .. ผู้ดิ้นรน-
ยังไม่ยอมจำนน .. แต่โดยดี
O คล้าย-ยังคงดื้อแพ่ง .. ยังแข็งขืน
ด้วยแววตื่นในตา, รูปหน้าที่-
ซับเลือดฝาดปลั่งรอย .. เหมือนคอยที-
เบี่ยงราศีรูปลักษณ์ .. พ้น-กักกุม
O ตอบตื่นแววตาเต้น .. ราว-เร้นแฝง-
อารมณ์แปลงลงเปลี่ยน .. แก้มเนียนนุ่ม-
เรื่อสีรับรูปเงา .. ผู้เร้ารุม-
เอารอบสุมนัสช่วงโชนห้วงใจ
O ฤๅ-หมายตรึงติดมั่นลงสัญญา
แล้วค้างคาชาติภพ-เกินลบไหว
ก่อนรัดพันสองปลายแห่งสายใย-
ผูกมั่นด้วยอาลัยแนบในทรวง ?
O ยิ้มรับความออดอ้อน .. แววซ่อนเร้น-
ที่บัดนี้ตอบเต้น .. ไม่เว้นช่วง
งามนั้นราวคลุมครองทั้งสองดวง-
ของเนตรโชนความหวง .. ทุกช่วงแวว
O ตอบรับความซ่อนเร้น .. ที่เป็นไป
หลังจากใจดวงนั้น .. เริ่มสั่น-แว่ว-
ตอบอาวรณ์โลมรุกไปทุกแนว-
จนผ่องแผ้วในอก .. สุดยกย้าย
O มองเห็นบางเลศนัย .. เริ่มไหวสั่น
จากบีบคั้นสาหัสจนปัดป่าย
แววออดอ้อนอบอุ่น .. ก็วุ่นวาย-
อยู่กับเนตรรำบาย .. นัย-ฉายทอ
O ต้องอีกนานเพียงไหน .. หัวใจนั่น-
จึงอาจสั่นวาบหวามขึ้นตามขอ
เกิดดับกี่ภพชาติจึงอาจพอ-
ช่วยสุมก่อเสน่หา .. แรงอาวรณ์
O ต้องอีกนานเพียงไหน .. อาลัยนั่น-
อาจบีบคั้นเผยเห็น .. จากเร้น-ซ่อน-
แล้วโหมรุมเร้าใจ .. ดั่งไฟฟอน-
สุมเอาร้อนแรงชู้ .. ให้รู้ชม
O เมื่อภาพความซ่อนเร้น .. เผยเห็นรอย
เช่น-มาลย์ช้อยช่อชู .. ให้รู้ฉม
แฝงหอมหวานรำบาย .. ฝากสายลม
งามย่อมห่มห้อมแล้ว .. ทุกแววตา
O รับรองแววตอบตื่น .. รมย์รื่นนั้น-
ด้วยรำพันร้อยเรียง .. ผูกเดียงสา
หมายรู้แจ้ง-นัยความ .. ที่ตามมา-
เพียงเพื่อกล้าเผยความออกตามใจ
O เมื่อเลศนัยอาวรณ์ .. เกินซ่อนแล้ว
จึงทุกแววตานั้น .. เมื่อสั่นไหว-
ย่อมแฝงซึ้งซ่อนฝังทุกครั้งไป
ทุกรอบตอนอาลัย ..ซึ่งไหวตัว
O เมื่อภาพความซ่อนเร้น .. เผยเห็นรอย
การณ์ย่อมมีคำถ้อย .. ไว้คอยยั่ว-
เพื่อ-บีบเค้นโลมขวัญ .. ให้สั่นรัว-
จนมอบตัว .. หัวใจ .. ลงให้คว้า !
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
13 สิงหาคม 2014, 06:10:AM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #2 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2014, 06:10:AM »
ชุมชนชุมชน

.

