16 สิงหาคม 2012, 09:56:PM |
อริญชย์
|
|
« เมื่อ: 16 สิงหาคม 2012, 09:56:PM » |
ชุมชน
|
ปล.ดูแล้วทำให้ขนลุกเหมือนกันนะ ทุกท่าน
|
|
|
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พยัญเสมอ, รพีกาญจน์, ไร้นวล^^, บ้านริมโขง, บูรพาท่าพระจันทร์, ค.คนธรรพ์, สุนันยา, รัตนาวดี, เมฆา..., พี.พูนสุข, Music, Prapacarn ❀, blues
ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เกื้อกูลต่อมวลมิตร ลิขิตเพื่อสังคม เพาะบ่มเพื่อพงไพร ก้าวไปเคียงผองชน
|
|
|
16 สิงหาคม 2012, 10:06:PM |
อริญชย์
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 16 สิงหาคม 2012, 10:06:PM » |
ชุมชน
|
นาคสังยุต
--------------------------------------------------------------------------------
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระไตรปิฎกภาษาไทย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม ๑๗ สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
นาคสังยุต
นาคสังยุต แปลว่า ประมวลเรื่องนาค หมายถึงประมวล พระสูตรที่เกี่ยวกับนาค รวมถึงกำเนิดของนาค เหตุที่ทำให้เกิดเป็นนาคเป็นต้น มีทั้งหมด ๕๐ สูตร แต่ละสูตรมีความหมายและใจความสำคัญ ดังนี้
๑. สุทธิกสูตร ว่าด้วยกำเนิดนาคล้วนๆ คือ พระผู้มีพระภาคทรงแสดงกำเนิดของนาค ๔ ประเภท ได้แก่ ๑. นาคที่เป็นอัณฑชะ (เกิดในไข่) ๒. นาคที่เป็นชลาพุชะ (เกิดในครรภ์) ๓. นาคที่เป็นสังเสทชะ (เกิดในเถ้าไคลหรือเกิดในที่ชื้นฉะ) ๔. นาคที่เป็นโอปปาติกะ (เกิดผุดขึ้น)
๒. ปณีตตรสูตร ว่าด้วยกำเนิดที่ประณีตกว่ากัน คือทรงแสดงว่า นาคประเภทที่ ๒-๓-๔ ประณีตกว่านาคประเภทที่ ๑ นาคประเภทที่ ๓-๔ ประณีตกว่าประเภทที่ ๑-๒ และนาคประเภทที่ ๔ ประณีตกว่าประเภทที่ ๑-๒-๓
๓-๖. อุโปสถสูตร ทุติยอุโปสถสูตร ตติยอุโปสถสูตร และจตุตถอุโปสถสูตร ต่างว่าด้วยอุโบสถ แต่มีรายละเอียดต่างกัน คือ ในอุโปสถสูตร ตรัสตอบปัญหาของภิกษุรูปหนึ่งที่ทูลถามถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้นาคที่เป็นอัณฑชะรักษาอุโบสถแล้วละกายที่เป็นงูได้ว่า ถ้านาคเหล่านั้นตั้งความปรารถนาแล้วประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา และใจ (รักษาอุโบสถ) ก็จะสามารถละกายที่เป็นงูได้
ในทุติยอุโปสถสูตร มีเนื้อหาเหมือนกัน ต่างแต่ภิกษุทูลถามเกี่ยวกับนาคที่เป็นชลาพุชะ
ในตติยอุโปสถสูตร มีเนื้อหาเหมือนกัน ต่างแต่ภิกษุทูลถามเกี่ยวกับนาคที่เป็นสังเสทชะ
