"...ความรู้สึกของการจากลา..."
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
27 พฤศจิกายน 2024, 11:16:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: "...ความรู้สึกของการจากลา..."  (อ่าน 12507 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
15 ธันวาคม 2011, 08:55:PM
ภู กวินท์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 364
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 383


สนสามใบ กับใครหลายคน


« เมื่อ: 15 ธันวาคม 2011, 08:55:PM »
ชุมชนชุมชน




ความรู้สึกของการจากลา   
…..
กระซิบถาม หัวใจจนรู้สึก
จากทุกห้วงสำนึก ความหวั่นไหว
พยายามตามหา ความเข้าใจ
ที่ห่างไกลจากเธอ เสมอมา
…..
สัมผัสกลิ่นคุ้นเคยกับความเศร้า
เหลือบมองดูความเหงา เข้ามาหา
เริ่มรู้สึกเหน็บหนาวเมื่อคราวลา
เดินไปอย่างช้าช้าอย่างระมัดระวัง
…..
ลืมตาตื่นขึ้นพบแล้วจบ-จาก
สูญสิ้นความลำบาก อีกฟากฝั่ง
ยกธงแพ้แน่นิ่งอย่างจริงจัง   
เป็นบันทึกความหลัง นิรันดร
…..
มีเพียงเงาเท่านั้นเดินนำทาง
ปกคลุมร่างต่างเพื่อนไม่เหมือนก่อน
สายลมแห่งความเหงาเข้าอาทร
แตะผิวหน้าผ่าวร้อน ไม่ย้อนคืน
…..
ยังเก็บงำคำตอบไร้ขอบเขต
จากต้นสายปลายเหตุ อันขมขื่น
กับความสุข, ทุกข์, หวัง ไม่ยั่งยืน
ที่เศร้าโศกสะอื้น ฝืนรอคอย
…..
ความรู้สึกของการจากลา
ชีวิตเริ่มเชื่องช้า อ่อนล้าบ่อย
เป็นเหมือนฝุ่นละอองการล่องลอย   
เจ็บปวดอยู่ไม่น้อย จากรอยเดิม!
…..

 น้อยใจแล้วด้วย

ภาพจาก suriyothai.ac.th


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : สุนันยา, บ้านริมโขง, ♥หทัยกาญจน์♥, panthong.kh, สะเลเต, Music, รพีกาญจน์, คนกันเอง.., Prapacarn ❀, กามนิต, บูรพาท่าพระจันทร์, รัตนาวดี, กังวาน, sunthornvit, ไม่รู้ใจ, Thammada, อริญชย์, amika29, ไพร พนาวัลย์, สุวรรณ, ดาว อาชาไนย

ข้อความนี้ มี 21 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
16 ธันวาคม 2011, 12:44:AM
a moth
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 16 ธันวาคม 2011, 12:44:AM »
ชุมชนชุมชน




ฉัน, เท้าเปล่าเลาะเลียบเดินเหยียบย่าง
สัมผัสความอ้างว้างตั้งแต่เริ่ม
ลมกวาดทรายเกรี้ยวกราดคลื่นสาดเติม
ลบรอยเท้ารอยเดิมจนเริ่มเลือน
กลิ่นคาวปลาคละคลุ้งเหนือคุ้งน้ำ
ดาวประจำทิศหายฟ้าไร้เพื่อน
ความรู้สึกรินหลั่งหลังมาเยือน
บอบบางเหมือนรอยเท้าที่เบาบาง

การหวนมายังที่-ที่เคยรัก
ปวดร้าวสักเท่าไรในความห่าง
หลังการตัดสินใจใครปล่อยวาง
ออกเดินทางแล้วทิ้งทุกสิ่งไว้-
เป็นความหลัง..

เฝ้ารอจนกระทั่ง หวังไม่ได้
สับสนบนทางฝันสีควันไฟ
ทุกขณะหายใจยิ่งไกลกัน

หรือฉันต้องปรับใจให้ชาชิน
ขณะเธอโบยบินอีกถิ่นฝัน
หรือฉันต้องจากตายไปนิรันดร์
เธอจึงหันคืนกลับมารับรู้
.....

