เขาว่ากวีตายแล้ว
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 ธันวาคม 2024, 05:33:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1] 2 3
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เขาว่ากวีตายแล้ว  (อ่าน 72106 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 16 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
06 กุมภาพันธ์ 2013, 10:55:PM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2013, 10:55:PM »
ชุมชนชุมชน

เขาว่ากวีตายแล้ว
ผู้แต่ง: โกศล อนุสิม


เขาว่ากวีนี่ตายแล้ว
พ่อแก้วแม่แก้วช่วยไม่ได้
กวีมอดม้วยมลายไป
จริงเท็จแค่ไหนใครตอบที
 
เขาว่ากวีนี่สูญพันธุ์
สงวนไม่ทันแล้วหรือนี่
โลกช่างใจร้ายไม่ใยดี
ทอดทิ้งกวีให้วอดวาย
 
เขาว่ากวีไม่มีแล้ว
โลกนี้ไม่แคล้วคงฉิบหาย
โลกขาดกวีมีแต่ตาย
วิญญาณอันร้ายต้องเข้ารุม
 
เพราะว่าบุญญาบารมี
เหมือนยันต์กันผีจากทุกหลุม
เมื่อปวงกวีมาชุมนุม
ปัญญาเป็นตุ่มมารวมกัน
 
ผีพาลขลาดเขลาไม่เข้าใกล้
ผีพาลบอดใบ้ไม่กล้าหัน
ผีต่ำสำนึกก็เผ่นพลัน
ผีร้ายกลัวยันต์ท่านกวี
 
เขาว่ากวีนี่สูญพันธุ์
ผีคงสุขสันต์แล้วคุณพี่
ขาดซึ่งบุญญาบารมี
สิ้นยันต์กันผีก็วอดวาย
 
เขาว่ากวีไม่มีแล้ว
โลกคงไม่แคล้วต้องฉิบหาย
เอ๊ะ! บทกวีนี้ใครแต่งลวดลาย
เฮ้ย! กูยังไม่ตาย  กูก็กวี!
 
๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๑
วันสุนทรภู่ครูกวี

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : จารุทัส, พยัญเสมอ, ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์, กังวาน, ดาว อาชาไนย, Shumbala, Thammada, ไร้นวล^^, สล่าผิน, พี.พูนสุข, ปู่ริน, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
06 กุมภาพันธ์ 2013, 11:00:PM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #1 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2013, 11:00:PM »
ชุมชนชุมชน

กวีตาย

ใครใครก็ว่า กวีตาย
ล้มลงจมหายในยุคสมัย
โดยมิเคยมีคนไว้อาลัย
กวีจึงปราชัยไปเงียบงัน

ใครใครก็ว่า กวีตายแล้ว
ไม่เหลือเชื้อแนวกวีขวัญ
ศพก็หาไม่เห็นเป็นสำคัญ
จึงร่ำลือกันว่าตายแท้

ตายอยู่กลางป่าอันรกชัฎ
ด้วยความอัตคัดย่ำแย่
ป่าแห่งยุคสมัยอันปรวนแปร
กวีล้มลงแผ่เพราะหมดทาง

ใครใครก็ว่า กวีตาย
เมื่อไร้ความหมายไปทุกอย่าง
ยุคสมัยไม่เห็นค่าจึงละวาง
โดยการทิ้งขว้างกวี

ใครใครก็ว่า กวีตาย
ถึงความวอดวายไม่อาจหนี
หาศพไม่เห็นเป็นการดี
ไม่ต้องมีพิธีศพรบกวนคน

ใครใครก็ว่า กวีตาย
ได้ยินมากมายในทุกหน
คล้ายคล้ายว่าเห็นเป็นมงคล
เมื่อกวีไปพ้นจากแผ่นดิน

ใครใครก็ว่า กวีตาย
ยังดอกยังไม่หายไปหมดสิ้น
ข้าก็กวีหนึ่งจงพึงยิน
ยังไม่สิ้นเสียงกวี-มีพึมพำฯ

โกศล อนุสิม
๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๑

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : จารุทัส, พยัญเสมอ, ไร้นวล^^, ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์, กังวาน, ดาว อาชาไนย, Shumbala, Thammada, พี.พูนสุข, ปู่ริน, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
07 กุมภาพันธ์ 2013, 09:35:AM
ดาว อาชาไนย
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 394
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,472



poem.archanai?fref=ts
« ตอบ #2 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2013, 09:35:AM »
ชุมชนชุมชน

[
font=Angsana New]

เขาว่ากวีนี้คืนชีพ
จงรีบไปหาอย่าพูดพร่ำ
เพื่อนพ้องน้องพี่มีกรองคำ
เลิศล้ำกวีมีมากมาย

มีแต่ตัวเราที่เหงาหงอย
ต่ำต้อยไร้แววกวีฉาย
เป็นเพียงนักกลอนซุ่มซ่อนกาย
อับอายสุดอ้างยังห่างนัก

เป็นกบหลบในกระลาครอบ
เพราะชอบสุขดีแต่มีหลัก
มิเคยสนใจใครไม่รัก
ขอทักกันบ้างไยหมางเมิน

