ครั้งโบราณนานมาเวลาค่ำ
สาว-หนุ่มลอยเรือลำกลางน้ำใส
แต่อยุธยายังเป็นเมืองศิวิไล
ที่หน้าวัดขนัดไปแต่นักกลอน
จึงต่อบทสักวาไม่ว้าวุ่น
มิเคืองขุ่นยันแก่เฒ่าเมาอักษร
จนดึกดื่นคืนไหนไม่ยอมนอน
คนไม่เป็นก็ไหว้วอนคนบอกคำ
ยุคสมัยแม้เวียนไปเปลี่ยนแปลก
จนผิดแผกก็ยังมิที่อิ่มหนำ
ด้วยยุคใหม่ไอ-ทีอันเลิศล้ำ
ให้ต่อกลอนอ้อนอำอึงคนึง
ได้เกิดกายมากมีกวีเอก
ลิขิตเสกถ้อยวจีกันทั่วถึง
ผู้ดีไพร่ว่ากันไปจนอื้ออึง
กิริยาตังตึงต่างแต่มี
แม้กระผมดอกกระเจียวเที่ยวไปทั่ว
เข้าดงเสือบ่เคยกลัวจะวิ่งหนี
แต่ประสาใจรักการกวี
หรือจะเกรงถ้อยวาทีซึ่งปราชญ์ใด
ขอคาราวะในท้ายกลอนตอนค่ำๆ
แม้โลกเคลื่อนเครงคว่่ำฤาหวั่นไหว
โลกอักษรยังเบ่งบานตระการใจ
อยู่ ณ บ้านกลอนไทยแห่งนี้เอง