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=13&group=11&gblog=570


O เพียงเจ้า .. O






O เห็นไหมแสงอ่อนโยนแต่โพ้นภพ
ล้อมตระหลบโลมขวัญ .. ทำสั่นไหว
เผยผ่านรูป .. ความ, คำ .. เฝ้าร่ำไร
ยั่วเย้าให้ใจหนึ่ง .. คำนึง-คอย
O มองเห็นไหม .. ใครกัน .. ในฝันเจ้า
ช่วยทอนเปล่าเปลี่ยวบท .. จนลดถอย
แต้มแววตาผุดผ่อง .. ให้ล่องลอย-
ไปกับถ้อยความคำ .. แห่งน้ำใจ
O เห็นไหม .. เดือน - พร่างอยู่กลางหมู่ดาว
เปิดห้วงหาวน้อมรับ การขับไข
เช่นเดียวกับ .. ปรารถนาแห่งอาลัย
แนบสุมใส่ .. สำหรับ .. การจับจอง
O จึงแม้นอนหลับฝัน .. เถิด-ขวัญเจ้า
ถ้อย-รุมเร้าจักโหม .. เข้าโลม-ต้อง
ล้อมรัดใจอ่อนเจ้า .. เพื่อเข้าครอง-
การพร่ำพร้องละห้อยหา .. ทั้งราตรี
O ภาพ-ข่มยิ้มขัดเขิน .. ทำเมินหน้า
ก็-แทรกฝ่าแก้มเนื้อ .. เนียน .. เรื่อสี
จักเผลอเผยเลศชู้ .. ให้รู้ที-
รู้ท่า-ความใยดี .. ผู้มีใจ
O จากนั้น .. ลมแห่งโลกจะโบกบ่าย
โรยร่ำสายล้อมรับ .. การหลับใหล
จังหวะเต้นทุกช่วง จากทรวงใคร-
ย่อมสั่นไหวรอถนอม .. อย่างยอมตน
O รู้ใช่ไหม .. ความกระซิบจากลิบโพ้น-
แสนอ่อนโยนสุมสั่ง .. เพื่อหวังผล-
ให้อาวรณ์อาลัย .. คอยไหววน-
พาใจนั้นลิ่วหล่น .. อยู่อลเวง !
O รู้ใช่ไหม .. ตากระพริบอยู่ปริบปรอย-
นั้น-จากถ้อยเร้ารุม .. เข้ากุมเหง
หวานหอมพร้อมมธุรส .. เยี่ยง-บทเพลง-
โหมบรรเลงปฏิพัทธ .. ลงรัดรึง !
O แต่เพียงเจ้าเท่านั้น .. เจ้าขวัญน้อย
หวังเคลิ้มคล้อยถ้อยความ .. จนลามถึง-
ใจ .. ต้องหวานดาลฤทธิ์ .. จนติดตรึง-
รสหวานซึ้งแห่งชู้ .. อย่ารู้คลาย
O หวังสื่อถึงใจเจ้า .. รูปเยาว์เอ๋ย
ผ่านรำเพยลมร่ำ .. พรมพร่ำ .. สาย
ว่า-ค่ำดึกคืนเปลี่ยว .. ผู้เดียวดาย-
ควร-แต่หนุนอุ่นอายไว้แอบอิง !
O กระซิบความสู่ขวัญ .. เช้ายันค่ำ
ว่า-ความ .. คำ จากใจ .. นี้-ใหญ่ยิ่ง
อ้อมอกเยี่ยงเสาหลัก .. รอพักพิง-
ให้แก้มเนียนเกลือกกลิ้ง .. รอยิ่งแล้ว !
O หวัง-อาวรณ์ย้อนย้ำ, ความคร่ำครวญ-
จักอบอวลสร้อยเสียงแต่เพียง .. แผ่ว
จันทร์ดาวทอแสงระยับ, ความวับแวว-
จากดวงตาผ่องแผ้ว .. อาจแล้วฤๅ ?
O งาม .. ยิ่งแสงบนสรวงทุกช่วงชั้น
แฝง-รูปฉันทาทิพย์ .. กระพริบ-สื่อ
แทรกอารมณ์กอดเกี่ยว .. ให้เรียวมือ-
ร่วม .. ยุดยื้อ .. โอบไว้กล่อมให้นอน
O งาม .. จะยิ่งวับวาวกว่าดาวดื่น
กับเสียงความโอดอื้น .. เกินฝืน-ซ่อน
งาม .. จะยิ่งลามล่วงทุกช่วงตอน-
ที่ที่ความออดอ้อน .. ยากผ่อนรอ
O สิ้นแล้ว .. แสงดาวจันทร์บนชั้นฟ้า
หลัง-แววตาปรอยปริบ .. กระพริบ .. ส่อ
จน-อบอุ่นเลี้ยวลอด .. ลงทอดทอ
การยั่วล้อทรมาน .. ย่อม-ผ่านใจ
O เพื่อว่าแสงอ่อนโยนแต่โพ้นภพ
จักฝ่าพลบฝ่าฝันถึงกันได้
เชื่อมรูปนามอ่อนละมุน .. แนบอุ่นไอ
รู้-อ่อนไหว .. อ่อนหวาน ทุกด้าน - พร้อม !
O สิ้นแล้วปวง - สังคีตประณีตศัพท์-
ที่เคยแว่วให้สดับเสียงขับกล่อม
เมื่อสร้อยเสียงกระซิบสู่ .. เกินรู้ออม-
ค่อย-รายล้อม .. สร้อยศัพท์ให้รับรู้
O ใช่ไหมว่า .. ตากระพริบอยู่ปริบปรอย
เหมือน-เฝ้าคอยอาวรณ์ให้ย้อนสู่
และเหมือนว่า .. รูปธรรม, ความดำรู-
เผยรูปอยู่สำทับ .. ให้รับรอง
O รู้ใช่ไหม .. ความกระซิบจากลิบโพ้น-
อย่างอ่อนโยนพาใจ .. เจ้าไหลล่อง-
ฝ่าดาษดาวแสงระยับ .. หวัง-จับจอง-
ความผุดผ่องพร่างแพร้ว .. ทุกแววตา !
O รู้ใช่ไหม .. ความคำที่พร่ำสู่-
เพื่อ-รับรู้ .. เฝ้าคอยละห้อยหา
เพื่อ-อ่อนไหว .. ทรมานด้วยมารยา
และเพื่อว่า .. ถวิลอยู่ ไม่รู้วัน !
O รู้ใช่ไหม .. กระซิบคำในค่ำดึก
เพื่อ-ส่วนลึกห้วงใจ .. เมื่อ-ไหวสั่น
จักทอดวางรูปเงา .. เยี่ยงเถาวัลย์-
กอดกระหวัดรัดมั่น .. จวบวันตาย !

