นานเท่าไหร่แล้ว
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 พฤศจิกายน 2024, 01:01:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: นานเท่าไหร่แล้ว  (อ่าน 5104 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
14 กันยายน 2013, 08:13:PM
ลิขิตฟ้า
LV1 เด็กน้อยอ่านกลอน
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3


ความรักคือบทกวี บทกวีคือความรัก


« เมื่อ: 14 กันยายน 2013, 08:13:PM »
ชุมชนชุมชน

นานเท่าไหร่แล้ว....

นานเท่าไหร่แล้ว ไม่อาจรู้ได้เลย
 นับจากวินาทีที่ฉันต้องเสียเธอไปนาฬิกาของฉันเหมือนหยุดเดินนับแต่วินาทีนั้น
 สัมผัสการรับรู้ของหัวใจเลือนหายไป นัยน์ตาฉันมืดบอดมองเห็นแต่ความมืดมน
 ราวกับว่าฉันยืนอยู่บนโลกที่ไร้ซึ่งดวงอาทิตย์ ไร้ซึ่งแสงจันทร์ไม่มีแล้วทิวาหรือราตรี
ปัจจุบันขณะนี้ฉันมีเพียงอดีตเป็นเพื่อนปลอบใจในยามเศร้ายามเหงา ยามทุกข์ท้อทรมาน
 ภาพเธออยู่ในทุกๆความคิด ใบหน้าท่าทาง รอยยิ้มเสียงหัวเราะยังดังกังวานไม่เคยขาด
 จู่ๆฉันก็น้ำตาคลอ ใบหน้ากลับเปื้อนยิ้ม ความทรงจำของเราที่ฉันได้กักเก็บมันไว้ในมุมของฉัน
 เป็นความทรงจำที่มีแต่เธอเสมอ
     
สุดที่รัก นานเท่าไหร่แล้วกับการไม่มีเธอ
 กับความหลังของเราที่ฉันไม่อาจลืมเลือนต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน
 ทำไมถึงลงเอยอย่างนี้ได้ เกิดคำถามขึ้นมามากมายให้ฉันคอยหาคำตอบมานานหลายปี
 บางครั้งฉันก็รู้สึกเบื่อและเหนื่อย ฉันพยายามรักษาแผลใจอันเจ็บปวดรวดร้าว
 ด้วยการทำสิ่งต่างๆในแต่ละวัน เลิกคิด เลิกพูด เลิกทำ
ในสิ่งที่ตอกย้ำซ้ำเติม เพิ่มความระลึกถึงเธอ
        
แม้ในตอนนี้ฉันยังไม่สามารถตอบตัวเองเองได้ว่า
 เลิกตรอมใจจากการพลัดพรากดวงใจอันเป็นที่รักได้แล้ว
ทว่าฉันก็สามารถยอมรับความจริง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเราได้บ้าง
  อีกไม่นานทุกอย่างคงจะเคลื่อนผ่านไป นานเท่าไรแล้วฉันไม่เคยจำ
ความสำคัญคือ เมื่อฉันลืมเธอ เวลาก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป

ลิขิตฟ้า

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : panthong.kh, ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์, รัตนาวดี, สุวรรณ, เพรางาย, ...สียะตรา.., ตรีประภัสร์ โสม, อริญชย์

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

"ลิขิตฟ้า หรือจะสู้ มานะตน"
15 พฤศจิกายน 2013, 01:27:PM
เทโพ
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 58
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 130



« ตอบ #1 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2013, 01:27:PM »
ชุมชนชุมชน

