O นารีปราโมช O
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
24 พฤศจิกายน 2024, 10:16:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: O นารีปราโมช O  (อ่าน 9412 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
08 มีนาคม 2014, 06:13:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« เมื่อ: 08 มีนาคม 2014, 06:13:PM »
ชุมชนชุมชน

หรือเป็นการรอไปอย่างไร้หวัง
สักเพียงครั้งฤๅจะย้อนอาทรถึง
กอปรเก็บความตามคำที่รำพึง
ย้อนคำนึงหนึ่งใครผู้ไกลตา

จักชายตาเข้าแนบนัยแอบแฝง
หรือจะแหนงหน่ายคำที่พร่ำหา
หรือร่วมใจหักเหกาลเวลา
เอื้อคุณค่าตราตรึงส่งถึงกัน

รู้แต่เมื่อห่างไกลแล้วใจหาย
เหมือนสุดสายเยื่อใยที่ใฝ่ฝัน
รู้แต่เมื่อเหินห่างระหว่างกัน
อาวรณ์นั้นท่วมใครจนไข้ซม

ถวิลให้ใจหวนคร่ำครวญหา
ปรารถนามิรู้ชื่นฤๅขื่นขม
รู้แต่เพียงคุณค่าที่ปรารมภ์
นั้นสั่งสมน้อมสู่เพียงผู้เดียว

กับบางช่วงน้ำใจที่ไหลหลั่ง
เพียงคิดหวังเผื่อแผ่การแลเหลียว
กับบางห้วงใจเข็ญบิดเป็นเกลียว
หวังก้อยเรียวเหนี่ยวก้อย เฝ้าคอยประโลม


ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
09 มีนาคม 2014, 06:50:AM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #1 เมื่อ: 09 มีนาคม 2014, 06:50:AM »
ชุมชนชุมชน

รอเจ้าราวสรวงรอช่วงแสง
กำจายแบ่งบริบทความสดใส
หวังให้รู้ความคิดอันจิตใคร
เพียรขับไขถ้อยคำแฝงอำพราง

เอิบอกอุ่นสุนทรีย์ในทีท่า
ดังขอบฟ้าโลมเรื่อเอาเมื่อสาง
แม้นเรื่อรอยแสงเหมือนยังเลือนราง
หวังจักพร่างพรายเพ็ญดั่งเช่นรอ

วานลมล่องผ่องความไปตามนึก
ผ่านรำลึกตอบความกลับตามขอ
หนึ่งนัยคำย้อนเคียงย่อมเพียงพอ
จักอาจก่อฤทธิภาพเข้าอาบทรวง

ไกลห่างระหว่างหมายเฉกปลายฝัน
จากต่างชั้นแดนดินและถิ่นสรวง
ลมเอ๋ยรำเพยเจ้าหรือเปล่าปวง
จักเหนี่ยวหน่วงพวงพะยอมให้น้อมลง

เผยยอดสูงยูงยางท่ามกลางไม้
บ่งบอกความลิบไกลควรให้หลง
มองเพื่อเพียงเลี้ยงหวังให้ยังคง
แล้วปลิดปลงปลดหวังลงทั้งเป็น

รอเจ้าราวกระต่ายที่หมายแข
เวียนชะแง้งดงามทุกยามเห็น
จน..แผ่นน้ำลมถากโลมภาคเพ็ญ
ก่อริ้วเต้นย้อนเงาจึงเข้าใจ
ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
09 มีนาคม 2014, 06:48:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #2 เมื่อ: 09 มีนาคม 2014, 06:48:PM »
ชุมชนชุมชน

O ตัวน้อยเอย .. 1 O


O ลมหนาว .. เลื่อนระลอกโลมหมอกเช้า
ผ่านรุมเร้าเถาวัลย์ .. จนสั่นไหว
หยาดน้ำค้างเกลือกกลิ้งที่กิ่งใบ-
ก็ค่อยไหลเป็นหยดลงรดริน
O เพียงเพื่อ .. รอบอุทัยพิไลพิลาส
ผ่านโอภาสเกลือกกลั้วไปทั่วถิ่น
ฟ้าบนปีกวิหคย่อมผกบิน
เพชรบนตฤณวาบวามกับยามเช้า
O ระริกความอ่อนไหวของใบหญ้า
หนาวลมพาย่ำเหยียบ-ความเงียบเหงา
แตะตื่นความอ่อนไหวของวัยเยาว์
รับรู้เงาร่างหนึ่ง .. ผู้ตรึงใจ
O แล้วรอบความอ่อนหวาน .. ค่อยผ่านสู่
พารับรู้อาวรณ์แสนอ่อนไหว
อ้อมอบอุ่นโอบเนื้อด้วยเยื่อใย
จากรอบแรงอาลัย .. แห่งใจนี้
O รู้หรือไม่คำนึงชั่วหนึ่งคาบ
ก็แต่ภาพตัวน้อยเฝ้าคอยพี่
เสน่หาอาลัยและไมตรี
ราวคลายคลี่คลุมครองทุกห้องใจ
O ถวิลพรทิพแถนทั้งแดนฟ้า
จงผ่านรอบรมยาให้อาศัย
สุจริตมั่นคงจำนงนัย
พระ-เสกใส่ฤดีน้อย .. เฝ้าคอยวัน
O โอบอุ้มเนื้อเนียนผิวจากริ้วหนาว
ข้ามหนหาวรายล้อมเข้ากล่อมขวัญ
โอนอบอุ่นข้ามช่วงแสงดวงวัน
ลงแฝงฝันปรารถนาทั้งราตรี
O บรรจถรณ์หมอนม่านจงผ่านถ้อย
ให้โสตน้อยจดจำแต่คำพี่
ในทุกนึกคิดขวัญ .. กอปรอัญชลี
เพียงท่วงทีถวิลชู้อย่ารู้คลาย
O แพรเพลาะที่ห่มคลุมป้องนุ่มเนื้อ
แทนอุ่นเอื้อโอบเจ้า .. ดั่งเฝ้าหมาย
ถนอมรูปน้อยไว้ทั้งใจกาย
ก็โดยสายใยกระหวัดเข้ารัดรึง
O เมื่อสนิทนิทรา .. ในคราค่ำ
จงดื่มด่ำด้วยนิมิตแรงคิดถึง
ทั้งปวงรอบปรารถนา .. จักตราตรึง
ให้ซาบซึ้งเสน่หาทั้งราตรี
O ฟังเถิดผู้ ปากยิ้ม .. ตาพริ้มหลับ
จะพร้องศัพท์ละเมอถ้อย .. ว่าคอยพี่
บรรสารความปรารถนาในวาที
ให้โสตที่เฝ้าถวิลพลอยดิ้นรน
O ลมหนาว .. ผ่านระลอกยั่วหยอกฟ้า
ผ่านเพ-ลาล้ำล่วงฝ่าห้วงหน
มีใจความอ่อนหวานละลานปน-
ความอึงอลสั่นระรัวแห่งหัวใจ
O ลมหนาว .. ผ่านแล้วอย่างแผ่วโผย
ราวผ่านโชยชื่นมาให้อาศัย
คล้ายอ่อนหวานซาบซึ้งคำนึงใคร-
แนบลมไหวผ่านศัพท์ให้รับรู้
O ลมหนาวคงเฉื่อยโชยอย่างโผยแผ่ว
ไม่รู้แล้วรู้ร้างแต่สางตรู่
ยิ่ง-อารมณ์อาวรณ์ออดอ้อนชู้
ที่คุกคามใจอยู่ไม่รู้วาย
O จนเข้าสายสายหยุดนั้นหยุดหอม
หากละม่อมรูปพักตร์สุดหักหาย
คงพาดผ่านแววตาจนพร่าพราย
ด้วยชม้ายเหลือบชม้อย .. เฝ้าคอยมอง
O รู้หรือไม่ใจคนอีกคน .. หนาว
ร่ำรอดาวสองดวง .. เลื่อนช่วง .. ส่อง
โน้มดวงลงพริ้มพรับ .. ให้รับรอง-
ความผุดผ่องล้ำดาว .. ทุกดาวนั้น !


ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
10 มีนาคม 2014, 06:30:AM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #3 เมื่อ: 10 มีนาคม 2014, 06:30:AM »
ชุมชนชุมชน

O ตัวน้อยเอย .. 2 O


.. รมยา
O หลัง .. เสียงแผ่วแว่วหวานพลิ้วผ่านโสต
แรงปราโมทย์ในอก .. ก็ผกโผน
กระซิบความอาวรณ์แสนอ่อนโยน-
ค่อยผ่านโอนโอบขวัญนั้น - ขวัญเดียว

.. สัญญา
O บรรยากาศเคลื่อนคล้อย .. อย่างอ้อยอิ่ง
ตากลับยิ่ง .. สื่อตอบ .. หลบ .. ลอบเหลียว
เมื่อหวานหอม - วนว่าย .. เริ่มคลายเกลียว
ใจย่อมเหนี่ยวหวานหอม .. เข้าล้อมลน
O หลัง-ความหมายแฝงนัย .. ผ่านให้คว้า
ความเหว่ว้าทั้งปวง .. ก็ร่วงป่น
ดั่งคิมหันตะกาลแรก .. ที่แทรกปน-
ด้วยสุคนธะประทิ่นล้อมถิ่นทาง
O บรรยากาศกรุ่นกลิ่นประทิ่นรส
เริ่มอวลบทบาทพร้อมเข้าล้อมขวาง
โดย-เนตร, พักตร์ .. เหลือบเบือนที่เหมือนวาง-
บ่วง .. ให้ย่างก้าวลง .. กลาง-วงนั้น !
O ลมเหมือนแผ่วผ่านไล้ลูบไอแดด
เมื่องามแวดล้อมให้ .. ความไหวหวั่น-
แทรกบทเข้าคุกคาม .. เกินห้ามทัน
กับแววสั่นไหวช่วงของดวงตา ?
O หรือ-เพื่อเผยเอางามผูกล่าม .. จิต
ให้แต่พิศรูปองค์ที่ตรงหน้า
แล้วแนบรูปงามซึ้งลงตรึงตรา
ให้คอยหาละห้อยเห็นไม่เว้นยาม ?
O เสียงคีตครวญ .. พ้นผ่านไปนานเนิ่น
เมื่อ-ขัดเขินสะเทิ้นอยู่ .. สุด-รู้ห้าม
ทุก-แววตาพริ้มพรับ .. เมื่อ-วับวาม
ก็รัดล่ามทุกครั้ง .. ให้ฝังใจ
O รูปธรรม .. ก้ำเกิน .. จำเริญรอบ
ค่อยเคลื่อนกรอบวัฏฏะวง .. หมุนวงให้-
อุปาทาน-ก่อเกื้อ .. ทอเยื่อใย-
เพรียกอาลัยพิสวาดิ .. รองชาติภพ !
O แต่แววตา .. สบพักตร์ จำหลักรู้
อาวรณ์ชู้หวานหอมก็ล้อมตระหลบ
จริตรูปอ่อนหวาน .. เคยผ่านพบ-
ราวถูกกลบเกลื่อนสิ้นจากจินตนา
O ยุติธรรมแล้วหรือ .. การยื้อยุด-
ด้วยงามผุดผ่องให้ .. อาลัยหา
ยุติธรรมเยี่ยงไร .. รูปในตา-
แม้ติดนานนักหนา .. ยังตราตรึง !
O แต่เมื่อรูปรอยพักตร์ .. กุมกักให้-
ทั้งความคิดจิตใจเฝ้าใฝถึง
ก็รับรู้หวานล้ำในคำนึง-
และหวานซึ้งวาบไหวทั้งใจกาย

.. เสน่หา
O จนเมื่อแววตาชม้ายนั้นชายเหลือบ
หวานก็เคลือบอารมณ์เกินข่มหาย
ทั้งอ่อนไหว, อ่อนละมุน .. ทั้งวุ่นวาย-
เปล่งจากสายตานั้น .. ล่าม-พันธนา
O ปรุง-วิญญาณจักขุ .. บรรลุรู้-
ว่า-งามผู้เผยรอย - ให้คอยหา
ค่อยล่มงามทุกงาม .. เคยงามตา-
จนเหลืองามเบื้องหน้า .. เพียงหน้าเดียว !
ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
10 มีนาคม 2014, 02:22:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #4 เมื่อ: 10 มีนาคม 2014, 02:22:PM »
ชุมชนชุมชน