หรือคำกวีที่เคยชื่น
คลายคืนสด้บกลับแกล้งเขิน
ไปหลงลมปากเสียมากเกิน
จึงเดินห่างจนคนละทาง

ดาว อาชาไนย
[/font]

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ไร้นวล^^, จารุทัส, Shumbala, choy, Thammada, panthong.kh, รพีกาญจน์, hort39, ชลนา ทิชากร, พี.พูนสุข, ปู่ริน, ตะวันฉาย, รัตนาวดี, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เสี้ยวอารมณ์จากใจใครคนหนึ่ง
คงไม่ซึ้งจับใจใครทั้งหลาย
แค่มีใครคนหนึ่งซึ้งไม่คลาย
ก็สมหมายใครคนหนึ่งซึ่งรักกลอน
07 กุมภาพันธ์ 2013, 10:53:AM
Shumbala
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 463
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 490



« ตอบ #3 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2013, 10:53:AM »
ชุมชนชุมชน

กวีตายแล้วสองวันก่อน
กวีซ่อนบางสิ่งทิ้งเมียห่าง
กวีต้องล่วงลับกับมือนาง
กวีแซ่จาง-คนเนี้ยะ-ถูกเมียยิง

 เคารพรัก

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : choy, Thammada, ไร้นวล^^, รพีกาญจน์, ดาว อาชาไนย, ชลนา ทิชากร, พี.พูนสุข, ปู่ริน, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
07 กุมภาพันธ์ 2013, 01:22:PM
Shumbala
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 463
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 490



« ตอบ #4 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2013, 01:22:PM »
ชุมชนชุมชน

ได้ยินเสียงประชาไหมกวี??
หรือดนตรีทิพย์สวรรค์นั้นปิดหู
เปิดตามองสองหูฟังสักครั้งดู
คงได้รู้มวลประชาหาโง่งม

เขาสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ
เลือดหลั่งอาบปฐพีที่ขื่นขม
โดยหัตถ์มารเด็ดชีพกลับชื่นชม
หรืออารมณ์เทพกวีมีเลือดทา???

แสงดาวแห่งศรัทธาเหมือนพร่าหม่น
คนเห็นคนไม่ใช่คนหาควรค่า
ไว้อาลัยซากกวีด้วยน้ำตา
จนกว่าฟ้าสีทองจะผ่องพราว


*****

แค่คนเขียนคำไร้ชื่อ

 เคารพรัก

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : Thammada, รพีกาญจน์, ไร้นวล^^, ไพร พนาวัลย์, ชลนา ทิชากร, choy, panthong.kh, พี.พูนสุข, ปู่ริน, ตะวันฉาย, จารุทัส, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
07 กุมภาพันธ์ 2013, 03:18:PM
hort39
ผู้ดูแลทุกบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 390
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,243


คำพูดที่ให้ร้าย ไม่อาจเปลียนแปลงความจริงทีผ่านมา


« ตอบ #5 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2013, 03:18:PM »
ชุมชนชุมชน

กวีไหนไหนกวีที่ยังอยู่
เท่าที่รู้ดูไปไม่เป็นข่าว
กวีอยู่หรือตายไร้เรื่องราว
ไม่ใช่ดาวเด่นฟ้ายามราตรี

หรือกวีตายไปจากใจคน
เขาไม่สนไม่แลไม่เผาผี
ตายจากความทรงจำเนิ่นนานปี
รอฟังเสียงกวี...ไร้วี่แวว...

 งง....

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ไร้นวล^^, ดาว อาชาไนย, Thammada, ไพร พนาวัลย์, ชลนา ทิชากร, panthong.kh, choy, Shumbala, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, ปู่ริน, ตะวันฉาย, จารุทัส, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

07 กุมภาพันธ์ 2013, 09:42:PM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #6 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2013, 09:42:PM »
ชุมชนชุมชน

โอ้...อนาถา

เขาเป็นกวีด้วยสระอาอีไอ
สัมผัสกันยกใหญ่ด้วยไออีอา
ใครใครว่ากวีไม่มีราคา
มีแต่ไอ้บ้าติดอาไออี

จาก เหนียม,โอ้...อนาถา,ศิลปวัฒนธรรม,ปีที่ ๓๒ ฉบับที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ หน้า ๒๙

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พยัญเสมอ, ไพร พนาวัลย์, ชลนา ทิชากร, ไร้นวล^^, จารุทัส, Shumbala, Thammada, สล่าผิน, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, ปู่ริน, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
07 กุมภาพันธ์ 2013, 11:19:PM
ไพร พนาวัลย์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 2083
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,422


นักร้อง


paobunjin
« ตอบ #7 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2013, 11:19:PM »
ชุมชนชุมชน


ลาตายดีกว่าตู     ลาตายดีกว่าตู      ลาตายดีกว่าตู

ใครหนอว่ากวีนี้ตายแล้ว
หายใจแผ่วผะผ่าวคราวหน้าฝน
พิมพ์หนังสือ“คืนชีพกวี”ดั่งมีมนต์
เพื่อนสองคน “สล่าผิน”ด้วยยินดี

