08 กุมภาพันธ์ 2014, 12:30:AM |
muneenoi
|
|
« เมื่อ: 08 กุมภาพันธ์ 2014, 12:30:AM » |
ชุมชน
|
เชิญติดตาม เรื่องราว แสนเศร้าซึ้ง กาลครั้งหนึ่ง พุทธองค์ ดำรงขันธ์ สาวัตถี เมืองใหญ่ ในครั้งนั้น เชตวัน อาราม อร่ามเรือง
มีธิดาเศรษฐีที่เลอโฉม ญาติประโลมรักษามาต่อเนื่อง จนย่างเข้าวัยรุ่นมิขุ่นเคือง หนุ่มทั้งเมืองหมายปองครองแก้วตา
พ่อหมั้นหมาย ชายเหมาะ เพราะหวงลูก หวังใจปลูก เรือนหอ ไว้รอท่า กำหนดฤกษ์ ดิถี วันวิวาห์ ปรารถนา หลานน้อย ไว้คอยชม
ฝ่ายลูกสาว คราวเคราะห์ จำเพาะรัก แอบสมัคร คบชาย หมายสู่สม อุปัฏฐาก ใกล้ชิด สนิทดม เมื่อรักขม วางแผน พาแฟนไป
เป็นนางทาส ปลอมตัว กลัวถูกจับ นัดชายรับ นอกเมือง เป็นเรื่องใหญ่ หนีตามกัน สุดเขต ประเทศไกล ชีวิตใหม่ ลำบาก จากผลกรรม
อยู่ไม่นาน ตั้งท้อง ต้องทนทุกข์ ครรภ์แก่สุก ใกล้คลอด นางพรอดพร่ำ เอ่ยวจี พี่จ๋า อย่าใจดำ ขอกลับลำ คืนบ้าน วานสามี
ฝ่ายชายกลัว ต้องทัณฑ์ มิหันกลับ หากถูกจับ โทษใหญ่ ไม่อาจหนี นางแอบกลับ คนเดียว เปลี่ยวฤดี ธรรมเนียมนี้ แต่ก่อน ต้องย้อนคืน
กลับมาคลอด ที่บ้าน ตำนานกล่าว ธรรมเนียมชาวมคธสลดฝืน นางซมซาน กลางป่า มาสะอื้น แฟนวิ่งตื่น ตามทัน วันอำลา
คลอดกลางทางพอดีมิต้องกลับ แฟนจึงรับ คืนเรือน เหมือนดังว่า อยู่ไม่นาน นวลน้อง ท้องอีกครา ปรารถนา คืนหลัง เหมือนดังเคย
หลบสามี อีกครั้ง เหมือนดังก่อน ถึงช่วงตอน สลด ตามบทเผย สามีตาม มาทัน พลันลงเอย ดังฟ้าเย้ย ร้องลั่น กลั่นพิรุณ
มหาเมฆ แผดเปรี้ยง เสียงสะท้าน เธอไหว้วาน สามี ที่เกื้อหนุน ปวดท้องคลอด คล้ายบาป หาบเป็นทุน วอนพ่อคุณ ช่วยทำ ที่กำบัง
สามีรีบ เข้าป่า หาตัดไม้ เจอพุ่มใหญ่ จอมปลวก สะดวกนั่ง จึงรีบตัด ทันใด ไม่ระวัง จนเผลอพลั้ง อดสู งูกัดตาย....
"มุนีน้อย"
(จะเป็นอย่างไรต่อ โปรดติดตามตอนต่อไป พรุ่งนี้...คืนนี้พอก่อน ยาวไปกลัวคนอ่านตาลาย ขอบคุณที่อ่านนะจ๊ะ... )
|
|
|
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตนาวดี, ~ขลุ่ยกันแสง~, รพีกาญจน์, panthong.kh, ชลนา ทิชากร, ดาว อาชาไนย, ♥ กานต์ฑิตา ♥, ไพร พนาวัลย์, พี.พูนสุข, D, ดอกกระเจียว, สมนึก นพ
ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
แต่งกลอนเพราะใจรัก หนักใจเพราะตัณหา เหว่ว้าเพราะฟุ้งซ่าน สำราญด้วยพระธรรม..