ในจตุตถอุโปสถสูตร มีเนื้อหาเหมือนกัน ต่างแต่ภิกษุ ทูลถามเกี่ยวกับนาคที่เป็นโอปปาติกะ
๗-๑๐ สุตสูตร ทุติยสุตสูตร ตติยสูตสูตร และจตุตถสุตสูตร ต่างว่าด้วยเรื่องที่ได้ฟังมา แต่มีรายละเอียดต่างกัน คือ ในสุตสูตร ตรัสตอบปัญหาของภิกษุรูปหนึ่งที่ทูลถามถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้เข้าถึงความเป็นผู้อยู่ร่วมกันกับนาคที่เป็นอัณฑชะว่า ถ้าได้ฟังเรื่องนาคที่เป็นอัณฑชะมีอายุยืน มีผิวพรรณงาม มีความสุขมาก แล้วตั้งความปรารถนาเพื่อไปอยู่ร่วมกับนาคเหล่านั้น ก็จะสำเร็จได้
ในทุติยสุตสูตร มีเนื้อหาเหมือนกัน ต่างแต่ภิกษุทูลถามเกี่ยวกับนาคที่เป็นชลาพุชะ
ในตติยสุตสูตร มีเนื้อหาเหมือนกัน ต่างแต่ภิกษุทูลถามเกี่ยวกับนาคที่เป็นสังเสทชะ
ในจตุตถสุตสูตร มีเนื้อหาเหมือนกัน ต่างแต่ภิกษุทูลถามเกี่ยวกับนาคที่เป็นโอปปาติกะ
๑๑-๒๐. อัณฑชทาณูปการสุตตทสกะ ว่าด้วยความเป็นผู้อยู่ร่วมกับพวกนาค ที่เป็นอัณฑชะ ๑๐ สูตร มีเนื้อหาคล้ายสุตสูตร ต่างแต่ทรงแสดงเหตุที่จะทำให้เข้าถึงความเป็นผู้อยู่ร่วมกับนาคที่เป็นอัณฑชะไว้ ๑๐ อย่าง คือ (๑) ให้ข้าว (๒) ให้น้ำ (๓) ให้ผ้า (๔) ให้ทาน (๕) ให้ดอกไม้ (๖) ให้ของหอม (๗) ให้ของลูบไล้ (๘) ให้ที่นอน (๙) ให้ที่พัก (๑๐) ให้เครื่องประทีป เหตุแต่ละอย่างจัดเป็น ๑ สูตร รวมเป็น ๑๐ สูตร
๒๑-๕๐. ชลาพุชาทิทานูปการสุตตติงสกะ ว่าด้วยพระสูตร ๓๐ สูตร มีชลาพุชทานูปการสูตรเป็นต้น มีเนื้อหาเหมือนอัณฑชทนูปการสุตตทสกะ ต่างแต่ในที่นี้ ทรงแสดงเหตุ ๑๐ อย่างดังกล่าวมาแล้ว ที่จะทำให้เข้าถึงความเป็นผู้อยู่่ร่วมกับนาคที่เป็นชลาพุชะ สังเสทชะ และโอปปาติกะ เหตุแต่ละอย่างจัดเป็นhttp://board.palungjit.com/f45/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%95-213879.html
|
|
|
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : พยัญเสมอ, รพีกาญจน์, ดาว อาชาไนย, ไร้นวล^^, บูรพาท่าพระจันทร์, สุนันยา, รัตนาวดี, เมฆา..., พี.พูนสุข, Music, blues
ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
|
บันทึกการเข้า
|
เกื้อกูลต่อมวลมิตร ลิขิตเพื่อสังคม เพาะบ่มเพื่อพงไพร ก้าวไปเคียงผองชน
|
|
|
16 สิงหาคม 2012, 10:08:PM |
|
|
16 สิงหาคม 2012, 10:16:PM |
พยัญเสมอ
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 16 สิงหาคม 2012, 10:16:PM » |
ชุมชน
|
สงสัยว่ามันกินคนหรือเปล่านะ
|
๐นามแฝงผู้เขียน Orion264(มือขวา),มือขวา,บูรพาทรนง-ตงฟางข้วงแขะ,สิงสู่,ต๊กโกม้อเกี่ยม-มารกระบี่เดียวดาย, เทพเจ้าไก่
|
|
|
