O คำมั่นคำสัญญา .. O
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 พฤศจิกายน 2024, 03:32:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: 1 [2]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: O คำมั่นคำสัญญา .. O  (อ่าน 31829 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
23 กรกฎาคม 2014, 10:00:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #20 เมื่อ: 23 กรกฎาคม 2014, 10:00:PM »
ชุมชนชุมชน


http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2011&date=14&group=11&gblog=321



O อาวรณ์..ที่ซ่อนเร้น...? O








O เผยออกมาสักทีจะดีไหม
ซ่อนเร้นอยู่ทำไม .. หนอ-ใจนั่น ?
เมื่อต่างก็มีใจมอบให้กัน
พร้อมใฝ่ฝันเฝ้าอยู่ .. อย่างรู้คอย

O คิดถึง .. ละห้อยเห็นเมื่อเร้นหน้า
กับแววตาว่างเปล่า-แสนเศร้าสร้อย
เพียงภาพเคยจับจอง .. ที่ล่องลอย-
สร้างรูปรอยแล่นเลื่อนขึ้นเตือนใจ

O ไย-ถึงต้องแฝงเร้นอยู่เช่นนั้น
กดข่มความผูกพัน .. ห้าม-สั่นไหว
ก็เมื่อแววในตา .. แสนอาลัย
นึกหรือว่าความนัย .. ปิดได้พ้น ?

O วาบวามความอ่อนหวาน-เมื่อผ่านช่วง
ก็รับรู้แหนหวงที่ร่วงหล่น-
ลงในการร่ายรำ .. แววจำนน-
ที่เอ่อล้นเผยล่วงผ่านดวงตา

O กี่ครั้งแล้วแววตา-เกินกว่าซ่อน
เผลอ-เผยความอาวรณ์ออดอ้อนหา
รับรู้แววอ่อนหวานส่งผ่านมา
ย่อมรู้ว่าเกินคิดจะปิดบัง

O เพียงแววตาฉายทอจะพอหรือ
ว่านั่นคือรูปรอยให้คอยหวัง
แล้วหัวใจเต้นแผ่วจะแว่วดัง-
ให้รับฟังเสียงสั่น .. เอาวันใด ?

O เพียงแววตาฉายทอ .. ไม่พอหรอก
จะพูดบอกความถวิล .. จนสิ้นได้
หากต้องมีพจน์พากย์คอยฝากนัย
จึงอาจรู้อาลัยที่ในทรวง

O ซ่อนเร้นด้วยขัดเขินมาเนิ่นนาน
จน-รับรู้อ่อนหวาน .. เมื่อผ่านช่วง
โดยพจีงดงาม, ถ้อยความปวง-
ย่อมลามล่วงสู่ใจผู้ใฝ่คอย

O คล้ายเนิ่นนานหนักหนากับท่าที-
แฝงไมตรีปรุงเปรียบ .. อย่างเงียบหงอย
จนความหมายสืบสร้าง .. ไม่พรางรอย-
แล้ว-จึงค่อยนำวาง .. ลงกลางใจ

O เมื่อท่าที, บทบาท-ไม่ขาดช่วง
ย่อมยากล่วงเลือนกัน .. จากกันได้
ด้วยต่างคอยรับรู้ .. ว่าผู้ใด-
ส่งรับแรงอาลัย .. มีให้กัน

O หยุดเถิด-ความอาวรณ์ที่ซ่อนเร้น
หยุดบีบเค้นหัวใจ, ความใฝ่ฝัน
ด้วยว่าความทรมาน .. จากนานวัน
จักค่อยผันผ่านช่วง .. จนล่วงพ้น

O หยุดเถิด-รอบดวงใจที่ไหวสั่น
ด้วยว่านั่นเป็นช่วงการร่วงหล่น-
ของอาวรณ์อาลัยที่ในตน
อย่างจำนน, รอพร้อม-อุ่นอ้อมทรวง !

O หรือจะให้คำนึงมีถึงกัน
ต้องถูกกั้นกีดชาติจนขาดช่วง
หรือจะให้แรงกรรมเคยบำบวง
ต้องเลือนล่วงสูญเปล่า .. ไม่เข้าที

O ก็แค่เผยความนัย .. ออกให้รู้
เป็นนัยชู้พร้อมสรรพสำหรับที่-
จะใช้เป็นสายใยแห่งไมตรี
โอบรัดชีวิตสองมาพ้องกัน

O คอยเถิด .. วงแขนโลภ .. รอโอบกอด
เมื่อร่างทอดลงทับ-การรับขวัญ
อกอุ่น, แรงปราโมช คือโทษทัณฑ์-
ไว้กักกันอาวรณ์ .. เคย-ซ่อนเร้น !

O หรือจะให้คำนึง .. แม้หนึ่งช่วง-
จังหวะดวงใจคอยละห้อยเห็น-
ต้องแกว่งไกวรอเฝ้า ทั้งเช้าเย็น
เพราะถูกรักซ่อนเร้น .. บีบเค้นเอา ?

ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
24 กรกฎาคม 2014, 08:22:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #21 เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2014, 08:22:PM »
ชุมชนชุมชน


http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2014&group=11&date=24&gblog=562