รวมกวีมีมากไม่อยากเล่า
ล้วนหมู่เฮาชาวกลอนวอนเร็วรี่
แต่จริงแล้วไม่ถึงขั้นชั้นกวี
เพียงแต่มีหัวใจไร้พรมแดน

ใครหนอว่ากวีนี้ตายแล้ว
เชิญเพื่อนแก้วค้นหามาควงแขน
“สล่าผิน”คงมอบไว้ตอบแทน
ไว้ให้แฟนสัมพันธ์ที่หันมอง ขอจุ๊บ..หน่อย

“ไพร พนาวัลย์”

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ไร้นวล^^, ชลนา ทิชากร, panthong.kh, choy, Shumbala, Thammada, สล่าผิน, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, ปู่ริน, ตะวันฉาย, จารุทัส, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

08 กุมภาพันธ์ 2013, 06:30:AM
panthong.kh
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 2989
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 8,676



« ตอบ #8 เมื่อ: 08 กุมภาพันธ์ 2013, 06:30:AM »
ชุมชนชุมชน

ฉลองกัน
กระวีกระวาด มาตอบ ด้วยชอบอก
กระตกกระตาก มากมี หรี่ตาส่อง
กระย่องกระแย่ง ตื่นมา ตาจ้องมอง
กระร่องกระแร่ง แย่งซีน แอบปีนเกลียว

จะเหน็ดจะเหนื่อย เฉื่อยชา อย่าว่าฉัน
จะดุจะดัน วันนี้ อาจมีเบี้ยว
จะตามจะติด คิดมาก ลำบากเชียว
จะแลจะเหลียว มองเด่น เห็นกวี (กวีที่ว่า  คือ กวี ตันจรารักษ์จ้า)
พันทอง
 ฉลองกัน

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ไร้นวล^^, choy, Shumbala, Thammada, ไพร พนาวัลย์, สล่าผิน, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, ชลนา ทิชากร, ปู่ริน, จารุทัส, lookmai2000, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
08 กุมภาพันธ์ 2013, 07:26:PM
สล่าผิน
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 532
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,034



« ตอบ #9 เมื่อ: 08 กุมภาพันธ์ 2013, 07:26:PM »
ชุมชนชุมชน


กวีมิขาดจากใจมนุษย์
อาจหยุดแต่งบ้างบางวิถี
ดิ้นรนขวนขวายสายทางมี
ทั้งนี้กวีอยู่คู่กับใจ

เมื่อคราฝ่างานการหน้าที่
กวีก็งอกออกมาได้
ช่วงว่างวางคำลำนำไป
เพราะไม่คิดจบกลบคำคม

ขณะทำกรำงานแอบสานถัก
เพราะรักอักษราหาเพาะบ่ม
คำนั้นบวกคำนี้มีอารมณ์
ผสมกันได้ไม่อับจน

สล่าผิน

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, panthong.kh, ไร้นวล^^, ไพร พนาวัลย์, ชลนา ทิชากร, choy, plang, Shumbala, Thammada, ปู่ริน, ตะวันฉาย, จารุทัส, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ชายใจคอนโด
09 กุมภาพันธ์ 2013, 09:48:AM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #10 เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2013, 09:48:AM »
ชุมชนชุมชน

โว้...มิอนาทร

เขาเป็นกวีด้วยสระอีอาไอ
สัมผัสกันยกใหญ่ด้วยไออีอา
ใครใครว่ากวีไม่มีราคา
มีแต่ไอ้บ้าติดอาไออี*


(อ้างถึง)

คมคำ ‘เหนียม’ บอกโอ้อนาถา
กวีอีไออาบ้าสัมผัสกันยกใหญ่
ไร้ราคามิควรค่ากวีใด
สิ้นความหมายสิ้นค่าราคากวี

ขอคารวะสักจอกบอกโว้มิอนาทร
ด้วยทูนฟ้อนฉันทลักษณ์บรรณศรี
งายงมเสพกานท์กรองไออาอี
พร้องยินดีเป็นไอ้บ้าค้ำทูนใจ

มิคิดขึ้งใครใครเขาดอกหนา
วาสนามิอาจเอื้อมซีไรต์
หมายซีฟู้ดแพงเหลือ (บาทเงิน) บาดใจ
กุลีคำเอื้อมได้แต่ไออีอา

ย้อนแต่ครั้งวุ่นวายละอ่อนวัย
ลุ่มหลงกลอนพระอภัยหนักหนา
คมคำกลอนสุนทรภู่ทูนบูชา
แอบแต่งเลียนลอกมาอยู่ประจำ

ชั้นกลอนครูสัมผัสละเมียดละไม
สัมผัสนอกสัมผัสในเลิศล้ำ
สัมผัสสระสัมผัสเสียงสัมผัสคำ
จึงกรานไหว้ลำนำสุนทรกวี

กุลีคำมิขึ้งใครในจริต
มิจ้วงสิทธิ์ใครเปลือกใครกระพี้
กลอนเปล่า (เปลือย) หรือไออาอี
ใจยินดีเสพดื่มเสมอกัน

