เขาว่ากวีตายแล้ว
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 ธันวาคม 2024, 05:19:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: 1 2 [3]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เขาว่ากวีตายแล้ว  (อ่าน 72100 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 15 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
06 พฤษภาคม 2013, 08:14:AM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #40 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2013, 08:14:AM »
ชุมชนชุมชน

กรองรสพจนารถเต็มปรารถนา
ศรัทธาสร้างสรรค์รสวรรณศิลป์
แม้ไม่มีคุณค่าชั่วฟ้าดิน
แต่ใช่สิ้นคุณขลังพลังคิด

ด้วยอารมณ์ด้วยรักมนตร์อักษร
ร้อยกาพย์กลอนนั่นหรือคือใจลิขิต
พากเพียรเจียระไนคือใจนิมิต
เป็นบทกวีชีวิตจากจิตกวี

ฝากเป็นขวัญยุคทุกข์สุขสมัย
รจนาสารนัยไว้ศักดิ์ศรี
เป็นมิ่งแก่ตนมงคลฤดี
ขอฝากผลงานนี้สู่ศรีพิภพ

แรคำ ประโดยคำ
คำนำ, กวีนิพนธ์ ในเวลา, รางวัลซีไรต์ประจำปี ๒๕๔๑, พิมพ์ครั้งที่ 10, เคล็ดไทย, กรุงเทพฯ, ๒๕๕๓

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, ไพร พนาวัลย์, ชลนา ทิชากร, Shumbala, ยามพระอาทิตย์อัสดง, เนิน จำราย, รการตติ, รัตนาวดี, บูรพาท่าพระจันทร์, ดาว อาชาไนย

ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
06 พฤษภาคม 2013, 05:38:PM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #41 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2013, 05:38:PM »
ชุมชนชุมชน

หอมวรรณศิลป์
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน)
   (๙)

๑.
โคลง
(โคลง ๔ สุภาพ)
สี่ธาตุผักพื้นบ้าน      ถิ่นไทย
ธาตุดินผักหลากหลาย      ควรรู้
ฝาดหวานมันเค็มใช่      แท้ท่าน รสชาติ
ขลังชะงัดผ่อนกู้      โรคร้ายไป่พานฯ

๒.
ฉันท์
(วิชชุมมาลาฉันท์ ๘)
พืชผักพื้นถิ่น      ธาตุดินรสฝาด
มันเค็มหวานหยาด   แครอททองหลาง
แก้โรคหัวใจ      ผ่อนร้ายหลีกห่าง
ไขมันเจือจาง      ลดดันในเลือดฯ

๓.
กาพย์
(กาพย์ยานี ๑๑)
หัวปลีมะขามป้อม       รสฝาดย้อมวิตามิน      
เบต้าแคโรทีน         ฟักทองถิ่นรวมแครอท
ถั่วพูถั่วฝักยาว         กระโดนเฮาจิ้มแจ่วยอด
สมอไทยอย่าค่อนขอด      ละผัดทอดของมันดองฯ

๔.
กลอน
(กลอน ๘)
ผักธาตุดินรสหวานเค็มมันฝาด
มีเกลื่อนกลาดหลากพันธุ์พื้นบ้าน
บรรพชนไทยรู้ค่าแต่โบราณ
ยากลางบ้านพืชครัวล้วนสมุนไพรฯ

สนอง เสาทอง
สุรินทร์
6 พฤษภาคม 56

หมายเหตุ ;
อธิบายความต่อเนื่องมาจากที่คุณ choy โพสต์ในกระทู้ “ฝึกแต่งโคลง” เพื่อไม่เป็นการเบียดบังกระทู้อื่น
*คนธาตุดิน ควรรับประทานผัก รสฝาด หวาน มัน และเค็ม มีเส้นใย, วิตามิน A, B และ C แคลเซียมสูง มีประโยชน์ช่วยลดอาการโรคหัวใจ, เบาหวาน, ลดไขมันในเลือด, ลดความดันโลหิต และต้านอนุมูลอิสระ ฯลฯ
**ผักรสฝาด อาทิ หัวปลี, กระโดน และยอดเม็ก ฯลฯ แก้โรคกระเพาะและสมานลำไส้, โลหิตจาง, ลดน้ำตาลในเลือด (เบาหวาน, ความดัน), แก้ท้องร่วง ฯลฯ
***ผักรสหวาน มัน อาทิ แครอท, ฟักทอง และถั่วฝักยาว ฯลฯ มีเบต้าแคโรทีนและเส้นใยสูงต่อต้านอนุมูลอิสระ, บำรุงร่างกาย, เจริญอาหาร และบำรุงไต ฯลฯ
****ของเค็ม เช่น ผักดองต่างๆ ไม่ควรรับประทาน

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, ไพร พนาวัลย์, ชลนา ทิชากร, Shumbala, ยามพระอาทิตย์อัสดง, กรกช, อริญชย์, รการตติ, บูรพาท่าพระจันทร์, เนิน จำราย, ดาว อาชาไนย

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
07 พฤษภาคม 2013, 11:25:AM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #42 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2013, 11:25:AM »
ชุมชนชุมชน

หอมวรรณศิลป์
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน)
   (๑๐)

๑.
โคลง
(โคลง ๔ สุภาพ)
ผักพื้นบ้านธาตุน้ำ      ถิ่นไทย
ทั้งกินลูกน้ำใบ         ฝาดเปรี้ยว
ฟอกโลหิตระบาย      ท้องท่าน สรรพคุณ
เปรี้ยวฝาดคุ้นรสเฮี้ยว      ปร่าลิ้นลูกมะกอกฯ

๒.
ฉันท์
(วิชชุมมาลาฉันท์ ๘)
บักเฟืองติ้วใบ         เส้นใยสารสูง
บักนาวตำหุ่ง         แซ่บนัวอีสาน
บักกอกรสฝาด         แก้ธาตุอาการ
บักม่วงหน้าบ้าน      บักดันริมบวกฯ

๓.
กาพย์
(กาพย์ยานี ๑๑)
มะม่วงปลูกใกล้บ้าน       มะดันนั้นขึ้นริมห้วย      
มะเฟืองสุกเหลืองสวย      มะนาวช่วยปรุงยำพล่า
ผักติ้วและมะกอก      ไม่ต้องบอกพันธุ์ผักป่า
ธาตุน้ำผักนั่นหนา      เปรี้ยวลิ้นซ่าตะลิงปลิงฯ

๔.
กลอน
(กลอน ๘)
ผักธาตุน้ำรสชาติเปรี้ยวอมฟาด
แก้พิการธาตุ, ลดไขมัน-ฟอกโลหิต
มะกอกป่าเปรี้ยวฝาดแก้โรคบิด
กินผักปลอดสารพิษชีวิตยาวฯ