O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O






O หม่นมัวเงียบงันอยู่ ..ในตรู่สาง
หยดน้ำวางตัวเกลื่อน..ทั่วเถื่อนหน
ฟ้าสูง .. ภาพฝูงนก .. บินวก-วน
เมื่อสูรย์พ้นสิขรคล้อย .. ขึ้นลอยดวง
O หอมโกสุมกล่อมยาม .. เมื่อวามวับ-
ดวงวันทอลออระยับขึ้นรับช่วง
ลมเช้าชื่นเฉื่อยโชย .. ก็โดยรวง-
ช่อมาลย์ปวงเตรียบหอมรายล้อม .. รอ
O ตฤปความหอมรื่นล้ำ-แห่งธรรมชาติ
บำบวงภาษปรุงปอง .. พร่ำพร้องขอ
หมายโสตเทพเพลิดเพลิน .. คำเยินยอ
ดลฤทธิ์ต่อสายใย .. รัดใจนั้น
O ผูกมัดใจหนึ่งอยู่ .. อย่ารู้คลาย
เก็บสองปลาย .. ซ่อนไว้เพื่อไหวสั่น-
แห่งถวิลร้อนแรง .. จักแบ่งปัน-
โอบออขวัญ .. อบอุ่นเข้าหนุนทรวง
O ละคาบยามพ้นผ่าน .. แม้นนานเนิ่น
พึงจำเริญแนบแน่นด้วยแหนหวง
ดื่มด่ำรสวาบหวามถ้อยความปวง-
พร้อมความห่วงใยมี .. เต็มที่ทาง
O หมายทุกทุกอณูธาตุ .. ห้วงอากาศ
ยอโอภาสวับวาวทุกก้าวย่าง
ล้อมรูปแพงทองขวัญ .. ป้องสรรพางค์-
ถนอมร่างถนอมเนื้อ .. ไว้เอื้ออิง
O ทุกโอภาสแอบออ .. ร่ำรอถนอม
พึงแนบน้อมอาลัยสู่ใจหญิง
ทุกรอบวันลับดวง .. โปรดช่วงชิง-
ดวงใจมิ่งขวัญวาง .. ที่กลางใจ
O บำบวงถ้อยเทอดแถนทั้งแดนฟ้า
เพื่อก่อรูปพรรณนา .. หมายอาศัย-
สื่อความอุ่นอ่อนหวานจากด้านใน-
ดวงจิตให้สั่นเต้น .. ด้วยเอ็นดู
O เตรียบคำถ้อยเพื่อแถนทั้งแสนสรวง
ช่วยทาบทวงอาวรณ์ .. มอบย้อนสู่-
หัวใจเยาว์อบร่ำความดำรู-
ด้วยนัยชู้แห่งชาย .. ที่หมายชม
O หม่นมัวเงียบงันอยู่แห่งตรู่สาง
ก็เริดร้างด้วยระยับแสงทับถม
ตระการรูปปรารถนาในอารมณ์
ก็ห้อมห่มทรวงไว้ด้วยนัยเดียว
O เตรียบจินตาร่ำรอลออภาค
รับอาวรณ์ไหลหลากอันกรากเชี่ยว
เตรียมใจไว้ปลิดปลิวด้วยนิ้วเรียว-
เจ้าเอื้อมเหนี่ยวเด็ดวาง .. แนบหว่างใจ
O เตรียบอารมณ์ร่ำรอพะนอถวิล
ก็โดยจินตนาความ .. อันหวามไหว
กลางวงรอบเสน่หาความอาลัย
หวังหมุนให้เฝ้าหมาย .. แต่ชายเดียว
O ขวัญเจ้าเอย ..
ครั้งรูปเผยผ่านมาให้ตาเหลียว
เยื่อใยอย่างแฝงเร้น .. ฟั่นเป็นเกลียว-
ม้วนสองปลายรัดเหนี่ยว .. พันเกี่ยวไว้
O สายใยแทนความแหนหวง
คือเงื่อนบ่วงโอบขวัญ .. เฝ้าฝันใฝ่
เพื่อเสพรับอุ่นอายจากภายใน
อุ่นอาลัยล้อมรุม .. เข้าสุมลน
O แต่บรรจบก็ลุกลามเป็นความหมาย
แววตาฉายสบกันนับพันหน
ก็แต่นั้น .. หวั่นไหว .. และใจคน
จักหลุดพ้นพรากได้ .. เยี่ยงไรฤๅ ?
O เห็นมณีน้ำระยับงามจับตา
ควรคิดคว้าเอาไว้ .. มิใช่หรือ
ใครเล่าจะเหนี่ยวดึง .. ส่งถึงมือ
มีแต่ยื้อยึดครอง .. เป็นของตัว
O เหลื่อมแสงพร้อยพร่างอยู่ไม่รู้สิ้น
เชื่อมสองจินต์เผยออก .. นัยหยอก-ยั่ว
แววมณีแฝงเร้น .. คล้ายเต้น-รัว-
อยู่โดยทั่วดวงมณี .. ณ ที่นั้น
O จนเส้นช่วงโชติวิเชียร .. เริ่มเวียนว่าย
แววช่วงฉายจากไหน .. นะไหวสั่น
ดูเถิด-ที่ก่ำแก้ม .. ราวแต้ม-ปัน-
ด้วยหวามหวั่นจบพักตร์ .. จำหลักแล้ว
O รับรู้ความครวญคะนึง...
เมื่อแววซึ้งซ่านใจ .. นั้นไหวแผ่ว
มณีงามก็คล้ายดั่งจะปลั่งแวว-
และคล้ายแน่วแน่อยู่ .. ให้รู้นัย
O รับรู้ความอาวรณ์...
ที่เหมือนอ้อนออดอยู่ .. จนรู้ได้-
ที่เหมือนอ้อนออดชู้ .. เพื่อรู้ใจ
ที่เหมือนไล้โลมทั่วทั้งตัวตน
O ลมเหนือที่เหน็บหนาว ..
เมื่อโหมฝ่าห้วงหาวทุกคราวหน
เถิด-ทุกครั้งอวลหอม .. เข้าล้อมลน
ล้อมใจคนถวิลชู้อย่ารู้คลาย
O เจ้าดวงมณีเอย ..
ยิ่ง-รำเพยลมร่ำ .. เจ้ารำร่าย-
แววออดอ้อนฝ่าสมัย .. ยั่วใจชาย
เกรงว่า-สายเกินการณ์จักต้านแล้ว !



ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
27 กรกฎาคม 2014, 11:37:AM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #22 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2014, 11:37:AM »
ชุมชนชุมชน

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=27-07-2014&group=11&gblog=563



O แค่เสี้ยวธุลีความ .. O








O หมายโอบเอื้อมเอารักจำหลักจิต
จนเฝ้าคิดเฝ้าคอยละห้อยหา
จ่อมจมด้วยหอมหวาน .. แห่งมารยา
พร้อมแรงอาวรณ์ช่วง .. โหม-ห้วงใจ
O และเพื่อว่า .. ใจหนึ่งเมื่อซึ้งหนัก
จะเกินกักกุมขวัญ .. เมื่อสั่นไหว-
ย่อมเผยความปรารถนา, แรงอาลัย-
โหมเข้าใส่เป็นระลอก .. คอยหยอกเอิน
O แต่เมื่อรูปสบตา .. เพ-ลานั้น-
ก็โอบขวัญออหวานอยู่นานเนิ่น
แววนัยน์ตารื้นน้ำ ก็จำเริญ-
การก้ำเกินรุกล้ำ .. เป็นธรรมดา
O ดูเถิด .. พักตร์ใครหนอมารออยู่-
ให้รับรู้หวานละมุนพร้อมคุณค่า
จับจองความผ่องแผ้วที่แววตา
เพื่อจะคาคงอยู่ให้รู้การณ์
O แล้วเหมือนรอบหวานหอม .. เคยออม-อด
เริ่มกลั่นรสรวยรินล้อมถิ่นฐาน
ให้รอรับถ้วนสิ้น-จิตวิญญาณ
กับเบิกบานซ่านซึ้งที่ตรึงตน
O รื่นราววัสสายาม .. เม็ดน้ำพรู
ลมอึงอู้ .. ฟ้าตื่นรับคลื่นฝน
ความอบอุ่นหวามใน-หัวใจคน
ย่อมอึงอลวนไหว .. อยู่ในที
O ลมพลิ้ว .. กระแสฝนร่วง .. หล่น .. สาย-
เมื่อไฟร่ายรำเต้น .. เฟื้อยเส้นสี-
อ่อนช้อยรูป .. อิริยา-บรรดามี-
เผยเลศตอบไมตรี .. นาทีนั้น
O จึงเหมือนฝนหล่นสายรำบายบอก
ว่า-ระลอกอ่อนโยน-เนตรโชนฝัน
เผยสิ่งที่ .. แฝงเร้น .. ให้เห็นกัน-
ว่า-จิตนั้น ถวิลอยู่ด้วยผู้ใด
O เพียงพอหรือ-เพียงเนตรเผยเลศล้อม-
ว่า-มีความหวานหอม .. รอพร้อมให้-
เปรียบคุณค่ากับชาย .. ว่า-กายใจ
รอมอบให้เข้าประคองด้วยสองมือ
O รูปแพงเจ้า-พึงเผยความเอ่ยเอื้อน
ให้ความเหมือน .. เจ้ามี .. ดูทีหรือ
เผยอาวรณ์รูปเยาว์-ให้เขาลือ
จนยึดถือเป็นอย่าง-อย่าพรางเลย
O หลับตาสิ .. วาบไหวรูปใครนั้น
ยิ่งปิดกั้นรูปรอย .. ยิ่งคอยเผย
รำพันพากย์ฝากคิดไว้ชิดเชย
อกเจ้าเอย .. จะหลบเลี่ยง-พี่เยี่ยงไร
O เพื่อผ่านรสหวานหอมเข้ากล่อมบท
พร้อมกรองพจน์วาที .. ช่วงชี้ให้-
รูปแพงเจ้าเสน่หา .. เกินฝ่าไป-
จากอาลัยเหนี่ยวหน่วง .. เป็นบ่วงร้อย
O วาดหวังถึงงดงาม .. จึง-ยามคิด-
ย่อมแนบชิดชมหอม .. หรือยอมถอย
เพียงเพื่อรูปแพงทองใจล่องลอย-
เฝ้าละห้อยแหนหวงอย่าล่วงเลย
O หมายโอบเอื้อเอารักจำหลักขวัญ
และผูกมั่นด้วยนัยที่ใคร่เผย
อันคำรัก-ชนเทียบความเปรียบเปรย-
เพียรอ้างเอ่ย - แค่ธุลีของพี่เอง !


ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
30 กรกฎาคม 2014, 09:44:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #23 เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2014, 09:44:PM »
ชุมชนชุมชน



http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2014&group=11&date=30&gblog=564