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 สิงหาคม 2014, 08:38:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #3 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2014, 08:38:PM »
ชุมชนชุมชน

.

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=19-12-2012&group=11&gblog=429


O พี่รักเจ้า .. O







O เช้ายันค่ำจำนรรจ์ .. สัมพันธ์พร้อม
ค่อยหล่อหลอมจำนง .. รับส่งถึง
รอบอารมณ์ทุกเสี้ยวคอยเหนี่ยวดึง-
ความซาบซึ้งเชิงชู้ .. มอบสู่กัน
O คำใครหนอ .. อาวรณ์ออดอ้อนอยู่
เพรียกอารมณ์เอ็นดูอุ้มชูขวัญ
แผ่วผ่านโสตพลอดพร่ำ .. ถ้อยรำพัน-
รับรองฝันปรารถนา .. ทุกท่าที
O โอ .. รูปลักษณ์อ่อนน้อย .. หรือคอยย้ำ-
แววดื่มด่ำแนบคานัยน์ตาพี่
ทุกช่วงความคำนึง .. อันพึงมี-
ก็เพียงรูปราศี .. เต็มปรี่แล้ว
O รู้บ้างไหม .. ใจหนึ่ง .. รำพึงผ่าน-
สายใยรักอ่อนหวานให้ซ่านแผ่ว-
ไปกับสายลมอุ่นที่หนุนแนว-
หวังเพรียกแววตาเคลิ้ม .. ร่วมเติมเต็ม
O แผ่วแผ่วสายวาโย .. เมื่อโผผ่าน
ละห้อยหาทรมานก็ปานเข็ม-
คอยทิ่มแทงอารมณ์ให้ .. ขม-เค็ม
พาเลาะเล็มโศกสร้อย .. ที่คอยรอ
O โผย-ลมแผ่วผ่านริ้ว .. โลมผิวเนื้อ
พร้อมแก้มเรื่อเนตรชม้อย .. คล้ายลอยล่อ
อยู่ในห้วงคำนึง .. ใจหนึ่ง, พอ-
ได้เติมต่อละห้อยเห็นอยู่เช่นนั้น
O แต่ละภาพผ่านเคลื่อน .. ก็เหมือนว่า-
แววในตาเขินอาย .. ค่อยส่าย-สั่น
ความอ่อนหวานอ่อนไหวของใครกัน
ที่แทรกขวัญลงฝัง .. อีกครั้งคราว
O พี่-ทำให้ความหมาย .. รำบายออก
แทนถ้อยบอกผ่านรู้ .. เชิงชู้สาว
เมื่อนัยคำปลดเปลื้อง .. ฝากเรื่องราว
ทรวงย่อมผ่าวร้อนรุมดั่งสุมไฟ
O พี่-ฝากความถวิลหา .. ทุกคราครั้ง
หมายเสกสั่งใจขวัญ .. จนสั่นไหว
เพื่อรองรับปรารถนาแรงอาลัย
เก็บกักไว้แนบทรวงอย่าล่วงเลือน
O ถ้อยกระซิบกระซาบย้ำ .. แห่งค่ำนี้-
จักวาดวีความหมายลงป่ายเปื้อน-
บนดวงใจอ่อนเยาว์ .. คอยเฝ้าเตือน-
ว่าอย่าคิดจะเขยื้อนขยับพ้น
O แผ่วแผ่วสายวาโย .. ยังโผผ่าน
เมื่อหอมหวานทั้งปวง .. เริ่มร่วงหล่น-
ลงรอบล้อมอาลัย-แนบใจคน
งามก็วนเวียนรอบ .. คอยตอบคำ
O อ้อยอิ่งกับคาบยาม .. อยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่าง, รูปภพ .. การอบร่ำ-
ความอ่อนโยน, อบอุ่น .. ใครหนุนนำ-
ย่อมดื่มด่ำ .. ถ้วนในหัวใจชาย
O คืองามที่แทรกงาม .. เข้าลามโลก
ทอนเศร้าโศกทั้งปวงให้ล่วงหาย
ยอภพชาติอันประณีต .. ขึ้นกรีดกราย-
รองรับสายเยื่อใย .. จากใจนั้น
O จึง-งามที่รุมลามทั้งสามโลก
ค่อยค่อยโยกจิตใจจนไหวสั่น
คล้ายว่าบทพร้องพร่ำ .. แห่งรำพัน-
จะสอดศัพท์รับกัน .. แต่วันนี้
O เช้ายันค่ำจำนรรจ์ .. ผูกพันพร้อม
ค่อยหล่อหลอมรูปลักษณ์ แห่งศักดิ์ศรี
แฝงเร้นความแหนหวง .. ผ่านท่วงที-
การวาดวี .. ไหวช่วง .. สองดวงใจ
O จะกุมกักเก็บไว้ .. หัวใจนั้น
แล้วค่อยโยกค่อยสั่น .. ให้หวั่นไหว
จนเผยรอบเสน่หา .. แรงอาลัย
ออกขับไขผ่องแผ้ว .. ที่แววตา
O จะกุมกักผ่องแผ้ว .. ที่แววเนตร
ให้โชนเลศนัยละห้อยแต่คอยหา-
อกอุ่น, อ้อมแขนโลภ .. เพื่อโอบมา
ให้ซบหน้าแนบอยู่ .. ไม่รู้คลาย
O จะกุมกักเรียวร่างไว้กลางทรวง
อย่างแหนหวงรูปน้อย .. อาจลอยหาย
ฟังคำเถิด .. แม้นสะเทิ้นด้วยเขินอาย-
หากให้คลายร่างนี้ .. ไม่มีวัน !
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
16 สิงหาคม 2014, 06:52:AM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #4 เมื่อ: 16 สิงหาคม 2014, 06:52:AM »
ชุมชนชุมชน