หรือเราสองต้องเป็นเส้นขนาน
ย่ำรอยเท้าก้าวผ่าน สวนกันอยู่
ต่างปกปิดตัวตน นิ่งทนดู
ยอมเป็นผู้บอบช้ำอย่างจำนน!

ฉัน, เท้าเปล่าเลาะเลียบอย่างเรียบง่าย
เสื้อพลิ้วชายหวิวเบาในเงาหม่น
ขยักน้ำตาไม่ให้เอ่อล้น
ล้มตัวบนหาดทราย..ก่อนหายมา.







ไฟล์แนบถูกแก้ไขโดยผู้ดูแลระบบ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : กามนิต, ♥หทัยกาญจน์♥, บูรพาท่าพระจันทร์, รัตนาวดี, plang, รพีกาญจน์, กังวาน, Prapacarn ❀, sunthornvit, ไม่รู้ใจ, Thammada, ภู กวินท์, อริญชย์, Music, สุนันยา, amika29, ไพร พนาวัลย์, สุวรรณ, ดาว อาชาไนย, พิมพ์วาส

ข้อความนี้ มี 20 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
16 ธันวาคม 2011, 02:11:PM
Prapacarn ❀
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1148
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,439


♥ แกร่งกล้า..ประภาคาร.. ตระหง่านตั้ง.. ณ ฝั่งคอย ♥


« ตอบ #2 เมื่อ: 16 ธันวาคม 2011, 02:11:PM »
ชุมชนชุมชน




ความรู้สึกของการจากลา   
…..
กระซิบถาม หัวใจจนรู้สึก
จากทุกห้วงสำนึก ความหวั่นไหว
พยายามตามหา ความเข้าใจ
ที่ห่างไกลจากเธอ เสมอมา
…..
สัมผัสกลิ่นคุ้นเคยกับความเศร้า
เหลือบมองดูความเหงา เข้ามาหา
เริ่มรู้สึกเหน็บหนาวเมื่อคราวลา
เดินไปอย่างช้าช้าอย่างระมัดระวัง
…..
ลืมตาตื่นขึ้นพบแล้วจบ-จาก
สูญสิ้นความลำบาก อีกฟากฝั่ง
ยกธงแพ้แน่นิ่งอย่างจริงจัง   
เป็นบันทึกความหลัง นิรันดร
…..
มีเพียงเงาเท่านั้นเดินนำทาง
ปกคลุมร่างต่างเพื่อนไม่เหมือนก่อน
สายลมแห่งความเหงาเข้าอาทร
แตะผิวหน้าผ่าวร้อน ไม่ย้อนคืน
…..
ยังเก็บงำคำตอบไร้ขอบเขต
จากต้นสายปลายเหตุ อันขมขื่น
กับความสุข, ทุกข์, หวัง ไม่ยั่งยืน
ที่เศร้าโศกสะอื้น ฝืนรอคอย
…..
ความรู้สึกของการจากลา
ชีวิตเริ่มเชื่องช้า อ่อนล้าบ่อย
เป็นเหมือนฝุ่นละอองการล่องลอย   
เจ็บปวดอยู่ไม่น้อย จากรอยเดิม!
…..

 น้อยใจแล้วด้วย

ภาพจาก suriyothai.ac.th






เมื่อปีกหมอกตอกย้ำถึงความหนาว
อยากถามดาวรู้ไหมใครหดหู่
ในเรื่องเล่ามากมายเป็นสายพรู
จนเช้าตรู่ถมดาวแอบเงาลับ

เมื่อโค้งรุ้งมุ่งตามหาความฝัน
และไหวหวั่นร้างไปไม่หวนกลับ
คืออ้อมกอดแสนหวานผ่านประทับ
ทบเกลียวกับห้วงใจไม่เคยจาง

ถึง...นักเดินทางผู้เหน็บหนาว
คงถึงคราวพบกันหลังการห่าง
ปลอบประโลมลมไหวอันไกลร้าง
ขอบฟ้ากว้างจะห่มขวัญวันพบเจอ

