11 พฤศจิกายน 2012, 05:48:PM |
น.ปฎิพน
|
|
« ตอบ #40 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2012, 05:48:PM » |
ชุมชน
|
จริงๆ สยามมานุสสติ นี้ มีทั้งหมด 4 บทครับ แต่สองบทที่คุณรัตนาวดียกมานี้ เป็นสองบทที่ทุกคนจำได้จนขึ้นใจ และมีการนำมาแต่งเป็นเพลง
ฉบับเต็มที่เป็นพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงพระราชนิพนธ์ไว้นั้น คือ
๏ รักราช จงจิตน้อม ภักดี ท่านนา รักชาติ กอบกรณีย์ แน่วไว้ รักศาสน์ กอบบุญตรี สุจริต ถ้วนเทอญ รักศักดิ์ จงจิตให้ โลกซร้องสรรเสริญ ฯ
๏ ยามเดินยืนนั่งน้อม กมล รำลึกถึงเทศตน อยู่ยั้ง เป็นรัฎฐะมณฑล ไทยอยู่ สราญฮา คนถนอมแน่นตั้ง อยู่เพี้ยงอวสาน ฯ
๏ ใครรานใครรุกด้าว แดนไทย ไทยรบจนสุดใจ ขาดดิ้น เสียเนื้อเลือดหลั่งไหล ยอมสละ สิ้นแล เสียชีพไป่เสียสิ้น ชื่อก้องเกียรติงาม ฯ
๏ หากสยามยังอยู่ยั้ง ยืนยง เราก็เหมือนอยู่คง ชีพด้วย หากสยามพินาศลง ไทยอยู่ ได้ฤๅ เราก็เหมือนมอดม้วย หมดสิ้นสกุลไทย ฯ
|
|
|
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตนาวดี, สุวรรณ, ชลนา ทิชากร, ไพร พนาวัลย์, Prapacarn ❀, ดาว อาชาไนย, รพีกาญจน์, พี.พูนสุข, Thammada, อริญชย์, ploypairin, เนิน จำราย
ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
๐ กรองฉันท์สวรรค์พจนะร้อย.......กวะถ้อยบวรมี รสซึ้งประหนึ่งทิพะฉวี...............จะพิเลปน์ประโลมมาน ฯ
|
|
|
11 พฤศจิกายน 2012, 06:19:PM |
|
|
11 ธันวาคม 2012, 06:34:PM |
|
|
11 ธันวาคม 2012, 07:19:PM |
|
|
18 ธันวาคม 2012, 05:21:AM |
|
|
17 กุมภาพันธ์ 2013, 03:42:AM |
|
|
27 กุมภาพันธ์ 2013, 03:06:AM |
|
|
|
05 มีนาคม 2013, 09:01:AM |
panthong.kh
|
|
« ตอบ #48 เมื่อ: 05 มีนาคม 2013, 09:01:AM » |
ชุมชน
|
อิเหนา (ตอน ศึกกะหมังกุหนิง) บทพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) --------------------------------------------------------- โอ้ว่าเจ้าดวงยิหวาพี่ ป่านนี้จะคร่ำครวญหวนหา ใครจะปลอบโฉมงามสามสุดา แต่พอพาใจเศร้าบรรเทาคลาย สงสารน้ำคำที่พร่ำสั่ง คิดถึงความหลังแล้วใจหาย ครวญพลางทำสรดระทดกาย แล้วคิดอายพวกพลมนตรี
จึงชักม่านทองทั้งสี่ทิศ ดังจะปิดบังแสงสุรีย์ศรี ลมหวนอวลกลิ่นสุมาลี เหมือนกลิ่นผ้ายาหยีซึ่งเปลี่ยนมา
แว่วเสียงสำเนียงบุหรงร้อง ว่าเสียงสามนิ่มน้องเสน่หา พระแย้มเยี่ยมม่านทองทัศนา เห็นแต่ป่าพุ่มไม้ใบบัง
