~~ หยุดรัก ~~
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
05 พฤศจิกายน 2024, 07:15:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ~~ หยุดรัก ~~  (อ่าน 3759 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
11 กุมภาพันธ์ 2013, 03:02:PM
Moo Dum
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 142
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 247


ขอบคุณรูปจาก internet


« เมื่อ: 11 กุมภาพันธ์ 2013, 03:02:PM »
ชุมชนชุมชน



หยุดก่อนหนา  น้ำตา  อย่าเพิ่งหยด
ใครกำหนด  บทว่า  น้ำตาไหล
เป็นหยดย้อย  ร้อยร่วง  ล้นทรวงใน
จากดวงใจ  ไห้ร่วง  ผ่านดวงตา

หยุดเถิดห้วง  ดวงใจ  อย่าได้ช้ำ
เป็นรอยซ้ำ  ย้ำหนัก  รักของข้า
กรีดเป็นแผล  แล่เนื้อ  เอาเกลือทา
เจ็บจนชา  สาหัส  อุบัติตรม

หยุดสมอง  ร้องถาม  หยุดความคิด
เคยแนบชิด  ปิดไป  หักใจข่ม
คอยคิดหวน  ครวญหา  คราชื่นชม
ทุกข์ระทม  จมนอง  ครองน้ำตา

หยุดไออุ่น  กรุ่นอวล  นวลเคยโอบ
เพียงฉาบโฉบ  โลภหลง  ดงตัณหา
หมดไออบ  จบลง  คงร้างลา
ปล่อยชีวา  อาลัย  ไร้ไออวล

หยุดคำหวาน  ผ่านชม  ด้วยลมปาก
คำหวานหลาก  ฝากลม  พรมหวานถ้วน
หวานเยิ้มหยด  รดหยาด  ราดเย้ายวน
หวานคำครวญ  ชวนลิ้ม  ชิมหวานกลืน

หยุดความรัก  พักไว้  ใจหนาวเหน็บ
ยอมกดเก็บ  เจ็บหนัก  หักใจฝืน
นั่งพักก่อน  อ่อนใจ  ไม่ลุกยืน
หมดไฟฟืน  คืนชีพ  มาจีบใคร

Moo Dum

 ลาตายดีกว่าตู ซึ้งจัง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ตะวันฉาย, จารุทัส, ลมหนาว, ชลนา ทิชากร, ปู่ริน, panthong.kh, Thammada, ไพร พนาวัลย์, Prapacarn ❀, อริญชย์, Shumbala, D, saknun, ยามพระอาทิตย์อัสดง, รัตนาวดี, ชมพูไพร

ข้อความนี้ มี 17 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
11 กุมภาพันธ์ 2013, 04:14:PM
ตะวันฉาย
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 427
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,159



« ตอบ #1 เมื่อ: 11 กุมภาพันธ์ 2013, 04:14:PM »
ชุมชนชุมชน

...หยุดเถิดหนาน้ำตาที่บ้าบิ่น
ก่อนจะสิ้นอาดูรความหวั่นไหว
คราบแปะเปื้อนนองหน้าว่าอาลัย
เกือบสิ้นใจแดดิ้นสิ้นชีวา

...เสพอักษรคนโศกพัดโบกเศร้า
กลอนก็เข้าติดแผลตีแผ่หน้า
ซึมซับผ่านกานท์เงาที่เจ้าทา
ให้เห็นว่าทุกข์หนักก่อนหักใจ

...ระบายมาเถิดหนาเมื่อคราสิ้น
ระบายถิ่นหมองหม่นมิทนไหว
ระบายน้ำจากนัยน์ตาให้พร่าไป
ระบายใจไล่สีหม่นอย่าทนเลย

...มาซบไหล่กานท์กลคนเขียนกลอน
มาซบก่อนที่หทัยไปเฉลย-
ว่าเจ็บหนักขอเย็บปักพ่อทรามเชย
ให้แผลเกยแทบเท้าเจ้า...อย่าเฝ้ามองฯ

ตะวันฉาย





ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : จารุทัส, Moo Dum, ลมหนาว, ชลนา ทิชากร, ปู่ริน, รพีกาญจน์, panthong.kh, Thammada, ไพร พนาวัลย์, Prapacarn ❀, อริญชย์, Shumbala, D, saknun, ยามพระอาทิตย์อัสดง, ชมพูไพร

ข้อความนี้ มี 16 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ว่างเปล่า
11 กุมภาพันธ์ 2013, 09:46:PM
panthong.kh
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 2989
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 8,676