กุลีคำวาสนาไกลซีไรต์
หมายซีฟู้ดแพงไปใจท้อหวั่น
อาไออีเพื่อนแท้เข้าใจกัน
จึงยืนยันขอเป็นกวีอีอาไอฯ

สนอง เสาทอง
8 กุมภาพันธ์ 56
อินทามระ 10

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, panthong.kh, Thammada, ไร้นวล^^, Shumbala, ชลนา ทิชากร, ปู่ริน, จารุทัส, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
09 กุมภาพันธ์ 2013, 10:17:AM
panthong.kh
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 2989
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 8,676



« ตอบ #11 เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2013, 10:17:AM »
ชุมชนชุมชน


จะกระพี้ หรือแก่น หากแน่นหนัก
สักวันควัก เปลือกออก ลอกกระพี้ได้
ข้างนอกผุ ในผ่อง เป็นยองใย
หุ้มเอาไว้ ไม่อวด ให้ปวดทรวง

คารวะ  เป็นไห ไหมเล่าท่าน
รีบจัดสรรค์ ปันส่วน สวนมะม่วง
ปูเสื่อเข้า เหล้าซด หมดทั้งยวง
ไฮโลพ่วง ท้ายมา อย่าว่ากัน

ยกเหล้าซด หมดไห ใจเกินร้อย
เห็นช้างพลอย ว่าหมู ขู่เสียงลั่น
ฉันแทงสูง ยักลงต่ำ ช้ำจาบัลย์
ดังสนั่น สวนมะม่วง ช่วงสองยาม

ยักไม่จ่าย หลายครั้ง ระวังไว้
ยักของใคร ไม่หวั่น ฉันขอห้าม
เดี๋ยววงแตก แหวกหนี พี่หมวดตาม
ตอนตีสาม ใส่ตีนผี หนีลูกเดียว
พันทอง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : Thammada, choy, ไร้นวล^^, Shumbala, รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร, ไพร พนาวัลย์, ปู่ริน, จารุทัส, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
09 กุมภาพันธ์ 2013, 10:21:AM
Thammada
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 342
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 229


ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ


« ตอบ #12 เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2013, 10:21:AM »
ชุมชนชุมชน



" แม่ "(ข้ามขอบฟ้า)

ดื่นดึกหนาว ดาวเด่น เย็นยะเยียบ
เสียงความเงียบ เสียดแทง ในแท่งหิน
ล้อแห่งกาล ผ่านเลื่อน เหมือนโบยบิน
เสียงแม่ดิน รินร่ำ คำห่วงใย

แม่โอบเอื้อ เผื่อแผ่ แก่ลูกสิ้น
อกแม่ดิน ตระหนี่ เคยมีไหม
หากลูกรัก รักคืน แม่ชื่นใจ
แม้ลูกไหน ไม่รัก ไม่หักราน

ในรวงข้าว แม่ผสม นมอร่อย
ในลำอ้อย แม่ผสม น้ำนมหวาน
กลีบดอกเอื้อง แม่แต่ง สีแบ่งบาน
ชูช่อก้าน คลี่พวง ยวงระย้า

เรียงลำไผ่ แม่สอน ให้อ่อนพลิ้ว
ขับเพลงผิว แผ่วกล่อม ถนอมป่า
หยาดน้ำค้าง พร่างแพรว แนววนา
คือน้ำตา เต็มตื้น แม่ชื่นชม

ขอลูกผอง ของแม่ แผ่ความรัก
ร่วมทอถัก แทนแพร ให้แม่ห่ม
คุ้มแรงร้อน ผ่อนแสง ร้อนแรงลม
หยุดเคืองข่ม งอแง รังแกกัน

ประพันธ์โดย : อาจารย์มะเนาะ ยูเด็น

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ไร้นวล^^, choy, panthong.kh, Shumbala, รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร, พี.พูนสุข, ไพร พนาวัลย์, ปู่ริน, D, ตะวันฉาย, จารุทัส, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
09 กุมภาพันธ์ 2013, 11:42:AM
ไร้นวล^^
ผู้ดูแลบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 825
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,430

โปรดแนะนำเพื่อค้ำชูภาษาไทย


« ตอบ #13 เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2013, 11:42:AM »
ชุมชนชุมชน

 
เคารพรัก เคารพรัก เคารพรัก

๐ตราบเสียงกล่อมกระบวรล้วนสยาม
ตราบคำถามถ้อยสื่อคือไทยขวัญ
ตราบสำเนียงเรียงร่ายประกายพรรณ
ตราบเมื่อนั้นกวียังมีมา

๐พลิ้วแผ่วเพลงภาษณ์พงศ์ดำรงลักษณ์
พลิ้วเพลินรักรมย์เห่เสน่หา
พลิ้วพจน์เพริศเพลินบทรจนา
พลิ้วลีลากวีเกินลี้ลง