ฝากประกายสายตามาอ้อนออด
เด็ดดวงดาวประดับยอดเมื่อใจเผลอ
และเคยคุ้นอุ่นใจในละเมอ
พาฝันเพ้อถึงเงา...เขาคนนั้น

แซม
 อายจัง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : บูรพาท่าพระจันทร์, รพีกาญจน์, sunthornvit, ไม่รู้ใจ, Thammada, ภู กวินท์, อริญชย์, Music, สุนันยา, amika29, ไพร พนาวัลย์, สุวรรณ, คนกันเอง.., ดาว อาชาไนย

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Take my love, take my land
Take me where I cannot stand
I don't care, I'm still free
You can't take the sky from me..
16 ธันวาคม 2011, 03:32:PM
เทโพ
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 58
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 130



« ตอบ #3 เมื่อ: 16 ธันวาคม 2011, 03:32:PM »
ชุมชนชุมชน

ต้องทนทุรนทุราย  ประหนึ่งจะตาย
 มลายหายไปบัดดล
ฟ้าลิขิตชะตาคน   กลืนกล้ำจำทน
 มิเหลือร่วงโรยเรี่ยวแรง
ประหนึ่งคมมีดทิ่มแทง    จะฆ่าจะแกง
 ประหารด้วยคำอำลา
หยดหยาดที่ร่วงลงมา    ล้วนหยดน้ำตา
 ทาทาบอาบลงตรงใจ
ทรหดอดทนเพียงไหน    หากร้างห่างไกล
 ล้วนเจ็บหัวใจเกินกลืน
............
 หากว่าฟ้า ลิขิตมาให้ข้าช้ำ
ร้าวระกำ ร้ายเท่าใดจำใจฝืน
คำว่าลา ผลักข้า..ล้มทั้งยืน
จะลุกขึ้นอย่างไร .. ไม่มีแรง..
....

เทโพ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ไม่รู้ใจ, รพีกาญจน์, Thammada, ภู กวินท์, อริญชย์, Music, สุนันยา, amika29, ไพร พนาวัลย์, สุวรรณ, ♥หทัยกาญจน์♥, ดาว อาชาไนย, คนกันเอง.., บูรพาท่าพระจันทร์, Prapacarn ❀

ข้อความนี้ มี 15 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
16 ธันวาคม 2011, 09:45:PM
ภู กวินท์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 364
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 383


สนสามใบ กับใครหลายคน


« ตอบ #4 เมื่อ: 16 ธันวาคม 2011, 09:45:PM »
ชุมชนชุมชน

ต้องทนทุรนทุราย  ประหนึ่งจะตาย
 มลายหายไปบัดดล
ฟ้าลิขิตชะตาคน   กลืนกล้ำจำทน
 มิเหลือร่วงโรยเรี่ยวแรง
ประหนึ่งคมมีดทิ่มแทง    จะฆ่าจะแกง
 ประหารด้วยคำอำลา
หยดหยาดที่ร่วงลงมา    ล้วนหยดน้ำตา
 ทาทาบอาบลงตรงใจ
ทรหดอดทนเพียงไหน    หากร้างห่างไกล
 ล้วนเจ็บหัวใจเกินกลืน
............
 หากว่าฟ้า ลิขิตมาให้ข้าช้ำ
ร้าวระกำ ร้ายเท่าใดจำใจฝืน
คำว่าลา ผลักข้า..ล้มทั้งยืน
จะลุกขึ้นอย่างไร .. ไม่มีแรง..
....

เทโพ



ห่างเหินเดินหายตายจาก       มรสุมรุมฝาก
ย่อยยับอับปางร้างลา
ประจักษ์รักเศร้าเหงามา         ยอมพลีชีวา
สุดท้ายพ่ายพังดั่งลม
ความฝันวันหวานพานขม       เหงาในอารมณ์
ว้าเหว่เร่คว้างกลางใจ
คิดถึงจึงถามยามไกล              ว่าเป็นเช่นไร
ทุกข์, เศร้า เหงาชื่นคืนนี้
……………


จากวันวานพานดับไปกับโศก
วิปโยคโลกหมองครองความเหงา
เมื่อเอ่ยถามยามเย็นไม่เห็นเงา
ได้แต่เฝ้าขื่นขมระทมนัก!.