O วันคอย .. O








O วิกาลคล้อยน้ำค้างพรายพร่างเม็ด
ดั่งแพรเพชรลอยผืนในคืนเปลี่ยว
สรวงย่อมมืดหม่นครัน .. เพราะจันทร์เรียว
เมื่อส่วนเสี้ยวใจนี้ .. สุดลี้ลา
O คะนึงเพียงรูปน้อยละห้อยเห็น
เมื่อลับเร้นร่องรอย .. ให้คอยหา
ในคาบยามฟ้าหลัวมืดมัวตา
ปรารถนาซ่อนเร้นก็เห็นรอย
O ละภาพพจน์โวหารบรรสารสื่อ
ก็ยุดยื้อใจแล้ว .. อย่างแผ่วค่อย
เหนี่ยวเด็ดไว้แอบออ .. ร่วมรอคอย
การเคลื่อนคล้อยมุ่งหวังอีกครั้งคราว
O ระยิบเอยแววตาใต้ฟ้าต่ำ
ผ่องผกายร่ายรำ .. กลางค่ำหนาว
ในวิกาลหม่นมืดอันยืดยาว
จะช่วงแทนหมู่ดาวกลางหาวนั้น
O ภิรมย์เถิดดวงฤดีอย่ามีโศก
แม้นว่าโลกภายในอาจไหวหวั่น
ด้วยถวิลปรารถนาใฝ่หากัน
พากย์ยังพร้อมจะรำพันกล่อมขวัญน้อย
O เย็นลมร่ำค่ำเช้า .. รูปเยาว์เอ๋ย
แทนรำเพยกล่อมเจ้า .. อย่าเหงาหงอย
สบแสงจันทร์ทอดทอ .. แทนรอคอย
หมู่ดาวพร้อยพร่างฟ้า .. แทนอาลัย
O สู่นิมิตด้วยเจตสิกเจ้า ..
ร่วมใฝ่เฝ้าออดอ้อน .. ด้วยอ่อนไหว
เพื่อปลดปล่อยคำนึงอันตรึงใจ
ปลิวล่องไหลข้ามฟ้าข้ามธาตรี
O ที่โค้งฟ้าจรดน้ำ .. ในค่ำหนาว
จะเพียงดาววาบปลั่ง .. แสงรังสี
ณ ถิ่นนั้นสายใยหัวใจมี
จะคลายคลี่รัดขวัญ .. เพื่อพันธนา
O สังคีตประณีตบทแห่งรสสุมาลย์
จะแว่วผ่านโสตคอยละห้อยหา
ล้อมบรรเลงดีดสีด้วยลีลา-
เสน่หารูปละม่อม .. ในอ้อมทรวง
O รอบอาวรณ์อาลัย .. ผู้ใฝ่เฝ้า
ย่อมรุมเร้าจิตใจอย่างใหญ่หลวง
ท่ามหอมหวานสุมสั่ง, ความทั้งปวง-
ก็หอมล่วงล้ำค่าบุปผากรอง
O เหมันตะฤดู .. แล้วตรูเจ้า
ลมจะเฝ้าพัดโบก .. สู่โลกผอง
หนาวจักร่วมผ่านผัน .. สู่ครรลอง
ความสอดคล้องรูปนิมิตในจิตคน
O ใครหนอ .. ที่ในฝัน .. นะขวัญเจ้า
หยั่งรูปเงาโลมรุกไปทุกหน
จิตใครหนอ .. รุมเร้าใฝ่เฝ้าจน-
เสียงดิ้นรนแว่วดังให้ฟังคำ
O วิกาลล่วง .. น้ำค้างยังวางเม็ด
ดั่งผืนเพชรแพรห่มสายลมร่ำ
ใจต้องหวานหอมอยู่ .. เพียงรู้นำ-
ความพร้องพร่ำกระซิบสู่ .. ให้รู้ตัว
O ว่าตราบดาวบนสรวง .. ยังช่วงแสง
หวานที่แฝง .. จักเผยออกเย้ยยั่ว-
เย้าอาวรณ์ซ่อนเร้น .. ให้เต้นรัว-
รอมอบหัวใจวาง .. ลงกลางใจ !
ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
03 สิงหาคม 2014, 07:59:AM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #24 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2014, 07:59:AM »
ชุมชนชุมชน

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=03-08-2014&group=11&gblog=565