|
|
|
08 กุมภาพันธ์ 2014, 05:31:AM |
|
|
08 กุมภาพันธ์ 2014, 12:00:PM |
|
|
08 กุมภาพันธ์ 2014, 08:18:PM |
|
|
09 กุมภาพันธ์ 2014, 01:14:AM |
|
|
09 กุมภาพันธ์ 2014, 04:54:AM |
|
|
09 กุมภาพันธ์ 2014, 05:52:AM |
ศรีเปรื่อง
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2014, 05:52:AM » |
ชุมชน
|
ด้วยเป็นผู้ห่างสงฆ์...องคเจ้า ของมึนเมา...วางแนบ...แอบเขนย สุขนิยม...ปรือปรน...เสียจนเคย ฟังพระเผย...เทศนา...ก็หาอิน
ครั้งพอได้...เสพกวี...มุนีน้อย จิตกลับลอยตามกลอน...อักษรศิลป์ เสียดายแต่อ่อนด้อย...ถ้อยกวิน ร่วมร้อยริน ฤ มิสู้...ขอดูแทน
ศรีเปรื่อง ๙ ก.พ. ๒๕๕๗
|
|
|
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : D, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, muneenoi, panthong.kh, ดอกกระเจียว, ไพร พนาวัลย์, รัตนาวดี, ชลนา ทิชากร, สมนึก นพ, yaguza
ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
09 กุมภาพันธ์ 2014, 09:24:AM |
|
|
09 กุมภาพันธ์ 2014, 09:44:AM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2014, 09:44:AM » |
ชุมชน
|
จบนิทานชาดกอย่าโศกเศร้า หันมาฟังเรื่องเล่าอันแสนวุ่น ถึงเรื่องราวแต่นานของมหารุญ แกมีบูญหมอทำนายทายชะตา
ครั้นเติบใหญ่อายุสิบสามปี พ่อแม่แสนยินดีเป็นหนักหนา ส่งเข้าวััดบวชเรียนพระธรรมมา จบบาลีเป็นมหาในอาราม
อยู่ต่อมาเกิดปิ๊งสาวชาวข้างวัด เธอมาคอยปรนนิบัติแบกหาบหาม เทียวซื้อชา-กาแฟ ก๋วยเตี๋ยวชาม มหารุญหลงสาวงามสุดห้ามใจ
สาวจึงว่าสึกเถิดเณรมหา แล้วค่อยมาแต่งกันถ้าเณรไหว หนุ่มมหาหน้าแดงเรื่องอะไร ฉันทั้งดำทั้งใหญ่ไหวแน่นอน
ต่อมามหารุญก็ลักสึก พระทั้งวัดเห็นพิลึกหมายังหอน จึงทราบว่าสาวลวงเณรหมูตอน เทียวตามหาจนว่อนไปพบตัว
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
|
|
|
|
09 กุมภาพันธ์ 2014, 10:17:AM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2014, 10:17:AM » |
ชุมชน
|
กล่าวถึงเณรมหาผู้ชะตาตก รุ่มหลงคำโกหกแทบเสียหัว ไปหาสาวนาม"โจไห่เม่ย"ใจเมามัว เผชิญโลกอย่างหวาดกลัวระแวงใจ
บวชมาแล้วเจ็ดปีมีสตังค์แสนห้า หวังไว้ว่าจะแต่งสาวเพราะสู้ไหว ไปเช่าบ้านอยู่ที่นาคำไฮ แล้วเทียวมาเทียวไปหาสาวโจ
สาวก็อ้อนอยากได้นั่นอยากได้นี่ ฝ่ายเณมหาเรานี้ก็ให้แบบโส ทั้งสร้อยทอง สร้อยเงิน ชุดโก้ๆ ลิปสติกเป็นโหลๆแป้งสิบลัง