............

 เคารพรัก

ทา มะดำ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : Music, อริญชย์, สุนันยา, amika29, ไพร พนาวัลย์, สุวรรณ, คนกันเอง.., ♥หทัยกาญจน์♥, รพีกาญจน์, ดาว อาชาไนย, เทโพ, บูรพาท่าพระจันทร์, Prapacarn ❀, Thammada

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
16 ธันวาคม 2011, 09:52:PM
ภู กวินท์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 364
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 383


สนสามใบ กับใครหลายคน


« ตอบ #5 เมื่อ: 16 ธันวาคม 2011, 09:52:PM »
ชุมชนชุมชน






เมื่อปีกหมอกตอกย้ำถึงความหนาว
อยากถามดาวรู้ไหมใครหดหู่
ในเรื่องเล่ามากมายเป็นสายพรู
จนเช้าตรู่ถมดาวแอบเงาลับ

เมื่อโค้งรุ้งมุ่งตามหาความฝัน
และไหวหวั่นร้างไปไม่หวนกลับ
คืออ้อมกอดแสนหวานผ่านประทับ
ทบเกลียวกับห้วงใจไม่เคยจาง

ถึง...นักเดินทางผู้เหน็บหนาว
คงถึงคราวพบกันหลังการห่าง
ปลอบประโลมลมไหวอันไกลร้าง
ขอบฟ้ากว้างจะห่มขวัญวันพบเจอ

ฝากประกายสายตามาอ้อนออด
เด็ดดวงดาวประดับยอดเมื่อใจเผลอ
และเคยคุ้นอุ่นใจในละเมอ
พาฝันเพ้อถึงเงา...เขาคนนั้น

แซม
 อายจัง


ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ เกินไปถึง
ฝากทุกห้วงคำนึงอย่าหวาดหวั่น
ในนามของความรัก แห่งนิรันดร์
แต่งแต้มภาพความฝันของฉัน, เธอ
…..
แสงจันทร์ทอประกาย จนคลายหนาว
บันทึกเป็นเรื่องราว ดาวเสนอ
ในวันที่ร้างหลบ ไม่พบเจอ
เหมือนกับคนเพ้อเจ้อ ไม่เจอใคร
…..
นักเดินทางกลางเถื่อนไร้เพื่อนคิด
จนชีวิตหนักหน่วง สะท้านไหว
เพียงแค่ดาวสนอง ส่องอำไพ
อ่อนล้าในคืนหม่น ก็พ้นวัน
…..
เก็บประกายดาวกอดเข้าออดอ้อน
กับความฝันวันก่อน พร้อมเชื่อมั่น
เพื่อไปสู่ความหมาย ระบายจันทร์
พบและทักทายกัน อย่างคุ้นเคย
…..


 เคารพรัก

ทา มะดำ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : สุนันยา, amika29, ไพร พนาวัลย์, สุวรรณ, คนกันเอง.., Music, ♥หทัยกาญจน์♥, รพีกาญจน์, ดาว อาชาไนย, Prapacarn ❀, บูรพาท่าพระจันทร์, Thammada

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
16 ธันวาคม 2011, 10:11:PM
ภู กวินท์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 364
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 383


สนสามใบ กับใครหลายคน


« ตอบ #6 เมื่อ: 16 ธันวาคม 2011, 10:11:PM »
ชุมชนชุมชน




ฉัน, เท้าเปล่าเลาะเลียบเดินเหยียบย่าง
สัมผัสความอ้างว้างตั้งแต่เริ่ม
ลมกวาดทรายเกรี้ยวกราดคลื่นสาดเติม
ลบรอยเท้ารอยเดิมจนเริ่มเลือน
กลิ่นคาวปลาคละคลุ้งเหนือคุ้งน้ำ
ดาวประจำทิศหายฟ้าไร้เพื่อน
ความรู้สึกรินหลั่งหลังมาเยือน
บอบบางเหมือนรอยเท้าที่เบาบาง

การหวนมายังที่-ที่เคยรัก
ปวดร้าวสักเท่าไรในความห่าง
หลังการตัดสินใจใครปล่อยวาง
ออกเดินทางแล้วทิ้งทุกสิ่งไว้-
เป็นความหลัง..