นานแล้วที่ผมไม่ได้ใส่รองเท้า....
....รองเท้าพรากฝ่าตีนผมออกจากแผ่นดินโลก ที่จริงตีนผมก็ไม่ได้เหมาะกับทุกสถานะหรอกครับ เวลาไม่ใส่รองเท้าตีนผมเดินไปได้แค่บางพื้นที่ ..หรือว่าวิวัฒนาการจากบรรพชนผม เปลี่ยนให้คนทั้งโลก มีฝ่าตีนที่บางกว่าหมา(แต่ผมอาจมีใบหน้าที่หนากว่าควาย)....
....ชีวิตเหนือฝ่าตีนเป็นชีวิตที่ชอบแสวงหา ..หน้าผมไม่ได้หล่ออะไร แต่ใจผมแม่งไม่เคยอยู่นิ่งๆมาก่อนเลย ..ก็ใจนี่แหละที่บังคับให้ตีนผมไม่เคยหยุดเดิน.. ..ที่จริงผมว่าผมไม่ได้ใช้ตีนเดิน ผมใช้ใจเดินมากกว่า....
....ผมตัดสินใจ "ไม่ใส่รองเท้า" มาตั้งแต่สี่ปีก่อน ผมแค่อยากลองดูว่า เวลาเดินตีนเปล่า มันจะเดินได้ไกลสักแค่ไหน.. ..แล้วผมก็เริ่มเดินทาง....
....ผมเที่ยวประเทศไทยโดยลำพังทุกครั้ง ..เหนือก็เคยไป ใต้ก็เคยมา....
....จนกระทั่งตีน พาตัวผมไปเจอกับนางฟ้า.... เธอเป็นช่างถ่ายภาพที่สตูดิโอเล็กๆที่พังงา ..ผมว่าเธอถ่ายภาพสวย ..แต่พอผมกลับมามองในสายตาเธอ ภาพที่เธอถ่ายก็กลายเป็นความงามระดับขี้ตีนไปเลย....ใบหน้าเธองามอย่างที่ไม่มีอักษรใดบรรยายครบ สายตาเหมือนจะหยดลงท่วมทั้งโลก....เธอน่ารัก ขี้เล่น ..และไม่รังเกียจที่ผมเดินตีนเปล่า....
....ผมว่าผมรักเธอ....
ความรักคืออะไรกันหนอ ..เวลารัก ตีนผมจะไม่รู้ตัวว่ามันกำลังเดินไปที่ไหน มันรู้แค่ว่าเดินอยู่กับใครเท่านั้น....
เธอถามผมว่า ทำไมไม่ใส่รองเท้า ..ผมแค่บอกเธอว่า "ผมอยากเหยียบโลกของผมด้วยตีนตัวเอง ไม่ใช่เหยียบผ่านแผ่นยาง"..
..เธอคงชอบผมที่ประโยคนั้น....แม้เธอจะไม่รังเกียจที่ผมไม่ใส่รองเท้า แต่เธอยังเรียกร้องให้ผมใส่รองเท้าเสียที คนอื่นเห็นจะมองไม่ดีเอา.... ผมสัญญากับเธอว่า "แต่งงานกันเมื่อไหร่ ใส่ชัวร์" เธอหัวเราะ....
....ความรักคืออะไรหนอ....เรารักกันนานเหมือนนิรันดร์..กำหนดแต่งงานเป็นวันจันทร์ก่อน ..ที่จริงเราน่าจะได้แต่งงานกันมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว ..ตอนนี้ผมน่าจะได้ใส่รองเท้าแล้ว....
....แต่โลกเรามักกวนตีนเสมอ..
ผมเสือกติดเชื้อที่ส้นตีนขวา ต้องตัดขาทิ้ง ..ตั้งนานก็ไม่มีวี่แวว ต้องมาตัดขาวันแต่งงานตัวเอง....
....ที่น่าเสียดายคือ ....ผมยังไม่มีโอกาสได้ใส่รองเท้าเลย!
ที่รักของผมก็อยู่ที่ห้องผ่าตัด..เธอร้องไห้....เธอบอกว่าเธอไม่รังเกียจที่ผมต้องตัดเท้าไป กลายเป็นพิการ และจะยังคงแต่งกับผมเมื่อผมออกจากโรง'บาล.... นี่ผมประทับใจเลย....
ที่จริงผมก็เศร้านะ ..ตีนที่อยู่กันมาตั้งนานนม ไปไหนมาไหนด้วยกัน วันนี้ต้องมาโดนตัดทิ้ง....
....ผมถามเธอไปด้วยรอยยิ้มกวนๆ "นี่เธอร้องไห้ทำส้นตีนอะไรครับ๕๕"....
..เธอเกือบยิ้มได้แล้วเชียว.... แต่ก็ร้องไห้ต่อ ..ผมไม่รู้จะทำไงดี....แค่อยากให้เธอยิ้ม....
..ในคราบน้ำตา เธอถามผม "แล้วนพไม่เสียดายเหรอ เท้าของนพจะพาไปไหนต่อไหนไม่ได้อีกแล้วนะ?".... เธอขอบตาแดงก่ำ....
....ผมมองตาคู่งามของเธอที่กำลังเปียกน้ำตา....
"ก็แค่สบายขึ้น..ไม่ต้องเดินเอง มีคนเดินให้ไง"
....เธอยิ้มออกแล้ว....
....ผมว่าผมยอมขาขาด แต่มีคนมาคอยเดินข้างๆทุกๆที่ ดีกว่าที่ขาครบ แต่ต้องเดินอยู่คนเดียว....
..
....ทุกวันนี้ผมไม่ได้ใส่รองเท้าอีก....และไม่ว่ารองเท้าหรือแม้แต่ตีนผมก็ไม่สามารถพรากผมจากแผ่นดินโลกนี้ได้อีกแล้ว....
..
..
..
อิสระที่แท้จริงคืออะไรหนอ.... การไม่ใส่รองเท้า.... การท่องเที่ยวคนเดียว....
....
หรือแท้จริงมันเป็นเพียงการที่ลืมพื้นที่โลกไป....แล้วใช้ใจเดินไปกับคนที่เรารักแทน..ผมว่ามันเดินได้ไกลกว่าใช้ตีนแน่นอน.... ....ใช่ครับ ผมเห็นเธอยิ้มออกแล้ว....