เอนองค์ลงอิงพิงเขนย กรเกยก่ายพักตร์ถวิลหวัง รสรักร้อนรนพ้นกำลัง ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย
พันทอง
|
|
|
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : Prapacarn ❀, ไร้นวล^^, Shumbala, ชลนา ทิชากร, ไพร พนาวัลย์, รพีกาญจน์, รัตนาวดี, Thammada, choy, ดาว อาชาไนย, พี.พูนสุข
ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
07 มีนาคม 2013, 07:36:PM |
panthong.kh
|
|
« ตอบ #49 เมื่อ: 07 มีนาคม 2013, 07:36:PM » |
ชุมชน
|
เพชรน้ำหนึ่ง ส.เชื้อหอม...นักกลอนรางวัลพระราชทาน ------------------------------ กลอนเก้าคำ จำไว้ ด้อยไพ"เราะ" เขียนให้เหมาะ แปดคำ เพชรน้ำหนึ่ง แต่ละวรรค หนักแน่น ดุจแกน"กลึง" กลอนจะ"ซึ้ง"ติดใจ และให้คุณ
คำสุดท้าย วรรคแรก แยกพิ"เศษ" สามัญ"เขต"หวงห้าม ตามเกื้อหนุน ท้ายวรรคสอง ต้องรู้ อยู่เป็น"ทุน" เอก-โท"จุน"จัตวาประ"พนธ์"
ท้ายวรรคสาม วรรคสี่ นี้จำ"มั่น" เสียงสามัญ-ตรีใช้ ได้ทุก"หน" สัมผัสซ้ำจำจด งดปะ"ปน" จงคิด"ค้น"ถ้อยคำ ที่จำ"เป็น"
ไม้ไต่คู้ ใช้กับ ไม้ไต่"คู้" เมื่อฟังดู เด่นดี ทั่งที่"เห็น" เสียงสั้นยาว ก้าวก่าย หลายประ"เด็น" อย่าบำ"เพ็ญ"พ้องกัน นิรัน"ดร
อย่าเขียนให้ ใจความ ตามเพ้อ"นึก" จงตรองตรึก ตระหนัก เรื่อง"อักษร คติธรรม นำใส่ ให้สัง"วร" รวมสุน"ทร"ถ้อยไว้ ให้งด"งาม"
จุดจบก็ ขอให้ กินใจหน่อย มิควร"ปล่อย"เปะปะ เหมือนสะ"หนาม" จบให้เด่น เห็นชัด จำกัด"ความ" ให้ตรง"ตาม"เค้าโครง เรื่องโยง"ใย"
เขียนเสร็จสรรพ กลับมา ตรวจตราผิด" ตรวจชนิด เรียงตัว ทั่วกันใหม่ เมื่อเห็นเพราะ เหมาะดี จี้หัว"ใจ" จึงเผย"ให้"ประชา ชนตรา"ตรึง"
กลอนเก้าคำ จำไว้ ด้อยไพเราะ เขียนให้เหมาะ แปดคำ เพชรน้ำ"หนึ่ง แต่ละวรรค หนักแน่น ดุจแกน"กลึง" ผู้อ่าน"จึง"จะชอบ ชมขอบคุณ พันทอง
|
|
|
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ไพร พนาวัลย์, Shumbala, ชลนา ทิชากร, รัตนาวดี, Prapacarn ❀, Thammada, choy, จารุทัส, พี.พูนสุข, ดาว อาชาไนย
ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
08 มีนาคม 2013, 12:32:PM |
panthong.kh
|
|
« ตอบ #50 เมื่อ: 08 มีนาคม 2013, 12:32:PM » |
ชุมชน
|
บทประพันธ์ของ ศ.ดร.อุดม วโรตม์สิกขดิต เสียงจากความจน
๏ สองหูแว่วแผ่วเสียงสำเนียงโหย เสียงโอดโอยโหยไห้ของใครหนา เสียงนั้นแห้งแหบแผ่วแว่วแว่วมา เสียงโหยหาร่ำไห้ของใครกัน
ฟังซิฟังฟังไว้จะได้รู้ เสียงของผู้อับโชคต้องโศกศัลย์ ทุกข์ระทมขมขื่นทุกคืนวัน เพ้อรำพันฝันเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
