ที่มา ..
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2012&date=16&group=24&gblog=22.. ปฐมบท ..
O พอสายตาคล้อยหัน .. ก็บรรจบ-
งาม-กว่างามชาติภพ .. เคยพบเห็น
แววในตาเหงาเงียบดูเยียบเย็น-
เหมือนแฝงเร้นเรื่องครั้งแต่ปางบรรพ์
O ในภาพเก่าคร่ำคร่า .. แววตาโศก-
เหมือนเฝ้ามองดูโลก .. ปวงโศกศัลย์
ที่ที่ความโอดอื้นทั้งคืนวัน-
เกินตัดบั่นลับลา .. จากอารมณ์
O ริ้วแพรเนื้อบางนุ่ม .. ห่มคลุมไหล่
ช่อดอกมาลย์เสียบไว้ที่ปลายผม
สังวาลย์เพชรล้ำค่า, แววตาคม-
ค่อย-ล้อมห่มดวงจิต .. จนติดตรึง
O แววตาซ่อนเร้นความ .. เงียบ .. งาม .. นิ่ง
สบแล้วยิ่ง .. เกินหวังจักหยั่งถึง
ชั่วสบด้วยวูบเดียว .. ก็เหนี่ยวดึง-
ห้วงคำนึงย้อนกลับ .. ลำดับนั้น !
O ตายังจับจ้องรูป .. จิตวูบผ่าน-
แววอ่อนหวานในรูปที่วูบ .. สั่น
เมื่อเรียวรูปปากอิ่ม .. เหมือนยิ้ม, พลัน-
ภาพกาลบรรพ์ก็พรั่งพร้อม .. ขึ้นล้อมรอ !
.. พศ.๒๔๒๗ ..
O บริบทงดงาม .. แห่งยามเช้า-
ค่อยทอดเงาเคียงหมู่ท่านผู้ขอ
ศรัทธาชนในธรรม ราวร่ำรอ-
การเติมต่อ .. แต่งหวังอยู่ทั้งเป็น
O ฝ่าแสงยามตรู่สาง .. ท่านย่างเหยียบ-
ยอธรรมเทียบทุกข์สรรพ .. ช่วยดับเข็ญ
เพื่อหัวใจปรุงปองได้ผ่องเพ็ญ
ข่มสร้อยโศกหลีกเว้น .. บีบเค้นใจ
O ผ่านแสงตรู่ยามเช้า .. กลิ่นข้าวหอม
ย่อมอบอวลอยู่พร้อม .. การน้อมไหว้
ฝ่าแสงเงาตรู่สาง .. เหยียบย่างไป
ล่มโศกไข้ทุกข์เขลา .. ให้เบาบาง
O บริบทยามเช้า ตรู่เช้านั่น
ก่อน-ค่อยผันผ่านเลย .. ก็เผยร่าง-
เรียวรูปผู้เยาว์วัย .. อยู่ในทาง
เหมือนคอยขวาง .. ฝากรูป .. โลมลูบใจ
O นิ้วเรียวรูปเคลื่อนขยับ .. หยิบจับลง-
ใส่บาตรสงฆ์ .. จากรูป .. สู่รูป .. ให้-
ห้วงจิตรู้รมยา .. เกินกว่าใคร-
อาจพรากสุขแจ่มใส .. จากนัยน์ตา !
O บริบทยามเช้า ตรู่เช้านั่น
กอปร-รูปนาม .. เบญจขันธ์ .. กลางพรรษา
สบ .. สัมผัส .. เป็นเหตุ .. ดลเวทนา
จวบ-ตัณหา .. อุปาทาน .. ละลานล้อม !
O ตั้งขึ้นเป็น .. ภพ .. ชาติ - แรงปรารถนา
โดยแววตาพริ้มพรับ .. คอย-ขับกล่อม
ที่เหมือนทั้งเจตจินต์ .. คล้ายยินยอม-
เข้าแนบน้อม .. มธุรส เป็นบทเดียว !
O หลังกรุ่นหอมกลิ่นข้าว .. ตรู่เช้านั่น
มีดวงขวัญตื่นตอบ .. การลอบเหลียว
พร้อมดวงใจปลิดปลิวด้วยนิ้วเรียว-
ที่-ใครเหนี่ยวโน้มวางลงกลางมือ !
