--->เชิญแต่งกลอน"อาสาฬหบูชา" (แต่งแล้วได้บุญ-กุศลจิต)
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 พฤศจิกายน 2024, 04:02:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: --->เชิญแต่งกลอน"อาสาฬหบูชา" (แต่งแล้วได้บุญ-กุศลจิต)  (อ่าน 3225 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
11 กรกฎาคม 2014, 01:10:PM
muneenoi
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 628
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 772


~มี-ในสิ่งที่ไม่มี ไม่มี-ในสิ่งที่มี~


« เมื่อ: 11 กรกฎาคม 2014, 01:10:PM »
ชุมชนชุมชน





๐๐(๑๔ บท)๐๐

หลังพระพุทธอุบัติตรัสรู้
รำลึกผู้อุปการ์เมื่อคราเข็ญ
ปัญจวัคคีย์ช่วยด้วยลำเค็ญ
สมควรเป็นผู้รับสดับธรรม

จึงมุ่งตรงสู่ป่าพาราณสี
โปรดโยคีทั้งห้าเมื่อฟ้าร่ำ
ด้วยเมตตายิ่งใหญ่พระทัยนำ
หลังตรากตรำบำเพ็ญเห็นอุทัย

ถึงสายัณห์วันขึ้นสิบสี่ค่ำ
เดือนคล้อยต่ำอัมพรตอนฟ้าใส
ลุถึงป่าอิสิฯมิทันไร
ฤาษีได้ต้อนรับประทับองค์

วันรุ่งขึ้นสิบห้าค่ำย่ำดิถี
ปุณณมีเด่นดวงล่วงประสงค์
เทศน์กัณฑ์แรกธรรมจักรฯสลักลง
ความมั่นคงพุทธศาสน์ได้ยาตรา

ดุจกงล้อแห่งธรรมได้นำเคลื่อน
มิร้างเลือนจากโลกอันโศกหนา
อริยสัจธรรมได้นำพา
สองพันห้าพุทธศกตกถึงเรา

"อาสาฬหบูชา"มาวันนี้
เพ็ญเดือนแปดดิถีฤดีเหงา
เมื่อแลพระปฏิมาคราแนบเนา
ดุจเข้าเฝ้าพุทธองค์ทรงพระชนม์

เป็นวันจบครบสามงามไตรรัตน์
สงฆ์อุบัติองค์แรกแทรกมรรคผล
เป็นปฐมสาวกผู้ยกตน
โสดาบันบุคคลสู่หนทาง

"อัญญาสิ วะตะ โภ โกณฑัญโญ..ฯ"
คำพุทโธอุทานพยานอ้าง
"โกณฑัญญะได้รู้แล้ว.." แนวปล่อยวาง
จิตกระจ่างเห็นจริงสิ่งทั้งมวล

"ยังกิญจิ สมุทัย..ฯ" ท่านได้พบ
หลังเทศน์จบครบกัณฑ์รำพันหวน
ว่า"มีเกิดย่อมมีดับประทับตรวน
ทุกสิ่งล้วนไตรลักษณ์พิทักษ์ตรา"

เมื่อเห็นแจ้งแหล่งธรรมท่านขอบวช
ไม่ต้องสวดญัตติฯพิธีหา
พุทธองค์รับรู้อุปัชฌาย์
ตรัสวาจา"มาเถิดภิกษุเอย..ฯ"

ท่านจึงได้"อัญญา.." นำหน้าชื่อ
ด้วยว่าถือคำพุทธพิสุทธิ์เผย
ว่า"อัญญาโกณฑัญญะ"สังฆะเปรย
แปลเฉลยก่อนหน้าถ้าย้อนดู

ส่วนฤาษีสี่ท่านนั้นเลื่อมใส
พร้อมตั้งใจฝึกหัดมนัสหรู
สี่วันครบพบธรรมตามคำครู
ปฐมมรรคทุกผู้รู้ตามกัน

จึงขอบวชพร้อมใจได้เอหิฯ
ดังแรกผลิบัวบานตระการนั่น
ถึงแรมห้าฟังอนัตต์ฯตัดบ่วงพลัน
อรหันต์ทุกองค์ข้ามดงมาร

สาธุชนคนไทยหัวใจพุทธ
มโนผุดผ่องนำธรรมประสาน
รำลึกคุณพระตรัยใจเบิกบาน
ย่อมล่วงพ้นกันดารสู่ลานธรรม

 เคารพรัก

"มุนีน้อย"



(แทรกพุทธประวัตินิดๆ เพื่อการเรียนรู้....เชิญทุกท่านร่วมแจม ตบมือให้)
ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แต่งกลอนเพราะใจรัก
หนักใจเพราะตัณหา
เหว่ว้าเพราะฟุ้งซ่าน
สำราญด้วยพระธรรม..
13 กรกฎาคม 2014, 01:18:AM
muneenoi
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 628
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 772


~มี-ในสิ่งที่ไม่มี ไม่มี-ในสิ่งที่มี~


« ตอบ #1 เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2014, 01:18:AM »
ชุมชนชุมชน

...ต่อจากข้างบน ยิ้มแก้มแดง

"วันพระสงฆ์"เรียกกันอีกวันนี้
ถือตามที่สงฆ์ลุอุปสัมฯ
ปฐมสงฆ์สาวกยกผู้นำ
องค์เลอล้ำเลิศชัดรัตตัญญู