ข้าเกลียดบ้านฐานถิ่นที่กินอยู่ ช่างอุดอู้ดูไปแล้วใจหาย ข้าเกลียดฝนหล่นพรูกรูกระจาย สุดแฝงกายให้พ้นน้ำฝนนอง
ข้าเกลียดลมหนาวเหนือเมื่อพัดผ่าน แทรกสะท้านวาบหวิวผิวสยอง ข้าเกลียดน้ำเหนือหลากเจิ่งฟากนอง ให้ข้าท่องลุยน้ำไปทำงาน
ข้าเกลียดเสื้อเกลียดผ้าที่ข้าใส่ ขาดวิ่นไซร้อนิจจาน่าสงสาร ข้าเกลียดวันเกลียดคืนไร้ชื่นบาน ได้พ้องพานทุกยามคือความตรม
ข้าเกลียดรักหักอกให้ฟกช้ำ อกระกำกล้ำกลืนแต่ขื่นขม ข้าเกลียดรักลวงใจให้ระทม อกระบมปวดร้าวเศร้าดวงใจ
ข้าเกลียดคำหยามหลู่และดูหมิ่น เพราะข้าสิ้นสินทรัพย์นับไฉน ข้าเกลียดคนใจทรามชอบหยามใคร เมื่อยามไร้ใครจะหลู่สู้กัดฟัน
ข้าเกลียดหล้าฟ้าดินทั้งสิ้นหมด ชี้กำหนดให้แต่ทุกข์ไร้สุขสันต์ ข้าเกลียดกรรมซ้ำส่งช่วยลงทัณฑ์ กระหน่ำคัลลองชีวิตให้ผิดทาง
ข้าเกลียดหญิงหลายใจที่ไร้สัตย์ รักสลัดลืมวาจาสัญญาสร้าง ข้าเกลียดชายหลายลิ้นสิ้นรักจาง แล้วเหินห่างร้างลับไม่กลับมอง
สองหูแว่วแว่วเสียงสำเนียงหวน เสียงครางครวญชวนให้ฤทัยหมอง เสียงนั้นแว่วแผ่วมาน่าขนพอง คือเสียงของความจนค่นแค้นเอย ๚ พันทอง
หมายเหตุ ศ.ดร.อุดม วโรตม์สิกขดิตถ์ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง มหาวิทยาลัยรามคำแหง และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เป็นราชบัณฑิตประเภทวรรณศิลป์ สาขาวิชาภาษาศาสตร์
|
|
|
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : Prapacarn ❀, รพีกาญจน์, Shumbala, ไพร พนาวัลย์, Thammada, choy, จารุทัส, ดาว อาชาไนย, ชลนา ทิชากร, รัตนาวดี, พี.พูนสุข
ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
09 มีนาคม 2013, 05:02:PM |
Thammada
|
|
« ตอบ #51 เมื่อ: 09 มีนาคม 2013, 05:02:PM » |
ชุมชน
|
" ใจเปลี่ยนสี "
แต่ก่อนเก่า เราสนิท ฉันมิตรแท้ ที่ได้แปร เปลี่ยนไป เหตุใดหรือ ถ้าใช่เรา เขลาล้น กลกระบือ ต่างยึดถือ เหตุผล ของตนเอง
พบรูปปั้น เรายล คนละด้าน แล้วยืนกราน ตามผล ตนถูกเผง เพราะต่างมุม ต่างสี ที่ละเลง จึงสิ้นเกรง เฝ้าย้ำ ด้วยคำตน
เพื่อนรวยทรัพย์ รับสุข ทุกขณะ แต่ฉันละ แน่ชัด แสนขัดสน เพื่อนห่อนพาน พบฤทธิ์ ชีวิตจน แต่ฉันทน หิวมา อย่างชาชิน
ฉันพูดถึง ทุกข์ยาก ลำบากชีพ เพื่อนสิรีบ คุยเขื่อง เรื่องทรัพย์สิน ฉันว่าโลก ชั่วช้า เป็นอาจิณ เพื่อนเลยผิน หลังให้ สิ้นไยดี
เกิดเหตุการณ์ เช่นนี้ หลายปีนัก ต่างก็ชัก หันเหียน ใจเปลี่ยนสี จากขาว ย่อมหมองคล้ำ ดำทุกที แล้วไมตรี แสนสะอาด ก็ขาดลง !