O หวงรัก .. O








O ถิ่นดินแดนหมอกขาว .. ลมหนาวร่ำ
มี - ความ, คำ, หัวใจห่วงใยถึง
พร้อมอาวรณ์ลึกล้ำ .. พร้อมคำนึง-
หอม, หวานซึ้งแทรกตัว .. อยู่ทั่วความ
O ถวิลหาละห้อยเห็น .. ฤๅ-เว้นคาบ
แต่ตาสบใจทราบ .. รสวาบหวาม
เมื่อริ้วลมโลมลูบ, คือรูปนาม-
นั้นลุกลามโลมสิ้น .. จิตวิญญาณ
O ถวิลหาละห้อยเห็น .. ฤๅ-เว้นช่วง
เมื่อเงื่อนบ่วงรายล้อม .. เกินอ้อมผ่าน
กักกุมให้ร่ำรอ .. แล้วทรมาน-
ด้วยหอมหวานซึ้งรส .. เข้าบดเบียน
O สายน้ำไหลอ่อยเอื่อย .. ลมเฉื่อยโชย
เมื่อใจโหยหาฝัน .. เริ่มผันเปลี่ยน
รูปรอยความหอมหวานเมื่อผ่านเวียน
ก็เช่นเทียนแสงพร่างที่กลางพลบ
O ไหวสายลมวาดวี .. ในที่นั้น
เช่นไหวสั่นใจนี้ .. สุดลี้-หลบ
หมอกอ้อยอิ่ง .. ลมลาด, อีกชาติภพ-
ก็ครันครบอาลัย .. ที่ไหววน
O ร่วม - ยอแสงโชนช่วงของดวงวัน
เพรียกสายน้ำจำนรรจ์ .. นับพันหน
ล้วน - แทนความสาธก .. ในอกคน-
ผู้ดิ้นรนถวิลชู้ไม่รู้วาย
O สูรย์พร่างแสงวับวาม .. ล้อมสามโลก
พร้อมลมเช้าพลิ้วโบกกรรโชกสาย
หมอกขาวขุ่นกรุ่นไอ .. เมื่อใจชาย-
แต่มุ่งหมายเรียวร่าง .. แนบกลางทรวง
O กำลังแรงอาวรณ์ .. ฤๅ-ซ่อนอยู่
เมื่อนัยชู้ลามรุก .. ไปทุกช่วง-
การรอคอยมุ่งหวัง, ใจทั้งดวง-
คล้ายจมบ่วงสวาดิน้อย .. ผู้กลอยใจ
O รื่นลมเช้าโรยละลอก .. โอบหมอกขาว
ทั้งเหน็บหนาว - เรียวรูป .. ก็วูบไหว-
ล้อ-หมอกหม่นขุ่นมัว .. ล้อมตัวใคร-
ด้วยอาลัยแทรกขวัญ .. จนสั่นรัว
O ทุกคำนึงไหววูบ .. เพียงรูปหน้า-
พร้อมแววตาป่ายแต้ม .. รอยแย้มยั่ว
ริ้วลมร่ำโรยระลอก .. ม่านหมอกมัว-
นั่น-แทนหัวใจคน .. ที่อลเวง
O ที่ฟ้าใสเมฆขาว .. น้ำพราวหยาด,
หอมดอกมาศ, อ่อนน้อยจักคอยเพ่ง-
ด้วยแววตาวับวาม .. จากยามเพรง-
จวบแสงเปล่งปลาบวัน .. ครองชั้นฟ้า
O หวังถึงความละห้อยเห็น .. เมื่อเย็นย่ำ-
จักผ่านรสหวานล้ำ .. ดุจน้ำบ่า
กระเพื่อมแววไหวช่วงในดวงตา
บ่งบอกความเสน่หา .. ผ่านท่าที
O สนธยาฟ้าแดง .. ด้วยแสงสูรย์
หวัง-อาวรณ์เพิ่มพูนในพู้นที่
ปรารถนาแห่งใจ .. ผู้ใยดี-
ฝากวารีแทรกความ .. เข้าลามทรวง
O หวังถึงการรอคอย .. ทุกรอยคำ
ค่อยตอกย้ำอกใจ .. อาลัยหวง
หวังถึงความอ่อนไหว .. ที่ในดวง-
ตา .. ที่หวงแหนชู้ .. แม้ครู่ยาม
O ครั้นคืนค่ำดาวพร่าง .. น้ำค้างหยาด
หมาย-ภพชาติเสพทราบรสวาบหวาม-
โดยเดียงสาแห่งวัย .. ก่อนไหลลาม-
แทรกใจทรามสวาดิชู้ .. ให้รู้รอ
O แว่วยินไหมความถวิล .. ในจินตนา
พร่ำฝากฟ้าผ่านช่วง .. บำบวงขอ-
เพื่อให้ความรุมเร้า .. คอยเคล้าคลอ-
อยู่แอบออ .. ออดอ้อนเจ้าอ่อนน้อย
O หวัง ถึงความอาวรณ์ .. คำอ้อนชู้-
ผ่านรับรู้เสียงแว่ว .. จากแผ่วค่อย-
หวัง สบแวววุ่นว้า .. นัยน์ตาปรอย
สองแขนร้อยวงเรียว .. ขึ้นเหนี่ยวคอ
O สู่ - ดินแดนหมอกขาว .. ลมหนาวคร่ำ-
หอบ ความ คำ ทุกบท .. ให้จดจ่อ
พร้อมอาวรณ์ดื่มด่ำ .. ที่ร่ำรอ-
การสืบต่อ .. รติรสเป็นบทเดียว
O กลางดินแดนหมอกขาว .. ลมหนาวร่ำ
หวัง-ใจคร่ำครวญสวาดิ .. ค่อย-กราดเกรี้ยว-
ขึ้นโหมแรงวนว่าย .. เป็นสายเกลียว-
รัดพันเหนี่ยวหัวใจ .. ด้วยใยดี
O รัตติกาลฟ้าค่ำร้างจำรูญ
หวัง-อาวรณ์เพิ่มพูนในพู้นที่
รออกแขนเอื้อมคว้า .. ผ่านราตรี
เลื่อนราศีแนบน้อมในอ้อมทรวง !
O เมิน .. ขุนเขา, สายธาร .. ดอกมาลย์หอม
รอ .. เพียงอ้อมอกแขน .. รูปแหนหวง-
จักโผเข้าโอบกาย .. อุ่นอายปวง-
ผ่านสู่ทรวง .. มอบอุ่นแนบหนุนอิง
O จึง .. ขุนเขา, สายธาร .. ดอกมาลย์หอม
บำราศพร้อม .. ร่างละมุนนอนหนุน-นิ่ง
ด้วยแววตาอาวรณ์ .. กายผ่อนพิง-
ค่อยวนวิ่งวาบแวว .. ไม่แล้วเลือน
O รอเถิดเจ้า .. ด้วยขวัญที่มั่นคง
ร่วมผลักวงกรรมเวร .. ให้เบนเคลื่อน
อุปสรรค, ทรมาน .. แม้ผ่านเยือน-
จักคอยเฉือนให้ขาด .. บำราศร้าง
O แล้ว .. ขุนเขา, หมอกขาวที่หนาวพร้อม
จักรายล้อมรอเทียบให้เหยียบย่าง
พร้อมสองก้อยสอดเกี่ยว .. ผ่านเที่ยวทาง
จนตราบวางชีพวาย - อาจคลายมือ !

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
04 สิงหาคม 2014, 09:25:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #25 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2014, 09:25:PM »
ชุมชนชุมชน