สนอง เสาทอง
สุรินทร์
6 พฤษภาคม 56


หมายเหตุ ;
*ธาตุดิน ควรรับประทานรสเปรี้ยว และเปรี้ยวอมฝาด มีเส้นใยสูง, วิตามิน C แคลเซียมสูง มีประโยชน์สรรพคุณทางยาหลายประการ

**รสเปรี้ยว อาทิ มะม่วง, มะดัน, มะนาว, ตะลิงปลิง, มะเฟืองฯลฯ
ช่วยระบายท้อง, แก้ระดูเสีย, กัดเสมหะ, ฟอกโลหิต, แก้หวัด, ป้องกันโรคลักปิดลักเปิด และแก้อาการเจ็บคอ ฯลฯ

***รสเปรี้ยวอมฝาด อาทิ มะกอก, ติ้ว ฯลฯ
แก้โรคธาตุพิการ, แก้บิด, ลดความดันโลหิต, ลดไขมันในเลือด และโรคหัวใจ
ฯลฯ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : Shumbala, ชลนา ทิชากร, ไพร พนาวัลย์, รพีกาญจน์, ยามพระอาทิตย์อัสดง, กรกช, อริญชย์, พี.พูนสุข, รการตติ, บูรพาท่าพระจันทร์, เนิน จำราย, ดาว อาชาไนย

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
08 พฤษภาคม 2013, 12:53:PM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #43 เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2013, 12:53:PM »
ชุมชนชุมชน

โศลกไพร

   ไหลรินถวิลต่ำไซร้      ไยกัน
ผันอกสวรรค์ออกปัน         ชื่นให้
หลามโลมไศลผ่านไพร         เถื่อนทุ่ง
ถามชลาเฉลยตอบคุ้ง         มุ่งเลี้ยง ดินเกษม

   ถนอมดินหมายปลูกไม้   ขจีงาม
แหงนทูลฟ้าคราม         เคร่งเข้ม
เขียวปูถวายไว้เต็ม         ต่ำเบื้อง
เสนอคอยสนองบาทเยื้อง      เทพไท้ กรายวสันต์
   
   แสงพลันไสวสว่างพื้น      ภูวดล
ไหวละอองใสอร่ามยล         ยั่วนั่น
ฉายสิขรขณะปัน         ถ่อยหญ้า
เฉลยใจเผยจากฟ้า         หญ้าย้ำ จำเสมอ

   ถามเอย...เผยสิมนุษย์      มโนงาม
เสียงเลือนหายโสตตาม      สดับเก้อ
สูเกิดหมายแต่เปรอ         จิตจ้วง
เฉลยเพียงเหิมห่ามล้วง      ตักห้วง ตัณหา

   หวิวลมฉิวลิ่วไม้      ไกวใบ
ไหวพรมผิวโศลกไพร         แว่วว่า
ผล็อยลอยเหลืองใบชรา      สลดร่าย
ถามเอยเฉลยสุดท้าย         ปลดทิ้ง ประวิงไฉน.

ศักดิ์สิริ มีสมสืบ
มือนั้นสีขาว, รวมบทกวีซีไรต์ประจำปี ๒๕๓๕, พิมพ์ครั้งที่ 7, สามัญชน, กรุงเทพฯ, ๒๕๕๒, p94   


Choy
8 พฤษภาคม 56

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ยามพระอาทิตย์อัสดง, กรกช, รพีกาญจน์, Shumbala, อริญชย์, พี.พูนสุข, ชลนา ทิชากร, รการตติ, บูรพาท่าพระจันทร์, เนิน จำราย, ดาว อาชาไนย

ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
09 พฤษภาคม 2013, 12:52:PM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #44 เมื่อ: 09 พฤษภาคม 2013, 12:52:PM »
ชุมชนชุมชน

หอมวรรณศิลป์
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน)
   (๑๑)

๑.
โคลง
(โคลง ๔ สุภาพ)
ผักธาตุลมถิ่นบ้าน      พืชครัว
รสซ่าเผ็ดร้อนนัว            แซ่บลิ้น
ผักชีฝรั่งยกตัว            อย่างเช่น ท่านนอ
ข่าอ่อนก็สุดดิ้น            เซ่นร้อนน้ำตารินฯ

๒.
ฉันท์
(วิชชุมมาลาฉันท์ ๘)
ผักบ้านธาตุลม         ไม่ขมแต่เผ็ด
ยี่หร่ารสเด็ด         ผักชีลาวแท้
หูเสือผักไผ่            ต้มไก่ข่าแม่
หัวแหวนขิงแก่         เผ็ดร้อนขับลมฯ

๓.
กาพย์
(กาพย์ยานี ๑๑)
กะเพราไก่และหมู       กระชายคู่โหระพา      
ชะพลูและยี่หร่า         เหง้าอ่อนข่าและตะไคร้
หูเสือสะระแหน่         เหง้าขิงแก่และผักไผ่
ธาตุลมผักนั่นไซร้      จดจำไว้รสเผ็ดร้อนฯ

๔.
กลอน
(กลอน ๘)
ผักธาตุลมเผ็ดร้อนรสเด็ดแท้
สรรพคุณแก้ความดันคลื่นไส้เหียน
แน่นเสียดเฟ้อท้องอืดและอาเจียน
บิดมูกเลือดวิงเวียนและขับลมฯ

สนอง เสาทอง
สุรินทร์
8 พฤษภาคม 56


หมายเหตุ ;
*ธาตุลม ควรรับประทานผักรสเผ็ดร้อน อาทิ กะเพรา, กระชาย, ยี่หร่า, โหระพา, หูเสือ, ชะพลู, ข่าอ่อน, ผักชีฝรั่ง, ผักชีลาว, ขิง, ตะไคร้, ผักไผ่, ผักคราดหัวแหวน และสะระแหน่ ฯลฯ

**ประโยชน์คือมีวิตามิน A, เบต้าแคโรทีนสูง ต้านอนุมูลอิสระ สรรพคุณทางยา อาทิ ขับลม, แก้ปวดท้อง, คลื่นเหียนอาเจียน, ขับปัสสาวะ, แก้บิดมูกเลือด, ลดความดันโลหิต, ท้องอืดท้องเฟ้อ, จุกเสียดแน่นเฟ้อ, แก้ลมวิงเวียนศีรษะ, ขับเสมหะ และช่วยเจริญอาหาร ฯลฯ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : อริญชย์, Shumbala, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, ชลนา ทิชากร, รการตติ, บูรพาท่าพระจันทร์, เนิน จำราย, ดาว อาชาไนย

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
10 พฤษภาคม 2013, 05:54:PM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #45 เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2013, 05:54:PM »
ชุมชนชุมชน

