.
.
๒๕๑๙
O คืนมืดฟ้าหม่นจันทร์หล่นร่วง
ดาวช่วงเกลื่อนฟ้าลับลาหาย
ลมแผ่วพลิ้วโบกกรรโชกชาย
เมื่อสายตา, พลบ-บรรสบกัน
O สงัดงันเงียบกลางเยียบเย็น
โชนเต้น-แววตาไหวพร่าสั่น
ห้วงใจอื้ออึงเสียงดึงดัน
ฝ่าฟันสู่หมายที่ปลายจร
O ครั่นครืนฟ้าฝนน้ำหล่นเม็ด
ราวเพชรโรยเส้นเกินเร้นซ่อน
หากห้วงอกใจคือไฟฟอน
รุมร้อนอารมณ์เกินข่มลง
O ทุกก้าวย่างเหยียบช่างเงียบงัน
แรงฝันฮึกเหิมก็เสริมส่ง
โชนออกเชื่อมเส้นจนเป็นวง
จำนงแน่นหนักร่วมผลักดัน
O ยกก้าวย่างเล็ดลอดเม็ดฝน
หยดควงร่วงหล่น..อยู่บนฝัน
ไหวเหวี่ยงลมเร้าผ่านเถาวัลย์
แล้วกลิ้งหยดสั่น..ไหลหลั่นลง
O เรี่ยวแรงหดหายที่ปลายทาง
ป่ากว้างยางยูง..ยอดสูงส่ง
หัวใจผ่อนวางที่กลางดง
ปลดปลงคับแค้น..ฝากแผ่นดิน
O ความคิดสุมสั่งในครั้งนั้น
มุ่งมั่นหนักแน่นดุจแผ่นหิน
หมายพลิกแผ่นฟ้า..ครอบธานินทร์
ถ้วนถิ่นครอบงำด้วยกำลัง
.
.
๒๕๕๗
O ฉันคือประชาชน
ผู้ยากจนทนทุกข์ทั้งลุก-นั่ง
ที่คำพูดคำจาไม่น่าฟัง
และความหวังอยู่ไหนก็ไม่รู้
O ฉันคือประชาชน
ทำงานอย่างอดทน .. ดิ้นรนอยู่
ไม่มีเกียรติเลอเลิศ คอยเชิดชู
แต่-ลบหลู่, ส่อเสียด, หยามเหยียด .. พร้อม !
O ฉันคือประชาชน
ที่เฝ้าขวนขวายรับการขับกล่อม
ถูกหยิบยื่นจริง, เท็จ-ให้เด็ดดอม
ที่ภาพค้อมหัวรับ .. งาม-จับตา
O ความหวังอันเคยมี, บัดนี้หาย-
ไปกับปลายแฉกลิ้นจนสิ้นค่า
ทั้งเลวทรามชั่วดีทุกลีลา
ล่มกับฝ่าเท้าต่ำเหยียบย่ำลง
O ความรักในศักดิ์ศรี
ใครหนอที่จับจูงจนสูงส่ง
ความเป็นคนที่เห็น .. วกเป็นวง-
ผลุบโผล่ตามจำนงที่บงการ
O ความรักความภักดี
ใครหนอที่ปรุงศัพท์ขึ้นขับขาน
ที่ที่ความเป็นคนต้องบนบาน-
อธิษฐาน ให้เชื่อจนเหงื่อย้อย !
O ความมั่นคงของชาติ
คืออำนาจความคดถูกปลดปล่อย
ที่ที่ความถูกต้องนั้นล่องลอย
ให้เถื่อนถ่อยจับจองเข้าครองเมือง
O ฉันคือประชาชน
ที่ที่ความเป็นคนจำป่น .. เปลื้อง-
ลงฝังกลบ .. อุดหนุนความขุ่นเคือง
คอนเชื่อเชื่องงมงายลงถ่ายทิ้ง !
O ยืนฟังนั่งรอมาพอแรง
จนภาพแร้งร้องร่ำก่อนดำดิ่ง-
ลงจิกซากเน่าเหม็น .. ก็เห็นจริง-
ว่าภาพยิ่งแสร้งทำ .. นั้นต่ำนัก !
O ภาพฝูงชนเรือนแสนเนืองแน่นสู้
กับกลุ่มผู้สามานย์ .. เข้าหาญหัก
ที่ที่ราศีสรวง .. ถูกล้วงควัก-
ดึงลากหลักการอสัจจ์ขึ้นบัตรพลี
O เป็นภาพประชาชน
ที่สุดทน เพราะรักในศักดิ์ศรี
สุดทนเกินยอมรับให้อับปรีย์-
หอบราคี .. น่าชังขึ้นนั่งเมือง
O เป็นภาพประชาชน
ที่อึดอัดเสียจน .. จำป่น-เปลื้อง-
นักรบด้วยปลายลิ้น .. จนสิ้นเปลือง-
โอกาสความรุ่งเรืองของเมืองไทย
O เป็นนักรบไว้ป้องชาติ
กลับใช้ปืนอุกอาจทำบาตรใหญ่
กรูขึ้นบนทำเนียบย่ำเหยียบใจ
กระบอกปืนหันใส่ .. เผ่าไทยนี้
O ภาพฝูงชนเรือนแสนเนืองแน่นถนน
เคลื่อนตัวบนน้ำใจอันไหลรี่
สองมือยกเงื้อสับความอับปรีย
เพรียกเสรีเพรียกสิทธิ์อันติดตัว
O ร่วมหยาบหยามยศศักดิ์จนหักโค่น
ร่วมถ่ายโอนความรู้ให้รู้ทั่ว
ร่วมเปลี่ยนแปลงโมหันต์ให้สั่นรัว-
แค่ในหัวใจชาติ .. อำนาจนิยม
O เป็นหนึ่งความบริสุทธิ์ที่รุดเร่ง-
ฝ่ากุมเหงแถวทัพ .. ร่วมขับ-ข่ม-
ทุรชาติตัวโตผู้โสมม
จนสังคมนอบน้อม .. ลุก-พร้อมกัน
O เป็นหนึ่งความบริสุทธิ์ที่ผุดพลุ่ง-
ขึ้นพร้อมเพื่ออำรุงความมุ่งมั่น
ล่ม-นักรบหลงงานเมื่อวานวัน
ยก-ชาติพันธุสยามให้งามตา
O สีสิบปีล่วงลับให้นับเนื่อง
ความเป็นชาติเชื่อเชื่อง .. ที่เบื้องหน้า-
ยังคงกลาดเกลื่อนเช่น .. ที่เป็นมา
คือศรัทธาบ้าบอด .. ยังทอดเงา
O สีสิบปีลับล่ม .. เหลือปมด้อย
แฝงแววตาเงื่องหงอย .. ที่คอยเฝ้า-
ฝันให้ฟ้าสีทอง .. เป็นของเรา
ถิ่นที่สีหม่นเทา .. ทอดเงา - ล้อม !