O อาวรณ์..ที่ซ่อนเร้น...? O


O เผยออกมาสักทีจะดีไหม
ซ่อนเร้นอยู่ทำไม .. หนอ-ใจนั่น ?
เมื่อต่างก็มีใจมอบให้กัน
พร้อมใฝ่ฝันเฝ้าอยู่ .. อย่างรู้คอย

O คิดถึง .. ละห้อยเห็นเมื่อเร้นหน้า
กับแววตาว่างเปล่า-แสนเศร้าสร้อย
เพียงภาพเคยจับจอง .. ที่ล่องลอย-
สร้างรูปรอยแล่นเลื่อนขึ้นเตือนใจ

O ไย-ถึงต้องแฝงเร้นอยู่เช่นนั้น
กดข่มความผูกพัน .. ห้าม-สั่นไหว
ก็เมื่อแววในตา .. แสนอาลัย
นึกหรือว่าความนัย .. ปิดได้พ้น ?

O วาบวามความอ่อนหวาน-เมื่อผ่านช่วง
ก็รับรู้แหนหวงที่ร่วงหล่น-
ลงในการร่ายรำ .. แววจำนน-
ที่เอ่อล้นเผยล่วงผ่านดวงตา

O กี่ครั้งแล้วแววตา-เกินกว่าซ่อน
เผลอ-เผยความอาวรณ์ออดอ้อนหา
รับรู้แววอ่อนหวานส่งผ่านมา
ย่อมรู้ว่าเกินคิดจะปิดบัง

O เพียงแววตาฉายทอจะพอหรือ
ว่านั่นคือรูปรอยให้คอยหวัง
แล้วหัวใจเต้นแผ่วจะแว่วดัง-
ให้รับฟังเสียงสั่น .. เอาวันใด ?

O เพียงแววตาฉายทอ .. ไม่พอหรอก
จะพูดบอกความถวิล .. จนสิ้นได้
หากต้องมีพจน์พากย์คอยฝากนัย
จึงอาจรู้อาลัยที่ในทรวง

O ซ่อนเร้นด้วยขัดเขินมาเนิ่นนาน
จน-รับรู้อ่อนหวาน .. เมื่อผ่านช่วง
โดยพจีงดงาม, ถ้อยความปวง-
ย่อมลามล่วงสู่ใจผู้ใฝ่คอย

O คล้ายเนิ่นนานหนักหนากับท่าที-
แฝงไมตรีปรุงเปรียบ .. อย่างเงียบหงอย
จนความหมายสืบสร้าง .. ไม่พรางรอย-
แล้ว-จึงค่อยนำวาง .. ลงกลางใจ

O เมื่อท่าที, บทบาท-ไม่ขาดช่วง
ย่อมยากล่วงเลือนกัน .. จากกันได้
ด้วยต่างคอยรับรู้ .. ว่าผู้ใด-
ส่งรับแรงอาลัย .. มีให้กัน

O หยุดเถิด-ความอาวรณ์ที่ซ่อนเร้น
หยุดบีบเค้นหัวใจ, ความใฝ่ฝัน
ด้วยว่าความทรมาน .. จากนานวัน
จักค่อยผันผ่านช่วง .. จนล่วงพ้น

O หยุดเถิด-รอบดวงใจที่ไหวสั่น
ด้วยว่านั่นเป็นช่วงการร่วงหล่น-
ของอาวรณ์อาลัยที่ในตน
อย่างจำนน, รอพร้อม-อุ่นอ้อมทรวง !

O หรือจะให้คำนึงมีถึงกัน
ต้องถูกกั้นกีดชาติจนขาดช่วง
หรือจะให้แรงกรรมเคยบำบวง
ต้องเลือนล่วงสูญเปล่า .. ไม่เข้าที

O ก็แค่เผยความนัย .. ออกให้รู้
เป็นนัยชู้พร้อมสรรพสำหรับที่-
จะใช้เป็นสายใยแห่งไมตรี
โอบรัดชีวิตสองมาพ้องกัน

O คอยเถิด .. วงแขนโลภ .. รอโอบกอด
เมื่อร่างทอดลงทับ-การรับขวัญ
อกอุ่น, แรงปราโมช คือโทษทัณฑ์-
ไว้กักกันอาวรณ์ .. เคย-ซ่อนเร้น !

O หรือจะให้คำนึง .. แม้หนึ่งช่วง-
จังหวะดวงใจคอยละห้อยเห็น-
ต้องแกว่งไกวรอเฝ้า ทั้งเช้าเย็น
เพราะถูกรักซ่อนเร้น .. บีบเค้นเอา ?

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
11 มีนาคม 2014, 06:26:AM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #5 เมื่อ: 11 มีนาคม 2014, 06:26:AM »
ชุมชนชุมชน

O น้องสาว .. ที่แสนดี O

.. 1
O โลกวันนี้ .. จึงสวยงาม
แต่เนตรหนึ่งวับวามด้วยความหมาย
เคียงร่มเงาดวงฤดี .. ของพี่ชาย
บังตะวันโชนฉายรำบาย .. ร้อน

.. 2
O งดงามความสัมพันธ์ในวันผ่าน
ก็ตระการใจอยู่ไม่รู้ผ่อน
ละเมียดละมุนทรวงทุกช่วงตอน-
นั้นสะท้อนเยื่อใย .. แห่งใจคน

O ค่อยถักทอ .. ม้วนสายเป็นปลายบ่วง
แทนเงื่อนห่วงใยวางที่กลางหน
งามก็คล้ายปีกวิหคไหววกวน
กระพือให้อึงอลสับสนนัก

O โชนช่วงปวงฤทธิ์อย่างผิดแปลก
สอดแทรกปริศนา .. เกินฝ่าหัก
เร่งร้นรีบรุด .. ไม่หยุดพัก
จำหลักงามจับลงกับทรวง

O คือน้องสาวที่แสนดี ..
คือคนที่พี่ชาย .. ยากคลายห่วง-
จากผองลิ้นลมร่ำและคำลวง
อีกมีหวงเผลอบ้างเป็นบางครั้ง

O ฟังนะ .. คนดีของพี่ชาย
หากอยากคลาย .. ความนัยที่ใจสั่ง
จงกระซิบผ่านถวิล .. พอยิน-ฟัง
แล้วหยุดยั้งอย่าไถลนะใจเอย

O ฟังเถิด .. คำพี่ชาย
อย่าผ่อนคลายความนัย .. ที่ใคร่เผย
อย่าได้ออกจากปาก .. ให้ยากเลย
เกรงหากเอ่ย .. จะยากอ้างว่าต่างกัน !

