อยากเล่าให้ฟัง...
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 พฤศจิกายน 2024, 08:49:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อยากเล่าให้ฟัง...  (อ่าน 2888 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
26 ตุลาคม 2013, 11:42:PM
พิมพ์วาส
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 422
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 806


Pretending is the beginning of changes.


profile.php?id=100002905344846
« เมื่อ: 26 ตุลาคม 2013, 11:42:PM »
ชุมชนชุมชน

-ขอเล่าให้ฟัง-

เฟ้นเค้นคำรำพันแสนตันตีบ
ดุจลูกโป่งแฟบฟีบไร้ลมเป่า
แสนห่วงหาอาลัยเมื่อวัยเยาว์
นั่งจับเจ่าซุกหน้าลับอารมณ์

สิบปีก่อนตอนเล็กยังเด็กอยู่
       
บานประตูความสุขโชนลุกบ่ม
มีเด็กชายผายยิ้มพริ้มหน้ากลม
กับคันร่มสีฟ้าใต้ชายคา
รอสายฝนหล่นเพราะดังเปาะแปะ
นั่งลงแหมะคอยรอน้ำคลอขา
ทั้งยื่นมือปัดป่ายสบายชีวา
ไร้ห่วงหากังวลวันฝนพรำ
มือน้อยน้อยค่อยจับพับกระดาษ
ดินสอวาดสีเติมเพิ่ม, สุขฉ่ำ
แล้วก็ทิ้งเรือน้อยปล่อยลอยลำ
ให้ฝนนำลอยผ่านสายธารไป
เล่นสนุกซนเข้าจนเฉาเหนื่อย
นั่งพักเมื่อยใต้ชานมองธารไหล
เรือลำน้อยลอยลำลับลาไกล
จนสุดสายตาไหนมองจ้องทัน
ฝนเริ่มซาฟ้าเปิดก่อเกิดรุ้ง
เจ็ดสีปรุงงามเลิศแลเฉิดฉัน
นั่งยิ้มกริ่มอิ่มใจสุขไขพลัน
หัวเราะลั่นเริงร่า...ไร้ปร่าทรวง

นั่งซมเซาเจ่าจุกเกินลุกขึ้น
ร่างบึกบึนหมดแรงไร้โน้มถ่วง
ฝนซาเรื่องเล่าจบพบความทั้งปวง
ที่หนักหน่วงใจตัดฉับพัดแรม
แดดทอดทอก่อแจ้งแสงสุดท้าย
น้ำตาพรายรินรดหยดลงแก้ม
ท้องฟ้าเปิดเฉิดรุ้งงามปรุงแซม
ดาราแวมวับรอต่อเปลี่ยนดุลย์
เงยหน้ามองจ้องถึงหนึ่งวันเก่า
แม้ซมเซายังมีเรื่องดีหมุน
จับสัมผัสหยดฝนตนเคยคุ้น
พอเจือจุนหัวใจวันไร้กำลัง...

เด็กคนเก่าคนเดิมค่อยเริ่มยิ้ม
ดวงหน้าพริ้มภาพเก่าเติมเพิ่มความหวัง
เมื่อเมฆผ่านฝนซาแดดจ้ารั้ง
รุ้งทอดตั้งเจ็ดสีพลีแสงเลย


ป.ล. เขียนกลอนได้อย่างนี้แสดงว่าแก่แล้ว ฮะฮ่า...

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : อริญชย์, ไพร พนาวัลย์, รพีกาญจน์, Prapacarn ❀, สุวรรณ, พี.พูนสุข, ไม่รู้ใจ, Shumbala, ชลนา ทิชากร, panthong.kh, ศรีเปรื่อง

ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความผกผันของเวลา  เฉือนเจตนาของอารมณ์
27 ตุลาคม 2013, 06:52:AM
Prapacarn ❀
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1148
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,439


♥ แกร่งกล้า..ประภาคาร.. ตระหง่านตั้ง.. ณ ฝั่งคอย ♥


« ตอบ #1 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2013, 06:52:AM »
ชุมชนชุมชน