คบกันสามเดือนตังง์ร่อยหรอ มหารุญนั้นชักท้อเป็นกระหัง แล้้ววิมานวาดไว้รึมิพัง แต่ก็สูปิดบังสาวขวัญใจ
พาไปกินหูฉลามละหมื่น มหายังยิ้มชื่นมื่นตรูยังไหว ไปล่องแก่งล่องแพก็พาไป พาไปเที่ยวเชียงใหม่มิได้ตัว
เพราะความโง่ของมหานิจจาเอ๋ย อีกทั้งไม่รู้เลยการของผัว สาวให้ท่าเท่าไหร่มิต้องตัว "โจไห่เม่ย"ชักไม่ชัวร์ตีตัวไกล
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
|
|
|
|
09 กุมภาพันธ์ 2014, 11:07:AM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2014, 11:07:AM » |
ชุมชน
|
กล่าวถึง เจ้าอาวาส แลญาติมิตร เฝ้าตามติดข่าวคราวอย่างหวั่นไหว ถึงเณรมหาและการหายตัวไป ลงประกาศหวิทยุกันไว้มิรู้ความ
ฝ่ายมหาเมื่อตังค์หมดต้องอดอยาก สาวโจพาไปฝากทำงานแบกหาม เก็บเงินมานะพยายาม หวังได้คนงามสมดั่งใจ
วันหนึ่งมหาต้องผงะ เหมือนเณรอยากเตะพระโอ้ไฉน เมื่อไปหาสาวโจที่บ้านไกล พอเปิดประตูเข้าไปต้องตะลึง
พบสาวกำลังละเลงเพลงสวาท กับคู่ขาสุดฉกาจให้หวงหึง สองดารา เอ-วี ตกเตียงตึง เพราะทะลึ่งทำการมิลงกลอน
สาวโจว่ามาร่วมวงกันก็ได้ ฝ่ายไอ้หนุ่มก็ตอบใช่มิหลอกหลอน ภาพที่เห็นพามหาให้ร้าวรอน บอกขอลาขอจากจรทำไม่เป็น
กลับมาอยู่ห้องเช่าเศร้าใจจิต ให้หวนคิดกับภาพที่พบเห็น คนแก้ผ้าสองคนให้ลำเค็ญ อยากจะเตะกระเด็นให้ตกเตียง
คิดถึงวัด คิดถึงบาตรและปิ่นโต ตัวเรานี้เหมือนคนโง่สึกมาเสี่ยง- อันตรายความลำบากลำพังเพียง แล้วส่งเสียงร่ำไห้เสียง โฮๆ
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
|
|
|
|
09 กุมภาพันธ์ 2014, 06:47:PM |
|
|
10 กุมภาพันธ์ 2014, 11:55:AM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2014, 11:55:AM » |
ชุมชน
|
ต่อมามหารุณก็หนีหน้า ตัดขาดการคบหาเพราะแสนโง่ ฝ่ายสาวเจ้านามว่า"เม่ยไห่โจ" ยอมรับว่าเคยมีผัวแล้วเป็นโหลแต่ปิดบัง
มหารุณจำลาทั้งห้องเช่า ห้องโทรมๆเก่าๆอย่างสิ้นหวัง ลาจากงานแสนรันทดทั้งหมดตังค์ และไม่ยอมกลับหลังคืนวัดวา
สุดท้ายก็ไปเก็บผักบุ้งขาย กำละบาทแทบตาลายแสวงหา ก็ขายดิยขายดีเทน้ำเทท่า เช่าบ้านอยู่บ้านลุงมาผัวป้ามี
ขณะธุระกิจผักบุ้งเริ่มรุ่งโรจน์ ก็ถูกชาวตลาดเกรี้ยวโกรธแล้วขับหนี เพราะผักบุ้งปลอมปนสาร ดี-ดี-ที คนกินแล้วถ่ายขี้กันทั้งเมือง
ต่อมามหารุณถูกขับไล่ ก็จำดั้นด้นหนีไกลเพราะราวเรื่อง ย้ายไปอยู่อีกไกลถึงสามเมือง หนีความขัดเคืองของชาวชน
แสวงหาการงานเกือบเดือนจนถังแตก ชีวิตสลายแหลกลงอีกหน ค้างค่าเช่าค่าไฟจำใจทน ควักสตังค์คว้าค้นแทบหมดตัว
....