.


http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=16&group=5&gblog=48



O แต่ปางบรรพ์ .. O







... สารสยามภาคยพร้อง - - - กลกานท์ นี้ฤๅ
คือคู่มาลาสวรรค์ - - - ช่อช้อย
เบญญาพิศาลแสดง - - - เดอมกรยดิ พระฤๅ
คือคู่ไหมแส้งร้อย - - - กึ่งกลาง ...

O โคลงดั้นยวนพ่ายซ้อง - - - สดุดี
ศักดิ์กษัตริย์เจ้าธานี - - - ชนกผู้-
ยาตราทัพประยุทธี - - - ล่มศัต รูนา
ให้ทั่วถิ่นรับรู้ - - - เรี่ยวแกล้วกรุงสยาม

O อัคระเกียรติยศพ้น - - - พันไผท
สมรรถะพยุหะพลไกร - - - แกร่งล้ำ
ศรัทธะประสาทะใน - - - พุทธศาสตร์ ท่านฤๅ
ตรรกะวิภาษอยู่ค้ำ - - - หลักแท้ธรรมกถา

O เพรางายสุริยะเรื้อง - - - โรยยาม
แต่หมู่ลาวคุกคาม - - - เขตแคว้น
ทูลกระหม่อมนิราศปราม - - - ป้องเศิก เสี้ยนแล
พาจิตใจขุ่นแค้น - - - พรากร้างโยธยา

O จำพรากนุชนาถเจ้า - - - จอมใจ
หมองหม่นชลเนตรไหล - - - หลั่งย้อย
หวาดหวั่นชีพแกล้วไป - - - ป้องเหตุ
คนอยู่หลังเมื่อละห้อย - - - ห่วง, ไห้-ฤๅเห็น ?

O ธงทิวปลิวยั่วเย้ย - - - ลมเย็น
เมื่อทุกข์โศกสร้อยเพ็ญ - - - เพียบพร้อม
ใครเล่าจักคอยเอ็น - - - ดูยั่ว เย้านา
แขน, อกเคยโอบอ้อม - - - จักอ้อมโอบใคร ?

O สรวลศัพท์คฤโฆษฆ้อง - - - กลองไชย
ทุ่มพ่างแตรสังขไหว - - - แว่วครื้น
คชา, อัศวะ, พลไกร - - - แกล้วโห่ ฮึกแฮ
พร้อมคีตลั่นสนั่นพื้น - - - แผ่นหล้าแหล่งสถาน

O โอ้..สร้อยโศภิตพ้น - - - อุปมา
จักพรากสู่ยุทธกา- - - - รณะแกล้ว
เก็บงำรอบถวิลอา- - - - วรณ์พี่ เทอญแม่
ล่มเศิกเสี้ยนสิ้นแล้ว - - - จักย้อนคืนสม

O สองเนตรจักลับหน้า - - - นานวัน
ยังแต่เยื่อใยพัน - - - ผูกไว้
ใครจักดอดด้อมขวัญ - - - ฝากสวาดิ
กรประโลมเกศไล้ - - - กล่อมเจ้าหลับฝัน

O เรื่อยเรื่อยแกล้วคชม้า - - - คลาขบวน
ลิ่วลิ่วลับเนื้อนวล - - - แจ่มหน้า
สองอกพิโยคครวญ- - - - คร่ำเทวษ
เกรงแต่รอบเหว่ว้า - - - จักล้อมประนอมคะนึง

O โฉมเคยแป้งประแก้ม - - - กันไร
โจงจีบพัสตร์ห่มสไบ - - - บ่มเนื้อ
เรียมจากจักมีใคร - - - เชยแม่ นาแม่
แขนเล่าใครจักเอื้อ - - - โอบให้หนาวหาย