17 สิงหาคม 2012, 06:21:PM |
อริญชย์
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 17 สิงหาคม 2012, 06:21:PM » |
ชุมชน
|
|
เกื้อกูลต่อมวลมิตร ลิขิตเพื่อสังคม เพาะบ่มเพื่อพงไพร ก้าวไปเคียงผองชน
|
|
|
17 สิงหาคม 2012, 06:30:PM |
อริญชย์
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 17 สิงหาคม 2012, 06:30:PM » |
ชุมชน
|
ตำนานหนองหาน
ครั้งหนึ่ง ยังมีเมืองอยู่เมืองหนึ่งชื่อ "นครเอกชะทีตา" มีพระยาขอม เป็นกษัตริย์ปกครองเมืองด้วยความร่มเย็น พระยาขอมมีพระธิดาสาวสวย นามว่า "นางไอ่คำ" ซึ่งเป็นที่รักและ หวงแหนมาก จึงสร้างปราสาท 7 ชั้น ให้ อยู่พร้อมเหล่าสนม กำนัล คอยดูแลอย่างดี
ขณะเดียวกันยังมีเมืองอีกเมืองหนึ่งชื่อ "เมืองผาโพง" มีเจ้าชายนามว่า "ท้าวผาแดง" เป็นกษัตริย์ปกครองอยู่ ท้าวผาแดง แห่งเมืองผาโพง ได้ยินกิตติศัพท์ความงามของธิดาไอ่คำมาก่อนแล้ว ใคร่อยากจะเห็นหน้า จึงปลอมตัวเป็นพ่อค้าพเนจร ถึง นครเอกชะทีตา และติดสินบนนางสนมกำนัล ให้นำของขวัญลอบเข้าไปให้นางไอ่คำ ด้วยผลกรรมที่ผูกพันกันมาแต่ชาติ ปาง ก่อนนางไอ่คำกับท้าวผาแดง จึงได้มีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน จนในที่สุดทั้ง 2 ก็ได้อภิรมย์สมรักกัน
ก่อนท้าวผาแดงจะจากไป เพื่อจัดขบวนขันหมากมาสู่ขอ ทั้ง 2 ได้คร่ำครวญต่อกันด้วยความอาลัยยิ่ง วันเวลาผ่านไปถึง เดือน 6 เป็นประเพณีแต่โบราณของเมืองเอกชะทีตา จะต้องมีการทำบุญบั้งไฟบูชาพญาแถนระยาขอม จึงได้ประกาศบอก ไปตามหัวเมืองต่างๆ ว่า บุญบั้งไฟปีนี้จะเป็นการหาผู้ที่จะมาเป็นลูกเขยอีกด้วย ขอให้เจ้าชายหัวเมืองต่างๆ จัดทำบั้งไฟมา จุดแข่งขันกัน ผู้ใดชนะก็จะได้อภิเษกกับพระธิดาไอ่คำด้วย
ข่าวนี้ได้ร่ำลือไปทั่วสารทิศ ทุกเมืองในขอบเขตแว่นแคว้นต่างก็ส่งบั้งไฟเข้ามาแข่งขัน เช่น เมืองฟ้าแดดสูงยาง เมืองเชียงเหียน เชียงทอง แม้กระทั่งพญานาคใต้เมืองบาดาลก็อดใจไม่ไหว ปลอมตัวเป็นกระรอกเผือกมาดูโฉมงาม นางไอ่คำด้วยในวันงานบุญบั้งไฟ
เมื่อถึงวันแข่งขันจุดบั้งไฟ ปรากฏว่า บั้งไฟท้าวผาแดงจุดไม่ขึ้นพ่นควันดำอยู่ถึง 3 วัน 3 คืน จึงระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้ความหวังท้าวผาแดงหมดสิ้นลง
ขณะเดียวกัน ท้าวพังคีพญานาค ที่ปลอมเป็นกระรอกเผือก มีกระดิ่งผูกคอน่ารัก มาไต่เต้นไปมาอยู่บนยอดไม้ ข้างปราสาท นางไอ่คำ ก็ปรากฏร่างให้นางไอ่คำเห็น นางจึงคิดอยากได้มาเลี้ยง แต่แล้วก็จับไม่ได้ จึงบอกให้นายพราน ยิงเอาตัวตายมา ในที่สุดกระรอกเผือกพังคีก็ถูกยิงด้วยลูกดอกจนตาย ก่อนตายท้าวพังคีได้อธิษฐานไว้ว่า "ขอให้เนื้อของข้าได้แปดพันเกวียน คนทั้งเมืองอย่าได้กินหมดเกลี้ยง"