๐หากยังมีมัจฉาสาคเรศ
พนาเวศน์คุ้มวิหคโอบอกหงส์
ภุมรินถวิลกลิ่นบุษบง
กวีคงยังอยู่เป็นครูความ

๐ฉันก็เพียงเพียรพร่ำเพราะคำสอน
ฝึกกลั่นกลอนหวังผ่องสักสองสาม
เพื่อระลึกตรึกค่าภาษางาม
อันสยามกวินทร์ประพิณพรม

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : choy, รพีกาญจน์, panthong.kh, ชลนา ทิชากร, Thammada, พี.พูนสุข, ไพร พนาวัลย์, ปู่ริน, D, ตะวันฉาย, จารุทัส, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แดนดินใดให้เราเกิด  เราจะเทิดทูนไว้เหนือเศียร
10 กุมภาพันธ์ 2013, 04:52:PM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #14 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2013, 04:52:PM »
ชุมชนชุมชน

หากโลกสิ้นกวี

หากโลกนี้ขาดสิ้นกวีศรี
มวลบุปผชาติมาลีคงเจียมค่า
ไร้ซึ่งกวีเชยชื่นพร่ำพรรณนา
ปวงบุปผาคงเขียมบานไร้ใครมอง

หากโลกนี้ขาดสิ้นกวีศรี
เถื่อนไศลผาวนาลีคงค่าหมอง
ไร้ซึ่งกวีรจนาแปรค่าทอง
อย่างช่ำชองชวนพินิจพิสดาร

หากโลกนี้ขาดสิ้นกวีศรี
มหานทีชเลสินธุ์คงสิ้นสาส์น
ไร้ซึ่งกวีแปรถ้อยร้อยพจน์กานท์
เพื่อขับขานบึ้งวิญญาณชลาลัย

หากโลกนี้ขาดสิ้นกวีศรี
ท้าวสุรีย์คงหม่นสิ้นสูรย์สาย
ไร้ซึ่งกวีด่ำดื่มแสงเช้ากราย
อีกแดดบ่ายเคลื่อนขับย่ำอัสดง

หากโลกนี้ขาดสิ้นกวีศรี
ม่านราตรีเดือนดวงคงหลับหลง
ไร้ซึ่งกวีเตือนย้ำ ข้างขึ้น-แรมลง
ทิ้งดาริกาเฝ้าโยงอยู่ดายเดียว

หากโลกนี้ขาดสิ้นกวีศรี
เคียวรุ้งคงทอสันสีฝืนห่อเหี่ยว
ไร้ซึ่งกวีปลอบประโลมและยาเยียว
เมฆคงเศร้าเปล่าเดี่ยวไม่แผกกัน

หากโลกนี้ขาดสิ้นกวีศรี
พงศ์สกุณีแมลงไพรคงโศกศัลย์
ไร้ซึ่งกวีนั่งสดับสำเนียงจำนรรจ์
วิหคก็พลันงดบรรเลงมโหรีไพร

หากโลกนี้ขาดสิ้นกวีศรี
ความจริง-ความงาม-ความดี อยู่ไฉน
ไร้ซึ่งกวีแปรค่ามาวางราย
คงหล่นหายจมเท้าจ้าวโลกีย์ฯ

สนอง เสาทอง
8 กุมภาพันธ์ 56
อินทามระ 10

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, อริญชย์, ชลนา ทิชากร, Thammada, D, จารุทัส, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
12 กุมภาพันธ์ 2013, 12:15:AM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #15 เมื่อ: 12 กุมภาพันธ์ 2013, 12:15:AM »
ชุมชนชุมชน

กวีไม่ใช่ศาสดา

หากโลกนี้ไร้กวีไปหมดสิ้น
มวลตฤนชาติดอกดินใช่เจียมค่า
แม้ไร้กวีครวญคร่ำพรรณนา
ปวงบุปผายังคงบานวิรงรอง

หากโลกนี้ไร้กวีไปหมดสิ้น
เถื่อนไศลผาโขดหินมิสิ้นหมอง
แม้ไร้กวีรจนาแปรค่าทอง
ยังชวนมองวิสุทธิ์พิจิตรตระการ

หากโลกนี้ไร้กวีไปหมดสิ้น
มหานทีชเลสินธุ์ยังสืบสาน
แม้ไร้กวีแปรถ้อยร้อยเพ็ญกานท์
ปวงวิญญาณสาครยังเคลื่อนไหล

หากโลกนี้ไร้กวีไปหมดสิ้น
ท้าวสุรีย์ยังเร่ารินแสงสูรย์สาย
แม้ไร้กวีด่ำดื่มแสงเช้ากราย
ยังกราดแสงแดดบ่ายไคลอัสดง

หากโลกนี้ไร้กวีไปหมดสิ้น
เดือนดวงยังมิผินไพล่หลับหลง
แม้ไร้กวีเตือนย้ำ ข้างขึ้น-แรมลง
โสมเฝ้าโยงมิทิ้งดาวให้ดายเดียว

หากโลกนี้ไร้กวีไปหมดสิ้น
เคียวรุ้งยังมิถวิลฝืนห่อเหี่ยว
แม้ไร้กวีอ้อนประโลมและยาเยียว
รุ้งและเมฆไม่เปล่าเดี่ยวพร้องคู่กัน