ประพันธ์โดย..ถาวร บุญปวัตน์ “คำหอม” ๒๕๐๗
|
|
|
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : choy, ดอกกระเจียว, รพีกาญจน์, panthong.kh, จารุทัส, Shumbala, รัตนาวดี, Prapacarn ❀, ดาว อาชาไนย, ชลนา ทิชากร, พี.พูนสุข
ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
10 มีนาคม 2013, 04:30:PM |
ดาว อาชาไนย
กิตติมศักดิ์
คะแนนกลอนของผู้นี้ 394
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 1,472
|
|
« ตอบ #53 เมื่อ: 10 มีนาคม 2013, 04:30:PM » |
ชุมชน
|
แด่..คนที่ฉันรัก
ใบหน้าขาวราวกระดาษดังขาดเลือด ดูซีดเผือดเศร้าหมองไม่ผ่องใส ฉันเฝ้าคิดเฝ้าถามทำอย่างไร มิมั่นใจหากลงมีดคิดกังวล
โรคมะเร็งลุกลามยากห้ามหัก เพราะไม่รักษาก่อนในตอนต้น เจ็บนิดไม่หาหมอขออดทน สุดท้ายผลเกินกว่ารักษาทัน
กุมมือพ่อกระซิบถี่ที่ข้างหู ให้พ่อรู้จะปลอดภัยในมือฉัน ความสามารถเรียนไว้ขอใช้มัน มือหมอศัลย์ช่วยพ่อขอดูแล
ทุกคมมีดกรีดลงที่ตรงหน้า โอ้พ่อจ๋าตัวลูกทุกข์เกินแก้ เหงื่อเริ่มหลั่งโซมกายใจอ่อนแอ เมื่อพบแผลโรคร้ายก็สายไป
สัญญาณชีพที่จ่อรอวันดับ ลูกต้องซับน้ำตาที่บ่าไหล แม้เผชิญโรคหนักสักเพียงใด พ่อก็ใจอดทนไม่บ่นเปรย
แม้ลำบากตรากตรำทำงานหนัก เพื่อลูกรักยอมได้ไม่อาจเฉย ฉันช่วยชีพพ่อไว้ไม่ได้เลย วูบหนึ่งเอ่ย "ฉันเรียนมารักษาใคร"
พญ.ณัชชา
|
เสี้ยวอารมณ์จากใจใครคนหนึ่ง คงไม่ซึ้งจับใจใครทั้งหลาย แค่มีใครคนหนึ่งซึ้งไม่คลาย ก็สมหมายใครคนหนึ่งซึ่งรักกลอน
|
|
|
27 มีนาคม 2013, 04:17:AM |
รัตนาวดี
|
|
« ตอบ #54 เมื่อ: 27 มีนาคม 2013, 04:17:AM » |
ชุมชน
|
***บทกลอนกิติมศักดิ์***
... ขอประการเดียว ...