จากนั้นร่างของกระรอกเผือกก็ใหญ่ขึ้น จนผู้คนแตกตื่นมาดูกัน และจัดการแล่เนื้อแบ่งกันไปกินทั่วเมืองด้วยว่าเป็นอาหาร ทิพย์ ยกเว้นแต่พวกแม่ม่ายที่ชาวเมืองรังเกียจ ไม่แบ่งเนื้อกระรอกให้
พญานาคแห่งเมืองบาดาลทราบข่าวท้าวพังคีถูกมนุษย์ฆ่าตาย แล่เนื้อไปกินกันทั้งเมือง จึงโกธรแค้นยิ่งนัก ดึกสงัดของคืนนั้นขณะที่ชาวเมืองชะทีตากำลังหลับไหล เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ท้องฟ้าอื้ออึงไปด้วยพายุฝนฟ้า กระหน่ำลงมาอย่างหนัก ฟ้าแลบอยู่มิได้ขาด แผ่นดินเริ่มถล่มยุบตัวลงไปทีละน้อย ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของผู้คนที่วิ่งหนี ตาย เหล่าพญานาคผุดขึ้นมานับหมื่น นับแสนตัว ถล่มเมืองชะทีตาจมลงใต้บาดาลทันที คงเหลือไว้เป็นดอน 3 - 4 แห่ง ซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกแม่ม่าย ี่ไม่ได้กินเนื้อกระรอกเผือกจึงรอดตาย
ฝ่ายท้าวผาแดงได้โอกาสรีบควบม้าหนีออกจากเมือง โดยไม่ลืมแวะรับพระธิดาไอ่คำไปด้วย แต่แม้จะเร่งฝีเท้า ม้าเท่าใด ก็หนีไม่พ้นทัพพญานาคที่ทำให้แผ่นดินถล่มตามมาติดๆ ในที่สุดก็กลืนท้าวผาแดงและพระธิดาไอ่คำพร้อมม้าแสน รู้ชื่อ "บักสาม" จมหายไปใต้พื้นดิน
รุ่งเช้าภาพของเมืองเอกชะทีตาที่เคยรุ่งเรืองโอฬาร ก็อันตธานหายไปสิ้น คงเห็นพื้นน้ำกว้างยาวสุดตา ทุกชีวิตในเมือง เอกชะทีตาจมสู่ใต้บาดาลจนหมดสิ้น เหลือไว้แต่แม่ม่ายบนเกาะร้าง 3 - 4 แห่ง ในผืนน้ำอันกว้างนี้ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น หนองหานหลวง ดังปรากฏในปัจจุบัน. ที่มา วารสารการท่องเที่ยวและการลงทุน (อะเมซิ่ง จังหวัดสกลนคร) credit : http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=wipan&group=23http://www.esanclick.com/news.php?No=9209ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต การ์ตูน ผาแดงนางไอ่ http://นิทานพื้นบ้าน.rakjung.com/50.html
|
เกื้อกูลต่อมวลมิตร ลิขิตเพื่อสังคม เพาะบ่มเพื่อพงไพร ก้าวไปเคียงผองชน
|
|
|
17 สิงหาคม 2012, 07:19:PM |
|
|
18 สิงหาคม 2012, 07:13:PM |
อริญชย์
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 18 สิงหาคม 2012, 07:13:PM » |
ชุมชน
|
|
เกื้อกูลต่อมวลมิตร ลิขิตเพื่อสังคม เพาะบ่มเพื่อพงไพร ก้าวไปเคียงผองชน
|
|
|
19 สิงหาคม 2012, 07:40:PM |
|
|
20 สิงหาคม 2012, 01:04:PM |
|
|
|