ต่อไป »

[บุคคลทั่วไป]

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)

[เพรางาย]

เมฆย้อยฝนหยาดปาดใบพฤกษ์
ล้างแล้งร้อนลึกระดมไล่
ปลุกหอมฟื้นหญ้ามาลัยไพร
เขียวห่มร่มใบรื่นเริงรำ

ชูใจชุ่มชื่นขืนแข็งสู้
ฤดูหมุนเวียนเปลี่ยนวันค่ำ
ใจตกยกแต่งแปลงประจำ
คำซ้ำคอยปลอบ...ขอบคุณนัก


 

[panthong.kh]

เมฆน้อย ลอยเคลื่อน เกลื่อนท้องฟ้า
เกาะกลุ่ม เมฆา ผวาหนัก
ฤดู ฝนฉ่ำ ย้ำเตือนนัก
หน้าปัก ดำหว่าน งานจำเป็น

ลูกนก หลบฝน ซ้นกันสาด
อนาถ พลาดพลั้ง ดังที่เห็น
หนาวสั่น งันงก ตกกระเด็น
เหลือบเร้น เห็นอยู่ อดสูใจ
พันทอง
 

[D]

ชาวนา มาเห็น นกเป็นหวัด
รีบผัด แพนง พริกแกงใส่
เกรงนก เนื้อเน่า ต้องเข้าใจ
ยกไป ให้วง ก๊งสุรา

เหนื่อยเหน็ด เสร็จงาน หว่านดำไถ
เฝ้าไห ยาดอง ร้องรำท่า
เซิ้งแหล่ หมอลำ ย่ำสกา
ชะ,ชะช่า สุดชอบ ขอบคุณนก

"ดิน"

[choy]

เมฆย้อยฝนหยาดปาดใบพฤกษ์
ล้างแล้งร้อนลึกระดมไล่
ปลุกหอมฟื้นหญ้ามาลัยไพร
เขียวห่มร่มใบรื่นเริงรำ

ชูใจชุ่มชื่นขืนแข็งสู้
ฤดูหมุนเวียนเปลี่ยนวันค่ำ
ใจตกยกแต่งแปลงประจำ
คำซ้ำคอยปลอบ...ขอบคุณนัก


 

(อ้างหรือยัง)

ริมขอบคืนต่อขอบพรุ่งวันใหม่
(ในม่านฝนคลี่สยายห่มใยอรุณ)

๑.
นวลโสมทอใยเย็น ณ แย้มรุ่ง
ใยเมฆสลัวฟายฟุ้งป้ายยวงฟ้า
ใยฝนเค้า, คลี่ห่ม-ปวงดาริกา
เพ็ญนวลโสม, ใกล้อำลา-ใยราตรี
๒.
เจื้อยแจ้วไก่ขานแจ้งบอกวารย่ำ
ระงมงำกะปูดกาเหว่าขานอึงมี่
เขาชวา-กวักทุ่ง, ขานขับมโหรี
นาฬิกาชีวีขานปลุก-เข็มชีวา
๓.
แสงแรกสูรย์แย้มร่ายม่านเช้าใหม่
โสมทอลำ-สุดท้าย, พราวม่านฟ้า
เรื่ออรุณถักม่านพร่างนภา
โสมจำลา, สูรย์ร่าย-คลี่ม่านตรึง
๔.
ลำสูรย์ร่ายต่อโสมแสงริมแย้มรุ่ง
ลำพรึกพรุ่ง, ย้ำแจ้ง-ร่ายมาถึง
ลำสุรีย์-ทอขอบเช้า, ร่ายม่านรึง
ลำหมอกขึงร่ายรุ้งม่านหมอกลำ
๕.
ริมไรรุ่งชื่นละเมียดไหมหมอกเช้า
พร่ำจิบดื่มพราวหมอกละเลียดฉ่ำ
ละไมหมอก, อ้อยสร้อยอิ่ง-ร่ายรำ
แสงแรกระบำ, ล้อหมอกเช้า-ไหวละมุน
๖.
สูรย์รวงรุ่งล้อชื่นรวงโสมเช้า
ย้อยหมอกรวงแหย่เย้ารวงโสมสูรย์
น้ำค้างรวงพร่างพรายล้อรวงอรุณ
รวงหทัยกรุ่น, ชุบรื่นรวงชีวัน
๗.
ริมขอบโสม-ต่อขอบสูรย์, วับพรุ่ง
ริมขอบรุ่ง-ต่อขอบเช้า, แวบผัน
ริมขอบคืน-ต่อขอบวัน, พริบพลัน
ริมขอบฝัน-ต่อขอบจริง, วูบวาย
๘.
ใยสูรย์แจ้งโลมเล้าใยฝนฉ่ำ
โปรยร่ำไร, หมอกม่าน-ใยร่วงสลาย
สลัวแสงแรก, ทะมึนฟ้า-ใยมืดกราย
ใยฝนปรายคลี่สยายปรกม่านอรุณ
๙.
ริมขอบคืนต่อขอบพรุ่งวันใหม่
ในม่านฝนคลี่สยายห่มใยอรุณฯ

***อ่านยากนิดหน่อย เพราะเป็นบทกวีที่เขียนขึ้นเพื่อเป็นโจทย์ข้อสอบสำหรับนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่ง (ปริญญาตรี) แต่ที่นำมาโพสต์นี้ได้แก้ไขปรับปรุงในหลายจุด

สนอง เสาทอง

[ดาว อาชาไนย]

เมฆย้อยฝนหยาดปาดใบพฤกษ์
ล้างแล้งร้อนลึกระดมไล่
ปลุกหอมฟื้นหญ้ามาลัยไพร
เขียวห่มร่มใบรื่นเริงรำ

ชูใจชุ่มชื่นขืนแข็งสู้
ฤดูหมุนเวียนเปลี่ยนวันค่ำ
ใจตกยกแต่งแปลงประจำ
คำซ้ำคอยปลอบ...ขอบคุณนัก


 

ฝนตกไม่หยุดเลยหงุดหงิด
รถติดต้องทนจนกระอัก
น้ำท่วมถนน,บนที่พัก
ทะลักท่วมห้องนองต้องเช็ด

ท้องนาท้องไร่ตกไปเถิด
จะเกิดประโยชน์โภชน์ผลเผล็ด
ได้ไถได้ปลูกข้าวทุกเม็ด
สำเร็จผลมากหากฝนชุก

คนอยู่ในกรุงไม่มุ่งหมาย
ถูกสายฝนใส่ไม่สนุก
เมฆดำคลุ้มมาพาให้ทุกข์
เจ่าจุกแช่งมอบแทนขอบคุณ

ดาว อาชาไนย

[เนิน จำราย]

โหยหาว้าเหว่ฝนเทฟ้า 
น้ำมาโปรยดินไม่สิ้นรัก
มะลิอยากตัดพ้อก็ได้พัก 
ฟูมฟักตกแต่งแขนงตา

อิดเอื้อนเยือนวสันต์ชื่นวันใส   
บ่มใบเตรียมดอกออกวันหน้า
กลีบซ้อนอ้อนช่อล้อกลีบลา   
ชายคาหอมห่มประสมปราง

ชื่นขวัญครั้นพบประสบพักตร์   
นานนักริมระเบียงเคยเคียงข้าง
ซึ้งแล้วห่อนสิ้นฤๅกลิ่นนาง           
คงค้างคาอยู่ไม่รู้คลาย

เนิน จำราย