http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=03-08-2014&group=11&gblog=565O หวงรัก .. O
O ถิ่นดินแดนหมอกขาว .. ลมหนาวร่ำ
มี - ความ, คำ, หัวใจห่วงใยถึง
พร้อมอาวรณ์ลึกล้ำ .. พร้อมคำนึง-
หอม, หวานซึ้งแทรกตัว .. อยู่ทั่วความ
O ถวิลหาละห้อยเห็น .. ฤๅ-เว้นคาบ
แต่ตาสบใจทราบ .. รสวาบหวาม
เมื่อริ้วลมโลมลูบ, คือรูปนาม-
นั้นลุกลามโลมสิ้น .. จิตวิญญาณ
O ถวิลหาละห้อยเห็น .. ฤๅ-เว้นช่วง
เมื่อเงื่อนบ่วงรายล้อม .. เกินอ้อมผ่าน
กักกุมให้ร่ำรอ .. แล้วทรมาน-
ด้วยหอมหวานซึ้งรส .. เข้าบดเบียน
O สายน้ำไหลอ่อยเอื่อย .. ลมเฉื่อยโชย
เมื่อใจโหยหาฝัน .. เริ่มผันเปลี่ยน
รูปรอยความหอมหวานเมื่อผ่านเวียน
ก็เช่นเทียนแสงพร่างที่กลางพลบ
O ไหวสายลมวาดวี .. ในที่นั้น
เช่นไหวสั่นใจนี้ .. สุดลี้-หลบ
หมอกอ้อยอิ่ง .. ลมลาด, อีกชาติภพ-
ก็ครันครบอาลัย .. ที่ไหววน
O ร่วม - ยอแสงโชนช่วงของดวงวัน
เพรียกสายน้ำจำนรรจ์ .. นับพันหน
ล้วน - แทนความสาธก .. ในอกคน-
ผู้ดิ้นรนถวิลชู้ไม่รู้วาย
O สูรย์พร่างแสงวับวาม .. ล้อมสามโลก
พร้อมลมเช้าพลิ้วโบกกรรโชกสาย
หมอกขาวขุ่นกรุ่นไอ .. เมื่อใจชาย-
แต่มุ่งหมายเรียวร่าง .. แนบกลางทรวง
O กำลังแรงอาวรณ์ .. ฤๅ-ซ่อนอยู่
เมื่อนัยชู้ลามรุก .. ไปทุกช่วง-
การรอคอยมุ่งหวัง, ใจทั้งดวง-
คล้ายจมบ่วงสวาดิน้อย .. ผู้กลอยใจ
O รื่นลมเช้าโรยละลอก .. โอบหมอกขาว
ทั้งเหน็บหนาว - เรียวรูป .. ก็วูบไหว-
ล้อ-หมอกหม่นขุ่นมัว .. ล้อมตัวใคร-
ด้วยอาลัยแทรกขวัญ .. จนสั่นรัว
O ทุกคำนึงไหววูบ .. เพียงรูปหน้า-
พร้อมแววตาป่ายแต้ม .. รอยแย้มยั่ว
ริ้วลมร่ำโรยระลอก .. ม่านหมอกมัว-
นั่น-แทนหัวใจคน .. ที่อลเวง
O ที่ฟ้าใสเมฆขาว .. น้ำพราวหยาด,
หอมดอกมาศ, อ่อนน้อยจักคอยเพ่ง-
ด้วยแววตาวับวาม .. จากยามเพรง-
จวบแสงเปล่งปลาบวัน .. ครองชั้นฟ้า
O หวังถึงความละห้อยเห็น .. เมื่อเย็นย่ำ-
จักผ่านรสหวานล้ำ .. ดุจน้ำบ่า
กระเพื่อมแววไหวช่วงในดวงตา
บ่งบอกความเสน่หา .. ผ่านท่าที
O สนธยาฟ้าแดง .. ด้วยแสงสูรย์
หวัง-อาวรณ์เพิ่มพูนในพู้นที่
ปรารถนาแห่งใจ .. ผู้ใยดี-
ฝากวารีแทรกความ .. เข้าลามทรวง
O หวังถึงการรอคอย .. ทุกรอยคำ
ค่อยตอกย้ำอกใจ .. อาลัยหวง
หวังถึงความอ่อนไหว .. ที่ในดวง-
ตา .. ที่หวงแหนชู้ .. แม้ครู่ยาม
O ครั้นคืนค่ำดาวพร่าง .. น้ำค้างหยาด
หมาย-ภพชาติเสพทราบรสวาบหวาม-
โดยเดียงสาแห่งวัย .. ก่อนไหลลาม-
แทรกใจทรามสวาดิชู้ .. ให้รู้รอ
O แว่วยินไหมความถวิล .. ในจินตนา
พร่ำฝากฟ้าผ่านช่วง .. บำบวงขอ-
เพื่อให้ความรุมเร้า .. คอยเคล้าคลอ-
อยู่แอบออ .. ออดอ้อนเจ้าอ่อนน้อย
O หวัง ถึงความอาวรณ์ .. คำอ้อนชู้-
ผ่านรับรู้เสียงแว่ว .. จากแผ่วค่อย-
หวัง สบแวววุ่นว้า .. นัยน์ตาปรอย
สองแขนร้อยวงเรียว .. ขึ้นเหนี่ยวคอ
O สู่ - ดินแดนหมอกขาว .. ลมหนาวคร่ำ-
หอบ ความ คำ ทุกบท .. ให้จดจ่อ
พร้อมอาวรณ์ดื่มด่ำ .. ที่ร่ำรอ-
การสืบต่อ .. รติรสเป็นบทเดียว
O กลางดินแดนหมอกขาว .. ลมหนาวร่ำ
หวัง-ใจคร่ำครวญสวาดิ .. ค่อย-กราดเกรี้ยว-
ขึ้นโหมแรงวนว่าย .. เป็นสายเกลียว-
รัดพันเหนี่ยวหัวใจ .. ด้วยใยดี
O รัตติกาลฟ้าค่ำร้างจำรูญ
หวัง-อาวรณ์เพิ่มพูนในพู้นที่
รออกแขนเอื้อมคว้า .. ผ่านราตรี
เลื่อนราศีแนบน้อมในอ้อมทรวง !
O เมิน .. ขุนเขา, สายธาร .. ดอกมาลย์หอม
รอ .. เพียงอ้อมอกแขน .. รูปแหนหวง-
จักโผเข้าโอบกาย .. อุ่นอายปวง-
ผ่านสู่ทรวง .. มอบอุ่นแนบหนุนอิง
O จึง .. ขุนเขา, สายธาร .. ดอกมาลย์หอม
บำราศพร้อม .. ร่างละมุนนอนหนุน-นิ่ง
ด้วยแววตาอาวรณ์ .. กายผ่อนพิง-
ค่อยวนวิ่งวาบแวว .. ไม่แล้วเลือน
O รอเถิดเจ้า .. ด้วยขวัญที่มั่นคง
ร่วมผลักวงกรรมเวร .. ให้เบนเคลื่อน
อุปสรรค, ทรมาน .. แม้ผ่านเยือน-
จักคอยเฉือนให้ขาด .. บำราศร้าง
O แล้ว .. ขุนเขา, หมอกขาวที่หนาวพร้อม
จักรายล้อมรอเทียบให้เหยียบย่าง
พร้อมสองก้อยสอดเกี่ยว .. ผ่านเที่ยวทาง
จนตราบวางชีพวาย - อาจคลายมือ !