ต่อไป »

[บุคคลทั่วไป]

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)

[♥ กานต์ฑิตา ♥]

......................ฯล..................................

อีกประการขอรบกวนเขียนให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ กลอนสังขลิก ของ

หลวงธรรมาภิมณฑ์ ที่ได้ประดิษฐ์แบบไว้

ขอตัวอย่างตั้งแต่กลอน 2 ถึงกลอน 9 เลยนะครับ 

ขอบคุณอีกครั้งครับ

emo_47เมื่อขอมาก็จัดให้ค่ะ ท่านใดสนใจใคร่ลอง เชิญตามสบายเลยนะคะ 

 

[toshare]

ขอบคุณยิ่ง และขออนุญาตนำไปเผยแพร่ต่อไปครับ

แผ่ = ขยาย
แพร่ = กระจาย

จำง่าย ๆ ครับ : แผ่ขยาย แพร่กระจาย

[สมนึก นพ]

วันนี้ มีหล่อ
คิวต่อ รอนาน

ที่ร้าน บ้านใกล้
ขอให้ ได้ตัด

แต่งคัด จัดทรง
ยังงง หลงป้าย

เปลี่ยนหลาย รายการ
แจ้งผ่าน อ่านรู้

มองดู อยู่นั่น
ใช่มัน นั้นแน่

เขาแก้ แท้หนา
ราคา มาเพิ่ม

จากเดิม เริ่มใหม่
ผู้ใหญ่ ให้รู้

ล้างหู ถูหน้า
อัตรา ค่าแพง

เคลือบแคลง แฝงปม
ตัดผม ร่มเย็น

แค่เห็น เป็นผ่าน
เพดาน คานกลม

พัดลม สมจัง
เสียงดัง ฟังชัด

แอ๊ดอั๊ด จัดมา
หลบหนา น่ากลัว.

นพ
21ม.ค.56

[♥ กานต์ฑิตา ♥]

**ผลไม้ที่ฉันชอบ**

[♥ กานต์ฑิตา ♥]

**กลอนสังขลิก**

สังขลิก [สัง-ขะ-ลิก] (มค. สงฺขลิกา) น. เครื่องจองจำ, โซ่ตรวน.

กลอนสังขลิก จัดเป็นกลอนชาวบ้านประเภทเพลงเด็ก โดยส่วนใหญ่เป็นบทร้องเล่น
ลักษณะเด่นอยู่ที่การส่งสัมผัสไม่เหมือนกับกลอนสุภาพ [1]

ลักษณะบังคับ

๑. กลอนสังขลิกบังคับสัมผัส ๒ แห่ง ได้แก่ สัมผัสระหว่างวรรคแรกกับวรรคหลังในบาทเดียวกันแห่งหนึ่ง
และสัมผัสท้ายบาทแรกกับท้ายวรรคแรกของบาทต่อไปอีกแห่งหนึ่ง เกี่ยวเนื่องกันไปเรื่อยๆ จนตลอดบท

๒. จำนวนคำในวรรคมีตั้งแต่วรรคละ ๓ คำ ถึงวรรคละ ๕ คำ กำหนดบาทละ ๒ วรรค บทหนึ่งจะมีกี่บาทก็ได้

หลวงธรรมาภิมณฑ์ [2] ได้ประดิษฐ์แบบของกลอนสังขลิกไว้ ๘ ชนิด ตามจำนวนคำในวรรค
ตั้งแต่กลอน ๒ ถึงกลอน ๙ แต่ไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

อ้างอิง

[1] ^ สุภาพร มากแจ้ง. กวีนิพนธ์ไทย 1. กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์, 2535.
[2] ^ ธรรมาภิมณฑ์, หลวง. ประชุมลำนำ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี, 2514.

(วิกิพีเดีย)

[♥ กานต์ฑิตา ♥]

[♥ กานต์ฑิตา ♥]

[toshare]

....ขอขอบใจยิ่งแล้.......................นำเสนอ
"สังขลิก" บ หลงเผลอ...................ปล่อยร้าง
"กลบท" "ลิลิต" "ค่าว" หวังเกลอ.......สานสืบ
ร่วมรักษ์ร่วมสรรค์สร้าง....................ร่ายไว้ประดับสยาม

[♥ กานต์ฑิตา ♥]

[♥ กานต์ฑิตา ♥]

[♥ กานต์ฑิตา ♥]

กลอนสังขลิก ปรากฏหลักฐานในหนังสือชื่อ ประชุมลำนำ  ประมวลตำรากลอนกานต์ โคลงฉันท์ 
ของ   รองอำมาตย์เอกหลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก)  หน้าที่ ๓๐๗-๓๑๔
โดยกลอนสังขลิกนี้ จะเริ่มตั้งแต่กลอนสังขลิก ๒ ถึง กลอนสังขลิก ๙
มีความแตกต่างจากกลอนสุภาพในเรื่องการส่ง-รับสัมผัส
โดยเสียงในวรรคสุดท้ายของบทแรกจะส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ายของวรรคแรกของบทต่อไป
ซึ่งกลอนสุภาพจะส่งสัมผัสไปยังวรรคที่สองของบทต่อไป


.....วันนี้คุณลองเขียนกันหรือยังคะ?...........