O สายเอยสายใยนี้ ..
จักแผ่คลี่ออกขวาง .. เพื่อกางกั้น-
ความเหินห่าง, เงื่อนงำในสัมพันธ์
ให้มุ่งมั่นจดจ่อ .. แต่รอคอย

O ใจเอยหัวใจสาว ..
แม้เหน็บหนาว, เย็นเยียบและเงียบหงอย
อุ่นจะฝากฝ่าพลบเข้ากลบรอย
พร้อมคำถ้อยออดอ้อน ..ให้อ่อนใจ

O ใจแข็งสักนิด .. นะคนดี
แม้ท่วงทีรำพัน .. ทำหวั่นไหว
นั่น - เพียงความแฝงเร้นให้เห็นนัย
เผยออกให้รับรู้ .. ช่วยดูแล

O อย่าใส่ใจจนเกินเลย
คำความเอ่ยร้อยเรียงก็เพียงแค่-
หมายฝากดินฟ้าเวียนร่วมเปลี่ยนแปร-
ให้อีกสายตาเหลือบแล .. เฝ้าแต่คอย

O คอยคำปลอบโยนจากพี่ชาย
หวังเพียงสายสวาดิเจ้า .. สิ้นเหงาหงอย
ความ, คำกล่อมเกลาขวัญ-เพื่อขวัญพลอย-
ห่วงละห้อยพี่ชาย .. สุดคลายคลอน

O น้องสาวที่แสนดี ..
แม้นใจพี่ดูจะสาย .. เกินถ่ายถอน
เถิด .. จะเก็บเงียบงำทุกคำวอน
จะไม่อ้อนออดความออกตามใจ

.. 3
O ดึกแล้วนะคนดี
แว่วคำพี่รำพัน .. หากหวั่นไหว-
จงรู้เถิด .. ที่หวั่นยิ่ง .. กว่าสิ่งใด-
คือดวงใจดวงนี้ .. ของพี่ชาย

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
12 มีนาคม 2014, 07:48:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #6 เมื่อ: 12 มีนาคม 2014, 07:48:PM »
ชุมชนชุมชน

O อหังการ .. แห่งน้ำค้าง .. O

O ค่อยค่อยก่อรูปวาง .. ก่อนสางหม่น-
จะเคลื่อนพ้นผ่านล่วง .. เมื่อดวงสูรย์-
ลอยเลื่อนขึ้นโชนช่วงเป็นดวงกูณฑ์
ผ่านจำรูญจำรัสโลมปัถวี
O เงียบงันทั้งเหน็บหนาว .. ที่พราวหยาด
พร้อมโอภาสดวงศศินใกล้สิ้นสี
จบสิ้นแล้วรมยาแห่งราตรี
จักเลือนลี้มืดดำ .. เคยรำบาย
O วารีหยดหยาดรอ .. จะล้อแสง
เพื่อแต้มแต่งงามระยับก่อนลับหาย
อย่างยินยอมแสงพลอดตราบวอดวาย
ก่อนเวียนว่ายหยาดซ้ำ .. อีกค่ำคืน
O เพียงเพื่อจะระเหิดระเหยร่าง
อยู่ท่ามกลางเรื่อแดงของแสงคลื่น
ให้แผดเผาผ่าวร้อนได้ย้อนกลืน
กลบหยาดรื่นเลือนเร้น .. เปลี่ยนเป็นไอ
O กลั่นหยาดพิลาสร่วงเป็นดวงประดับ
เรียงหยดรอแสงระยับ .. มาขับไข
กระทบโลมเม็ดน้ำ .. อยู่ร่ำไร
ก่อนมอดไหม้ระเหยช่วง .. จนล่วงรอย
O ที่บรรจบแห่งศิวาและราตรี
หยดวารีหยาดแล้ว .. จากแผ่วค่อย-
ตราบเติมงามเต็มพื้น-ด้วยผืนพลอย
เพื่อจักลอยระยับยวง .. ล้อดวงวัน
O เผาเถิดให้ระเหิดระเหยแห้ง
ทอดทอแสงงามระยับ .. ลงรับขวัญ
จะยอมรูปแหลกร่าง .. เป็นรางวัล
การกีดกั้นแววระยับ .. ที่ลับเลือน
O จะหยาดให้เผาอยู่ทุกตรู่สาง
พลอยผืนจะแผ่วางทั่วทางเถื่อน
และจะรอร้อนเกรียมทุกเยี่ยมเยือน
เถอะ .. อย่าเคลื่อนผ่านพ้น .. ให้ทนรอ
O ที่-สิ้นรูปแหลกร่าง .. อยู่กลางแสง
นั้น-ฝากแฝงอุ่นไว้ .. ที่ใดหนอ
หรือจะเช่นรูปเงาพะเน้าพะนอ
ฝากอุ่นออแอบร่างอยู่กลางทรวง ?