รัตนะครบสามได้งามแล้ว
เป็นดวงแก้วแววเลิศประเสริฐหรู
เปล่งประกายฉายแสงแห่งวิทู
นำเวไนยทุกผู้สู่ไกพัล

อีกข้ามสรวงล่วงพรหมบรมเมศวร์
คือทิพย์เขตอริยะเหนือสวรรค์
ผู้บำเพ็ญเห็นแจ้งแหล่งอนันต์
อรหันต์จึงรู้อยู่นิพพาน

 เคารพรัก

"มุนีน้อย"

(ต่อด้านล่าง.. ยิ้มให้จ้ะ)

หมายเหตุ..."นิพพาน" ในความหมายของกลอนนี้เปรียบเทียบให้เห็นเป็น"บุคลาธิษฐาน"
ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แต่งกลอนเพราะใจรัก
หนักใจเพราะตัณหา
เหว่ว้าเพราะฟุ้งซ่าน
สำราญด้วยพระธรรม..
14 กรกฎาคม 2014, 04:09:AM
muneenoi
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 628
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 772


~มี-ในสิ่งที่ไม่มี ไม่มี-ในสิ่งที่มี~


« ตอบ #2 เมื่อ: 14 กรกฎาคม 2014, 04:09:AM »
ชุมชนชุมชน

ต่อจากข้างบน...

ย้อนกล่าวถึง"ปฐมเทศนา"
มีอรรถาเกี่ยวธรรมนำประสาน
"สามเรื่อง"หลักจักแจ้งแสดงการ
พอประมาณหว่านถ้อยร้อยพจี

เรื่องแรก..เว้นเส้นทางอย่างสุดโต่ง
สองสายโยง หย่อน-ตึง พึงหลบหนี
ไม่ใช่ทางสายกลางอย่างพอดี
ควรหลีกลี้ให้ห่างทางอุโภ

เรื่องที่สอง..จงย่างบนทางเลิศ
จะประเสริฐเกิดผลดลสุโข
ทางสายกลางมัชฌิมะน้อมมโน
สู่ภิญโญงามชัดรัถยา

"อริยสัจสี่" เรื่องที่สาม
คือหลักความจริงแท้แน่หนักหนา
เป็น"ความจริงอันประเสริฐ"เกิดวิชชา
สู่มรรคาเห็นแจ้งแหล่งตัวตน

เป็นใจความ"ธรรมจักรฯ"สลักไว้
เทศน์กัณฑ์ใหญ่ครั้งแรกแทรกเวหน
มีผู้ฟังเทศนาเพียงห้าคน
แต่บันดลผลลัพธ์นับคณาฯ

 เคารพรัก

"มุนีน้อย"

(ต่อด้านล่าง..  ยิ้มให้จ้ะ)
ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แต่งกลอนเพราะใจรัก
หนักใจเพราะตัณหา
เหว่ว้าเพราะฟุ้งซ่าน
สำราญด้วยพระธรรม..
18 กรกฎาคม 2014, 11:01:AM
toshare
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 303
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,388



« ตอบ #3 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2014, 11:01:AM »
ชุมชนชุมชน

....อาสาฬหะ วันประเสริฐ.........เลอเลิศ รักแบ่งปัน
ธ ตรึกพลัน สรรพสัตว์.............ตัณหามัด หมองเศร้า
พึงขัดเกลา ช่วยเหลือ..............เอื้อบัว กิเลสพ้น
ธรรมสว่าง กระจ่างท้น.............จิตแผ้ว ผ่องใส
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
18 กรกฎาคม 2014, 06:00:PM
muneenoi
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 628
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 772


~มี-ในสิ่งที่ไม่มี ไม่มี-ในสิ่งที่มี~


« ตอบ #4 เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2014, 06:00:PM »
ชุมชนชุมชน

ต่อจากเนื้อหาข้างบน...

ทางสุดโต่งสองสายบรรยายเพิ่ม
เพื่อส่งเสริมอรรถรสบทศึกษา
กามสุขัล*ฯทางแรกดูแปลกตา
วุ่นกามาหย่อนเกินเจริญรอย

คือรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
มิลดละกลับเพิ่มเติมเชื้อสอย
หมกมุ่นสุขจอมปลอมยอมสำออย
จึงเสื่อมถอยจากทางกระจ่างธรรม

ทางที่สองเคร่งเกินประเมินผล
ลำบากตนเกินไปใจถลำ
คืออัตตกิละฯพาระกำ
มิอาจนำเห็นจริงสิ่งทั้งมวล

ปฏิปทาสายกลางกระจ่างแจ้ง
จะแสดงต่อไปให้ครบถ้วน
ตามคำพุทธแจกแจงแต่งสำนวน
หวังบางส่วนอานิสงส์บรรจงกานท์

เมื่อละทางสองสายหมายใจสิ้น
จงถวิลสายกลางสร้างหลักฐาน
ยึดพอดีมิตึง-หย่อน ผ่อนประมาณ
รวมประสานโสภาคามินี...

 เคารพรัก

"มุนีน้อย"

(*ในที่นี้ ให้อ่าน กาม-สุขัล... ตบมือให้)



ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แต่งกลอนเพราะใจรัก
หนักใจเพราะตัณหา
เหว่ว้าเพราะฟุ้งซ่าน
สำราญด้วยพระธรรม..
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s