http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=04&group=11&gblog=567


O พิรุณพิลาปร่ำ .. O






O งดงามเอย .. ช่อฝนเมื่อหล่นสรวง
ท่ามกลางช่วงสายลม .. ห้อมห่มเสียง
ฉ่ำชื้นหยาดฝุ่นฝน .. ร่วงหล่น-เพียง-
เพื่อบ่ายเบี่ยงรุ่มร้อนให้ทอนแรง
O วูบไหวล้อมรมยา .. แววตาเต้น
ด้วยลอบเร้นรูปภาค .. ใครฝากแฝง
เมื่อสายตาจบจูบด้วยรูปแพง-
ก็เติมแต่งหอมหวานลงซ่านทรวง
O อีกครั้งที่พรายเม็ด .. หยาดเพชรแก้ว-
พรากผ่องแผ้วฟ้าบน .. ให้หล่นร่วง
อีกครั้งที่อ่อนไหว .. แววในดวง-
ตานั้น-ช่วงรุมเร้า .. ความ-เว้าวอน
O วับวามความอ่อนไหว..เลศนัยชู้-
ตื่น-รับรู้พร่ำพลอด .. แววออดอ้อน
รื่นหยาดฝนหล่นร่วง, อีกช่วงตอน-
ความอาวรณ์โหมช่วง .. ไม่ล่วงแล้ว
O วับวามความหวานหอมที่ล้อมรอ
พร้อมช่วงช่อฝนห่ม .. สายลมแผ่ว-
นั้น-เมื่อดาวสองดวง .. โชนช่วงแวว-
เผยความแผ้วผ่องช่วง .. แห่งดวงใจ
O งดงามความอบอุ่น .. กลางฝุ่นฝน
ย่อมงามล้นเลอค่า .. ให้อาศัย-
เป็นบ่วงบาศก์ล้อมกาย .. เคลื่อนสายใย
ล้อมรัดไว้ถ้วนสิ้นจิตวิญญาณ
O ดวงใจเอย .. เผยงามลงล่ามตรึง-
ห้วงคำนึง .. รายล้อมด้วยหอมหวาน
ฝ่าทรวงสอดแทรกขวัญเข้าบันดาล-
ความซึ้งซ่านหลั่งหลอมให้ยอมตน
O จะกี่รอบน้ำหลั่งล้นฝั่งฟ้า
กี่ฉ่ำชื่นผ่านมาของห่าฝน
ฤๅเท่ารื่นคำนึงของหนึ่งคน
ที่หลั่งหล่นหล่อหลอมเข้าล้อมใจ
O วางชาติภพรายล้อมละม่อมหน้า
หลังดวงตาสบรูปจนวูบไหว
แววตื่นตอบลอบเร้น .. ย่อมเป็นไป-
จากอาลัยอาวรณ์ .. สุมซ้อนลง
O รู้บ้างไหม .. อ่อนหวานเจ้าผ่านสู่
กอปรนัยชู้เร้ารุม .. จนลุ่มหลง
รู้ไหมว่า .. ลึกล้ำแห่งจำนง-
คือรูปหงส์ทอดร่างอยู่กลางทรวง
O ปองเด็ดดวงดอกฟ้าลงมาหอม
โดยอุ่นอ้อมอกแขน .. ความแหนหวง-
คอยอยู่พร้อมวาดหวัง .. ใจทั้งดวง-
ก็โชนช่วงอาวรณ์เกินผ่อนคลาย
O งดงามด้วยรูปธรรม .. ใครก้ำเกิน
ทั้ง-ขัดเขิน, อ่อนโยน .. ที่โชนฉาย
อาจรู้ฤๅด้านในดวงใจชาย-
นั้นรำบายรอยร่าง .. อยู่กลางดวง
O ท่ามกลางเสียงหลากหลายที่รายล้อม
เป็นอยู่พร้อมฝุ่นฝนที่หล่นร่วง
และ-แต่ล้วนพิมพ์ภาพคอยทาบทวง-
ความแหนหวง .. ห่วงใยจากใจนั้น
O งดงามรูปนวลลออ .. เม็ดช่อฝน-
หลั่งร่วงปรนเปรอให้, ความใฝ่ฝัน-
ละห้อยหา, ถวิลเห็นไม่เว้นวัน-
ผูกปมเงื่อนสัมพันธ์จนมั่นคง
O งดงามรูปนิ่มเนื้อ .. นั้นเหลืออ้าง-
เอ่ยช่วงความแตกต่างด้วยร่างหงส์
รูปในฝันหล่นร่างที่กลางวง-
แขนให้เอื้อมโอบองค์ .. ร่วมวงกรรม
O ผ่านพ้นฤๅอกใจ .. ผู้ไขว่คว้า
ท่ามกลางห่าฝนห่ม .. สายลมร่ำ
ชั่วเพียงเจ้าเหลือบชม้ายแววร่ายรำ-
เหมือน-จองจำพี่แล้ว .. ด้วยแววตา
O ดูเอาเถิด .. แหนหวงเมื่อช่วงแวว
ราวผ่องแผ้วดวงกูณฑ์จักสูญค่า-
จากอาวรณ์แฝงฝันเข้าบัญชา-
ล่มลาญว้าเหว่ช่วง .. จนล่วงรอย
O ดูเอาเถิด .. อกใจผู้ใฝ่หา
ปรารถนารอบชู้ .. ฤๅรู้ถอย
ความออดอ้อน, เคล้าคลอ .. ผู้รอคอย-
ย่อมละห้อยระโหยอยู่ .. ไม่รู้วัน
O งดงามเอย .. ช่อฝนยังหล่นร่วง
เมื่อความหวงแหนชู้โหมสู่ขวัญ
แววอาวรณ์อาลัยของใครกัน-
ช่วงโลมฝันแฝงอยู่ไม่รู้เลือน
O งดงามเอย .. รุ้งลออหล่นล้อตา
ล้อมคุณค่าความหมาย .. ลงป่ายเปื้อน
พิมพ์รูปรอยรูปจริต .. ลงติดเตือน-
เอางามเลื่อนลงล้อมให้ยอมตน
O วูบไหวช่วงรมยา .. แววตารู้-
รับนัยชู้อบอุ่นกลางฝุ่นฝน
รู้เถิดว่าหวานหอม .. เจ้าล้อมลน-
นั้น-ล้อมจน .. เกินการต่อต้านแล้ว !
ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
09 สิงหาคม 2014, 06:12:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #26 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2014, 06:12:PM »
ชุมชนชุมชน