-2-
O เมื่อ-อกหนึ่ง .. อาจเอื้อมจะโอบเจ้า
อุ่นนิ่มเนื้อรูปเยาว์ .. ผู้เฝ้าหวง-
หวังกุมกอดนวลละมุน .. แอบอุ่นดวง-
ฤดีผู้ห่วงละห้อย .. เถิด-คอยรอ
O ครั้นสังคีตผ่านเสียง .. แต่เพียงแว่ว
จะยินแผ่วเสียงย้ำ .. นั้นพร่ำขอ-
ถนอมเนื้อรูปเยาว์พะเน้าพะนอ
สองแขนออโอบงาม .. เกินห้ามใจ
O ใช่ไหมว่า .. มีคนนั้นรออยู่
รอรอบชู้ออดอ้อน .. ด้วยอ่อนไหว
แก้มอิ่มเนียนแนบทรวง .. รับห่วงใย
โอบกอดไว้ตราบสนิทในนิทรา
O จนทอดตัวสองแขน .. เอาแทนหมอน
เพื่อหนุนนอนเบียดกาย .. กอดก่ายหา
หน้าผากแก้มคิ้วคาง .. จักร้างลา-
ปรารถนาแห่งใจ .. เยี่ยงไรพ้น
O โอม-รูปเยาว์โสมนัส .. รำบัดย้อม-
เยี่ยมละม่อมรูปหน้าอีกคราหน
กอปรความหมายด้านในคอยไหววน
จากหัวใจดิ้นรน .. เกินด้นดึง
O ครรลองโลกหมองหม่น..พึงป่น-ปลิด-
สิ้นทั้งปวงด้วยฤทธิ์แรงคิดถึง
ละห้อยเห็น .. ปฏิพัทธ์จงรัดรึง
แรงซาบซึ้งให้ตรึงอยู่ไม่รู้ลบ
O ทั้งสิ้นและ .. ทั้งปวงความห่วงหา
พึงโหมฝ่าทรวงขวัญเข้าบรรจบ
อำนวยจิตพิสวาททุกชาติภพ
สุดเกลี่ยกลบอาวรณ์ให้ผ่อนคลาย
O คะเนนึกคะนึงอยู่อย่ารู้สิ้น
แรงถวิลถวัลย์อยู่อย่ารู้หาย
ให้อกเจ้าตราตรึงเพียงหนึ่งชาย
คอยเถิดสายสวาดิเรียมเจ้าเตรียมใจ
O ฝากลำลมเรื่อยรี้ .. ได้วีวาด
ผ่านโอภาสให้ระยับแรงขับไข
อันหวานหอมสุมาลี ณ ที่ใด
จะเช่นใครยามนี้ .. ไม่มีเลย
O หอมนั้นหอมจากหวาน .. เจ้าผ่านหา
จนคุณค่าในอก .. นั้นผกเผย
ผ่านรูปรอยนิรมิต .. เข้าชิดเชย
หยอก-ยั่วเย้ยปรารถนาแรงอาลัย
O ละม่อมพักตร์อิริยาและท่าที-
เมื่อเข้าชี้นำการณ์ .. ฤๅต้านไหว
รอบละมุนอุ่นเอื้อแห่งเยื่อใย
คล้ายรอให้คล้องเกี่ยวด้วยเรียวมือ
O เมื่อ-อก, แขน, ใจ-โลภ .. จะโอบเจ้า
เนื้อรูปเยาว์ .. จะรอดได้อย่างไรหรือ
ความวาดหวังเพียบเพ็ญ .. จักเป็น-คือ-
เรียวแขนยื้อยุดไว้ .. โดยไม่คลาย !


ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
13 มีนาคม 2014, 06:06:AM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #7 เมื่อ: 13 มีนาคม 2014, 06:06:AM »
ชุมชนชุมชน

O คันธาแห่งมาลี .. O


O คำ ความ ร้อยเพียงเพื่อแม่เนื้ออุ่น
เสพรับสุนทรีภาพแล้ววาบหวาม
เสน่หาอาลัยจักไหลลาม
ดั่งเส้นไฟงดงามในยามมัว
O ประจุจลน์วนแล่นเหนือแผ่นหล้า
อวดวิโรจน์เรขากลางฟ้าหลัว
เช่นประกายตานั้นที่สั่นรัว
จากเย้ายั่วคำพจน์ในบทกลอน
O เอ็นดูความอ่อนเยาว์ .. ถูกเร้าเร่ง
จนแก้มเปล่งปลั่งอยู่เกินรู้ซ่อน
เมื่อเสพความคำเย้า..ยั่ว-เว้าวอน
ใจนั้นจะทอดถอนสะท้อนสะท้าน
O ในท่ามกลางหวานซึ้ง .. คำนึงสู่
ย้อนรับรู้ผูกพันในวันผ่าน
ละภาพความสัมพันธ์แห่งวันวาน
ย่อมบรรสารโลมรุกขึ้นทุกนัย
O และชั่วที่อาวรณ์ .. ออดอ้อนเสียง
ฤๅอาจเลี่ยงหลบผล-ผ่านพ้นได้ ?
เหลือแต่ต้องน้อมรับแนบกับใจ
สานสายใยผูกพันให้มั่นคง
O เอ็นดูความ .. ขัดเขินเหลือเกินแล้ว
ดูเถิด .. แววตาละห้อยเหมือนพลอยสง-
สัย .. ในความลึกล้ำแห่งจำนง
ที่หยั่งลงแนบทรวงทุกท่วงที
O มองเห็นความขัดเขิน .. หยอกเอินเจ้า
ก็เหมือนเย้ายั่วให้ .. หัวใจพี่-
อ่อนโยนตอบอ่อนเยาว์ .. ตัวเจ้ามี-
เดียงสาที่ควรวัย .. ดวงใจนั้น
O ดูเถิดแก้มอิ่มเรื่อ .. เนียนเนื้อนวล
ซับเลือดฝาดเรื่อล้วน .. ให้ชวนหวั่น-
ว่า .. แววหวงแหนชู้สุดรู้ .. กัน
จะพร่าสั่นนัยออกเพื่อบอกความ
O ดูเถิดแก้มอิ่มเรื่อ .. ราวเชื้อเชิญ-
ให้เลือดฝาดหยอกเอินจนเกินห้าม
ขึ้นแต้มริ้วซ่านรส .. แสนงดงาม-
ให้พิศตามติดอยู่ .. เกินรู้เบือน
O รอยยิ้มวับวามแล้วในแววตา
และเหมือนว่ารอระยับ .. เพื่อขับเคลื่อน-
เอาท่วงทีรูปจริตเข้าติดเตือน
ทุกขยับหรือเขยื้อน ฤๅ-เคลื่อนพ้น ?
O ในความหมายเผยออก .. เหมือนดอกไม้-
ต้องลมไหวเอนช่อ .. ใช่-รอหล่น
หากเพื่อโปรยกลิ่นหอมออกล้อมลน
ให้แห่งหนรมยา .. รสมาลี
O ในแววตาสื่อผ่าน .. รูปคราญเอ๋ย
ราวผ่านเย้ยหยอกยั่วให้ตัวพี่-
เข้าโอบอุ้มถนอมลักษณ์ดูสักที
อย่าได้มีลังเลสักเวลา
O ด้วยแววตาส่งผ่าน .. รูปคราญเจ้า
ช่างรุมเร้ากุมกักอยู่หนักหนา
ดูเถิดนั่น .. ท่วงทีกอปรลีลา
เหมือนแววสาแก่ใจ .. วาบไหวล้อ !
O โอ งามเหมือนจะตามเข้าลามล่วง
ลงแทรกทรวงเว้าวอน .. ออดอ้อนขอ-
แนบติดตรึงรุมเร้าพะเน้าพะนอ
อยู่ร่ำรอปรารถนาแรงอาลัย
O โอ งามเหมือนติดตามเกินห้าม .. หัก
ค่อยรายล้อมรูปพักตร์จำหลักให้-
ตรึงในแววตาผู้รับรู้นัย
เพื่อมอบใจสู่มือ .. ให้ถือครอง !