ღ
...คงไม่สายเกินไปในการพบ แต่ถ้าลบปวดร้าวคราวห่างเหิน ห้วงเวลาสั้นสั้นนั้นสุขเกิน ไออุ่นเพลินอบอวลล้วนดีๆ
ღ
...หากรวบรวมเคยสุขทุกทุกสิ่ง ไม่มากยิ่งกว่าเศร้าเหงาอยู่นี่ เมื่อห่างกันความหมองย่อมต้องมี ขอบคุณที่ช่วงสั้นสั้นฟ้าปันใจ
ღ
...ฟ้ามิผิดดาวก็มิขอผิด เพราะลิขิตของสวรรค์บันดาลให้ สดสวยและล้ำค่ากว่าสิ่งใด ซึ่งฝังในอารมณ์เป็นหล่มลึก
ღ
...ฝันถึงลานรักหวานลานมาร้าง เบาะนั่งข้างร่ำไห้ในยามดึก ไร้วิญญาณยังรักรู้จักนึก คนจะไม่รู้สึกเจียวหรือคน
ღ
...มองเบาะข้างว่างเปล่าเหงาทดท้อ เบาะเฝ้ารอเฝ้าถามตามถนน ฟ้าอยู่ไหนไม่นั่งเขาชังตน จะแกล้งจนขาดใจหรือไรกัน
ღ
...ฟ้าบอกเถิด..ฝนจะหมดหยดสุดท้าย จันทร์จะหายสูญดับลับสวรรค์ โลกจะถึงกาลวุ่นหยุดหมุนพลัน ดอกไม้อันสดใสจะไม่บาน
ღ
...บอกอะไรก็ได้..ขอให้บอก แม้จะหลอกพูดพร่ำทุกคำขาน ดาวยอมเชื่อสนิทใจไม่ทัดทาน ขอประการเดียวว่าอย่าบอก..รอ
ღ
ประพันธ์โดย
ดาว อาชาไนย
๒๖ มีนาคม ๒๕๕๖
จาก...ชมรมนักกลอนอักษรสยาม
Anne-Sophie Mutter - Air aus der Suite Nr. 3 von Johann Sebastian Bach 2008
|
|
|
|
27 มีนาคม 2013, 11:34:AM |
ดาว อาชาไนย
กิตติมศักดิ์
คะแนนกลอนของผู้นี้ 394
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 1,472
|
|
« ตอบ #55 เมื่อ: 27 มีนาคม 2013, 11:34:AM » |
ชุมชน
|
ขอบคุณคุณรัตนาวดีที่ลงเพลงที่ผมชอบให้ฟัง เพลงนี้ผมไม่มีโน้ต เล่นได้ตอนต้นนิดเดียวที่จำได้ นักไวโอลินคนนี้ที่ผมเคยเขียนกลอนชื่อ เสียงสวรรค์อันแท้จริง เมื่อเธอเล่นคอนเสิร์ตในเพลง ไวโอลินคอนแชร์โต้ของไชคอฟสกี้ ลงในบ้านกลอนไทยมาแล้ว
|
เสี้ยวอารมณ์จากใจใครคนหนึ่ง คงไม่ซึ้งจับใจใครทั้งหลาย แค่มีใครคนหนึ่งซึ้งไม่คลาย ก็สมหมายใครคนหนึ่งซึ่งรักกลอน
|
|
|
|
27 มีนาคม 2013, 11:02:PM |
เพลิงคำ
|
|
« ตอบ #57 เมื่อ: 27 มีนาคม 2013, 11:02:PM » |
ชุมชน
|
นิราศลอนดอน ผู้แต่ง หม่อมราโชทัย
ฯลฯ เมื่อไกลนางห่างนุชสุดวิตก ใครจะกกกอดมิตรขนิษฐา พี่เปลี่ยวใจฝ่ายเจ้าเปล่าอุรา เหลือปัญญาที่จะพบประสบกัน
ทุกวันนี้เปรมปรีดิ์เมื่อยามหลับ นึกว่ากลับคืนห้องประคองขวัญ ได้อิงแอบแนบทรวงดวงชีวัน ครั้นสิ้นฝันตื่นเฝ้าเศร้าฤทัย ฯลฯ
|
ทอดร่างอุทิศชีวิตไว้ เอื้อมไปทะเลปุจฉา เสพสมอักษรศรัทธา จำหลักวาจาแดนดิน
|
|
|
|
|
|