หากโลกนี้ไร้กวีไปหมดสิ้น
พงศ์สกุณินแมลงไพรยังเครงฝัน
แม้ไร้กวีหนีลับไปกัปกัลป์
ยังประเลงครื้นครั่นดนตรีไพร

หากโลกนี้ไร้กวีไปหมดสิ้น
ค่าความจริง-งาม-ดี-ไปสิ้นร้าย
แม้ไร้กวีแปรค่ามาวางราย
คิดเองได้กวีใช่พระศาสดาฯ

พัชรวี  หอมเนียม

เกษตรศาสตร์

บางเขน

11 ก.พ. 56

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์, Thammada, Shumbala, อริญชย์, จารุทัส, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
02 มีนาคม 2013, 08:12:AM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #16 เมื่อ: 02 มีนาคม 2013, 08:12:AM »
ชุมชนชุมชน

โลกย่อส่วน...
(เสมือนคำนำผู้เขียน)

โดยไม่รู้ ว่าโลกนี้ มีกวี
เราก็มี "อารมณ์กวี" ที่รู้สึก
ระหว่างวัย ดงดอกไม้ ไหวระลึก
ระหว่างบรรทัด บทบันทึก ที่ลึกซึ้ง

โดยไม่รู้ ว่าโลกนี้ มีดนตรี
เราก็มี "อารมณ์สุนทรีย์" ที่รักและคิดถึง
ด้วยคำร้อง ทำนอง ของคำนึง
ฝากเพลงไหน เพลงหนึ่ง ถึงใจนั้น

พลังเพลง พลังกวี พลังชีวิต
พลังจิต พลังจริง พลังฝัน
โลกนี้ ช่างแสน มหัศจรรย์
แม้ห่างกัน ก็พบกัน บันดาลใจ

ท่ามกลาง แปลกหน้า แหละคุ้นหน้า
พลังรัก พลังศรัทธา ยังยิ่งใหญ่
เพลงกวี ประคองหวัง ของเราไว้
สำหรับให้ สำหรับรับ สำหรับรัก!


ไพวรินทร์ ขาวงาม
โลกย่อส่วน... (เสมือนคำนำผู้เขียน), ณ ที่ซึ่งแม่โพสพเคยสถิต, กรุงเทพฯ, แพรวสำนักพิมพ์, 2553

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ไร้นวล^^, รพีกาญจน์, จารุทัส, เพรางาย, ชลนา ทิชากร, พี.พูนสุข, Thammada, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
03 มีนาคม 2013, 11:57:AM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #17 เมื่อ: 03 มีนาคม 2013, 11:57:AM »
ชุมชนชุมชน

กวีไม่ใช่ศาสดา

หากโลกนี้ไร้กวีไปหมดสิ้น
มวลตฤนชาติดอกดินใช่เจียมค่า
แม้ไร้กวีครวญคร่ำพรรณนา
ปวงบุปผายังคงบานวิรงรอง

หากโลกนี้ไร้กวีไปหมดสิ้น
เถื่อนไศลผาโขดหินมิสิ้นหมอง
แม้ไร้กวีรจนาแปรค่าทอง
ยังชวนมองวิสุทธิ์พิจิตรตระการ

หากโลกนี้ไร้กวีไปหมดสิ้น
มหานทีชเลสินธุ์ยังสืบสาน
แม้ไร้กวีแปรถ้อยร้อยเพ็ญกานท์
ปวงวิญญาณสาครยังเคลื่อนไหล

หากโลกนี้ไร้กวีไปหมดสิ้น
ท้าวสุรีย์ยังเร่ารินแสงสูรย์สาย
แม้ไร้กวีด่ำดื่มแสงเช้ากราย
ยังกราดแสงแดดบ่ายไคลอัสดง

หากโลกนี้ไร้กวีไปหมดสิ้น
เดือนดวงยังมิผินไพล่หลับหลง
แม้ไร้กวีเตือนย้ำ ข้างขึ้น-แรมลง
โสมเฝ้าโยงมิทิ้งดาวให้ดายเดียว

หากโลกนี้ไร้กวีไปหมดสิ้น
เคียวรุ้งยังมิถวิลฝืนห่อเหี่ยว
แม้ไร้กวีอ้อนประโลมและยาเยียว
รุ้งและเมฆไม่เปล่าเดี่ยวพร้องคู่กัน

หากโลกนี้ไร้กวีไปหมดสิ้น
พงศ์สกุณินแมลงไพรยังเครงฝัน
แม้ไร้กวีหนีลับไปกัปกัลป์
ยังประเลงครื้นครั่นดนตรีไพร

หากโลกนี้ไร้กวีไปหมดสิ้น
ค่าความจริง-งาม-ดี-ไปสิ้นร้าย
แม้ไร้กวีแปรค่ามาวางราย
คิดเองได้กวีใช่พระศาสดาฯ

พัชรวี  หอมเนียม

(อ้างถึง)