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
14 มีนาคม 2014, 09:04:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #8 เมื่อ: 14 มีนาคม 2014, 09:04:PM »
ชุมชนชุมชน

O เชิญขวัญ .. O

O วาบวามแววปลั่งช่วงในดวงตา
คล้ายดั่งว่า .. รอพร้อมการกล่อมขวัญ
ผุด .. เผย .. ขึ้นปักปลูกความผูกพัน
จดรอบฝัน .. จำนง .. เป็นวงเดียว
O ตราบจนเมื่อ .. สองแขนหนุนแทนหมอน
นัยออดอ้อนแฝงฝาก-ยังกรากเชี่ยว
ดั่งเยื่อใยยืดยาว .. เริ่มสาวเกลียว
ล้อมรัดเหนี่ยวบีบเค้นอยู่เช่นนั้น !
O ภาพ- ขัดเขิน เบือนหน้า .. สายตาหลบ
ย่อมบรรจบ-ตา, ใจ .. จนไหวสั่น
เพ่งรูปหน้า .. แก้มเนื้อ-กลับเรื่อพลัน-
ที่รูปฝัน .. พาดช่วงในดวงตา
O งามรูปองค์อิริยา .. เบื้องหน้านี้
เหมือนคอยเพรียกใยดี รับทีท่า
สื่อจริตรำบาย .. ล้อมสายตา-
ร่วมแตะตื่นรมยา .. เริ่มท่าที
O ในช่วงยาม-สบตอบ .. เหลือบ .. ลอบ .. เหลียว
ราวคล้อง .. เหนี่ยว .. อารมณ์ - เกินข่ม .. หนี
กับชั่วเบือนสบนิ่ง .. เหมือนยิ่งมี-
รื่นรมย์ที่ลามล่วง .. ถมห้วงใจ
O เยี่ยงเกสรสร้อยสุมาลย์ละลานกลิ่น
ภู่ผึ้งบินโผผ่าน .. ฤๅต้านไหว ?
ย่อมเพียงรสหอมหวาน .. เคียงก้านใบ-
รอการไต่ตฤปน้อม .. หวานหอมนั้น !
O กาแฟรสหอมกรุ่น .. ยังอุ่นอยู่
ชั่วเลศชู้เผยให้ .. ความไหวหวั่น-
เผลอโชนแวววาบสู่ ให้รู้กัน-
ว่า - ความสั่นในอก .. เกินยกพ้น
O ขณะความอ่อนหวาน นั้นปานว่า-
เพรียกห่วงหาจากทรวงให้ร่วงหล่น-
คอย-รูปนามจู่ล้อม .. อย่างยอมตน-
อย่างไม่คิดดิ้นรน .. ให้พ้นมือ !
O ชั่วกาแฟรวยริน .. อวลกลิ่นผ่าน
คือ .. ชั่วหวานล้อมกัก .. อาจหักหรือ ?
ก็เมื่อสิ่งที่เห็น .. ที่เป็น – คือ-
งาม-ยุดยื้ออาวรณ์ .. เกินผ่อนแล้ว
O ฤๅ-หัตถ์พรหมจับวางลงขวางไว้
สอบว่า-ห้วงจิตใจ .. เคยไหวแผ่ว-
หลังต้องรูปโจมจับ .. จะพรับแวว-
รับรองความผ่องแผ้ว .. ฤๅ-แล้วเลือน ?
O บัดนี้คงรับรู้ .. ว่าผู้ใด
ต้องอาลัยรำบายลงป่ายเปื้อน
ทั้งสำทับลงจิต .. คอยติดเตือน-
การเหลือบ .. เบือน .. ชม้อยชม้ายแห่งสายตา
O บัดนี้คงรับรู้ .. ว่าผู้ใด-
พร้อมหัวใจเฝ้าคอยละห้อยหา
ทุกช่วงลมโหมเห่กาลเวลา
แววในตาจะเห่โหม .. อยู่โครมครืน !
O ในความเงียบ, ความงามค่อยลามล้อม
เพรียกใจห้อมแหนรับทั้งหลับตื่น
เมื่อเหน็บหนาวลมร่ำ .. ฝ่าค่ำคืน
งามย่อมขืนเข้าขับให้อับจน
O เมื่อความเงียบ .. ยอมงามเข้าลามล่วง
ถ้วนเหน็บหนาวในทรวงย่อมร่วงป่น
ตราบเมื่องามลามล้อม .. ให้ยอมตน
จักฝ่าพ้นงดงาม .. เอายามใด ?
O ท่ามกลางห้วงคำนึง .. หวานซึ้งนั้น
แวววาบสั่นในยาม .. ยังวามไหว
วางรูปตรึงสัญญาเกินฝ่าไป-
พ้นอาลัย .. หน่วงเหนี่ยว .. แม้เสี้ยวยาม
O ใช่ไหมว่า .. ต้องคิดรับผิดชอบ-
การ-หลบ, ลอบเหลือบ, ชม้อย .. เหมือนคอยล่าม-
รัด .. อารมณ์แห่งชาย .. วุ่นวายตาม-
แวววับวามสั่นช่วง .. ในดวงตา !
O ใช่ไหมที่ .. ต้องคิดรับผิดชอบ-
การสบตอบหวานซึ้งอยู่ซึ่งหน้า
การข่มยิ้มแสร้งเมินขัดเขินอา-
รมณ์ .. ให้ชายเสน่หาในอาการ
O วาบวามแววปลั่งช่วงในดวงตา
พร้อมแก้มหน้าเนียนเนื้อแดงเรื่อ .. ซ่าน
แปลว่า .. ตาสบกันเมื่อวันวาน
จดสงสารทุกวง .. เป็นวงเดียว !
O นับคาบเพื่อทวงสิทธิ์รับผิดชอบ
แต่-ตาสบ, หลบ, ตอบ คอยลอบเหลียว
จนสายใยแฝงเร้นฟั่นเป็นเกลียว-
ยอมแล้ว-ใจถูกเหนี่ยว .. ด้วยเรียวมือ !

