http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2014&date=13&group=11&gblog=553O พินทุกล แห่ง สุคนธรส .. O
-1-
O โลก-จึงปรากฏ .. ความงดงาม
เมื่อแววตาวาบวาม .. สื่อความหมาย-
ออกยั่วล้อต่อตา .. ด้วยตาชาย
จึง-อุ่นอายแดดร้อน หรือผ่อนลง ?
O เร้นแฝงนัยอ่อนหวาน .. เมื่อผ่านสู่-
ย่อมงามอยู่ .. เยี่ยงยูงผู้สูงส่ง
คล้ายเผยผ่านเงื่อนงำแห่งจำนง
ให้ดำรงร่องรอย .. อยู่คอยที
O นามธรรมแฝงเร้น .. ย่อมเป็นไป-
จากหัวใจถูกกักด้วยศักดิ์ศรี
จะเผยผ่านอาลัย .. เยื่อใยมี-
ก็เกินที่เจตจินต์จะยินยอม
O งดงามความสัมพันธ์ในวันผ่าน
จึงดั่งเกสรมาลย์ .. รสหวานหอม
สืบผ่านรูปบริบท .. คอย-อดออม-
รอรายล้อมสายใย .. รัดใจคน
O ค่อยถักทอ .. ม้วนปลายจนคล้ายบ่วง
แทนความห่วงใยวางที่กลางหน
งามก็คล้ายหวานหอมที่ยอมตน-
ลงเปลื้องปรนเปรอค่าความอาลัย
O โดยท่าทีซ่อนเร้น .. ความเป็นจริง
คือทุกสิ่งเหมาะควร .. และล้วนใช่-
ล้วนกรอบเกณฑ์ขีดสร้าง .. รอย่างไป-
ตามหัวใจกำกับ .. ปล่อย, ยับยั้ง
O ฟังเถิด .. ถ้อยคำวอน .. เจ้าอ่อนน้อย
ความละห้อย .. อาลัย, ล้วนไหลหลั่ง-
จากอารมณ์ตื่นชู้ .. ยากรู้ฟัง-
ว่าเสียงดังเสียดทรวง .. นั้น-ห่วงใคร ?
O ฟังดูเถิด .. ทุกจังหวะเสียงสะท้อน-
เผลอ -พร่ำวอนโดยถวิล .. แว่วยินไหม ?
เผยความออก .. ว่าหวง .. ว่าห่วงใย-
จากหัวใจร่ำรอ .. เฝ้าทรมา
O จากคลายตัวเคลื่อนไป สายใยนี้
จนแผ่คลี่ .. ม้วนวงที่ตรงหน้า
ก็เหลือเพียงเรียวร่าง .. ก้าวย่างมา-
หยั่งคุณค่าลงวางที่กลางวง
O แววตาแสนรุ่งเรื้อง .. บอกเรื่องราว-
ว่าถึงคราว .. พรหมลิขิตแผ่พิษสง
มองดูเถิดหวานล้ำ .. คล้าย-ดำรง-
อย่างมั่นคง .. ในอกเกินยกย้าย
O สร้อยสุมาลย์ช้อยช่อ .. ร่ำรอหอม-
กำจายล้อมภุมรินเมื่อปีนป่าย
แววตาเอยตื่นตอบ .. เฝ้าลอบชาย-
เหมือนรอผ้ายความเผย .. ออกเย้ยคน
O แววขัดเขินในตา .. น้อมมาให้-
ความอ่อนไหวเวียนประดังอีกครั้งหน
พร้อมอารมณ์อ่อนหวาน .. เผยผ่านปรน-
เปรอ-ใจคนรื่นล้ำ .. อยู่ค่ำเช้า
O โอ แววตาวาบน้ำ, ความคร่ำครวญ-
ช่วยเกลื่อนส่วนอาดูร .. จนสูญเปล่า
แต่เมื่อความอ่อนไหว .. ของวัยเยาว์-
ค่อยสุมเร้างามรุกไปทุกตอน
O เกสรบนกลีบสุมาลย์ .. เชิดต้านลม
กำจายรสหวานฉม .. แอบลม-อ้อน
ฤๅ-ต่างอกครวญคร่ำ .. ถ้อยคำวอน-
แอบแฝงความอาวรณ์ .. สะท้อนสะท้าน
O นุ่มนวลรูปชาติเชื้อ .. นั้น-เหลืออ้าง
แต่หยั่งร่างลงแล้ว .. สุดแล้วผ่าน-
ไปจากห้วงเจตจินต์, เมื่อวิญญาณ-
สัมผัสคราญ, เสน่หา – ฤๅ .. ฝ่าพ้น ?