« ตอบ #2 เมื่อ: 11 กุมภาพันธ์ 2013, 09:46:PM »
ชุมชนชุมชน


เกินยั้งหยุด ฉุดคร่า น้ำตาไหล
เกินห้ามใจ ใครกัน ต้องสั่นหมอง
เกินกล่าวอ้าง กำหนด บททดลอง
กมลครอง หม่นไหม้ ยามไร้รัก

กลั่นออกมา หาใด ไม่ได้แล้ว
พร่างพรูแนว วาบหวาม ยามอกหัก
อัศจรรย์ หวั่นไหว ให้ทวงทัก
ดั่งศรปัก กลางทรวง สุดท้วงติง

กามเทพ เสพสุข เราทุกข์ท้อ
กามเทพ หัวหมอ จ้อแต่หญิง
กามเทพ ปล่อยปละ ไล่ฉะยิง
กามเทพแย่จริง ชิ่งก่อนคน

มัวหมกมุ่น อุ่นไอ จนได้เรื่อง
มัวคุยเขื่อง เท่ไหม ใครเขาสน
จับเด็ดปีก ฉีกร่าง กลางร้อนรน
ไมต้องทน ให้เครดิต ปิดตำนาน
พันทอง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ชลนา ทิชากร, ไพร พนาวัลย์, Thammada, Prapacarn ❀, Moo Dum, รพีกาญจน์, อริญชย์, ตะวันฉาย, Shumbala, D, saknun, ยามพระอาทิตย์อัสดง

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
12 กุมภาพันธ์ 2013, 05:57:AM
Moo Dum
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 142
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 247


ขอบคุณรูปจาก internet


« ตอบ #3 เมื่อ: 12 กุมภาพันธ์ 2013, 05:57:AM »
ชุมชนชุมชน

...หยุดเถิดหนาน้ำตาที่บ้าบิ่น
ก่อนจะสิ้นอาดูรความหวั่นไหว
คราบแปะเปื้อนนองหน้าว่าอาลัย
เกือบสิ้นใจแดดิ้นสิ้นชีวา

...เสพอักษรคนโศกพัดโบกเศร้า
กลอนก็เข้าติดแผลตีแผ่หน้า
ซึมซับผ่านกานท์เงาที่เจ้าทา
ให้เห็นว่าทุกข์หนักก่อนหักใจ

...ระบายมาเถิดหนาเมื่อคราสิ้น
ระบายถิ่นหมองหม่นมิทนไหว
ระบายน้ำจากนัยน์ตาให้พร่าไป
ระบายใจไล่สีหม่นอย่าทนเลย

...มาซบไหล่กานท์กลคนเขียนกลอน
มาซบก่อนที่หทัยไปเฉลย-
ว่าเจ็บหนักขอเย็บปักพ่อทรามเชย
ให้แผลเกยแทบเท้าเจ้า...อย่าเฝ้ามองฯ

ตะวันฉาย








เจ็บแล้วจำ  ย้ำใจ  ไม่เจ็บอีก
ขอหลบหลีก  ปลีกไป  ไม่เกี่ยวข้อง
ความเจ็บช้ำ  ซ้ำชา  น้ำตานอง
ไม่ขอปอง  ครองใหม่  ใจเจ็บจำ

อยากระบาย  คลายทุกข์  ที่รุกเร้า
อยากหยอกเย้า  เฝ้าถาม  ทุกยามค่ำ
อยากระบาย  ร่ายกานท์  ขานลำนำ
อยากปลดกรรม  ช้ำรัก  ที่กักใจ

จะซบไหล่  ใครเขา  เฝ้าวิตก
ช้ำในอก  ฟกหาย  จะง่ายไหม
                 "ถึงเมาเหล้า  เช้าสาย  ก็หายไป"     (สุนทรภู่)
แต่ช้ำใน  ใจซ้ำ  ทุกค่ำคืน

ขอหยุดต่อ  รอพัก  รักไว้ก่อน
อยากคลายผ่อน  ถอนช้ำ  ร่ำสะอื้น
หวังรักใหม่  ให้รั้ง  อยู่ยั่งยืน
อย่าพังครืน  กลืนกล้ำ  ช้ำอย่างเดิม

Moo Dum

 ลาตายดีกว่าตู

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, panthong.kh, Thammada, อริญชย์, ตะวันฉาย, Shumbala, D, saknun, ชลนา ทิชากร, ยามพระอาทิตย์อัสดง, รัตนาวดี

ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
12 กุมภาพันธ์ 2013, 09:49:AM
ตะวันฉาย
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 427
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,159