[♥ กานต์ฑิตา ♥]

รองอำมาตย์เอกหลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก)

เป็นชาวจังหวัดจันทบุรี ตำบลตะปอนน้อย อำเภอขลุง
เกิดในสมัยรัชกาลที่ ๔ เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๐๑ ปีมะเมีย
ถึงแก่กรรมด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๗๑ อายุได้ ๗๑ ปี


 

[บ้านริมโขง]

กลอนสังขลิก ๖

เป็นเพียงหนึ่งซึ่งกวี       สร้างให้มีหลายหลากเล่ห์
เป็นแบบดังหวังถ่ายเท           อุปเท่ห์ทางกลอนกานท์

ดุจดั่งเป็นเช่นห้วยหาน             หลากลำธารผ่านน้ำไหล
มีหลายอย่างต่างกันไป         ทั้งขุ่นใสในสายชล

เมื่อบ้านเมืองรุ่งเรืองล้น        ทุกหมู่ชนคนสดสวย
ไพร่ฟ้าชื่นรื่นอำนวย          สุขเสริมด้วยทุกหมู่นำ

จึ่งสร้างสรรค์วรรณกรรม         เลิศเลอล้ำคำขานไข
ตามแต่เจตน์แห่งเฉดใคร        สถิตในใจเมืองมนต์

ต่อเนิ่นนานกาลผ่านพ้น           เหลือใดดลเพราะคนถือ
หากสิ่งใดไหนละมือ           ไร้คนลือคือเลยลา

ถึงวันนี้เพียงย้อนหา           ถึงครั้งครากาลเก่าโพ้น
เปิดกลอนกานท์งานเคยโดน           ที่ผาดโผนโชนกวิน

"บ้านริมโขง"

๓๑ มกราคม ๒๕๕๖

[บ้านริมโขง]

กลอนสังขลิก๗

เรียนรู้ดูย้อนกลอนสังขลิก            หมั่นพลิกสัมผัสเรียนลัดหนา
ผิดแล้วผิดอีกหลีกลีลา                            ด้วยว่าอ่านผิดคิดต่างไป

จริงแล้วแนวกลอนสอนหวิวไหว            เสริมใส่สัมผัสจัดสนาน
เริงรื่นชื่นเสียงเรียงสำราญ               เกษมศานต์ขานคำฉ่ำอารมณ์

ย้ายเพียงเสียงนำไม่ทำขม                      ชื่นชมกลมกลืนได้รื่นแสน
คำท้ายวรรคใกล้ไม่ขาดแคลน                   คือแผนคนสร้างเขาวางกัน

เขียนเล่นเขียนไปได้เห็นขัน                           ยามฉันจับเจ่าเฝ้าคำไข
เรื่องวรรค เรื่องบาท อนาถใจ                    เท่าไหร่เป็นบทจรดระอา

ก็ศิษย์งี่เง่านะเจ้าขา                               เมตตาให้เข้มเต็มกวดขัน
ไม่เค้ย..ไม่เคย..เลยล่ะกัน                                  แต่มัน สั่นสู้..ขู่ยิ่งชน

หากเห็นมีแววแนวไม่หล่น                          ช่วยดลข้นคิวติวสนอง
ให้เก่งเรี่ยมแล้สาวแลมอง             ขอสอง-สามสาว..พอหนาวคลาย

...นะครับครู 

"บ้านริมโขง"

๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖

[♥ กานต์ฑิตา ♥]

[♥ กานต์ฑิตา ♥]

                                                       


                                                             
                                                                                   

[toshare]

ดีใจครับ นำไปเผยแพร่ แล้วมีผู้สนใจ
อาจารย์ kanthita คงมีกำลังใจขึ้นอีกอักโขนะครับ