O อกเอยช่างอนาถโอ้ - - - อาภัพ
ห่างพะงางอนพรับ - - - เนตรพ้อ
ก่อนเคยโอบแขนรับ - - - ขวัญแม่ นาแม่
มาจะรันทดท้อ - - - อกสะท้อนระทมถวิล

O เพรงไป่เคยจากเจ้า - - - แม้ยาม เดียวนา
มาบัดนี้คลาดงาม- - - - รูปแล้ว
ศึกนอกเพื่อป้องปราม - - - ปราบเศิก เสี้ยนนา
อีกศึกในอกแคล้ว - - - คลาดพ้นยามใด

... แถลงปางข้าไท้ท่วย - - - ใจหาญ
ตามต่อยไพรีเรือง - - - ร่อนแกล้ว
แถลงปางรำบาลลาว - - - มัวโม่ห
ทันที่น้ำลิบแล้ว - - - ชื่นไชย ...

O ปรานีเจ้าอ่อนน้อย - - - นงค์ยง พี่เอย
โฉมเมื่อสิ้นโสรจสรง - - - สาปเนื้อ-
จักหอมกรุ่นละมุนองค์ - - - รอโอบ แอบแม่
มาห่างรสเคยเอื้อ - - - จักอ้อนออดใคร

O แรมรักอำมฤตร้าง - - - รมยา
เหลือแต่กรุ่นสุคนธา - - - เถื่อนล้อม
ค่ำคืนเมื่อไสยา - - - ระทวยอยู่
ใครจักโอบรูปน้อม - - - แนบไว้ในทรวง

O ลมเย็นอาจเยี่ยมเหย้า - - - ในยาม
เมื่อแม่-นอนอกหวาม - - - วาบชู้
โดดเดี่ยวเปลี่ยวรสกาม - - - กรอมรูป
เฝ้าพลิกร่างรอรู้- - - - รส, อ้อนเอ่ยไฉน

O รอนรอนสุริเยศคล้อย - - - สนธยา
เหล่านกโบกปีกคลา- - - - คล่ำแล้ว
ลำแสงสุดสายตา - - - เหลื่อมเมฆ
ตรมสุดใจเมื่อแคล้ว- - - - คลาดหน้านวลถนอม

O รอยเรียมปางก่อนสร้าง - - - สมกรรม
เคยพรากคู่เขาทำ - - - ก่อนกี้
บาปเวรจึ่งย้อนจำ- - - - จองโทษ
พาพรากเจ้าอ่อน,ชี้ - - - สั่งให้ครวญถวิล

O รอยเราพรากนกเนื้อ - - - เขาขัง
พาพลัดพรากรวงรัง - - - คู่เคล้า
ชาตินี้บาปเบื้องหลัง - - - ตามติด
พาพลัดพรากอ่อนเจ้า - - - จ่อมด้วยอาดูร

O วงจันทร์จำรัสฟ้า - - - เรียมครวญ
หลงว่าวงพักตร์นวล - - - แจ่มเนื้อ
แผ่วผ่านกรุ่นจันทน์อวล - - - อบกลิ่น
หลงว่ากลิ่นอ่อนเอื้อ - - - อบเนื้อแนมจันทน์

... กรุงลาวกลอยขยาดหน้า - - - ตาตาย ศรากแฮ
จักอยู่เมืองเกรงกรร - - - บ่ได้
กลัวกลับเกลื่อนพล-อยาย- - - - อยังออก
หนีสมเด็จเหง้าไท้ - - - พ่ายพัง ...

O ป่านนี้ศรีสวัสดิ์เจ้า - - - จอมสมร พี่เอย
ทอดรูปที่บรรจถรณ์ - - - นิทระแล้ว
ฤๅกราบพระวิงวอน - - - ด้วยห่วง ใยแม่
หวังกลับย้อนคืนแคล้ว- - - - คลาดพ้นภัยผอง

O ลมลงหนาวสุดไซ้ - - - อกอวล อกเอย
ไพรเถื่อนแว่วนกครวญ - - - คร่ำร้อง
เช่นอกพี่เรรวน - - - ถวิลรูป
รูปพักตร์พริ้มเพราพร้อง - - - พร่ำท้าลมหนาว

O เห็นฟ้าขอดเมฆแก้ว - - - อัมพร แม่อา
เอิบอิ่มบงกชงอน - - - รูปช้อย
พัสตราห่ม, สไบคอน - - - ขอดรูป นั้นนา
นึกรูปมือค่อยคล้อย- - - - ขยับคล้ายลืม-เผลอ

O แว่วยินมยุเรศร้อง - - - ริมดง
ขนขาบเขียวพิมพ์วง - - - แว่นพร้อม
พร่ำเพรียกคู่ครองลง - - - สังวาส
อายนก-อกนึกน้อม - - - เพรียกน้องในคะนึง

