เช้านี้ที่ลานเพลง
๏ จรดบรรจงแต้มจินต์ปิ่นคำปัก
ฝึกฉันทลักษณ์เคียงลานสานอักษร
ชวนรำพันฉลุพร้องถ่องสุนทร
เชิญบทกลอนขับกล่าว..พราวเรียงพราย
๏ บรรโลมกานท์เสนาะก้องฟ่องแห่งฝัน
มาด้วยกันสลัดกรร่อนพลางร่าย
ชูก้านช่อกิ่งเชิดเลิศคมลาย
ต่อเป็นสายพวงสร้อย..ร้อยวางริน
๏ ดอกแก้วหอมโชยห่มลมพาล่อง
นวลขาวผ่องงามผาดศาสตร์แห่งศิลป์
บางกลีบชอกอับโชคโบกลาบิน
ร่วงซบดินกลางดง..หลงจูบลักษณ์
๏ นกขมิ้นไพรเหลืองพร้อยคอยแว่วขาน
เสียงกังวานเหมือนว่าป่าช่วยปัก
ก่อนบินโผมองพฤกษ์นึกสวยนัก
สายลมทักพลางถาม..ยามเช้ายล
๏ แสงแดดอ่อนสาดอุ่นกรุ่นป่ากลิ่น
เพรงไผ่ยินหวานย่อมหอมทุกหน
พลันเมฆเลื่อนม่านไหลใดบัดดล
บรรดาฝนเทฟ้า..มาชอบไม้
๏ เถิดวาดหยาดพจียิ้มนิ่มฟังนุ่ม
จัดทรงพุ่มบนพานขานความไข
ชมอัศจรรย์บรรเจิดเทิดคงไทย
งามพลิ้วไหวเพลินวัทน์..ทัศน์คำทอง ๚ะ๛
คอนพูทน
กลบทเจ้าเซ็นเต้นต้ำบุด ฉบับกลอน ๘ คำเช่น-งามพลิ้วไหวเพลินวัทน์ทัศน์คำทอง-ในแต่
ละวรรค กำหนดให้สัมผัสอักษร ๒ คู่ คือคำที่ ๓-๕ (ไหว-วัทน์) และคำที่ ๖-๘ (ทัศน์-ทอง)
สัมผัสสระ ๑ คู่ คือคำที่ ๕-๖ (วัทน์-ทัศน์) นอกนั้นเหมือนกลอนสุภาพ..ด้วยความขอบคุณ.