หอมวรรณศิลป์
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน)
(๑)

โคลง
(๑)
ชั้นแต่มนุษย์แก่นซึ้ง         ศิลป์บรรณ
ปวงกวินทร์ลิขิตฉันท์         ห่อนร้าง
พิสุทธิ์กรองกลอนวรรณ         แก้วทิพย์
ชั้นแต่มนุษย์หอมสร้าง         เพริศแพร้วบรรณศิลป์ฯ

ฉันท์
(๒)
หอมศรีเพ็ญศิลป์         ทั่วถิ่นทศทิศ
พิสุทธิ์พิจิตร            หอมซึ้งกำซาบ
ก่องเก็จกานท์กล            หลั่งท้นแก้วกาพย์
โบกฉันท์ทองฉาบ            งามสรรรุ้งศิลป์ฯ*

กาพย์
(๓)
เสมอชั้นนรชาติ         รู้พิลาสวรรณศิลป์
ชุบชื่นอารมณ์วิญญ์         เสพดื่มกินโคลงกาพย์ฉันท์
ร้อยกรองประทีปกานต์         เร่งเจือจานและแบ่งปัน
หอมกานท์ชั้นทิพย์สวรรค์         เวไนยนั้นฤาห่อนมีฯ**

กลอน
(๔)
เสมอแต่ชั้นเผ่าพงศ์นรชาติ
จึงรู้ค่าพิลาสหอมวรรณศิลป์
กระบือโคมัจฉาอีกสกุณิน
ไป่รู้หอมปิ่นแก้วโคลงกาพย์กานท์ฯ


สนอง เสาทอง
สุขสนาม
สุรินทร์
6   มีนาคม 56




(อ้างถึง)

หอมวรรณศิลป์
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน)

๑.
โคลง
(โคลง ๔ สุภาพ)
อันโคลงฉันท์ร่ายแก้ว         กาพย์กลอน
ปวงปราชญ์ลิขิตสอน         แก่นซึ้ง
ชนพึงอย่าร้างรอน         น้อมร่ำ ทิพย์วิเศษ
ล้างกิเลสย่ำทึ้ง            ผ่องหล้าฤดีสมัยฯ

๒.
ฉันท์
(วิชชุมมาลาฉันท์ ๘)
หอมศรีทิพย์ศิลป์         รวยรินซ่านซึ้ง
ด่ำดื่มเร้ารึง            ก่องแก้วเก็จกานท์
ชุบฉ่ำดวงจิต            เนานิจวิญญาณ            
พงศ์ชนรื่นบาน            อาบหอมเพ็ญบรรณฯ

๓.
กาพย์
(กาพย์ยานี ๑๑)
เสมอชั้นนรชาติ            รู้พิลาศวรรณศิลป์
เสพรื่นอารมณ์วิญญ์         ถ้อยกวินทร์โคลงกาพย์ฉันท์
เปรตภูตและเวไนย         หาซึ้งนัยแก้วกรองบรรณ
ส่ำสัตว์อเนกอนันต์         หรือรู้กานท์ค่าทิพย์หอมฯ

๔.
กลอน
(กลอน ๘)
เชื้อพงศ์เผ่านรชาติชั้นประเสริฐ
รู้หอมค่าล้ำเลิศวรรณศิลป์
สรรพสัตว์เวไนยแม้ยลยิน
หรือรู้หอมปิ่นโคลงฉันท์กาพย์กลอนฯ

จากคอลัมน์ กวีนิพนธ์, สนอง เสาทอง, นิตยสาร What HiFi?, ปีที่ 28 ฉบับที่ 330, 2556, หน้า 218

***หมายเหตุ
ทั้งที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร What HiFi? และโพสต์ลงในบ้านกลอนไทย ผู้ประพันธ์คนเดียวกันครับ แต่มีบ้างที่แตกต่างกัน ดังที่นำมาลงเปรียบเทียบให้เห็นนี้ ไม่ใช่การ “ก๊อปปี้” ครับ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตนาวดี, ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์, อริญชย์, พี.พูนสุข, รการตติ, บูรพาท่าพระจันทร์, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
11 พฤษภาคม 2013, 04:51:PM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #46 เมื่อ: 11 พฤษภาคม 2013, 04:51:PM »
ชุมชนชุมชน

หอมวรรณศิลป์
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน)
   (๑๒)

๑.
โคลง
(โคลง ๔ สุภาพ)
ผักธาตุไฟพื้นบ้าน      หลากมี
บัวบกกะหล่ำปลี      เป็นต้น
รสขมเย็นจืดชี้         ตัวอย่าง ท่านนา
อีกเฝื่อนเย็นคละล้น      ผ่อนไข้สรรพคุณฯ

๒.
ฉันท์
(วิชชุมมาลาฉันท์ ๘)
ผักพันธุ์ธาตุไฟ      มากมายพื้นบ้าน
เหนือใต้อีสาน      ทั่วถิ่นแดนไทย
ขมเย็นจืดเฝื่อน      ย้ำเตือนเอาไว้
ทางยานั่นไซร้      แก้ไข้ไอเลือดฯ

๓.
กาพย์
(กาพย์ยานี ๑๑)
ใบอ่อนกะหล่ำปลี       รสชาติดีดับพิษหมก      
เป็ดน้ำยอดอ่อนดก      อีกบัวบกรสขมกล่อม
รสจืดมะละกอ         ใบอ่อนห่อผักกาดหอม      
ผักไทยธาตุไฟพร้อม      หยิบช้อนส้อมเปิบอิ่มพลันฯ

๔.
กลอน
(กลอน ๘)
ผักธาตุไฟรสขมจืดเย็นเฝื่อน
แม่ศรีเรือนเพื่อนครัวพึงสดับไว้
สรรพคุณดับพิษแก้ร้อนใน
วัณโรคไข้ไอขับปัสสาวะฯ

สนอง เสาทอง
สุรินทร์
11 พฤษภาคม 56


หมายเหตุ ;
*ธาตุไฟ ควรรับประทานผัก รสขม จืด เย็น และเฝื่อนเย็น เช่น มะละกอ, บัวบก, กะหล่ำปลี, ผักเป็ดน้ำ และผักกาดหอม ฯลฯ
**มะละกอ ผลดิบ รสจืด ช่วยขับลม, ขับปัสสาวะ, แก้ขัดปัสสาวะ และขับพยาธิ
***บัวบก ใบรสขม มัน มีวิตามิน A และแคลเซียมสูง ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และลำไส้ และลดความดันโลหิต ฯลฯ
***ผักเป็ดน้ำ ยอดอ่อน รสจืดเย็น มีสารต้านอนุมูลอิสระ แก้วัณโรค และไอเป็นเลือด ฯลฯ
****ผักกาดหอม ใบอ่อน รสเฝื่อนเย็น ช่วยทำให้นอนหลับ, แก้ไข้, แก้ไอ, ขับปัสสาวะ และขับเหงื่อ ฯลฯ
*****กะหล่ำปลี ใบอ่อน รสจืด ดับพิษ, แก้ร้อนใน และกระหายน้ำ ฯลฯ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : อริญชย์, รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร, พี.พูนสุข, ไพร พนาวัลย์, รการตติ, บูรพาท่าพระจันทร์, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
02 มิถุนายน 2013, 12:17:PM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #47 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2013, 12:17:PM »
ชุมชนชุมชน