O ต้นสนทอดกิ่งด้อม - - - ดูไพร
ดังพี่ด้อมดูใคร - - - ก่อนกี้
ละม่อมพักตร์นวลใย - - - ยามสบ
โฉมย่อมคอยสั่งชี้ - - - ช่วงใช้อาวรณ์

O รำลึกกายอุ่นอ้อน - - - แอบองค์ พี่เนอ
กอดกระชับ, จำนง - - - นิ่มเนื้อ
ลมอุ่นผ่าวผ่านลง - - - โลมรูป
จนอุ่นนั้นหนุนเอื้อ - - - โอบเนื้อคลายหนาว

O แสงดวงวันเคลื่อนคล้อย - - - คลุมพนา
ลมโบกใบไม้พา - - - แผ่ป้อง
นึกรูปกับอกอา- - - - วรณ์พี่ แลแม่
รูปย่อมรู้ตื่นต้อง - - - อกรู้ตื่นตาม

... สรรเพชญภูวนารถแกล้ว - - - การยุทธ ยิ่งแฮ
ตามต่อยไพรีพัง - - - พ่ายล้าน
จยรจอมครุทธผลาญ - - - แผลงเดช
สยงสรเทือนพ้ยงค้าน - - - ค่นเมรุ ...

O อาวรณ์มาวูบเร้า - - - รุมทรวง
ท่ามกรุ่นคันธาดวง - - - ดอกไม้
เทียบหอมนิ่มเนื้อหวง - - - หาสวาดิ
เอื้อมเด็ดดอกมาลย์ไล้ - - - กลีบนั้นแทนนาง

O รวยรวยรสมาศไม้ - - - มาลา
ฟุ้งกลิ่นลมพัดพา - - - ผ่านรู้
นึกปรางสบด้วยนา- - - - สิกนิ่ง นั้นเนอ
กลิ่นย่อมคอยกล่อมชู้ - - - อยู่เชื้อเชิญโฉม

O ซ่อนชู้ซ่อนกลิ่นนั้น - - - นามใคร ไม้เอย
ฤๅซ่อนสิ้น-เยื่อใย - - - ราคชู้
รัดพันรอบอกใคร - - - ครวญคร่ำ
ตระหนกอกรับรู้ - - - ซ่อนเร้นได้หรือ

... อยู่ไทธิเบศรเจ้า - - - จอมปราณ
พราวพฤๅบพลคชเสน - - - เกลื่อนแกล้ว
ครั้นพระผ่าผลาญพล - - - ยวนย่อย ไปแฮ
ทันที่น้ำลิบแล้ว - - - เลิศไชย ...

... จึ่งชักช้างม้าค่อย - - - ลีลา
ยังนครไคลคืน - - - เทศไท้
พยงบานทพาธิก - - - ทรงเดช
ที่คนเคารพไข้ - - - ข่าวขยรร ...

O จำปีควรเด็ดก้าน - - - เชยชม
นึก-เสียบแซมเส้นผม - - - ผูกห้อย
เกศเส้นกับรื่นฉม - - - เคล้าอยู่
รอ-เนตรเจ้าเหลือบชะม้อย - - - เลศละห้อยคอยหอม

O มะลิลาหอมอบโอ้ - - - เอมใจ
เรียงระเบียบมาลัย - - - จับร้อย-
เป็นพวงต่างสายใย - - - โยงยึด ใจพี่
มาห่างมาลย์ช่อช้อย - - - จักเชื้อใครชม

O โนรีโนริศร้อง - - - ร่ำเสียง
ชวนสุโนกพร้องเพียง - - - หยอกเย้า
ขาบขนต่างสไบเคียง - - - คู่บ่า เจ้าฤๅ
งามว่างามแต่เจ้า - - - ขจ่างซึ้ง-รูป, เสียง

O สายัณห์อาทิตย์ด้อม - - - อัสดง
แว่วชะนีเสียงหลง - - - กู่ก้อง
กังวานท่ามป่าดง - - - ดิบเถื่อน
กลว่าเสียงร่ำร้อง - - - แว่วคล้ายเจ้าครวญ

O ราตรีตีทุ่มฆ้อง - - - ขานเขิน ใจนา
เมื่อสบเนตรเมียงเมิน - - - แม่ชะม้าย
ท่วงทีเช่นเทียบเชิญ - - - ชวนรับ เลศนา
รับเลศ-พารูปผ้าย - - - ผ่านรู้อภิรมย์

O หวั่นหวั่นในอกคล้อย - - - ลำเค็ญ
เกลือกว่ารสรมย์เพ็ญ - - - แม่รู้
มิอาจอดใจเป็น - - - ปมเหตุ
เรียมสุดย้อนคืนกู้ - - - ผ่อนแก้ปรารถนา

O ทุกข์นี้ใช่อาจห้าม - - - หักหาย
สุดคร่ำครวญรำบาย - - - บอกรู้
จักรุมอยู่ตราบสาย- - - - บ่ายค่ำ
เกรงลอบเล่นเชิงชู้ - - - เช่นรู้จากเรียม