เฝ้ารอจนกระทั่ง หวังไม่ได้
สับสนบนทางฝันสีควันไฟ
ทุกขณะหายใจยิ่งไกลกัน

หรือฉันต้องปรับใจให้ชาชิน
ขณะเธอโบยบินอีกถิ่นฝัน
หรือฉันต้องจากตายไปนิรันดร์
เธอจึงหันคืนกลับมารับรู้
.....

หรือเราสองต้องเป็นเส้นขนาน
ย่ำรอยเท้าก้าวผ่าน สวนกันอยู่
ต่างปกปิดตัวตน นิ่งทนดู
ยอมเป็นผู้บอบช้ำอย่างจำนน!

ฉัน, เท้าเปล่าเลาะเลียบอย่างเรียบง่าย
เสื้อพลิ้วชายหวิวเบาในเงาหม่น
ขยักน้ำตาไม่ให้เอ่อล้น
ล้มตัวบนหาดทราย..ก่อนหายมา.







ความรักบนเส้นขนาน
….
เคยเสียดายเวลาล่วงเลยผ่าน
ยึดเอาฝันวันวานมาหวนหา
คนสองคนเป็นได้ แค่ไกลตา
เจ็บปวดในอุรา ทุกนาที
สายลมพริ้วผ่านไปอย่างไม่กลับ
ต้องแบกรับความรักจนล้นปรี่
ที่ไม่อาจบรรจบพบพอดี
สิ้นไร้ความปราณี สายสัมพันธ์
…..
การที่ได้รัก ได้รู้จักกับใครสักคน
ก็สุขมากล้น บนความหวาดหวั่น
ในนามแห่งความรัก ที่มักขนานกัน
และไม่มีวัน ที่จะหันกลับมา
อยู่กับความทรงจำในชีวิต
ไม่ทันได้คาดคิด “คนแปลกหน้า”
เป็นอดีตขีดคั่น วันเวลา
ที่หายไปช้าช้า อย่างชาเย็น
…..
อาจเป็นใครคนเดิม อาจเริ่มใช่!
หรืออาจไม่ เปลี่ยนไปอย่างที่เห็น
เมื่อถึงวันสิ้นสุด จุดลำเค็ญ
บังเกิดเป็นเส้นขนาน  การร้างลา

…..
อาจดูเป็นเรื่องง่าย เดียวดายนัก
กว่าที่จะรู้จัก รักหนักหนา
แต่แล้วก็เจ็บช้ำ เสียน้ำตา
ไร้ซึ่งการกลับมา ของบางคน
…..
ความรักและใครสักคน ยังคงอยู่
บนเส้นขนานผ่านการรับรู้ และสับสน
วาดความฝันสวยงาม มาเกินทน
แล้วต้องอยู่กับตัวตน บนความจริง!
…..

 เคารพรัก

ทา มะดำ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : amika29, ไพร พนาวัลย์, สุวรรณ, คนกันเอง.., Music, ♥หทัยกาญจน์♥, รพีกาญจน์, รัตนาวดี, บูรพาท่าพระจันทร์, Thammada

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
18 ธันวาคม 2011, 06:21:AM
a moth
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2011, 06:21:AM »
ชุมชนชุมชน



ความรักบนเส้นขนาน
….
เคยเสียดายเวลาล่วงเลยผ่าน
ยึดเอาฝันวันวานมาหวนหา
คนสองคนเป็นได้ แค่ไกลตา
เจ็บปวดในอุรา ทุกนาที
สายลมพริ้วผ่านไปอย่างไม่กลับ
ต้องแบกรับความรักจนล้นปรี่
ที่ไม่อาจบรรจบพบพอดี
สิ้นไร้ความปราณี สายสัมพันธ์
…..
การที่ได้รัก ได้รู้จักกับใครสักคน
ก็สุขมากล้น บนความหวาดหวั่น
ในนามแห่งความรัก ที่มักขนานกัน
และไม่มีวัน ที่จะหันกลับมา
อยู่กับความทรงจำในชีวิต
ไม่ทันได้คาดคิด “คนแปลกหน้า”
เป็นอดีตขีดคั่น วันเวลา
ที่หายไปช้าช้า อย่างชาเย็น
…..
อาจเป็นใครคนเดิม อาจเริ่มใช่!
หรืออาจไม่ เปลี่ยนไปอย่างที่เห็น
เมื่อถึงวันสิ้นสุด จุดลำเค็ญ
บังเกิดเป็นเส้นขนาน  การร้างลา