หอมวรรณศิลป์
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน)
   (๑๓)
กระตังใบ

๑.
โคลง
(โคลง ๔ สุภาพ)
กระตังใบพุ่มต้น      เตี้ยจริง
ต้างไก่ใหญ่ชื่ออิง      ถิ่นบ้าน
ใบแหลมย่อยแต้มกิ่ง      ก้านทั่ว
ดอกช่อผลแป้นป้าน      รากต้นพื้นบ้านยาฯ


๒.
ฉันท์
(วิชชุมมาลาฉันท์ ๘)
ต้างไก่ใหญ่ชื่อ      เลื่องลือรักษา
รากแห้งเป็นยา      ต้มดื่มรสเย็น
ยอดอ่อนฝาดลิ้ม   ผักจิ้มเคียงเล่น
ทั้งต้นล้วนเป็น      พื้นบ้านยาไทยฯ


๓.
กาพย์
(กาพย์ยานี ๑๑)
กระตัง-ต้างไก่ใหญ่       พบทั่วไปผักไทยถิ่น      
ไม้พุ่มขึ้นครึ้มดิน      ยอดอ่อนกินจิ้มพริกแดง
รากต้นล้วนประโยชน์      เลิศโอสถสรรพคุณแรง      
ใช้ร่วมอบเชยแห้ง      ฤทธิ์กำแหงผ่อนกล้ามเกร็งฯ


๔.
กลอน
(กลอน ๘)
รากกระตังตากแห้งต้มน้ำดื่ม      รสเย็นชื่นแก้ปวดขบเมื่อยล้า
ดับไข้ร้อนขับเหงื่อทั่วกายา         ผ่อนรักษาครั่นเนื้อคุดทะราดบิด
ใช้ทั้งต้นร่วมกับอบเชยนั้น      ระงับพลันกล้ามเนื้อคลายเกร็งฤทธิ์
ยอดอ่อนสวยฝาดเย็นมันนิดนิด      จิ้มน้ำพริกหลากชนิดสำรับเคียงฯ

 
สนอง เสาทอง
2 มิถุนายน 56


หมายเหตุ ;
*ชื่อสามัญ กระตังใบ
**ชื่อวิทยาศาสตร์ Leea indica Merr
***ชื่อพื้นถิ่น ต้างไก่ใหญ่
   ผักธาตุไฟ รสฝาด เย็น มัน เป็นไม้ทรงพุ่มขนาดเล็ก ใบประกอบย่อยรูปไข่ปลายแหลม ขอบจัก สีเขียวเข้ม ดอกมีขนาดเล็กสีน้ำตาลแดงรวมกันเป็นช่อดอก ผลขนาดเล็ก กลมแป้น ผลดิบสีเขียวอ่อนเมื่อสุกจะมีสีดำ ยอดอ่อนรสฝาดมันใช้กินเป็นผักสดจิ้มน้ำพริก
****สรรพคุณทางยา และวิธีใช้
   ราก-แห้ง รสเย็นต้มน้ำดื่ม แก้ไข้ แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย ดับร้อน ขับเหงื่อ แก้บิด รักษาโรคคุดทะราด และครั่นเนื้อครั่นตัว
   ทั้งต้น-ใช้ร่วมกับอบเชย ต้มดื่มเป็นยาระงับอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รการตติ, รพีกาญจน์, Shumbala, บูรพาท่าพระจันทร์, พี.พูนสุข, ชลนา ทิชากร, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
02 มิถุนายน 2013, 11:01:PM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #48 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2013, 11:01:PM »
ชุมชนชุมชน

ศิลปิน
๑.
ชาติประทัดลั่นเปรี้ยง      เสียงดัง
ครู่หนึ่งป่นหายปัง      เปื่อยไร้
ฟ้ากระหึ่มแรงขลัง      ลั่นโลก
ถ้าผ่าเปรี้ยงไฟไหม้      อย่างร้ายแรงมหันต์ฯ
๒.
ประทัดนั้นเปรียบด้วย      ศิลปิน ปลอมนา
เย่อหยิ่งยโสสัตว์ถวิล      ว่าแก้ว
ปัญญาถ่อยมลทิน      โง่งั่ง
ทำอย่างเก่งเหลือแล้ว      เล่ห์ลิ้นหมาหอนฯ
๓.
ฟ้ากระหึ่มเปรียบด้วย      นักปราชญ์
เป็นจิตรกรเฉลียวฉลาด      ที่แท้
ผลงานบริสุทธิ์สะอาด      ยิ่งใหญ่
คุณค่าสะเทือนใจแล้      เล่ห์รุ้งมณีขลังฯ
๔.
ตรุษสิงโตเห่าเหี้ยม      แสนหาญ
เด็กย่อมถึงตะลึงลาน      ยิ่งแล้ว
สิงห์จริงอยู่หิมพานต์      สงบเสงี่ยม
นอนนิ่งสิงถ้ำแก้ว      ป่าฟ้ามไหศวรรย์ฯ
๕.
สิงห์ตรุษจีนนั่นไซร้      ศิลปิน ปลอมนา
ดูดั่งชาติพยัคฆา         ขู่ร้าย
ผลงานเล่ห์ลวงตา      ว่าใหม่
แท้ต่ำกากเดนได้         สู่รู้ขโมยเสนอฯ
๖.
สิงห์จริงนั้นเปรียบด้วย      นักปราชญ์
เชี่ยวชาญศิลป์สามารถ      ไม่แล้ว
ผลงานใหม่ประหลาด      เลิศค่า
ถึงสิ่งทิพย์เป็นแก้ว      แก่นแท้สะเทือนสมัยฯ
๗.
น้ำใสบริสุทธิ์ยิ่งนั้น      ขันติธรรม
ฤาโกรธตมทำระยำ      ต่ำช้า
ปัญญาไม่ครอบงำ      ความงั่ง
แสงสว่างโกรธมืดกล้า      กล่าวร้ายให้ไฉนฯ
๘.
ฟากฟ้านั้นไป่เปื้อน      เปรอะเมฆ
เมฆไม่เปรอะความวิเวก      แห่งฟ้า
ดวงดาวไป่รกเอก-      ภพเพ่ง งามนา
ฟ้าใช่คุกจันทร์จ้า      ป่าช้าดาวไฉนฯ
๙.
เจ้าแมงป่องร้ายแห่ง      อวิชชา
วารหนึ่งชูปัญญา      ขู่ฟ้า
พลันติดอยู่กับกะลา      เลวนั่น
ยึดมั่นตนเก่งกล้า      ฆ่าม้วยวิมุติสมัยฯ
๑๐.
ความไพศาลแห่งฟ้า      อวกาศ
สูงส่งกว้างไกลขนาด      ค่าไร้
ลึกซึ้งไม่สามารถ         มองค่า
ไกลกว่าสัตว์ดิบได้      ล่วงรู้ถวิลถึงฯ
๑๑.
น้ำใสซึ่งขุ่นไซร้         เสียศรี
มองไม่เห็นวิสุทธิ์ดี      ดั่งแก้ว
ปัญญาอย่าราคี         คาวงั่ง
ใจชั่งเฉกทิพย์แก้ว      เพริศแพร้ววิสุทธิ์เสมอฯ