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2012&date=25&group=11&gblog=413


add complete
by klonthaiclub fb
ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
18 มีนาคม 2014, 08:48:PM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #9 เมื่อ: 18 มีนาคม 2014, 08:48:PM »
ชุมชนชุมชน

O พี่รักเจ้า .. O

O เช้ายันค่ำจำนรรจ์ .. สัมพันธ์พร้อม
ค่อยหล่อหลอมจำนง .. รับส่งถึง
รอบอารมณ์ทุกเสี้ยวคอยเหนี่ยวดึง-
ความซาบซึ้งเชิงชู้ .. มอบสู่กัน
O คำใครหนอ .. อาวรณ์ออดอ้อนอยู่
เพรียกอารมณ์เอ็นดูอุ้มชูขวัญ
แผ่วผ่านโสตพลอดพร่ำ .. ถ้อยรำพัน-
รับรองฝันปรารถนา .. ทุกท่าที
O โอ .. รูปลักษณ์อ่อนน้อย .. หรือคอยย้ำ-
แววดื่มด่ำแนบคานัยน์ตาพี่
ทุกช่วงความคำนึง .. อันพึงมี-
ก็เพียงรูปราศี .. เต็มปรี่แล้ว
O รู้บ้างไหม .. ใจหนึ่ง .. รำพึงผ่าน-
สายใยรักอ่อนหวานให้ซ่านแผ่ว-
ไปกับสายลมอุ่นที่หนุนแนว-
หวังเพรียกแววตาเคลิ้ม .. ร่วมเติมเต็ม
O แผ่วแผ่วสายวาโย .. เมื่อโผผ่าน
ละห้อยหาทรมานก็ปานเข็ม-
คอยทิ่มแทงอารมณ์ให้ .. ขม-เค็ม
พาเลาะเล็มโศกสร้อย .. ที่คอยรอ
O โผย-ลมแผ่วผ่านริ้ว .. โลมผิวเนื้อ
พร้อมแก้มเรื่อเนตรชม้อย .. คล้ายลอยล่อ
อยู่ในห้วงคำนึง .. ใจหนึ่ง, พอ-
ได้เติมต่อละห้อยเห็นอยู่เช่นนั้น
O แต่ละภาพผ่านเคลื่อน .. ก็เหมือนว่า-
แววในตาเขินอาย .. ค่อยส่าย-สั่น
ความอ่อนหวานอ่อนไหวของใครกัน
ที่แทรกขวัญลงฝัง .. อีกครั้งคราว
O พี่-ทำให้ความหมาย .. รำบายออก
แทนถ้อยบอกผ่านรู้ .. เชิงชู้สาว
เมื่อนัยคำปลดเปลื้อง .. ฝากเรื่องราว
ทรวงย่อมผ่าวร้อนรุมดั่งสุมไฟ
O พี่-ฝากความถวิลหา .. ทุกคราครั้ง
หมายเสกสั่งใจขวัญ .. จนสั่นไหว
เพื่อรองรับปรารถนาแรงอาลัย
เก็บกักไว้แนบทรวงอย่าล่วงเลือน
O ถ้อยกระซิบกระซาบย้ำ .. แห่งค่ำนี้-
จักวาดวีความหมายลงป่ายเปื้อน-
บนดวงใจอ่อนเยาว์ .. คอยเฝ้าเตือน-
ว่าอย่าคิดจะเขยื้อนขยับพ้น
O แผ่วแผ่วสายวาโย .. ยังโผผ่าน
เมื่อหอมหวานทั้งปวง .. เริ่มร่วงหล่น-
ลงรอบล้อมอาลัย-แนบใจคน
งามก็วนเวียนรอบ .. คอยตอบคำ
O อ้อยอิ่งกับคาบยาม .. อยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่าง, รูปภพ .. การอบร่ำ-
ความอ่อนโยน, อบอุ่น .. ใครหนุนนำ-
ย่อมดื่มด่ำ .. ถ้วนในหัวใจชาย
O คืองามที่แทรกงาม .. เข้าลามโลก
ทอนเศร้าโศกทั้งปวงให้ล่วงหาย
ยอภพชาติอันประณีต .. ขึ้นกรีดกราย-
รองรับสายเยื่อใย .. จากใจนั้น
O จึง-งามที่รุมลามทั้งสามโลก
ค่อยค่อยโยกจิตใจจนไหวสั่น
คล้ายว่าบทพร้องพร่ำ .. แห่งรำพัน-
จะสอดศัพท์รับกัน .. แต่วันนี้
O เช้ายันค่ำจำนรรจ์ .. ผูกพันพร้อม
ค่อยหล่อหลอมรูปลักษณ์ แห่งศักดิ์ศรี
แฝงเร้นความแหนหวง .. ผ่านท่วงที-
การวาดวี .. ไหวช่วง .. สองดวงใจ
O จะกุมกักเก็บไว้ .. หัวใจนั้น
แล้วค่อยโยกค่อยสั่น .. ให้หวั่นไหว
จนเผยรอบเสน่หา .. แรงอาลัย
ออกขับไขผ่องแผ้ว .. ที่แววตา
O จะกุมกักผ่องแผ้ว .. ที่แววเนตร
ให้โชนเลศนัยละห้อยแต่คอยหา-
อกอุ่น, อ้อมแขนโลภ .. เพื่อโอบมา
ให้ซบหน้าแนบอยู่ .. ไม่รู้คลาย
O จะกุมกักเรียวร่างไว้กลางทรวง
อย่างแหนหวงรูปน้อย .. อาจลอยหาย
ฟังคำเถิด .. แม้นสะเทิ้นด้วยเขินอาย-
หากให้คลายร่างนี้ .. ไม่มีวัน !