พายเรือน้อยลอยล่องสองฝั่งทุ่ง
แดดทอรุ้งหลังฝนปนหมอกเหมย
นั่งยงโย่ยงหยก ชนกก..เกย
หัวเรือเสยข้างตลิ่ง..กิ่งไผ่ตำ

ท่ามราวฟ้ารุ้งทอต่อขอบโค้ง
ดั่งเชื่อมโยง เธอ-ฉัน..วันฝนฉ่ำ
ฝันเตลิดเปิดเปิงเริงลำนำ
เรือพลิกคว่ำล่มลงท่ามคงคา

ตะเกียกตะกายเข้าฝั่ง..นั่งตัวสั่น
โอ้ตัวฉันอับอายขายขี้หน้า
มะล่อกมะแล่ก..หัวหู ดูน่าเวทนา
คนปลายฟ้าเขินสุดสุดแทบมุดดิน

• แซม •



น้องพิมเล่าเก่ง..พี่แซมเล่ามั่ง... แต่ไม่บอกหรอก ว่าใคร
( ปล. เขียนกลอนได้อย่างนี้... อืม..ม..ม.. แสดงว่า ยังไม่แก่.. )  ขำแบบกระแดะหน่อยๆ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ไพร พนาวัลย์, สุวรรณ, พิมพ์วาส, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, ไม่รู้ใจ, Shumbala, ชลนา ทิชากร, panthong.kh, ศรีเปรื่อง, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Take my love, take my land
Take me where I cannot stand
I don't care, I'm still free
You can't take the sky from me..
27 ตุลาคม 2013, 08:16:AM
สุวรรณ
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 565
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,487


หวังทุกชีวิต สถิตไว้แต่สิ่งดี


« ตอบ #2 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2013, 08:16:AM »
ชุมชนชุมชน


ขอบพระคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เนตค่ะ

ทอดสายตามองผ่านคอมพิวเตอร์
ยุคสมัยเทคโนฯเกร่อ เบือนเบลอศิลป์
ในวันฝนพรำสาย ได้ไหลริน-
ภาพของคนคุ้นชินดินกับน้ำ

ก่อนโน้นตามแม่เก็บสายบัวไปขาย
ตั้งอยู่ท้ายตลาด กระจาดคว่ำ
มีผู้ใหญ่ใจดีรีบกอบกำ
สายบัวนำตั้งใหม่แล้วเหมาไป

ทำให้เราขายผักได้ในวันนั้น-
หมดแต่วัน แล้วจัดหาผักวันใหม่
นำความสุขสู่แม่ผู้แก่วัย
และความสุขสดใสสู่พวกเรา

หลับตาอยากจับภาพของวันก่อน
ตัว,เสื้อผ้าเปียกปอนของแม่เฒ่า
ไม่มีแล้วกระจาด ผู้กล่อมเกลา-
ที่เลี้ยงดูคนอ่อนเยาว์ให้เติบโต

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ไพร พนาวัลย์, พิมพ์วาส, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, ไม่รู้ใจ, Shumbala, ชลนา ทิชากร, panthong.kh, ศรีเปรื่อง, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
28 ตุลาคม 2013, 03:55:AM
ศรีเปรื่อง
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 220
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 371


ข้าพเจ้าเพียงใช้บทกวี...เพื่อหย่อนฤดี


« ตอบ #3 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2013, 03:55:AM »
ชุมชนชุมชน

อดีตแค้น...แสนหดหู่

เมื่อกาลก่อนตอนประถมผมนั้นอยู่
ดินแดนภูธรนัก...ไกลอักโข
อันของเล่น ฤ ก็ไร้...ไม่ไฮโซ
แต่โอ้โห! เราสุขสนุกจริง

วันเสาร์หนึ่ง...เพลาคราบ่ายบ่าย
เด็กทั้งหลายต่างก็พากันมาวิ่ง
ที่ลานวัด, วุ่นวาย...คล้ายลูกลิง
ทั้งเด็กหญิง...เด็กชาย...อ๊าย! เด็กเทย