๐ บทกลอน   อ้อนทรวง
รินร่วง       ห้วงใจ
๐ ทรวงใน    ไร้รัก
เหหัก        พักหลบ     
๐ พานพบ    สบกานต์
ซาบซ่าน     ผ่านจินต์
๐ ยลยิน     ศิลป์ศาสตร์
พิลาส       วาดหวัง
๐ ดุจดั่ง     หลั่งสาน
ขับกานต์     วานวัน
๐ สร้างสรรค์   จรรโลง
ผูกโยง       โพงพาง
๐ ไกลห่าง    ร้างลา
ดวงตา       พร่าเลือน
๐ ดาวเดือน   เคลื่อนคล้อย
เนื้อกลอย     คอยรอ
๐ ถักทอ     ก่อกานท์
ประสาน      ผ่านจริง
๐ ทุกสิ่ง      วิ่งหา
นำพา        อาสา
๐ ปัญญา     ข้านี้
เกิดดี        ที่กรรม
๐ น้อมนำ    ธรรมมะ
สาหะ       ละชั่ว
๐ ลุยทั่ว     ตัวเอง
บรรเลง       เพลงหวาน
๐ ฝากผ่าน   ท่านชม
ภิรมย์       สมปอง
๐ ครรลอง    ผองชน
กมล        พ้นภัย
๐ สุกใส      ใจนี้
ยินดี        ปรีดา
๐ ล่ำลา     สารา
หรรษา       พาเพลิน
๐ จำเริญ     เนิ่นนาน
บทกานท์     อ่านเอย

ขอน้อมคารวะจากใจ

“ทรชนบ้านนอก”
2013-01-31

กานต์ (แบบ) ว. เป็นที่รัก, โดยมากใช้เป็นส่วนท้ายของสมาส เช่น จันทรกานต์ เป็นที่รักของพระจันทร์ ได้แก่แก้วผลึกที่ถูกแสงจันทร์แล้วมีเหงื่อ
คู่กับ สูรยกานต์ เป็นที่รักของพระอาทิตย์ ได้แก่แก้วที่รวมแสงอาทิตย์ให้เกิดไฟได้. (ส.).

กานท, กานท์ (โบ) น. บทกลอน เช่น สารสยามภาคพร้อง กลกานท นี้ฤๅ. (ยวนพ่าย)

[♥ กานต์ฑิตา ♥]

[สมนึก นพ]

ลงน้ำ ดำหา
จับปลา มากิน

ซอกหิน ดินตม
ทับถม จมนาน

ปลาผ่าน ธารนิ่ง
สวิง ชิงจ้อง

หวังปอง ต้องได้
ตัวใหญ่ ไว้ก่อน

ปลาช่อน ค่อนเขื่อง
ชำเลือง เบื้องหน้า

ว่ายมา น่ากลัว
ปวดหัว ตัวสั่น

ใกล้ฉัน พลันเกาะ
จำเพาะ เหมาะเหม็ง

ตัวเกร็ง เบ่งสู้
หันดู รู้สิ่ง

คือปลิง นิ่งเห็น
ขอเผ่น เน้นพ้น

สับสน วนวิ่ง
ล้มกลิ้ง สวิงหัก.

นพ

[พี.พูนสุข]

กลุ่มคำสำนวน
**************

 กรวดน้ำ   คว่ำขัน
ตีรัน       ฟันแทง

เต้าแตง    แฟงฟัก
บุญหนัก    ศักดิ์ใหญ่

ทำไร่    ไถนา
ขี้ข้า    ม้าครอก

เข้านอก    ออกใน
ตกไร้    ได้ยาก

ขันหมาก    รากพลู
กินอยู่    พูวาย

ค้าขาย    รายล่อง
ทำนอง    คลองธรรม

ร้องรำ    ทำเพลง
ยำเยง    เกรงกลัว

ตัดหัว   คั่วแห้ง
เสแสร้ง    แกล้งทำ

ผีซ้ำ    ด้ำพลอย
ติดสอย   ห้อยตาม

เคราะห์หาม    ยามร้าย
ทำนาย    ทายทัก

ค้อนควัก    ผลักไส
น้ำใส    ใจคอ

ตัดพ้อ     ต่อว่า
ปีกกล้า     ขาแข็ง

ข้าวแดง     แกงร้อน
ล้มหมอน     นอนเสื่อ

ศึกเหนือ     เสือใต้
อกไหม้     ไส้ขม

นุ่งลม     ห่มฟ้า
เงยหน้า    อ้าปาก ฯ

นำกลุ่มคำและสำนวน   เล่นเกมต่อคำแบบกลอนสังขลิก ๒    โดยแบ่งผู้เล่นออกเป็น ๓ - ๔ กลุ่ม
กลุ่มใดสามารถเขียน หรือพูดได้ถูกต้องมากที่สุดในเวลาที่กำหนด  จะเป็นฝ่ายชนะ   อย่าลืมรางวัลนะคะ..


พี.พูนสุข
๕  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๖