..เทโพ..

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : อริญชย์, รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
15 พฤศจิกายน 2013, 04:01:PM
เทโพ
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 58
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 130



« ตอบ #2 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2013, 04:01:PM »
ชุมชนชุมชน

มีตำนานเกี่ยวกับเทพเจ้าแห่งความสุขแฝงตัวอยู่ในหุบเขาอันไกลโพ้น
พระราชาผู้หนึ่งได้ยินตำนานนี้ ถึงกับสั่งให้ทหารของพระองค์เดินทางไปเชิญเทพเจ้าองค์นี้มา
ทหารของพระองค์สืบเสาะไปทุกขุนเขา
กลับไม่พบแม้แต่เงาของผู้ที่มีทีท่าว่าจะเป็นเทพเจ้าแห่งความสุขสักคนเดียว
เวลาผ่านไปสิบปี
ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบเทพเจ้าเลย
พระราชาทรงกริ้วมาก
รับสั่งให้คนในวังออกไปให้หมด
พระองค์กริ้วถึงที่สุดและไม่อยากพูดอะไรกับใครทั้งสิ้น
.
.
ผ่านไปสิบวันกับการอยู่คนเดียว
..และแล้วก็มีข่าวจามทหารคนสนิทว่า
เทพเจ้าแห่งความสุขปรากฏตัวแล้ว
บริเวนภูเขาหลังราชวังนั่นเอง
ได้ยินดังนั้นพระองค์จึงรีบแต่งพระวรกาย
เดินทางไปยังภูเขาหลังวัง
พระองค์ไม่เคยเดินทางไปภูเขานี้เลย แม้จะอยู่ใกล้วัง
การเดินทางเพียงคนเดียวช่างยากเย็น
รู้ดังนั้น
พระองค์ทรงเรียกคนสนิททั้งหลาย ญาติมิตร และชาววังที่เคยอยู่ร่วมกันมาร่วมเดินทางด้วย
มีอะไรจะได้ช่วยกันได้
..
เวลาผ่านไป
..เวลามักผ่านไปเสมอ
..
..
สิบวัน..
พระองค์ก็ยังไม่ทรงเจอเทพเจ้าแต่อย่างใดเลย
ทว่า การเดินทางร่วมกับคนที่พระองค์รัก
ช่วยขจัดความทุกข์ของการอยู่คนเดียวไม่น้อย
..
ทหารคนสนิทวิ่งมารายงานพระราชาว่า
เทพเจ้าแห่งความสุขมารอพระองค์ที่พระราชวังเรียบร้อยแล้ว
ด้วยความปีติ พระองค์ พร้อมทั้งบรรดาผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ตามพระองค์กลับสู่พระราชวัง
..
แต่เทพเจ้าแห่งความสุขไม่อาจรอใครนานๆได้
แม้แต่พระราชา ก็ไม่อาจรอได้
เทพเจ้ากลับไปแล้ว
ทิ้งไว้เพียงกระจกบานใหญ่บานหนึ่ง
พร้อมกับจดหมายฉบับหนึ่ง
ใจความว่า
"จากเทพเจ้าแห่งความสุข ถึง พระราชา
ข้าพอจ้าทิ้งกระจกไว้ให้ื่านหนึ่งบาน
ต้องการบอกท่านว่า
คนที่อยู่ในกระจกนั้นเอง แท้จริงคือผู้สรร้างความสุข ไม่ใช่ข้า"
พระราชาหันพระพักตร์ไปมองกระจกอีกครั้ง
เป็นกระจกเงา
พบเพียงพระองค์เองที่ยืนจ้องตอบอยู่ในกระจก
พลันพระองค์ก็เข้าใจ
ความสุขของคนหาได้อยู่ที่ภายนอกไม่
แต่ความสุขเกิดจากภายใน
เกิดขึ้นต่อเมื่อเราอยู่กับคนที่เรารัก
ใช้เวลาร่วมกับคนที่เรารักให้นานพอ
..
เทพเจ้าแห่งความสุขไม่ใช่ใครอื่น
ก็คนรอบข้างของคุณนั่นแหละ..
..

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : อริญชย์, รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s