http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=07&group=11&gblog=568


O สู่กลางใจเธอ .. O






O เหมือนมือที่แฝงเร้นบีบเค้นลง
ให้รับรู้จำนง .. คอยส่งเสริม
พาอารมณ์เคลื่อนคล้อยจากรอยเดิม
ด้วยการเติมรูปเงา .. รุมเร้าใจ
O เกิดขึ้นเมื่อดวงวันในชั้นสรวง-
ค่อยโชนช่วงงามระยับขึ้นขับไข
หรือแต่เลือดอุ่นเนื้อ, สายเยื่อใย-
ค่อยแผ่ซ่านวนไหวอยู่ในทรวง ?
O นัยคำผู้ออดอ้อน-แสนอ่อนโยน-
ค่อยถ่ายโอนผ่านให้ .. อาลัย-หวง-
ตรึงรูปรอยสุมสั่งใจทั้งดวง
ก่อนลามล่วงบีบคั้น .. คอยบัญชา
O เกิดขึ้นแต่เมื่อใด .. เยื่อใยนั้น ?
จนผูกพันเฝ้าคอยละห้อยหา
รับหอมหวานซาบซึ้งลงตรึง .. ตรา-
ลงหัวใจเหว่ว้า .. แต่ครานั้น
O อยู่ท่ามกลางปริศนา .. นัยน์ตาซ่อน-
แววอาวรณ์อาลัยที่ไหวสั่น
ในคาบกาลห้อมเห่ .. ลมเหมันต์
แววความหวั่นไหวปวงก็ช่วงรอย
O กลางแสงแดดอบอุ่น .. หอมกรุ่นนั้น-
คล้ายสุดกั้นกีดแล้ว, จากแผ่วค่อย-
ตราตรึงลงสั่งทรวง .. ให้ห่วง-คอย-
ผ่านคำถ้อยพรรณนา .. เผยอารมณ์
O กลางแดดใสแวดล้อม .. พรั่งพร้อมนั้น-
คือช่วงฉันทากาล, กลิ่นมาลย์ฉม
เผยบทขึ้นเหนี่ยวขวัญ .. จากรันทม
ผูกเงื่อนปมอาลัย .. รัดใจนี้
O จากวงรอบใฝ่ฝันแห่งวันผ่าน
จนถึงกาลสมสั่ง .. อีกครั้งที่-
วงรอบความฝันใฝ่และใยดี
ค่อยค่อยคลี่คลุมขวัญ .. เช่นวันวาน
O เคลื่อนวงรอบใฝ่ฝันแห่งวันพรุ่ง
พรากโค้งรุ้งรอบฝันแห่งวันผ่าน
อันจะเคลื่อนรูปคล้อยจากรอยกาล
เหลือหอมหวานโลมไล้หัวใจนี้
O หมายว่ารูปรอยฝันแห่งวันพรุ่ง-
จะเช่นรุ้งงามลออ .. ทอดทอสี
ตอบรับรอบอาลัย .. ด้วยใยดี
จากใจที่แฝงเร้น .. อันเต้นรัว
O คล้ายว่าความในทรวง .. ใคร-ร่วงหล่น
พลิ้วพลิกกลางลมวน .. ความหม่น-หลัว
ขณะเย็นลมรื่นเหมือนตื่นตัว
โหมเข้ายั่วเย้ยอยู่ .. เหมือนรู้ที
O ว่า-จงเต้นเถิดใจ .. ผู้ไหวหวั่น
หากว่านั่นคือหลัก .. แห่งศักดิ์ศรี
ว่า-จงเต้นเรื่อยไปคอยไหววี-
เอาชาติภพเลือนลี้ไปจากกัน
O อย่ายอมรับว่าใจ .. นั้น-ไหวหวาด
จงยอมคลาดแคล้วไป .. อย่าได้หัน-
มามองความเปลี่ยวเหงาใต้เงาวัน
ที่ย่ำฝันทางเที่ยวอย่างเดียวดาย
O ผ่านแล้ว .. ผ่านเล่า-กี่เงาร่าง-
ผ่านก้าวย่างลำดับ .. ก่อนลับหาย
ยังคงเร้ารุมอยู่ไม่รู้วาย
กับภาพฝันโชนฉายที่ปลายจร
O คล้ายว่าความในทรวง .. ใคร-ร่วงหล่น
พลิ้วพลิกบนแววเต้น .. นัยเร้น-ซ่อน
ใช่ไหม .. เสน่หา .. ความอาวรณ์
เกินสุมซ้อนหลบหลีกได้อีกแล้ว !
O ปล่อยเถิด .. ความในทรวงให้ร่วงหล่น
ร่วงลงบนเปลี่ยวเหงาอย่างเบา .. แผ่ว
ปล่อยนัยน์ตาอ่อนโยนได้โชนแวว-
ความผ่องแผ้วขับไขจากใจนั้น
O เมื่อสุดกีดกันความที่ลามล่วง
จะเพียงให้โชนช่วงในทรวงนั่น
หรือจะส่งก้อยเรียวมาเกี่ยวกัน
แล้วล่มฝันแฝงเร้น - ให้เป็นจริง ?
ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
14 สิงหาคม 2014, 05:36:AM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #27 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2014, 05:36:AM »
ชุมชนชุมชน

.

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=17-12-2012&group=11&gblog=428



O รักเธอสุดหัวใจ .. O







.. แม้นกุศลเราสองเคยร่วมสร้าง
ขอร่วมห้องอย่าได้ห่างเสน่หา
เสี่ยงผลที่ได้เพิ่มบำเพ็ญมา
ขอร่วมชีวาร่วมวางชีวาวาย ..
.. เกิดไหนขอให้ได้ถนอมพักตร์
ความรักอย่าได้ร้างอารมณ์สลาย
รักนุชอย่าได้สุดเสน่ห์คลาย
ขอสมหมายที่ข้ามาดสมาทาน ..

