วันนี้เราจะลองมาถอดความกลอนบทนี้ดูว่าจริงๆแล้วหมายถึงเรื่องอะไรกันแน่
ฤาเพียงฝันไป
เพียงเสี้ยวแสงแห่งหวังยังเฉิดฉาย
เพียงเป้าหมายแห่งฝันวันที่หวัง
เฝ้ารอคอยลอยมาใกล้ได้จริงจัง
ดูดุจดังจะไขว่คว้ามาไว้ชม
หรือจะเป็นเพียงฝันวันหลับไหล
ล่อลวงใจเพียงครั้งยังสุขสม
ครั้นเมื่อตื่นชื่นสลายกลายลวงลม
ความระทมซ้ำเก่าดั่งเนานาน
เหมือนเปลวไฟไหม้เชื้อเพื่อส่องแสง
ฟางสำแดงแรงกล้าดังฟ้าฉาน
โชติช่วงครู่ลู่ลมกลับซมซาน
หนาวสะท้านหวั่นไหวสุขไคลคลา
"เสี้ยวแห่งฝันวันนี้อาจมีหวัง
หรือจะยังลมลวงให้ห่วงหา
คล้ายความฝันวันสนิทเนานิทรา
เมื่อตื่นมากลับไม่เห็นเหมือนเช่นเดิม"
Orion264(มือขวา)
๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๕
เมื่อถอดความออกมาแล้ว โดยการตัดคำบางคำที่เป็นเพียงคำที่ใส่เข้าไปเพื่อเชื่อมโยงให้กลอนเป็นรูปเป็นร่างเท่านั้น
ก็จะได้ความว่า
เสี้ยวแสงแห่งหวัง เป้าหมายที่เฝ้ารอคอย
ดูดุจดังจะไขว่คว้า หรือจะเป็นเพียงฝันลวงใจ
เมื่อตื่นสลาย เหมือนไฟไหม้ฟาง
เสี้ยวแห่งฝันวันนี้อาจจะลวง
คล้ายความฝัน เมื่อตื่นมากลับไม่เห็น
บทกลอนนี้แม้จะมีแต่คำว่าฝัน แต่แท้ที่จริงแล้ว ไม่ได้พูดถึงความฝันเลย
แต่พูดถึงความจริงที่อยู่ตรงหน้าว่าเหมือนกับฝันไป
ที่นี้มาดูว่าแต่ละบทนั้นพูดถึงอะไรบ้าง
บทที่ ๑ พูดถึงความฝันหรือความมุ่งหวังอะไรสักอย่าง แล้วจู่ๆความฝันหรือ
หรือความหวังนั้นก็พลันกลายเป็นจริงปรากฏอยู่ตรงหน้า
บทที่ ๒ บอกว่า หรือสิ่งที่เห็นนี่จะเป็นเพียงความฝันที่มาล่อลวงใจให้เป็นสุขเท่านั้น
เดี๋ยวตื่นก็คงสลายไป
บทที่ ๓ บอกว่า เหมือนไฟไหม้ฟาง ที่สว่างได้เพียงไม่นาน เดี๋ยวก็คงมอดดับ
บทที่ ๔ บอกว่า บางทีสิ่งที่หวังนี้อาจจะเป็นจริง หรือบางที่อาจจะเป็นแค่ความฝัน
ที่เมื่อตื่นขึ้นมาก็คงไม่ได้เห็นอีก
จริงๆแล้วก็เป็นการพูดถึงความจริงที่กำลังเกิดขึ้นว่า มันเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
จนคล้ายกับความฝันเท่านั้น ไม่ได้พูดถึงความฝันหรือเรื่องรักๆใคร่ๆ อย่างที่เข้าใจ