O กลีบพะยอมนิ่มเนื้อ .. นั้นเหลือนุ่ม
ลมแผ่วรุมไหวระรัว .. ก็กลัวหล่น
รอ - โน้มแนบด่ำดอม .. กรุ่นหอมปรน-
เปรอใจวนว่ายหอม .. เพื่อ-น้อมรับ !
-2-
O แววระยับวามช่วง .. ในดวงเนตร
ค่อยเผยเลศนัยชู้ .. ล้อม จู่ จับ
อิริยารูปนาม .. ย่อมสำทับ
ลงกำกับพรับพริ้ม เพื่อพิมพ์ใจ
O มุขมณีน้ำระยับ .. ย่อมจับจิต-
ผู้เพ่งพิศ-อภิรมย์ฤๅข่มไหว
เห็นแต่เฝ้าจับจ้องหมายมองไป
เสพรูปนามเพ็ญพิไล .. พลอยไขว่คว้า
O เห็นงามก็ว่างามไปตามเห็น
หวัง-ตอบเต้นนัยมีด้วยทีท่า-
ของดวงแก้วเหลื่อมแสงเข้าแยงตา
ที่-ร่ำรอเสน่หาจากตาชาย
O เห็นงามก็ตามว่า .. ดั่งตาสบ
แต่บรรจบก็ลุกลามเป็นความหมาย
ถวิลแต่คุณค่าอันพร่าพราย
ที่โชนฉายแววมณีเป็นสีเดียว
O ทุกพื้นเหลี่ยมมุมรัตน์ .. จำรัสรอย
เหลื่อมแสงพร้อยพร่างมาให้ตาเหลียว
จำรัสรูปให้เห็น .. ราวเส้นเกลียว-
สายใยแทรกรัดเหนี่ยว .. พันเกี่ยวไว้
O ดั่งมณีแทรกวางที่กลางทรวง
เพื่อเป็นบ่วงโอบขวัญ .. แนบฝันใฝ่
เพื่อเสพรับอุ่นอายจากภายใน-
อุ่นอาลัยเร้ารุม .. คอยสุมลน
O แต่บรรจบก็ลุกลามเป็นความหมาย
แววตาฉายโฉบกันนับพันหน
โอ้ละหนอ .. หวั่นไหว .. และใจคน
จะหลุดพ้นพรากได้เยี่ยงไรฤๅ
O เห็นมณีน้ำระยับงามจับจิต
หากไม่คิดคว้าไว้จะได้หรือ
ใครเล่าจะเหนี่ยวดึง .. ส่งถึงมือ
มีแต่ยื้อยึดครอง .. เป็นของตัว
O เหลื่อมแสงสีพร่างอยู่ไม่รู้สิ้น
เชื่อมสองจินต์ด้วยระลอก .. นัยหยอก-ยั่ว
มณีเนตรแฝงเร้น .. ค่อยเต้น-รัว-
อยู่โดยทั่วดวงมณี .. ณ ที่นั้น
O เห็นโชนช่วงดวงวิเชียรที่เวียนว่าย
พร้อมแววฉายเนตรใคร .. หนอ-ไหวสั่น
ดูเถิด .. ที่ก่ำแก้ม .. ราวแต้ม-ปัน-
ด้วยหวามหวั่นจบพักตร์ .. จำหลักไว้
O อันมณีน้ำระยับงามจับจิต
ฤๅโดยฤทธิ์เทพส่งให้หลงใหล
พามอบสอดแทรกวางถึงกลางใจ
เป็นดวงแก้วส่องพิสัย .. รอ-ไขว่คว้า
O รับรู้คร่ำครวญคะนึง ..
รับรู้ถึงรูปนามเกินข้าม .. ฝ่า
จักยอขวัญดวงมณีด้วยปรีดา
รอคุณค่าคืนมอบ .. มา-ตอบแทน
O รับรู้ความออดอ้อน ..
ด้วยอาวรณ์โอบล้อม .. ดั่งอ้อมแขน-
เอื้อม-ปกป้องไว้เอง .. อย่าเกรงแกลน
อกนี้แสนทะนงอยู่ .. อย่างรู้ตน
O ลมเหนือที่เหน็บหนาว ..
เมื่อโหมฝ่าห้วงหาวทุกคราวหน
เถิด-ทุกครั้งยอหอม .. เข้าล้อมลน
ร่วมอุ่นปรนเปรอสาวให้หนาวคลาย
O เจ้าดวงมณีเอย ..
ราวสูรย์เย้ยยั่วแหล่งด้วยแสงฉาย
แววออดอ้อนยั่วย้ำเจ้ารำบาย
เกรงว่า-สายเกินการณ์จักต้านแล้ว !