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=12-2012&date=19&group=11&gblog=429
ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
25 มีนาคม 2014, 11:34:AM
aasdang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 91
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 197



« ตอบ #10 เมื่อ: 25 มีนาคม 2014, 11:34:AM »
ชุมชนชุมชน

O ลมร่ำ .. ฝนโรย .. O

O พร้อมเมฆหม่นครอบขัง .. อยู่ยังหน้า
คือครั่นครื้นมหิทธาแห่งฟ้าฝน
เส้นไฟเลื้อยวกต่ำ .. ก่อนคำรน-
กึกก้องทั้งภูวดล .. ให้ยล-ยิน
O แล้วหยาดฝนหล่นสายรำบายโศก
ทอนทุกข์โลกข่มร้อน .. ให้ผ่อนสิ้น
ก่อนเม็ดฝนหมาดใหม่ .. กรุ่นไอดิน
ค่อยอวลกลิ่น .. ตอกย้ำความธรรมดา
O ไฟสรวงบน .. วนวิ่ง .. งามยิ่งแล้ว
นึก-เพริดแพร้วเนตรผกาย .. ใครชายหา
นั้นวนวิ่งความหมาย .. สู่สายตา
เพียงจะกร่อนเหว่ว้า .. ด้วยอาวรณ์
O แม้นแวบเดียว .. วูบดับจนลับล่วง
ก็โชนช่วงความหมาย .. เกินถ่ายถอน
เส้นไฟสรวงเฟื้อยระส่ำทั้งอัมพร
เมื่อใจหนึ่งสั่นคลอน .. ทุกตอน-ตน
O เมื่อแววในสายตา .. เกินกว่าซ่อน
ฝากเว้าวอนวกว่าย .. ฝ่าสายฝน
กลางลมร่ำเม็ดน้ำ .. ฟ้าคำรน
หัวใจคน .. กลับคร่ำ-ครวญคำนึง
O สื่อความหมายฉายทอ .. พร้อมช่อน้ำ
ผ่านมืดดำโดยฤทธิ์ .. แรงคิดถึง
สืบรูปรอยเสน่หา .. อันตราตรึง
เพื่อซาบซึ้งผ่านเจือ .. สู่เนื้อใจ
O สิ้นเมฆหม่นครอบขัง .. อยู่ยังหน้า
จึงเวหาเรื่อรอง .. ความผ่องใส
เริ่มเถิดฤๅรอบพิมล .. จากคนไกล
เพื่อโอบไว้ขับกล่อม .. กลางอ้อมทรวง
O จนอ่อนหวานผ่านสู่ .. ให้รู้สึก
ดำดิ่งลึกเกินการณ์ .. จักต้านหน่วง
ด้วยอาวรณ์โหมประดังใจทั้งดวง
ย่อมสุดใจจะผ่านล่วง .. จากบ่วงแล้ว
O ค่อยเผยผ่านฝนล่อง .. เข้าป้องหนาว
ทอนปวดร้าวครั้งเก่า เหลือ .. เบาแผ่ว
เติมแต่งนัยน์ตาชาย .. ให้ฉายแวว-
วามผ่องแผ้วด้วยถวิล .. ที่-ดิ้นรน !
O จักรภพเคลื่อนผ่านสู่ด้านไหน
คงขับไขม่านแสงโลมแห่งหน
ยิ่ง-ดวงวันครองฟ้าส่องสากล
คือ-ใจคน .. ถวิลผู้ .. ที่คู่ควร
O แม้นว่าโลกทั้งโลก .. สุมโศกให้
นอกจากไม่ .. ครวญคร่ำ .. ด้วยกำสรวล
จัก .. โรมรันบั่นคอด้วย .. ขอ-ทวน
ขอเพียงนวลหยัดร่าง .. เคียงข้างกาย
O เสน่หาฝ่าข้ามไปสามภพ
ตราบสรวงลบ .. สูรย์เลือน .. ดาวเคลื่อนหาย
รักจักคงเคียงอยู่ .. ไม่รู้คลาย
ทอดทอสายใยพัน .. อย่างมั่นคง
O เกินวิญญาณเมื่ออุบัติ .. อาจทัดทาน
หรือต่อต้านควบคุมความลุ่มหลง
แม้นจนเงื่อนเหตุกรรม .. เคยดำรง-
จัก .. ขาด-วง .. ด้วยซึ้งคำนึงนวล
O เลิศพิสุทธิ์ยุดย้ำ .. มาทำถ้อย
สำหรับร้อยเรียงความ .. ให้งามถ้วน
เปล่งความหมายหยัดอยู่อย่างคู่ควร
เพื่อรักหวน .. โชติช่วงกลางห้วงใจ !

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2014&date=25&group=11&gblog=526

add complete
by Klonthaiclub fb
ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
08 เมษายน 2014, 06:12:AM
Parichart
LV1 เด็กน้อยอ่านกลอน
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1



« ตอบ #11 เมื่อ: 08 เมษายน 2014, 06:12:AM »
ชุมชนชุมชน

ปวดขี้อ่ะ ปวดขี้อ่ะ ปวดขี้อ่ะ ปวดขี้อ่ะ
  laoya Island
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s