O เสนาะพากย์เพลงยาว .. กลอนเจ้าฟ้า
ดั่งแว่วมา .. ให้สดับเสียงขับขาน
กระซิบความสื่อล่วง .. สู่ดวงมาน-
ของนงคราญรูปพิไลผู้ใยดี
O รำพันพากย์เอื้อนอ้อนเสียงอ่อนหวาน
บอกรูปคราญจำหลักเป็นสักขี
เสน่หาอาลัย .. เยื่อใย-มี
มอบบัตรพลีในนามของความรัก
O ภาพอดีตเรื่องราวที่กล่าวขาน
ค่อยเผยผ่านความสู่ .. ให้รู้จัก
จนรับรู้ความนัย .. อยู่ในวรรค-
ว่าหัวใจถูกกัก .. เกินหักพ้น
O นั่น .. แววเนตรใครวาบ .. ล้อคาบยาม
ก่อนแสงวามวาบช่วง .. นั้นร่วงหล่น
หรือภพชาติเบื้องบรรพ์ .. ช่วยบันดล-
ให้งามล้นโดยชาติ .. มาพาดเงา
O ชายฟ้าเลื่อนเตือนตะวันกล่อมขวัญสรวง
ปลดเงื่อนบ่วงโศกสร้อยทุกรอยเหงา
หลังสายลมแผ่วลูบ, จึง-รูปเยาว์-
เหมือนอยู่เฝ้ารุมล้อมไม่ยอมคลาย
O หรือ-งามชาติรูปนั้น .. จากบรรพกาล
จักข้ามผ่านภพชาติ .. ด้วยมาดหมาย-
ร่วมจุนเจืออาลัย .. แห่งใจชาย-
พา .. วนว่ายเสน่หา .. ห้วงอาวรณ์
O หรือบุญสร้างบาปสม .. เกินข่มห้าม
สบรูปแล้วรูปนามก็ตามหลอน
อิริยาพากย์เล่า .. แสนเว้าวอน-
เหมือนออดอ้อนแฝงเร้น .. อยู่เช่นนั้น
O โอ รูปลักษณ์รมยา .. เดียงสาโลก
กรรมเมื่อโบกโบยนัย .. พาไหวหวั่น
ต้อง-เงื่อนนัยแห่งชู้ .. โจมจู่ พลัน-
ย่อมผูกพันมั่นอยู่ .. ไม่รู้คลาย
O ครั้งนั้นหวายโบยหลัง .. จนพังยับ
จวบชีพวิญญาณลับ .. ลมดับหาย
ถูกลบรูป-นามทิ้งทั้งหญิงชาย
พร้อมแรงสายสวาทชู้เคียงคู่กัน
O ครั้งนี้ แรงอาวรณ์เคยซ่อนอยู่
เคยรับรู้อาศัย แต่ในฝัน
กลับต้องเผยภพชาติ .. มาพาดพัน
จากบุญบาปเบื้องบรรพ์คอยบัญชา
O อธิษฐาน .. เพรงวาสน์ให้พาดช่วง
จนแหนหวง .. เฝ้าคอย .. ละห้อยหา-
เติบเต็มอยู่ในทรวงไม่ล่วงลา
จนแววตาอาวรณ์ .. นั้น-ร้อนรน
O กี่ห้วงเวียนวงวัฏฏ์ของสัตว์โลก
อาจฝ่าโศกสุมสั่ง .. สักครั้งหน
กี่ช่วงคาบปฏิพัทธ์ .. รำบัดตน
อาจฝ่าพ้นเสน่หา .. ที่ท้าทาย ?
O เมื่อเผยรูปเผยนาม .. มาตามผลาญ
เผยอ่อนหวานอ่อนโยน .. ออกโชนฉาย
รู้หรือไม่ .. ด้านในหัวใจชาย-
ไม่ต่างหวาย .. โบยหลังเมื่อครั้งนั้น !
O แม้นรูปกายแตกดับ .. เกินนับชาติ
ยังคงมาดหมายอยู่ -ไม่รู้หวั่น
เพียง-จักขุวิญญาณ .. แผ้วพานกัน-
ย่อมหยั่งสัญญาชู้ .. โถมสู่ใจ
O จึงเมื่อวางชาติภพ .. มาจบ-ต้อง
สัญญาพ้องรูปนาม .. ย่อม-หวามไหว
พร้อมอาการเต้นรัวที่หัวใจ
เมื่อภาพใครลอบเร้น .. บีบเค้นลง
O ครั้งนั้น .. หวายวาดลงที่ตรงหลัง
แม้นเลือดหลั่งโลมกาย .. อย่าหมายบ่ง-
ถอนเอาเสี้ยนรักฝัง .. ที่ยังคง-
วางจำนงข้ามภพ .. รอ-พบเจอ
O ครั้งนี้ .. รอยสวาท .. เหมือนพาดผ่าน-
แววอ่อนหวานเปล่งปลั่ง .. ทุกพลั้งเผลอ-
เนตรชำเลืองเหลือบนำ .. ย่อมบำเรอ-
บำรุงใจพร่ำเพ้อ .. ชะเง้อคอย
O โอ .. วับวาบแววหวาน .. เหมือนผ่านสู่-
ให้รับรู้จดจำแทนคำถ้อย
ว่าจิตใจพร่ำเพ้อ .. จนเหม่อลอย-
เหมือนร่วมร้อยเรื่องขาน .. เมื่อนานปี
O ครั้งนั้น .. โดยจารีตเป็นขีดคั่น
จึงต้องทัณฑ์โทษหนัก .. สมศักดิ์ศรี
สองภพชาติ .. หัวใจ .. ยังไหววี-
ตอบเสียงหวายโบยตี .. ในที่นั้น
O ครั้งนี้ .. โดยรูปคราญ .. เผยผ่านต้อง
เช่นบ่วงคล้องอกใจ .. จนไหวสั่น
ความอบอุ่นอ่อนหวานก็ปานทัณฑ์-
แต่เบื้องบรรพ์รัดล่าม .. เกินข้ามพ้น
O โอ แววเนตรใครหนอ .. ยั่วล้อยาม
ก่อนแสงวามสองดวง .. ค่อยร่วงหล่น-
กลางอาลัยอาวรณ์ .. อันร้อนรน
ใครหนอ .. วนรอบหวาน .. หมุนด้านรอ
O โอ แสงดาวสองดวง ไยช่วงนัก
หมายกุมกักหัวใจ หรือไรหนอ
รูปนามเอย .. แรงชู้ ฤๅรู้พอ-
เมื่อยั่วล้อ .. ทอดตัวกลางหัวใจ ?


.....................


กลอนสองบทแรก .. นำมาจากเพลงยาวเจ้าฟ้ากุ้ง .. พระอุปราชในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกฐ แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง .. ราชวงศ์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา.
ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s