O ทิวแถวท่านผู้ขอ .. เคลื่อน .. รอ .. ก้าว
หาก-ตาวาว-วามอยู่ .. อาจรู้หรือ ?
ว่า-ทุกการเคลื่อนขยับ .. พริ้มพรับ-คือ-
แรงยุดยื้อไขว่คว้า .. อีก-อารมณ์ !
O แถบแพรขาวบางนุ่ม .. ห่มคลุมไหล่
เสียบแซมกลีบช่อไม้ที่ปลายผม
สังวาลย์เพชรวางสาย .. ให้หมายชม-
หรือ-เพื่อข่มขับมืด .. ให้จืดจาง ?
O ดู-ข้าทาสหญิงชาย .. ที่รายล้อม-
แสนนอบน้อม .. นั่ง, ลุก และทุกย่าง-
ที่-คอ, หลัง .. ค้อมรับ-หยิบ .. จับ .. วาง-
ข้าวของกลางแวดล้อม .. อยู่พร้อมเพรียง
O ในท่ามกลางสายตา, รูปหน้านั้น-
ค่อยค่อยสั่นโยกใจ .. จนให้เสียง
รูปนามแห่งยามเช้าทอดเงาเคียง-
การร้อยเรียงธรรมบทลงจดใจ
O ในคาบยามบรรจบ .. แห่งภพชาติ-
เหมือนเพรงวาสน์พาดช่วงเกินหน่วงไหว
จับจูงเอา .. อิริยา .. รูปหน้าใคร-
จำหลักไว้ตรึงมั่น .. ลงสัญญา
O แล้วรูปนามพริ้มเพราแห่งเช้าวัน
ค่อยค่อยผันรูปกลับ .. จนลับหน้า
แวบเดียว .. ที่เหลือบคล้ายจะชายตา-
ปรารถนาก็ช่วงในห้วงใจชาย
O สวยปีกผีเสื้อบินกลางถิ่นทุ่ง
ขณะรุ้งทินกรเริ่มชอนฉาย
ลมเช้าพลิ้วแผ่วร่ำ .. ล้อมรำบาย
แตะร่องรอยความหมายขึ้นว่าย-วน
O แดดใสแผ่นฟ้าคราม .. ในยามนี้
เหลื่อมแสงสีอบอุ่นแทนฝุ่นฝน
เมฆขาวแทนมืดดำฟ้าคำรน
วิหคบนแทนวิชชุที่คุไฟ
O งามเงื่อนหางยูงฟ้าในป่าแดด
ทอดลงแวดล้อมอยู่ .. จนรู้ได้-
ว่า .. อ่อนหวานโลมทั่วทั้งหัวใจ-
ด้วยรูปใคร .. เผยองค์ขึ้นบงการ
O ระยับแดดเหลื่อมแล้วที่แววขน
พร้อมตาคนวาบแล้วด้วยแววหวาน
ที่ช่วงใจเต้นรับอยู่นับนาน
จนสุดหาญฝ่าบ่วงให้ล่วงพ้น
O งามปีกผีเสื้อลาย .. ระบายป่า
กระหยับทาทิวเถื่อนอยู่เกลื่อนกล่น
ปีกแห่งรักพลิ้วพรายลอยว่ายวน
ด้วยหัวใจดิ้นรน .. คิดวนเวียน
O โลมแดดอุ่นแอบลมไว้ข่มรื่น
เมื่อใจตื่นนิรมิตเกินปลิด .. เปลี่ยน
จำหลักรอยแฝงฝาก .. ให้พากเพียร-
ว่า-เนื้อเนียนกลิ่นร่ำ .. คือ-จำนง !
O สวยปีกผีเสื้อลาย .. พลิ้วพราย .. ร่อน
เมื่ออาวรณ์พิสวาดิด้วยชาติหงส์-
ค่อยหลอมรวมหวานหอม .. รอน้อมลง-
จบ .. บรรจง .. เสพรับชั่วกัปกัลป์
.
.