O นับยามนับคาบร้าง - - - แรมสมร
ด้วยกิจ, จึ่งจำจร - - - จากห้อง
เพียงเพื่อจักไปรอน - - - ราญชีพ ยวนแฮ
พรากอนุชนวลน้อง - - - แต่ละห้อยคอยหวน

O สองกรรอนยุทธสิ้น - - - สุดณรงค์
เหลือแต่ศึกรบอนงค์ - - - แน่งน้อย
ดาบโล่ห์จำปลดปลง - - - จนปราศ สิ้นนา
แผงอก, สองแขนร้อย - - - รัดเนื้อนวลถนอม

O นุชเอยแต่พี่พร้อง - - - พร่ำถึง
หมายว่าหุบเหวบึง - - - บ่อกว้าง
ฤๅอาจรับคำนึง - - - ได้หมด
ตราบทั่วแหล่งน้ำ-ร้าง - - - อาจรู้รับคะนึง

... ยังพระนคเรศเรื้อง - - - อโยทธยา
อรอาศนไอสวรรยเป็น - - - ปิ่นเกล้า
จำนิรจำนยรมา - - - จอมราช
คิดใคร่เสวยศุขเท้า - - - เทศเหนือ ...

O สบหน้าสบนิ่มเนื้อ - - - นวลทรง
โผยแผ่วสัมผัสบง- - - - กชช้อย
นาภีผ่องบรรจง - - - จบจูบ
แว่วกระซิกระส่ำสร้อย - - - สุดรู้ขัดขืน

O จบเนื้อจู่นิ่มเนื้อ - - - นวลพรรณ
วิชชุบนห่มสวรรค์ - - - วาบเรื้อง
ทึกทึกสะท้อนขวัญ - - - ฝ่าสวาดิ
เพื่อจะพลอยปลงเปลื้อง - - - รุ่มร้อนผ่อนแรง

O ลมบนตระหลบห้อม - - - หนหาว
เมื่อพิรุณหยาดพราว - - - ฉ่ำพื้น
ร้างไร้หมู่เดือนดาว - - - ดารดาษ
ท่ามแผ่วเสียงออดอื้น - - - อ่อนเจ้ารัญจวน

O พิมพ์ดวงเจ้าอ่อนด้อย - - - เดียงสา
ตื่น-รับรู้รมยา - - - ยั่วเย้า
ดื่มด่ำดำฤษณา - - - น้อมสู่
อบร่ำรสรุมเร้า - - - รัดร้อยอารมณ์

O แล้วเล่าลมผ่าวร้อน - - - แผ่วโรย
เมื่อหยาดน้ำฟ้าโปรย - - - ปริ่มพื้น
แล้วเล่าแว่วเสียงโหย - - - หื่นหอบ
ก่อนหยาดเกสรรื้น - - - ร่วงฟ้ารวมฝัน

O โวหารคำพจน์พร้อง - - - รำพัน นี้ฤๅ
มอบแนบทรวงดวงขวัญ - - - ฝากไว้-
กล่อมดวงจิต-จากวัน- - - - สาดส่อง-
จวบค่ำคืน-ถวิลให้ - - - โอบเนื้อถนอมนอน
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
21 สิงหาคม 2014, 06:20:AM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #5 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2014, 06:20:AM »
ชุมชนชุมชน