อังคาร กัลยาณพงศ์
ปณิธานกวี, กวีนิพนธ์รางวัลซีไรต์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๙, พิมพ์ครั้งที่ ๑๑, กรุงเทพฯ, ศยาม, ๒๕๕๔, หน้า 87-89      

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตนาวดี, รพีกาญจน์, Shumbala, ไพร พนาวัลย์, บูรพาท่าพระจันทร์, panthong.kh, พี.พูนสุข, ชลนา ทิชากร, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
06 มิถุนายน 2013, 08:10:AM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #49 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2013, 08:10:AM »
ชุมชนชุมชน

หมานำเกวียน

   ตะขลุกตะขลักสะบักสะบอมกระมอมกระแมม
เมื่อไหร่หลังคาจะโผล่จะแพลม
หร็อมแหรมรำไรสักหลังสองหลัง
   เจียนจะถึงครึ่งของครึ่งของทางหรือยัง
เกวียนกระแทกก้นแทบจะพัง
ลุงตอบว่ายังยังอีกหน่อยอีกร้อยหมาเยี่ยว
   หมาตามเกวียนตามทางที่เคยเทียว
แวะดมดมยิ้มยิ้มแล้วก็เยี่ยว
ตะกุยกลบแล้วกรูเกรียวไปล่วงหน้าเป็นหมานำ
   ครูคนใหม่บ่นอะไรอยู่พร่ำพล่าม
มือพลางประคองรองเท้าคู่งาม
ด้วยความวิตกสงสารมันทั้งคู่
   หมานำวัว วัวนำเกวียน เกวียนนำครู
นำครูไปนำคนที่คอยครูอยู่
เด็กน้อยคอยดูว่ารอยเท้าครูจะหรูยังไง
   ถึงจะนานแต่หมู่บ้านก็อยู่ข้างหน้า
หมานำเกวียนยังเริงร่า
แต่ครูส่ายหน้าทำท่าเหมือนจะร้องไห้
   ครูบ่นซ้ำซ้ำว่ากรรมของกูกรรมของกู
ลุงขับเกวียนใจหดหู่
น้ำใจของครูสู้หมาของกูไม่ได้
   เดี๋ยวพ่อไล่ลงเสียที่หัวดงทับทิม
ให้เดินสักสิบห้าหมายิ้มซะเป็นไง


ศักดิ์สิริ มีสมสืบ, หมานำเกวียน, มือนั้นสีขาว, รวมบทกวีรางวัลซีไรต์ประจำปี 2535, พิมพ์ครั้งที่ 7,กรุงเทพฯ, สามัญชน, 2552, หน้า 34

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : Shumbala, รพีกาญจน์, บูรพาท่าพระจันทร์, panthong.kh, พี.พูนสุข, ชลนา ทิชากร, ดาว อาชาไนย

ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
07 มิถุนายน 2013, 05:37:PM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #50 เมื่อ: 07 มิถุนายน 2013, 05:37:PM »
ชุมชนชุมชน

***************************************************************************

***ตั้งใจเขียนกลอนพืชสมุนไพรยาพื้นบ้านไทย ทั้งเพื่อเป็นวิทยาทาน และวางแผนจะทำการปรับปรุงขัดเกลาใหม่เพื่อรวมเล่มต่อไป ทนอ่านหน่อย “ความรู้มักเป็นยาขมหม้อใหญ่ เสพกลืนยาก” เสมอๆ***

***************************************************************************

หอมวรรณศิลป์
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน)

   (๑๒)

กลุ่มพืชสมุนไพรยาถ่ายพยาธิ
   ๑.
ผลมะเกลือ


๑.
โคลง

มะเกลือไม้ใหญ่ต้น         กว้างใบ
พบอยู่ทุกภาคไทย         ทั่วถ้วน
ผีเผานั่นเจียงใหม่         อู้ว่า
เกลือมะเกียชื่อล้วน         ต่างพื้นถิ่นเรียกฯ

๒.
ฉันท์

บักเกียผีเผา            เฝื่อนเมารสชาติ
ผลสดฤทธิ์ธาตุ            ฆ่าม้วยปากขอ
ตัวตืดเข็มหมุด            ถ่ายหลุดไม่รอ
ลูกห่ามแก่พอ            ท่านใช้เป็นยาฯ

๓.
กาพย์

มักเกลือคนตราด          รู้แจ่มชัดถ่ายพยาธิ
เข็มหมุดตัวตืดขยาด         เขี้ยวดูดกัดเรียกปากขอ      
ขี้กระตืกอีสานเอิ้น         ลำไส้เยินเกาะเต็มออ
ถ่ายพยาธิเถิดแม่พ่อ         กะทิคลอแก้ขมเฝื่อนฯ

๔.
กลอน

   ผลมะเกลือห่ามสดไม่ดำช้ำ         ให้ปองจำใช้เท่าเราอายุ
อย่าเกิน-ยี่สิบห้าลูก-ท่านระบุ            ใส่ครกตำปุปุพอแหลกดี
   ต่อจากนั้นกะทิเนื้อมะพร้าว         ให้คั้นเอามารวมตำถี่ถี่
ส่วนผสมต้องได้กะพอดี            กลบรสเฝื่อนขมปี๋ไม่คล่องกลืน
   หลับสองตากลั้นใจขืนลงท้อง         จิตใจต้องเข้มเต็มเฝื่อนกล้ำฝืน
กะพอคำกลืนง่ายไม่อ้วกคืน            พอตกท้องพยาธิตื่นหนีพัลวัล
   กะเวลาถ่ายยาให้พอเหมาะ         ป่าละเมาะห้องน้ำได้ทั้งนั้น
ตอนถ่ายท้องหน้าซีดอยู่ครึ่งวัน         ข้าวอาหารพึงงดกินจุบจิบ
   ข้อระวังมะเกลือถ่ายพยาธิ         ห้ามเด็ดขาดเด็กเล็กต่ำขวบสิบ      
หญิงตั้งครรภ์, หลังคลอด-ไม่ควรรีบ         อย่าหักดิบรอก่อนให้แข็งแรง
   หากตอนถ่ายท้องเดินหลายมากครั้ง      พึงระวังอาการตาพร่าแข็ง
หรือไข้ใดแทรกซ้อนผิดสำแดง         อย่าฝืนตนดื้อแพ่งแจ้งหมอพลันฯ