…..
อาจดูเป็นเรื่องง่าย เดียวดายนัก
กว่าที่จะรู้จัก รักหนักหนา
แต่แล้วก็เจ็บช้ำ เสียน้ำตา
ไร้ซึ่งการกลับมา ของบางคน
…..
ความรักและใครสักคน ยังคงอยู่
บนเส้นขนานผ่านการรับรู้ และสับสน
วาดความฝันสวยงาม มาเกินทน
แล้วต้องอยู่กับตัวตน บนความจริง!
…..

 เคารพรัก

ทา มะดำ


ความรักกับความจริง



เคยหรือไม่?
สภาวะแปลกไร้ไปทุกสิ่ง
สะดุ้งตื่นขึ้นตามหาความจริง
พบว่าวิ่งวนหลงในวงกลม
เอ่ยคำถามร้อยแปดกับแดดจ้า
ดึกน้ำตาดอกเดิมเพิ่มผสม
ไร้สาระรำพันฝันลม-ลม
หน้าชื่นแต่อกตรมขมชีวิต
หวานละมุนคุ้นเคยเป็นเฉยชา
ล่วงเวลายิ่งร่วงร้าวดวงจิต
คล้าย-คล้ายกับเกือบตายไปทีละนิด
เคยไหมมิตรคนดีเคยกี่ครั้ง
....

อาจเพราะคุ้นอุ่นไอในแดดอ่อน
อาบไล้ความอาทรอีกค่อนฝั่ง
ผ่านฤดูสู่ฤดีที่คงยัง-
เวียนว่ายในความหวังตั้งมากมาย
ว่า – เพลงเศร้า,เหงา,ฝัน พระจันทร์หม่น
จะปะปนครู่คราว คราวแดดฉาย-
ริ้วเพลิงทองก่องเม็ดเก็จประกาย
จักระบายสวนหมอกเป็นดอกไม้
สักครู่หนึ่งพืชผักจักเติบต้น
ให้มือปลูกได้ยลดอกผลใหม่
อาจ.กมุท.ผุด.น้ำงามวิไล
จากบ่อโดยมือใครถวายพระ

และกระดิ่งหน้าบ้านอาจขานรับ
วางมือจับจากครัวชั่วขณะ
การมาเยือนเพื่อนเก่าเล่าภาระ
หรืออาจจะเพียงแต่...แค่ลมพัด
พบตนยังแบกร่างอยู่กลางดึก
วูบขณะหลับลึกเพราะดึกจัด
เงากระจกเดียวดายยิ่งฉายชัด
ลมโฉบงัดหน้าต่างดังตึง-ตึง
เพียงแสงไฟในห้องส่องสลัว
รอบรอบตัวราตรีคลี่ม่านขึง
เห็นตะแบกกลีบเบาเฝ้ารำพึง
ไร้เงาซึ่งฝีเท้าก้าวมาเยือน
ภาพการสนทนาชราภาพ
แผ่วกระซาบว้าเหว่เร่ทางเถื่อน
ทิ้งสมุดดินสอเคยกรอเดือน
ลากรอยเปื้อนทิ้งท้ายให้คำนึง

กลายเป็น “คนแปลกหน้า” มาทวงถาม
วิ่งไล่ตามชีวิตที่คิดถึง
ให้หัวใจโหยหาได้ตราตรึง
แค่เพียงหนึ่งนาทีก็ดีนัก.




ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตนาวดี, รพีกาญจน์, บูรพาท่าพระจันทร์, อริญชย์, ภู กวินท์, Thammada, plang, Music, พิมพ์วาส

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s