http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=20&group=11&gblog=572


O หอมดอกลำดวน .. O






O ตราบดอกไม้กลิ่นหอม..แอบออมรส
ถ้วนปวงภู่, ผึ้ง, มด..เมินรสหวาน
ความอาวรณ์ถ้วนสิ้นจิตวิญญาณ-
อาจล่มลาญลับช่วงจนล่วงรอย
O ปีกผีเสื้อโบกพลิ้ว..ล้อริ้วลม
เมื่อรื่นฉมบ่ายโบกเลือนโศกสร้อย
สีสันกลางแดดส่อง..บินล่องลอย-
เมื่อหัวใจเฝ้าละห้อย..แต่คอยรอ
O เริ่มเมื่อ-วันลอยดวง..เผยช่วงแสง
กลีบเหลืองแดงมาลย์หมู่ก็ชูช่อ
หอมหวานรส, ลมเช้า..ผ่าน..เคล้าคลอ
หอมหวานพอล่อภมร..บินว่อนเวียน-
O –รุมรอบเคล้ากลิ่นฉม, เมื่อลมแผ่ว-
โลมผ่านแก้วกลีบสุคนธ์..ก่อนวนเปลี่ยน-
เสพหอมหวานหลายหลาก..อย่างพากเพียร
ตราบจวนเจียนจ่อมจม..กลางฉมชื้น
O หมายใจคราญวาบหวาม..กับยามที่-
สายใยคลี่คลุมให้..ห้วงใจตื่น
โอ แววตาหวานซ่อน..เมื่อย้อนคืน-
ใครเล่าอาจขัดขืน..ไม่ตื่นตา
O รับรู้ถึงรูปนามแห่งยามแรก
หยัดรอยแทรกหวานพร้อม, ละม่อมหน้า-
ก็ตรึงรูปติดตาม..ลงล่ามคา-
แววละห้อยห่วงหา..ในตาชาย
O โอ ดวงตาอาวรณ์..คล้าย-ซ่อนยิ้ม
เฝ้าหลบพริ้มพรายดวง..แววช่วงฉาย-
แสนอ่อนโยนอบอุ่น..ดู-วุ่นวาย-
เหมือนว่าสายสวาดินั้น..รัดพันไว้
O โอ แววในดวงตา..ผู้อาทร
เหมือนออดอ้อนยอขวัญ..รับฝันใฝ่
เมื่อวาบเต้นสั่นช่วง..คือดวงใจ-
นั้นเริ่มไหวสั่นช่วง..ผ่านดวงตา
O โดยจำหลักรูปนาม..ลงท่ามกลาง-
หม่นหมองอ้างว้างรอย..ที่ถอยค่า
พรั่งพร้อมด้วยคำมั่นคำสัญญา
ร่วมค้ำคาชาติภพอยู่ครบครัน
O ปีกผีเสื้อโล้ลม..อารมณ์ชู้-
ก็ผ่านนัยรับรู้..โลมสู่ขวัญ
มีหัวใจสำแดงออกแบ่งปัน
ความผูกพันถวิลอยู่..ไม่รู้วาง
O ปีกผีเสื้อเหลื่อมลาย..พลิ้วพราย-ล่อง
เมื่อดวงวันเรื่อรอง..แดดต้องสาง
พร้อมรูปนามผ่านคอย..ในรอยทาง
รอเกี่ยวก้อยเหยียบย่าง..ร่วมทางจร
O รูปนามเอย..ก้าวย่างในทางเที่ยว
พร้อมก้อยเกี่ยวก้อยพัน..จำนรรจ์-อ้อน
กอปรความหมายแทรกซุกไปทุกตอน
เมื่ออาวรณ์ดื่มด่ำ..สืบสำเนียง...
O ครั้งเมฆขาวฟ้าใส..ลมไหวแว่ว
สิ้นสางสูรย์ผ่องแผ้ว..นกแจ้วเสียง
หญ้าต้องลมโลมสู่..ยอดลู่เอียง
ภู่ผึ้งเคียงมาลย์รื่นกลางชื่นเช้า
O หวัง-ทอดตัวสองแขนหนุนแทนหมอน
หลับตาคำนึงย้อนเรื่องก่อนเก่า
กลางลมหนาวโลมต้อง..เพียงสองเรา-
นอนใต้เงาไม้พรรณ..แลกพรรณนา
O นกโผเกาะกิ่งพฤกษ์..เมื่อนึกย้อน
ถึงช่วงตอนใจละห้อยแต่คอยหา
ดื่มด่ำด้วยรูปฝัน..ถ้อยบรรดา-
ความออดอ้อนวอนว่า..ท่วงท่าที
O ทอดตามองที่นี่และที่นั่น
ภาพยามนั้น..เปล่งปลั่งด้วยรังสี-
ของดวงวันอำไพ..เยื่อใยดี-
ค่อยคลายคลี่โอบรับไว้กับทรวง
O จนลำดวนฟุ้งกลิ่นรวยรินสู่
ก็รับรู้..อ้อมแขน, ความแหนหวง-
ของอาวรณ์ซาบซึ้ง..ใจหนึ่งดวง
ส่งหอมหวานซ่านล่วง..อีกดวงใจ
O เนียนเนื้อแก้มเอิบอิ่ม..เนตรพริ้มหลับ
แขนแทนหมอนทอดรับ..ราวกับให้-
ผู้ซบเศียรนอนหนุน..รู้อุ่นไอ-
เคลื่อนคล้อยโจมจู่ใจ..เกินไหวทัน
O มอบช่วงเชื้ออุ่นอาย..ให้ก่ายกอด
แขนจักทอดรองรับผู้หลับฝัน
ในสายลมอ่อนแรง..ย่อมแบ่งปัน-
สายใยคลี่คล้องขวัญ..โอบพันธนา
O บัดนี้มา..ละห้อยไห้..ถึงใครหนอ
จนเฝ้ารอคอยเจอ..พร่ำเพ้อหา
กลางเสียงนกห้อมห่ม..วอนลมพา-
ปรารถนาซาบซึ้ง..ส่งถึงทรวง
O คิดถึงนั้น..มากมายสุดบ่ายเบี่ยง
อักษรเพียงใช้แทน..อ้อมแขนหวง-
โอบกล่อมเนื้อเนียนนุ่ม..ใจพุ่มพวง
บอกความหวง-อาวรณ์..ทุกตอนคำ
O โอ แววตารู้นัย..ตอบ..ไหว..ตื่น
ล้อความรื่นฉ่ำฉม..เย้ยลมร่ำ
ทุกช่วงก้าวร่วมเหยียบเลาะเลียบกรรม
หวัง-เหยียบย่ำโชคชะตา..ด้วยฝ่าเท้า !

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s