***************************************************************************

หมายเหตุ ;
*ชื่อทั่วไป มะเกลือ, บักเกีย (อีสาน), มะเกีย, มักเกลือ (ตราด), ลูกเกลือ (ใต้), ผีเผา (เหนือ)
*ส่วนที่ใช้ ผลสดโตเต็มที่ (ยังไม่สุก)
*ขนาด จำนวนเท่าอายุ แต่ไม่เกิน 25 ลูก
*ส่วนผสม ลูกมะเกลือ และน้ำกระทิมะพร้าวคั้นสด กะเอาพอกลบรสเฝื่อนขม
*ข้อบ่งใช้ ควรรับประทานขณะท้องว่าง และมีเวลามากพอที่จะถ่ายท้องหลายๆ ครั้ง
*ใช้ได้ผลดีกับ พยาธิปากขอ, ตัวตืด และเข็มหมุด
*ข้อควรระวัง
1. ห้ามใช้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ขวบ
2. ห้ามใช้กับผู้หญิงตั้งครรภ์, หลังคลอดใหม่ๆ และผู้ป่วยโรคอื่นๆ ที่ยังมีอาการป่วยอยู่
3. ระวังอย่าใช้เกินขนาด
4. หากเกิดอาการท้องเดินหลายๆ ครั้ง และมีอาการหน้ามืด ตาพร่ามัว ให้รีบไปพบแพทย์ทันที


***************************************************************************
สนอง เสาทอง
7 มิถุนายน 56

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : panthong.kh, พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, ไพร พนาวัลย์, ชลนา ทิชากร, บูรพาท่าพระจันทร์, Shumbala, ดาว อาชาไนย

ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
09 มิถุนายน 2013, 03:12:PM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #51 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2013, 03:12:PM »
ชุมชนชุมชน

เปิบข้าว
(กาพย์ยานี ๑๑)
ผู้ประพันธ์ : จิตร ภูมิศักดิ์
วง กรรมมาชน เคยนำมาร้องครั้งแรกแต่ไม่เป็นที่นิยม จากนั้น สุรชัย จันทิมาธร และวงคาราวานนำมาเรียบเรียงดนตรีทำใหม่จนเป็นที่รู้จักแพร่หลาย


 
เปิบข้าวทุกคราวคำ         จงสูจำเป็นอาจินต์
เหงื่อกูที่สูกิน         จึงก่อเกิดมาเป็นคน
ข้าวนี้ นะมีรส         ให้ชนชิมทุกชั้นชน
เบื้องหลังซิทุกข์ทน      และขมขื่นจนเคียวคาว
จากแรงมาเป็นรวง      ระยะทางนั้นเหยียดยาว
จากรวงเป็นเม็ดพราว      ล้วนทุกข์ยากลำบากเข็ญ
เหงื่อหยดสักกี่หยาด      ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น
ปูดโปนกี่เส้นเอ็น      จึงแปรรวงมาเป็นกิน
น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง      และน้ำแรงอันหลั่งริน
สายเลือดกูทั้งสิ้น      ที่สูซดกำซาบฟัน

***ในวาระที่ได้คะแนนเกิน 100 อยากโพสต์กาพย์ยานี ๑๑ "เปิบข้าว" ที่ทำให้ผมรู้จักกาพย์ชนิดนี้และชอบเขียนมากๆ

สนอง เสาทอง
9 มิถุนา 56

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : เนิน จำราย, ชลนา ทิชากร, พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, บูรพาท่าพระจันทร์, ไพร พนาวัลย์, panthong.kh, Shumbala, ดาว อาชาไนย

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
09 มิถุนายน 2013, 04:07:PM
เนิน จำราย
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 637
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,224



« ตอบ #52 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2013, 04:07:PM »
ชุมชนชุมชน

         

        ๐สายเลือดเริ่มเหือดหาย    หลังจูงควายเข้าโรงเชือด
จำนำมันทำเดือด    มากด้วยเรือดแหละแร้งกา

        ๐จ้างดำซ้ำจ้างไถ   เหลืออะไรถึงตัวข้า
หน้าฝนฝนไม่มา    ชลประทานประทานแดด

        ๐ใส่ปุ๋ยขุดคุ้ยดิน    เงินก็สิ้นหลายสีแสด
หน้าด้านเหมือนหนังแรด     ดูกสันหลังคดโค้งงอ

        ๐ชาติช่วยต้องช่วยชาติ    ถึงคอขาดยากร้องขอ
คนดีที่หัวร่อ     เขาคือใครช่วยไขที

                          เนิน จำนำ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, choy, รพีกาญจน์, บูรพาท่าพระจันทร์, ไพร พนาวัลย์, ...สียะตรา.., panthong.kh, ชลนา ทิชากร, Shumbala, ดาว อาชาไนย

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
02 กรกฎาคม 2013, 11:02:AM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #53 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2013, 11:02:AM »
ชุมชนชุมชน

***************************************************************************

***ตั้งใจเขียนกลอนพืชสมุนไพรยาพื้นบ้านไทย ทั้งเพื่อเป็นวิทยาทาน และวางแผนจะทำการปรับปรุงขัดเกลาใหม่เพื่อรวมเล่มต่อไป ทนอ่านหน่อย “ความรู้มักเป็นยาขมหม้อใหญ่ เสพกลืนยาก” เสมอๆ***

***************************************************************************

หอมวรรณศิลป์
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน)

   (๑๓)

กลุ่มพืชสมุนไพรยาถ่ายพยาธิ
   ๒.
มะหาด

๑.
โคลง

มะหาดต้นพบขึ้น              ทั่วไทย
ผงปวกหาดทำง่าย            แก่นไม้
ต้มลงเคี่ยวช้อนไว้            แดดผึ่ง
แห้งฝุ่นเหลืองเก็บใช้         ฤทธิ์ร้ายถ่ายพยาธิฯ

๒.
ฉันท์

ชื่อหาดตาแป                      กาแยนั้นใช่
หรือหาดใบใหญ่                  ตาแปงหมากหนุน
เอาแก่นต้มเคี่ยว                 พอเหนียวงวดขุ่น
ตากแห้งผงฝุ่น                    ได้ผงปวกหาดฯ