« ตอบ #4 เมื่อ: 12 กุมภาพันธ์ 2013, 09:49:AM »
ชุมชนชุมชน


เจ็บแล้วจำ  ย้ำใจ  ไม่เจ็บอีก
ขอหลบหลีก  ปลีกไป  ไม่เกี่ยวข้อง
ความเจ็บช้ำ  ซ้ำชา  น้ำตานอง
ไม่ขอปอง  ครองใหม่  ใจเจ็บจำ

อยากระบาย  คลายทุกข์  ที่รุกเร้า
อยากหยอกเย้า  เฝ้าถาม  ทุกยามค่ำ
อยากระบาย  ร่ายกานท์  ขานลำนำ
อยากปลดกรรม  ช้ำรัก  ที่กักใจ

จะซบไหล่  ใครเขา  เฝ้าวิตก
ช้ำในอก  ฟกหาย  จะง่ายไหม
 "ถึงเมาเหล้า  เช้าสาย  ก็หายไป"     (สุนทรภู่)
แต่ช้ำใน  ใจซ้ำ  ทุกค่ำคืน

ขอหยุดต่อ  รอพัก  รักไว้ก่อน
อยากคลายผ่อน  ถอนช้ำ  ร่ำสะอื้น
หวังรักใหม่  ให้รั้ง  อยู่ยั่งยืน
อย่าพังครืน  กลืนกล้ำ  ช้ำอย่างเดิม

Moo Dum

 ลาตายดีกว่าตู



...มิอาจมาแทนใคร  ณ  ที่นี้
มิอาจมีความรักมาปักเสริม
มิอาจเอื้อมเคียงข้างอย่างต่อเติม
มาประเดิมความหม่นให้ทนใจ

...ฉันเป็นเพียงมิ่งมิตรเคยผิดหวัง
ฉันก็คนเอวังเคยสั่นไหว
ฉันก็เคยร้องร่ำ "คำขอไกล"
เลยเข้าใจหัวอก...คนชอกช้ำ

...หวังเป็นเพียงคนเขียนคำมานำบอก
มิใช่หยอกกานท์ล้อ...พอให้ขำ
หวังเพียงวาดบทกลอนอ้อนลำนำ
เผื่อหายช้ำจากมิตรกลอนตอนเสียใจ

...มิตรอักษรคนไกล...เพียงปลอบเจ้า
เห็นกลอนเศร้าแล้วน้ำตามันพาไหล
เจ็บแดดิ้นระบายทางแล้ววางไป-
สู่กลอนใจ "คนเขียนคำ"  กระหน่ำลงฯ

...เพื่อบรรเทาอาการที่บาดเจ็บ
คำหยามเหน็บจากเขาอย่าเฝ้าหลง
ปลดความรักแอกใจไล่สู่ดง-
กลอนบรรจงวาดเศร้า..อย่างเข้าใจฯ


มิตรอักษร
ตะวันฉาย

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : Shumbala, D, saknun, อริญชย์, รพีกาญจน์, panthong.kh, Thammada, Moo Dum, ชลนา ทิชากร, ยามพระอาทิตย์อัสดง, รัตนาวดี

ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ว่างเปล่า
13 กุมภาพันธ์ 2013, 12:24:AM
Moo Dum
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 142
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 247


ขอบคุณรูปจาก internet


« ตอบ #5 เมื่อ: 13 กุมภาพันธ์ 2013, 12:24:AM »
ชุมชนชุมชน


เกินยั้งหยุด ฉุดคร่า น้ำตาไหล
เกินห้ามใจ ใครกัน ต้องสั่นหมอง
เกินกล่าวอ้าง กำหนด บททดลอง
กมลครอง หม่นไหม้ ยามไร้รัก

กลั่นออกมา หาใด ไม่ได้แล้ว
พร่างพรูแนว วาบหวาม ยามอกหัก
อัศจรรย์ หวั่นไหว ให้ทวงทัก
ดั่งศรปัก กลางทรวง สุดท้วงติง

กามเทพ เสพสุข เราทุกข์ท้อ
กามเทพ หัวหมอ จ้อแต่หญิง
กามเทพ ปล่อยปละ ไล่ฉะยิง
กามเทพแย่จริง ชิ่งก่อนคน

มัวหมกมุ่น อุ่นไอ จนได้เรื่อง
มัวคุยเขื่อง เท่ไหม ใครเขาสน
จับเด็ดปีก ฉีกร่าง กลางร้อนรน
ไมต้องทน ให้เครดิต ปิดตำนาน
พันทอง