เล่นบัก"อี่","ลี่" ซ่อนหา, กากิ๊โหลก
เหงื่อไหลโซกเหม็นสบัด...จน ฮัดเช่ย!
ทั้ง "จิกเส้น" "บั้งโผ" โก้จุงเบย
ยิ้มเป้ยเป้ย...หัวเราะร่วน...กระสรวลใจ

ประจวบจนสายัณห์ตะวันล้า
ก่อนจะคลากลับบ้าน...สะท้านไหว
เสีย "ตุ๊กตุ่น"...หมดกระเป๋า...เศร้าหทัย
ตาเป็นไฟแค้นกลุ้มสุมกมล

มี "ตุ๊กตุ่น" สีเนื้อ เหลือตัวหนึ่ง
ก็รีบบึ่งทันใดนำไปฝน
กับซีเมนต์...เน้นเน้น...เค้นเสียจน
หลังมันร่น...แบนเรียบ...อืมม! เฉียบดี

เสาะรอบบ้านกระทั่งได้สายไฟเก่า
แกะทองแดงเร็วเข้าเอามานี่
พันรอบแขน, ขา, คอ ไม่รอรี
เป็น "อีตี" ตัวฉกาจ...ปราศริปู

ครั้นรุ่งเช้าวันอาทิตย์มิอิดออด
คระไลดอดฝึกโหมท่าโจมจู่
ก่อนที่จักห้ำหั่นฟันศัตรู
เซียน ฤ หมู...เดี๋ยวตระหนักประจักษ์กัน

ลมเย็นเย็น...โชยมา...พาให้ง่วง
แต่ก็ห่วงกังวลการรณนั่น
เฝ้าศาลาตาถลึงเกือบครึ่งวัน
มิอาจกลั่น...ผล็อยหลับ...พับกายา

สะดุ้งลุกจากเสื่อ...เมื่อพลบมืด
หายใจฟืดฟาดดัง...คลั่งโทสา
หันเหลียวมองรอบตัวทั่วศาลา
เห็นเพียงหมาไอ้ดำ...ให้ช้ำทรวง

ศรีเปรื่อง
๒๘ ต.ค. ๒๕๕๖

ปล.

อธิบายศัพท์อีสาน

บักอี่ = เกมตี่จับ (ในที่นี้ "บัก" จะสื่อถึง "เกมการละเล่น" ไม่ได้สื่อถึง "คน" นะจ๊ะ)
(บัก) ลี่ = เกมซ่อนหา
กากิ๊โหลก = เกมวาดรูปตารางบนพื้น โยนหินให้ลงช่องตามลำดับ แล้วก็เขย่งเท้ากระโดดไปเก็บลูกหิน
                (ประมาณนี้ 555 แทบจะลืมวิธีเล่นไปแล้ว)
จิกเส้น = ทอยเส้น (เกมโยนตัวการ์ตูนพลาสติกให้ใกล้เส้น ใครใกล้กว่า ชนะ)
บั้งโผ = ของเล่นเด็กผู้ชาย ทำด้วยไม้ไผ่ เอาเศษกระดาษผสมน้ำมาอัดใส่ แล้วก็ตำ จากนั้นก็ยิง มีเสียงดัง "โผละ"
ตุ๊กตุ่น = ตัวการ์ตูนพลาสติก ส่วนใหญ่แถมมาในขนม
อีตี = ตัวการ์ตูนพลาสติก ที่ปรับปรุงด้วยสูตรพิเศษเฉพาะตัว ให้มีน้ำหนักเหมาะมือ และไม่กระเด้งกระดอนตอนโยน
        "อีตี" มักมีอยู่หลายตัวตามสภาพสนามประลอง เช่น ดินทราย หรือ พื้นคอนกรีต

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : อริญชย์, รพีกาญจน์, พิมพ์วาส, ไพร พนาวัลย์, ชลนา ทิชากร

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s