๓.
กาพย์

มะหาดพืชสมุนไพร               ไม้ต้นใหญ่พบทุกภาค
แก่นเคี่ยวผึ่งแห้งตาก             ไม่ลำบากเหลือฝุ่นผง     
ปวกหาดผงสีเหลือง               ขมังเอาเรื่องในประสงค์
ถ่ายพยาธินั้นเจาะจง              ตัวตืดปลงดิ้นวางวายฯ

๔.
กลอน

     แก่นมะหาดต้มเคี่ยวหม้อเดือดน้ำ           ช้อนฟองนำผึ่งแดดทิ้งให้แห้ง
ผงสีเหลืองป่นฝุ่นฤทธิ์ยาแรง                        แล้วจัดแจงเร่งหาลูกมะนาว
     ผงปวกหาดแห้งสนิทหนึ่งช้อนโต๊ะ         ใส่ลงโปะกับน้ำมะนาวขาว
หรือใส่หลอดข้าวเหนียวแท่งยาว-ยาว            กินหมดคราวครั้งเดียวไม่ต้องปัน
     ตามตำราให้กินตอนท้องว่าง                 ใช้ควบยาถ่ายล้างขลังมหันต์
เช่นดีเกลือสองช้อนตวงมาพลัน                  ใช้ร่วมกันขมังสรรพคุณ
     ผงปวกหาดฆ่าพยาธิได้จำกัด                ท่านเคร่งครัดตัวตืดเมาหัวหมุน
พยาธิอื่นแค่มึนหนีชุลมุน                            หากเคยคุ้นมีบ้างอาจดื้อยา
     ผงปวกหาดหากใช้เพื่อหวังผล               ควบระคนใช้กับยาอื่นหนา
เช่นกินหลังดีเกลือฤทธิ์ถ่ายพา                      ไม่เนิ่นช้ากวาดพยาธิหมดไส้ลำฯ


***************************************************************************

หมายเหตุ ;
*ชื่อทั่วไป มะหาด, หาด, หาดขนุน, กาแย, ตาแป, ตาแปง, หาดใบใหญ่ (ตรัง)
*ส่วนที่ใช้ ผงปวกหาด หรือ ปวกหาด ทำได้ง่ายๆ เอาแก่นไม้มะหาดมาตั้งไฟเคี่ยวกับน้ำเดือดแรงจนงวด จะมีฟองเกิดขึ้น ช้อนเอาฟองมาตากแห้ง จะได้เป็นผงสีเหลือง เรียกฝุ่นปวกหาด หรือผงปวกหาด
*ขนาด ผงปวกหาด 1 ช้อนโต๊ะปาดๆ หรือประมาณ 3-4 กรัม
*ส่วนผสม กินกับน้ำมะนาว หรือใส่ลงในหลอดข้าวเหนียวกินครั้งเดียวหมดทั้งหลอด
*ข้อบ่งใช้ รับประทานทั้งหลอดขณะท้องว่าง หลังจากกินยาถ่ายตัวอื่น เช่น ดีเกลือ 2 ช้อนโต๊ะ โดยรับประทานผงมะหาดผสมมะนาวหลังจากกินดีเกลือแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง
*ใช้ได้ผลดีกับ พยาธิตัวตืด เท่านั้น

***************************************************************************
สนอง เสาทอง
2 กรกฎาคม 56

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ...สียะตรา.., บูรพาท่าพระจันทร์, รพีกาญจน์, ไพร พนาวัลย์, panthong.kh, ชลนา ทิชากร, Shumbala

ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
03 กรกฎาคม 2013, 06:24:PM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #54 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2013, 06:24:PM »
ชุมชนชุมชน

         

        ๐สายเลือดเริ่มเหือดหาย    หลังจูงควายเข้าโรงเชือด
จำนำมันทำเดือด    มากด้วยเรือดแหละแร้งกา

        ๐จ้างดำซ้ำจ้างไถ   เหลืออะไรถึงตัวข้า
หน้าฝนฝนไม่มา    ชลประทานประทานแดด

        ๐ใส่ปุ๋ยขุดคุ้ยดิน    เงินก็สิ้นหลายสีแสด
หน้าด้านเหมือนหนังแรด     ดูกสันหลังคดโค้งงอ

        ๐ชาติช่วยต้องช่วยชาติ    ถึงคอขาดยากร้องขอ
คนดีที่หัวร่อ     เขาคือใครช่วยไขที

                          เนิน จำนำ



(อ้างถึง)

ชาวนารุ่นปู่ย่า

ชนสามัญเผ่าเชื้อ            ชาวนา
สืบเนื่องภูมิปัญญา            ปลูกข้าว
ลำบากเทวษหนักสา         หัสทุกข์ ยิ่งพ่อ
บ่สบสุขเรื้อเศร้า            อาบเคล้าชลนัยน์ฯ

แต่ปู่ทวดย่าครั้ง            นานนม
หลังตากแดดไถงห่ม            ค่ำเช้า
ควายทุยลากไถจม            พื้นทุ่ง
แปรเปลือกดินผาลห้าว         พลิกพร้อมตกกล้าฯ

ครั้นเติบกล้าใหญ่ต้น         เหมาะดำ
ก้มกอบมือถอนกำ            มัดกล้า
กล้ามัดหาบคอนย่ำ            ลัดลิ่ว
ดุ่มสู่นาห้องล้า            ฝืดพื้นหนืดตมฯ

ดำกล้าข้าวหมดถ้วน         แปลงนา
อนาถพึ่งโชคชะตา            เซ่นไหว้
บวงสรวงวิรุณฟ้า            เหล้าไก่ พลีนา
ให้ดื่นฝนแล้งไร้            ฉ่ำเลี้ยงข้าวงามฯ

ลมข้าวเบาช่วงต้น            หนาวระบัด
ข้าวปริช่อกำดัด            แรกท้อง
น้ำนาเคร่งแจงจัด            ทิ้งถ่าย บ้างเฮย
ผิพร่องน้ำบ่คล้อง            ท่วมแห้งแสลงผลฯ

ออกพรรษาเกี่ยวฟ้อน         ข้าวเบา
ข้าวหนักรอก่อนราว            ยี่น้อย*
อาจหลังก่อนนานยาว         ข้าวต่าง ชนิดนา
ช้าสุดอาจเนิ่นคล้อย            ยี่สิ้นจันทร์ดับฯ**

ยามเสร็จถ้วนเกี่ยวแล้ว         ข้าวรวง
เถ้าแก่โรงสีตวง            หักหนี้
ปุ๋ยยาค่าอื่นพ่วง            ใช้จ่าย
ท้ายสุดขายป่นปี้            หมดข้าวสิ้นลานฯ