รักมิใช่  ใฝ่ชม  แค่ลมปาก
แล้วตีจาก  ฝากแผลรัก  เป็นหลักฐาน
รอยแผลเจ็บ  เหน็บใจ  ไปเนิ่นนาน
ยามพ้นกาล  ผ่านจำ  ช้ำชีวิต

รักจำพราก  อยากถาม  กามเทพ
ท่านสุขเสพย์  สานฝัน  สำคัญผิด
ยิงศรรัก  ปักคา  อาบยาพิษ
ทีละนิด  พิษน้อย  ค่อยเจ็บชา

รักได้ชิม  ลิ้มผ่าน  หวานเพียงรส
พอหวานหมด  ถดถอย  คอยลิ้มหา
พิษศรรัก  ปักตำ  ช้ำอุรา
ดับโลกา  จุดอารมณ์  จมอาลัย

รักลาพราก  จากกัน  พลันฟ้าหม่น
ฤทัยป่น  หล่นลง  เป็นผงไหม้
พระจันทร์ดับ  ลับล่วง  กลางห้วงใจ
ดวงหทัย  ให้ดับ  ไปกับจันทร์

Moo Dum

 เคารพรัก

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์, ยามพระอาทิตย์อัสดง, Shumbala, รัตนาวดี, Thammada

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
13 กุมภาพันธ์ 2013, 12:30:AM
Moo Dum
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 142
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 247


ขอบคุณรูปจาก internet


« ตอบ #6 เมื่อ: 13 กุมภาพันธ์ 2013, 12:30:AM »
ชุมชนชุมชน



...มิอาจมาแทนใคร  ณ  ที่นี้
มิอาจมีความรักมาปักเสริม
มิอาจเอื้อมเคียงข้างอย่างต่อเติม
มาประเดิมความหม่นให้ทนใจ

...ฉันเป็นเพียงมิ่งมิตรเคยผิดหวัง
ฉันก็คนเอวังเคยสั่นไหว
ฉันก็เคยร้องร่ำ "คำขอไกล"
เลยเข้าใจหัวอก...คนชอกช้ำ

...หวังเป็นเพียงคนเขียนคำมานำบอก
มิใช่หยอกกานท์ล้อ...พอให้ขำ
หวังเพียงวาดบทกลอนอ้อนลำนำ
เผื่อหายช้ำจากมิตรกลอนตอนเสียใจ

...มิตรอักษรคนไกล...เพียงปลอบเจ้า
เห็นกลอนเศร้าแล้วน้ำตามันพาไหล
เจ็บแดดิ้นระบายทางแล้ววางไป-
สู่กลอนใจ "คนเขียนคำ"  กระหน่ำลงฯ

...เพื่อบรรเทาอาการที่บาดเจ็บ
คำหยามเหน็บจากเขาอย่าเฝ้าหลง
ปลดความรักแอกใจไล่สู่ดง-
กลอนบรรจงวาดเศร้า..อย่างเข้าใจฯ


มิตรอักษร
ตะวันฉาย



กำลังใจ  ให้ผ่าน  ม่านฟ้ากว้าง
คนรักร้าง  ห่างครอง  อกหมองไหม้
มิหมดหวัง  สั่งฟ้า  มาแสนไกล
บอกความนัย  ให้เรา  อย่าเศร้าตรม

คือมิ่งมิตร  ผิดหวัง  ครั้งอดีต
ใจถูกกรีด  ขีดกั้น  สวรรค์ล่ม
คนรักห่าง  ร้างชิด  สนิทชม
ต้องกอดลม  จมโลก  วิโยคเดียว

ได้รับรู้  ผู้แพ้  แย่วิตก
รักในอก  ฟกแตก  แหลกเป็นเสี้ยว
อนาคต  หมดฝัน  ฟั่นเป็นเกลียว
กายซูบเซียว  ใจซมซาน  พาลซบเซา

ให้บรรเทา  เบาลง  คงลดเจ็บ
พ้นกรงเล็บ  เก็บกัก  รักหมองเศร้า
จะปลดแอก  แหก..วง  กรงขังเรา
พ้นเงื้อมเงา  เฝ้าหลอน  คนกลอนกานท์

ถึงอกหัก  รักคุด  ไม่หยุดรัก
ยังแน่นหนัก  รักมั่น  กระสันซ่าน
ไม่รักใคร  ไหนอื่น  ให้ชื่นบาน
จะเก็บมาน  หวานนัว  รักตัวเอง

Moo Dum

 เคารพรัก

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ชลนา ทิชากร, Prapacarn ❀, ยามพระอาทิตย์อัสดง, Shumbala, Thammada

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s