|
|
|
|
10 กุมภาพันธ์ 2014, 12:14:PM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2014, 12:14:PM » |
ชุมชน
|
สุดท้ายเหลือสตังค์อยู่ห้าสิบ ของตามร้านจะจับหยิบก็ส่ายหัว อีกค่าข้าว-ยาปวดหาย ละลายตัว ชีวิตเริ่มไม่ชัวร์ใกล้เอวัง
สุดท้ายแล้วห้าสิบบาทนั้นไปซื้อปี๊บ เขาขายใบละยี่สิบจึงสมหวัง อีกสิบบาทซื้อไม้คานได้งานดัง หาบน้ำตามเขาสั่งส่งบ้านเรือน
หาบหนึ่งสามบาทหาบยันค่ำ เก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำงานมีเกลื่อน ตั้งแต่หาบน้ำได้เกือบแปดเดือน เภทภัยมิมาเยือนเลยสักครา
จนวันหนึ่งเกิดเป็นไข้อีสุกอีใส เงินที่เก็บไว้เสียจ่ายค่ารักษา เกือบสองเดือนอีสุอีใสจึงโรยรา ก็กลับไปหาบน้ำตามประสาการหากิน
คว้าได้ปี๊บคู่ชีพขึ้นมาหาบ เหมือนดั่งบาปแสร้งเสให้สูญสิ้น ไม้คานหักปี๊บหลุดกระแทกตอเสียงได้ยิน "โผล๊ะ"ก้นทะลุออกปลิ้นทั้งสองพลัน
ตังค์ก็หมดปี๊บก็พังอนิจังอนิจจา มหารุณร้องอีกคราคิดหวนหัน กลับสำนักเก่าก่อนคืนพงศ์พันธ์ เดินเกือบร้อยกิโลฯยี่สิบวันจึงถึงเมือง
|
|
|
|
11 กุมภาพันธ์ 2014, 05:38:AM |
|
|
11 กุมภาพันธ์ 2014, 10:31:AM |
ดอกกระเจียว
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 11 กุมภาพันธ์ 2014, 10:31:AM » |
ชุมชน
|
ตอนอวสาน...
ยี่สิบวันนั้นน้ำไม่ยอมอาบ ผมหยิกเหยิงไคลคราบจนคางเหลือง ตอนแรกเดินต่อมาคลานจะเข้าเมือง หิวโซไม่รู้เรื่องถึงวัดวา
ยี่สิบวันอาศัยยอดกระถิน ลูกมะกอกพุทรากินยามแรงล้า ประทังชีวิตเพราะหมดตังค์อนิจา สุดท้ายก็ถึงวัดวาหาอาจารย์
อาจารย์นั้นหรือแกชื่อหลวงตาจันทร์ เก่งเวทมนตร์ระดับขั้นจตุมาพรช้างสาน เห็นมหาก็ให้คิดว่าพวกขอทาน ถูกผีเข้าซมซานมากุฎี
แกก็คว้าขันลงมนตร์ไม่รีรอ สาดพรวดเลยหนอเพื่อไล่ผี ฝ่ายมหาผู้มอมแมมร้องทันที ฟังคล้ายๆกับเสียงผีมันโอดครวญ
หลวงตาจันทร์ก็เสกมนตร์ลงคาถา ตักน้ำใส่อีกขันมาอย่างเสสรวล พลางว่าอ้ายผีร้ายไยเรรวน ไม่รีบขึ้นรถด่วนแล้วจากลา
ว่าแล้วก็สาดพรวดไปอีกหน แต่หยาดน้ำขลังกว่าน้ำมนตร์โดนมหา ชะล้างความมอมแมมให้หลวงตา แกจำได้ถึงเค้าหน้าว่าคือใคร
....
|
|
|
|
11 กุมภาพันธ์ 2014, 10:58:AM |
|
|
11 กุมภาพันธ์ 2014, 03:50:PM |
|
|
|