***ชาวนาไทยไม่ว่าสมัยไหนก็ประสบชะตากรรมเช่นนี้ทั้งสิ้น

*เดือนยี่ ตามปฏิทินทางจันทรคติของไทยก็ตกประมาณเดือนธันวาคม-มกราคม ยี่น้อย แถวฉะเชิงเทราบ้านผมหมายถึงต้นธันวาคม เทียบเคียง วันพระน้อย คือวันก่อนวันพระ (ใหญ่) หนึ่งวัน ที่หลายแห่งเรียกวันโกน

**วันจันทร์ดับ อาจเป็นวันแรม 14-15 ค่ำ หรือขึ้น 1 ค่ำก็ได้ (มีโอกาส ราว 50%) การดูจันทร์เพ็ญอย่างง่ายในเขตร้อน เช่นประเทศไทย ให้ดูเวลาที่ดวงอาทิตย์ตกดังนี้
(1). ถ้าคืนนั้นดวงจันทร์ยังไม่ดับ จะไม่เห็นดวงจันทร์เลย เพราะดวงจันทร์ตกขอบฟ้าไปก่อนดวงอาทิตย์ เช่น วันแรม 13-14-15 ค่ำ
(2). ถ้าคืนนั้นเป็นคืนจันทร์ดับพอดี อาจไม่เห็นดวงจันทร์ก็ได้ เพราะดวงจันทร์จะตกไล่เลี่ยกับดวงอาทิตย์ คือตกก่อนหรือหลังดวงอาทิตย์ไม่เกิน ครึ่งชั่วโมง เช่น แรม 14-15 ค่ำ  ขึ้น 1 ค่ำ
(3). ถ้าคืนนั้นเป็นคืนอมาวสี (จันทร์ดับ) คือ คืนถัดจากคืนจันทร์ดับ จะเห็นดวงจันทร์เป็นเสี้ยวบางๆ หงายท้อง และตกตามหลังดวงอาทิตย์ไป ราว 1/2 ชั่วโมง เช่น ขึ้น 2 ค่ำ (อาจเป็นขึ้น 1 ค่ำก็ได้ ในบางเดือน)
ในที่นี้หมายถึงสิ้นเดือนยี่และขึ้น 1 ค่ำ (อาจประมาณมกราคม)


สนอง เสาทอง
3 กรกฎาคม 56

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : บูรพาท่าพระจันทร์, panthong.kh, ไพร พนาวัลย์, รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร, Shumbala

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
05 กรกฎาคม 2013, 12:04:AM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #55 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2013, 12:04:AM »
ชุมชนชุมชน

เซ็นซามูไร ๑.

     นี่หรือท่านผู้กาจ              กล้าทะนง
นามท่านอยู่ยืนยง               บัดนี้
แก่หง่อมย่อมโอ่องค์             อาจอวด
สิ้นยุคท่านแล้วลี้                หลีกไป

     ไยนิ่งอยู่นั้นเล่า               นักเลง
ผิเก่งเพลงต่อเพลง             ก็ได้
อย่าให้ยุ่งอลเวง                   ที่นี่
แนะ! เกาะกลางน้ำใกล้         เกือบถึง

     เรือหนึ่งลอยข้ามท่า       วารี
คนหมู่มากมี                       มุ่งล้อม
นักเลงใหม่ท้าตี                   คนเก่า
เอะอะมะเทิ่งห้อม               ข่มเหง

     นักเลงเก่ารับท้า             ทันใด
เรือวาดเหหัวไป                  ไป่ห้าม
ใกล้ถึงเกาะกลางไกล          จากฝั่ง
คนหมู่โดยสารข้าม             ไขว่ชม

     ผู้ท้าข่มข้ามเฒ่า             โดดพลัน
ขึ้นเกาะชักดาบกระสัน          เสือกใกล้
ผู้เฒ่าถีบเรือหัน                   ห่างเกาะ
ปล่อยนักเลงเด็กไว้             วัดผล


*พิมพ์ครั้งแรก วิทยาสารปริทัศน์

**เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, เซ็นซามูไร ๑, กวีนิพนธ์ซีไรต์ ๒๕๒๓ เพียงความเคลื่อนไหว, พิมพ์ครั้งที่ ๑๒, เกี้ยว-เกล้า-พิมพการ, กรุงเทพฯ, ๒๕๕๒, หน้า ๙๕

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตนาวดี, Shumbala, รพีกาญจน์, ดาว อาชาไนย, ชลนา ทิชากร

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
07 สิงหาคม 2013, 07:35:PM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #56 เมื่อ: 07 สิงหาคม 2013, 07:35:PM »
ชุมชนชุมชน

ปลูกต้นกวีหวังดอกหอม

        เพียรถนอมเฝ้าปลูกต้น      ดอกกวี
สู้ประหงมพัดวี                           ค่ำเช้า
หวังเชยชื่นกล่อมฤดี                กลีบช่อ
สะพรั่งลออหอมเคล้า                 ตรลบห้วงหฤทัยฯ

        ถนิมสร้อยแต่เพาะกล้า     พันธุ์กวี
เทียวรดน้ำฤดี                           ภักดิ์พร้อง
ผิต้นกว่าดอกคลี่                      ช้ายิ่ง บานนา
หนอนไหน่แมลงจ้อง               บ่อนทึ้งทำลายฯ

        ต้นกวีขืนหยัดต้น             กว่าโต
นานอยู่มากอักโข                     พะเน้า
เช้าค่ำไม่โยกโย้                        เกี่ยงบ่าย
ใจใส่หมายเติบเจ้า                    ผลิอะร้าดอกงามฯ

        ต้นเติบใหญ่ช่อสล้าง         กวีผกา
บานแบ่งหอมเพ็ญค่า                 ยิ่งแพร้ว
กลับใครอื่นมิจฉา                     ร้ายจริต
เข้าปลิดดอกสิ้นแล้ว               ร่วงพื้นเกลื่อนดินฯ

         แสนระกำเทวษแท้        ดอกกวี
ถูกส่ำมนุษย์ย่ำยี                      ช่อเจ้า
กลีบพราวร่วงกลายผี             ซากดื่น
อยู่กล่นพื้นฤทัยร้าว               พร่ำไห้ครวญถวิลฯ
 
        จึงตัดแต่งกิ่งก้าน          ไร้ดอก
ใดยับช้ำใบชอก                    ปลิดทิ้ง
ดัดงามพุ่มในนอก                 เข้ารูป
เผื่อพรุ่งชุบเจ้าพริ้ง               ดอกสล้างบานหอมฯ

สนอง เสาทอง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ดาว อาชาไนย, ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s