คนกวีอาจใครนั้น

เขาและเธอคนกวีอาจใครนั้น
พร่ำจำนรรจ์อ้อนโลมโฉมบุปผา
อยู่วี่วันดอมดมหอมสุคนธา
แปรหอมผกาถักถ้อยร้อยหอมกรอง

เขาและเธอคนกวีอาจใครนั้น
อยู่เงียบงันซ่อนหลืบเถื่อนผาช่อง
เสพมนตราภูวนาอันรังรอง
เสกคำนองบำเหน็จก่องเก็จกานท์

เขาและเธอคนกวีอาจใครนั้น
อย่างดื้อรั้นฝันล่องท้องชลหาร
อยู่อย่างนั้นเงียบเงียบคล้ายดักดาน
กำซาบซึ้งวิญญาณชเลนัย

เขาและเธอคนกวีอาจใครนั้น
ผู้บากบั่นรอแสงเช้ารวีร่าย
แล้วจิบดื่มเพรื่อพร่ำอยู่ร่ำไร
กรีดน้ำตาอาลัยใกล้อัสดง

เขาและเธอคนกวีอาจใครนั้น
คอยคืนจันทร์เต็มจันทร์มิหลับหลง
แม้คืนแรมศศิธรมิค้างคง
ยังแรมโยงชื่นดาวอยู่เปล่าเดียว

เขาและเธอคนกวีอาจใครนั้น
ถักทอฝันโค้งรุ้งเคียวใจเกี่ยว
โน้มรุ้งงามจูบดินเพื่อยาเยียว
มิให้เหงาซึมเซียวเกลียวเวิ้งนภา

เขาและเธอคนกวีอาจใครนั้น
สำเริงสนานสดับรื่นดนตรีปักษา
ปีเดือนวันคลาผ่านธารเวลา
ยังโหยหาส่ำเสียงสำเนียงไพร

เขาและเธอคนกวีอาจใครนั้น
ใช่ศาสดาอาตมันยิ่งใหญ่
เพียรฝึกตนไถ่พ้นกิเลสอบาย
ร้อยกวีกานท์สืบสายวิญญาณกวินทร์ฯ

สนอง เสาทอง
28 กุมภาพันธ์ 56
อินทามระ 10

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : จารุทัส, ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, Thammada

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
04 มีนาคม 2013, 04:07:PM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #18 เมื่อ: 04 มีนาคม 2013, 04:07:PM »
ชุมชนชุมชน

คนกวีอาจใครนั้น

เขาและเธอคนกวีอาจใครนั้น
พร่ำจำนรรจ์อ้อนโลมโฉมบุปผา
อยู่วี่วันดอมดมหอมสุคนธา
แปรหอมผกาถักถ้อยร้อยหอมกรอง

เขาและเธอคนกวีอาจใครนั้น
อยู่เงียบงันซ่อนหลืบเถื่อนผาช่อง
เสพมนตราภูวนาอันรังรอง
เสกคำนองบำเหน็จก่องเก็จกานท์

เขาและเธอคนกวีอาจใครนั้น
อย่างดื้อรั้นฝันล่องท้องชลหาร
อยู่อย่างนั้นเงียบเงียบคล้ายดักดาน
กำซาบซึ้งวิญญาณชเลนัย

เขาและเธอคนกวีอาจใครนั้น
ผู้บากบั่นรอแสงเช้ารวีร่าย
แล้วจิบดื่มเพรื่อพร่ำอยู่ร่ำไร
กรีดน้ำตาอาลัยใกล้อัสดง

เขาและเธอคนกวีอาจใครนั้น
คอยคืนจันทร์เต็มจันทร์มิหลับหลง
แม้คืนแรมศศิธรมิค้างคง
ยังแรมโยงชื่นดาวอยู่เปล่าเดียว

เขาและเธอคนกวีอาจใครนั้น
ถักทอฝันโค้งรุ้งเคียวใจเกี่ยว
โน้มรุ้งงามจูบดินเพื่อยาเยียว
มิให้เหงาซึมเซียวเกลียวเวิ้งนภา

เขาและเธอคนกวีอาจใครนั้น
สำเริงสนานสดับรื่นดนตรีปักษา
ปีเดือนวันคลาผ่านธารเวลา
ยังโหยหาส่ำเสียงสำเนียงไพร

เขาและเธอคนกวีอาจใครนั้น
ใช่ศาสดาอาตมันยิ่งใหญ่
เพียรฝึกตนไถ่พ้นกิเลสอบาย
ร้อยกวีกานท์สืบสายวิญญาณกวินทร์ฯ

สนอง เสาทอง


(อ้างถึง)

เธอและเขาคนกวี

เธอและเขาคนกวีเช่นนี้หนอ
มิพรั่นท้อน้ำใจงามพราวค่า
ทวนกระแสยุคสมัยทุนโลกา
ปวารณาตนศรัทธาวิถีกรอง

เธอและเขาคนกวีเช่นนี้หนอ
มิระย่อลำบากทิ้งหับห้อง
รอนภูไพรไล่คว้าฝันรังรอง
กลั่นทำนองรื่นเสนาะคีตกานท์

เธอและเขาคนกวีเช่นนี้หนอ
อยู่จดจ่อคลื่นเห่ชเลม่าน
อยู่อย่างนั้นไม่เบื่อและรำคาญ
เพื่อซึมสร้านวิญญาณชลาลัย

เธอและเขาคนกวีเช่นนี้หนอ
ผู้ทนอยู่เฝ้ารอสูรย์แรกสาย
จิบดื่มไหมหมอกเช้าละเมียดละไม
และละเลียดแสงสุดท้ายอัสดง

เธอและเขาคนกวีเช่นนี้หนอ
ขึ้นหรือแรมมิท้อและหลับหลง
ใจพูนภักดิ์เดือนดาวอยู่มั่นคง
ทุกค่ำคืนเฝ้าโยงอยู่ดายเดียว

เธอและเขาคนกวีเช่นนี้หนอ
เฝ้าพะนอรุ้งลออเคียวใจเกี่ยว
ปลอบประโลมเยียวใจหายซมเซียว
บนทางเทียวโค้งฟ้ามรคา

เธอและเขาคนกวีเช่นนี้หนอ
อ้ออี๊ออเพลินเสียงซอปักษา
อีกส่ำเสียงมโหรีแมลงพนา
เริงชีวาเสพร่ำคอนเสิร์ตไพร

เธอและเขาคนกวีเช่นนี้หนอ
มิฉลฉ้อค่ามนุษย์ยิ่งใหญ่
และปล่อยวางกิเลสโลกีย์อบาย
เพื่อสืบสายเชื้อพันธุ์กวีพงศ์ฯ

พัชรวี หอมเนียม
3 มีนาคม 56
กำแพงแสน

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, Thammada, จารุทัส

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
04 มีนาคม 2013, 05:57:PM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« ตอบ #19 เมื่อ: 04 มีนาคม 2013, 05:57:PM »
ชุมชนชุมชน

เจียระไนแก้วมณีแห่งชีวิต


   หากชีวิตว่างแล้ง         มโนธรรม
จักจ่อมตายหายจำ            ไป่ได้
มดปลวกที่ถึงกรรม            สูญเปล่า
โลกไม่รู้จักไซร้               หม่นไหม้เวรมหันต์ฯ

   น้ำใจคือหลั่งฟ้า         สายฝน
เมฆอยู่เมืองบน            หล่นหล้า
ไมตรีชื่นใจคน               ทั้งโลก
โศกเร่งหายภายหน้า            แกร่งกล้าถวายขวัญฯ

   เกิดมาเพื่อจ่ายหนี้         ธรณี
ค้างค่าโพธิสัตว์ศรี            ส่วยแก้ว
อุปการซึ่งโลกมี            แด่มนุษย์ นั้นมา
คืนค่าสังคมแล้ว            พร่างแพร้วมณีศิลป์ฯ

   ตื่นแต่ดึกนั้น            วันคืน
สั้นแต่ยาวอายุยืน            หมื่นข้าว
อ่านเขียนแต่งโคลงฝืน            จนสว่าง
ตนตื่นถึงพุทธเจ้า            รุ่งเร้าพลังขลังฯ

   หลับตาหัวค่ำข้าม         อุษาโยค
ยาวแต่สั้นอายุโศก            เสื่อมสั้น
อวิชชาเร่งอปโลกน์            กิเลสโลก นานา
ตกหล่มตนดื้อรั้น            ร่วงแล้งพลังสลาย  ฯ@ฯ

   ใจใครเหลวไหลฆ่าเวลา
เล่ห์ฆ่าวิชาทำสูญหาย
ขาดงานอมตะค่าแพรวพราย
จะตายอย่างสุนัขเน่าเปล่าไปฯ

   กระแสเวลาสายวารี
ระเรื่อยรี่ไหลคอยใครไฉน
สิ่งสุนทรีย์ไม่มีสถิตใจ
อวิชชาใหม่ทาสเก่างั่งงมฯ

   งกโลภอะไรในโลกนี้
รีบปล้นจี้ฝากป่าช้าสะสม
แต่แสงรุ้งหรือจะเปื้อนโคลนตม
ชื่นปราชญ์ขมก็หวานญาณปัญญาฯ

   นั่นอเวจีนี่พระพุทธเจ้า
ค่ำเช้าเพ่งคิดธรรมปฤศนา
ตื่นดึกดื่นเรียนค่าเวลา
ยืดค่าชีวายืนหมื่นปี

   เร่งเพียรเขียนกาพย์กลอนโคลงฉันท์
กำนัลโลกเลิศประเสริฐศรี
เพื่อมนุษย์มั่วคุณงามความดี
ปฐพีเป็นสวรรค์นิรันดร ฯ@ฯ   

อังคาร กัลยาณพงศ์
เจียระไนแก้วมณีแห่งชีวิต, ปณิธานกวี, พิมพ์ครั้งที่ 11, กรุงเทพฯ : ศยาม, 2554, pp61-63

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พี.พูนสุข, Thammada, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s